ดังนั้น คำว่า "ฮาโลวีน" หรือ " Halloween" น่าจะเพี้ยนมาจาก " All Hallows Eve" คือ คืนก่อนวัน " All Hallows Day" หรือ " All Saint's Day" (วันที่ 1 พฤศจิกายน) ซึ่งเป็นวันที่คาทอลิกปฏิบัติศาสนกิจเพื่อระลึกถึงนักบุญต่างๆ นั่นเอง
.
.
ช่วงศตวรรษที่ 14-15 เป็นช่วงเวลาที่กาฬโรคระบาดไปทั่วยุโรป ส่งผลให้ประชากรตายไปกว่าครึ่ง แต่ช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากเช่นนี้ กลับกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานชุด "ระบำแห่งความตาย" หรือ Dance of Death or The Dance Macabre ออกมาในรูปแบบต่างๆ เช่น ภาพวาดข้างกำแพงสุสานที่เป็นรูปปีศาจเดินนำฝูงชนที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ไปยังหลุมฝังศพ บางท้องถิ่นก็มีการแต่งกายคล้ายกับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วเพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิตจากโรคร้าย
แต่กระนั้น ทั้งๆ ที่ถูกหลอกจนกระอัก ซาตานก็ยังเวทนาโยนถ่านที่ยังไม่มอดให้กับแจ็ค 1 ก้อน ไว้ส่องทาง เพื่อรักษาถ่านให้ส่องสว่างอยู่นานที่สุด ผีนายแจ็คก็ได้แกะหัวเทอร์นิปให้เป็นรู และใส่ก้อนถ่านลงไป แล้วผีแจ็คกับตะเกียงเทอร์นิปก็ล่องลอยไปตามที่ต่างๆ ซึ่งคนไอริชเรียกผีแจ็คกับตะเกียงว่า Jack of Lantern ภายหลังได้เพี้ยนเป็น Jack O' Lantern
บ้างก็ว่ามาจากยุคกลางของยุโรป ที่เหล่าคริสเตียนจะเดินทางไปตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อขอขนม ในวัน All Saint's Day โดยสัญญาว่าจะสวดมนต์ให้กับญาติที่เสียชีวิตของผู้ให้ทานนั้น
Thank you very much for details that you wrote about the halloween night na ka. Honestly, I did not know much details before, the history of this night. Until I read from this page of your blog. Like you have said, it does not matter what's the history of this night. But one thing we can be sure is everybody have fun. Especially for kids that the halloween is a special night for them. In that night, my girl did not want to back home from the trick or treat trip, even it's raining night in our area, but she did not care about the rain. The only thing she was care about is "collecting the candies"...ei ei ei.
Thanks again na ka, the reason I come to read you blog often (mostly just reading) because you have alot interesting stories and some knowledge in your blog.
ถ้าเจอ ดิฉันลบเรียบ