1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30
SPOOKY HALLOWEEN : คืนนี้..ผีลืมหลุม
. . -1- อาทิตย์ลับดวงไปแต่ย่ำเย็น หลบฉากให้จันทร์เสี้ยวสลดแสงค่อยแย้มสีซีดเซียวขึ้นมาเกี่ยวดวงแอบมุมม่านกำมะหยี่สีดำที่โอบห่มผืนฟ้า ลมหนาวปลายเดือนตุลาคมกรรโชกพัดหวู่หวิว แหบโหยครวญครางกับกิ่งก้านไร้ใบที่โยกตัวไปมาตามแรงลม ไกวเงาตะคุ่มๆ ทาบทอพร่างพรายบนพื้นหญ้าซีดจาง นกเค้าแมวคูเสียงเครือโฉบกระพือวูบเป็นเงาดำตัดผ่านต้นเมเปิ้ล ลมโชยมาอีกระลอกพัดหญ้าเอนไหวซู่ผสานเสียงแผ่วพร่าพึมพำกระซิบของแมลงกลางคืน ท่ามความหม่นสลัวของหมอกชื้นที่เริ่มคลี่คลุมทั่วอาณาบริเวณ . . ร่างขาวโพลนร่างหนึ่งโผล่มาอย่างเงียบๆ ดูเลือนลางลอยเลื่อนฝ่าสายหมอกมาตามทางเท้าราดซีเมนต์แคบๆ ใกล้เข้ามาทุกขณะ พลันมาหยุดยืนหน้าบ้านที่ประดับโคมรูปฟักทองแกะสลักแสยะยิ้มน่าสะพรึงด้วยแสงวูบวับของเปลวเทียนภายใน เหมือนประหนึ่งแสดงความยินดีกับการสิ้นสุดแห่งชีวิตและการกลับมาของวิญญาณ . . นี่คือ สัญลักษณ์แห่งการต้อนรับการกลับมาอีกครั้งของชีวิตหลังความตาย และคืนนี้ เป็นคืนที่วิญญาณทุกดวงจะลุกจากหลุมศพ เพื่อเสาะหาร่างมนุษย์สิงสู่ เพื่อกลับคืนสู่ชีวิตอีกครั้งหนึ่ง เพราะคืนนี้ เป็นคืนเดียวในรอบปีที่วิญญาณของคนเป็นและคนตายจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน . . เจ้าของร่างสะท้านเยือกเป็นครั้งสุดท้าย เดินฝ่าไอหมอกหนาวชื้นเข้าไป ทีละก้าว ทีละก้าว แล้วตัดสินใจเด็ดขาด เคาะประตูหน้าบ้าน . . Trick or treat?" Treat ! . . เสียงตอบดังมาก่อนที่ เจ้าของเสียงจะเดินมาเปิดประตู เจ้าบ้านยืนยิ้มแฉ่งใต้หน้ากากผี กวัดแกว่งห่อลูกอมในมือไปมา พลางยื่นขนมเต็มกำมือให้เจ้าผีตัวขาวหน้าบ้าน . . Happy Halloween ! . . -2- เพราะคืนนี้เป็นค่ำคืนแห่งฮาโลวีน เกือบทุกบ้านในอเมริกาที่รักการเล่นสนุกและการแจกขนมเด็ก จึงประดับประดาบ้านเรือนให้สยองขวัญที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเฉลิมฉลองราตรีปีศาจนี้กันอย่างเต็มที่ . . หากพร้อมเล่นสนุกในเทศกาลนี้ เจ้าของบ้านจะต้องเปิดไฟไว้เป็นสัญลักษณ์หรือไม่ก็ตกแต่งหน้าบ้านด้วยโคมฟักทองแกะสลัก ซึ่งใส่เทียนไขไว้ข้างใน ที่เรียกกันว่า Jack O Lantern เพราะในช่วงค่ำจะมีผีน้อยผีใหญ่แวะมาเยือนบ้านไม่ขาดสาย พร้อมตะโกน Trick or treat . . แน่นอนว่า เรื่องบันเทิงแบบนี้ ฉันและผู้ชายสามัญประจำบ้านไม่เคยพลาดแม้แต่ปีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรามีหน้ากากตาโปน เขี้ยวหมูป่า ขนาดมโหฬารแกมรุงรังของอินโดนีเซียที่เรียกว่า Rangda มาใส่หลอกเด็กๆ ทุกปี ส่วนฉันมีหน้ากากไม้สีแสบตาน่าสะพรึงกลัวของศรีลังกาไว้หลอกเด็กเป็นคู่สยองขวัญชวนเผ่นแน่บไม่เหลียวหลัง . . จริงๆ แล้ว หน้ากากสองชิ้นนี้ เป็นของสะสมส่วนตัวที่เก็บดองไว้นานสิบห้าปีแล้ว สมัยเดินทางไปทำงานข่าวที่นั่นที่นี่ แต่เพราะเรานึกสนุกเลยเอามาใส่เล่นในคืนฮาโลวีน และได้ผลทุกครั้งในการเรียกเสียงกริ๊ดจากเด็กๆ ทำให้คนแก่ๆ สองคนได้ใจ เลยใส่หน้ากากสองอันนี้เรื่อยมาทุกปี . . อีกอย่างที่น่าสนุกคือ เราตระเตรียมขนมแสบๆ คันๆ ลิ้นเอาไว้ตั้งแต่ต้นเดือน เช่น ลูกอมเปรี้ยวกระฉูด , ช็อคโกแลตลูกตา , แหวนอมยิ้มรูปหัวกะโหลก หรือขนมตึ๋งหนืดชิ้นส่วนมนุษย์ ไว้ถุงใหญ่ประมาณถุงของขวัญของลุงซานตาคลอสนั่นเชียว แต่ข้างในรับรองได้ว่า มีแต่ขนมพิลึกกึกกือที่เราสรรหามาอย่างดี ไว้รอรับมือกับฝูงผีตัวเล็กเด็กแถวบ้าน . . ในอเมริกา ประเพณีนี้ถือเป็นการละเล่นอย่างหนึ่งของเด็กๆ ที่เฝ้ารอคอยดูว่า บ้านไหนมีโคมฟักทองหรือไม่ก็ตกแต่งบ้านชวนขนหัวลุก รวมทั้งมีหุ่นฟางประดับหน้าบ้านบ้าง เพราะถือเป็นสัญญาณว่า บ้านนั้นเต็มใจต้อนรับให้เข้าไปขอขนม . . การประดับประดาหน้าบ้านด้วยหุ่นฟางและฟักทองนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของ เทศกาลประเพณีเก็บเกี่ยวด้วยเช่นกัน ถือเป็นสัญลักษณ์การสิ้นสุดของฤดูร้อน พร้อมจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว หากจะทำตามธรรมเนียมปฏิบัติจริงๆ ขนมหลักที่นำมาแจกเด็กๆ จะเป็นขนมรูปเม็ดข้าวโพดสีขาวเหลืองหรือเหลืองส้มที่เรียกว่า Corn Candy รสหวานแสบไส้ กินทีไร แสบลิ้นทุกที . . พอเหล่าตัวแสบมาถึงบ้านที่หมายตาไว้แล้ว ก็จะถามว่า Trick or treat? ส่วนเจ้าของบ้านจะก็จะตอบว่า Treat พร้อมแจกขนมหวานให้เหล่าภูติน้อย แต่ถ้าเราเลือกตอบว่า Trick นั่นหมายถึง เราท้าทายให้ผีน้อยอาละวาดแลบลิ้นปลิ้นตารวมทั้งอาจยกฟักทองหน้าบ้านทุ่มโครมแหลกเละ . . ส่วนมากแล้ว เจ้าของบ้านมักจะตอบว่า treat ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้กลัวผีแต่อย่างใด แต่บ้านที่แจกขนมมักจะมีปาร์ตี้ขี้เมาหลังแจกขนมเด็ก สู้แจกไปไวๆ ซะดีกว่า จะได้ถึงรอบขี้เมารำวงซะที เช่นบ้านฉัน พอแจกขนมหมดแล้วก็ปิดไฟหน้าบ้าน เป็นสัญญาณว่า เลิกเล่นแล้ว ห้ามเคาะประตูเรียก จากนั้นก็โทรตามเพื่อนฝรั่งที่ยังหลงผิดคบหาพวกเราอยู่ให้เหน็บขวดน้ำเปลี่ยนนิสัยมาฉลองฮาโลวีนกันที่บ้านต่อ เป็นอันเสร็จพิธีการฉลองฮาโลวีนในแบบของเมรีเมรัยออฟไทยแลนด์อย่างสมบูรณ์แบบ . . -3- เรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาลฮาโลวีนมีอยู่หลายตำนาน แต่เท่าที่พอสรุปได้คือ เทศกาลนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว . . ในสมัยก่อนคริสตกาล วันที่ 31 ตุลาคม เป็นวันที่ชาว Celt ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในไอร์แลนด์ ถือเป็นวันสิ้นสุดฤดูร้อน และในวันรุ่งขึ้นคือ วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งเชื่อกันว่า วันที่ 31 ตุลาคมนี้ คือ วันที่เชื่อมมิติระหว่างคนเป็นและคนตาย วิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมาจะเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อสิงสู่ กลับคืนสู่ความมีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง . . . บางตำนานอ้างถึงว่าฮาโลวีนเป็นเทศกาล บูชาเทพเจ้า แห่งความตาย ก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาว โดยมีการบวงสรวงด้วยการนำเหล้าและอาหารออกมาวางนอกบ้าน เพื่อให้เทพเจ้าแห่งความตายได้ดื่มกิน . . ส่วนในวันที่ 31 ตุลาคม เป็นวันปล่อยผี ซึ่งวิญญาณจะกลับมายังโลก เพื่อเข้าสิงร่างของคนที่มีชีวิตอยู่ ชาวบ้านที่กลัวว่าจะถูกวิญญาณเข้าสิง ก็จะดับไฟเตาผิงในบ้าน เป็นการหลอกผี เพราะสมัยก่อน ไม่มีฮีตเตอร์ บ้านในเมืองหนาว มักใช้เตาผิงในการเพิ่มความอบอุ่นภายใน เชื่อกันว่า เมื่อไฟดับลง ทั้งบ้านจะเย็นยะเยือก ทำให้วิญญาณไม่อยากย่างกรายเข้ามา . . จากนั้น ชาวบ้าน ก็จะออกไปรวมตัวกันก่อกองไฟ พร้อมทั้ง แต่งตัวให้เหมือนผี รวมตัวกันส่งเสียงร้องไปรอบๆ หมู่บ้าน เพื่อให้วิญญาณเข้าใจผิดว่าเป็นพวกเดียวกัน บางครั้งมีการใช้ความรุนแรงถึงขั้นเผาผู้ต้องสงสัยว่าถูกวิญญาณเข้าสิง แต่เมื่อชาวโรมันรับธรรมเนียมนี้มาปฏิบัติ ก็เปลี่ยนมาเป็นการเผาหุ่นแทน . . ในปีค.ศ. 731 สมัยพระสันตะปาปาเกรโกรี่ที่ 3 ได้กำหนดให้ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมมันคาทอลิกเฉลิมฉลองให้เหล่านักบุญ ( All Hallow Eve) ในวันที่ 1 พฤศจิกายน แทนวันที่ 13 พฤศจิกายน เพื่ออุทิศวันนี้ให้แก่สำนักของเหล่านักบุญทั้งหลาย อันเป็นสำนักย่อยในพระมหาวิหารเปโตรในกรุงโรมนั่นเอง . . ในค.ศ.998 นักบุญโอดิโล อธิการอาราม แห่งคลุนนี่ ประเทศฝรั่งเศสได้เพิ่มวันที่ 2 พฤศจิกายนเข้าไปอีก 1 วัน เพื่อเป็นวันที่ระลึกให้แก่วิญญาณผู้ล่วงลับ ต่อมาชาวคาทอลิกในไอร์แลนด์มีความคิดว่า เมื่อมีการฉลองให้แก่เหล่านักบุญและวิญญาณที่ล่วงลับแล้ว วิญญาณที่เหลืออาจจะล่องลอยวนเวียนอยู่ในนรก ดังนั้น ชาวไอริชจึงเริ่มธรรมเนียมการตีกระทะและหม้อในตอนเย็นของวันก่อนวันฉลองเหล่านักบุญทั้งหลาย คือ วันที่ 31 ตุลาคม เพื่อให้ดวงวิญญาณร่อนเร่รับรู้ . . ดังนั้น คำว่า "ฮาโลวีน" หรือ " Halloween" น่าจะเพี้ยนมาจาก " All Hallows Eve" คือ คืนก่อนวัน " All Hallows Day" หรือ " All Saint's Day" (วันที่ 1 พฤศจิกายน) ซึ่งเป็นวันที่คาทอลิกปฏิบัติศาสนกิจเพื่อระลึกถึงนักบุญต่างๆ นั่นเอง . . ช่วงศตวรรษที่ 14-15 เป็นช่วงเวลาที่กาฬโรคระบาดไปทั่วยุโรป ส่งผลให้ประชากรตายไปกว่าครึ่ง แต่ช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากเช่นนี้ กลับกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานชุด "ระบำแห่งความตาย" หรือ Dance of Death or The Dance Macabre ออกมาในรูปแบบต่างๆ เช่น ภาพวาดข้างกำแพงสุสานที่เป็นรูปปีศาจเดินนำฝูงชนที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ไปยังหลุมฝังศพ บางท้องถิ่นก็มีการแต่งกายคล้ายกับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วเพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิตจากโรคร้าย ตำนานฮาโลวีนต่อเนื่องยาวนานมาถึงปี ค.ศ. 1605 มีตำนานเล่าว่า มีชาวอังกฤษคนหนึ่งเป็นสมาชิกของผู้ต่อต้านกลุ่มคาทอลิก ในสมัยพระเจ้าเจมส์ที่ 1 และนายคนนี้มีหน้าที่ดูแลคลังดินปืนที่จะนำไปวางระเบิดรัฐสภาอังกฤษ แต่เนื่องจากทำงานไม่รอบคอบ เลบถูกจับได้ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 1605 จากนั้น ก็ถูกตัดสินให้รับโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ . จากนั้นก็มีพวกที่รักสนุกสวมหน้ากากผีไปเคาะประตูบ้านพวกคาทอลิก เพื่อขอขนมเค้กกับเบียร์มาดื่มกิน จนแม้ชาวอังกฤษส่วนหนึ่งอพยพมายังอเมริกา ก็นำธรรมเนียมนี้มาด้วย โดยปรับให้มีความสนุกสนานมากขึ้น อีกทั้งปรับเวลาการเล่นให้เร็วขึ้น จากวันที่ 5 พฤศจิกายน เป็นวันที่ 31 ตุลาคม . . เรื่องราวตำนานทั้งหลายของฮาโลวีนนี้ เมื่อประชากรจากยุโรปอพยพโยกย้ายมาสู่อเมริกา จึงนำธรรมเนียมต่างๆ ติดมาด้วย โดยผสมผสานธรรมเนียมและความเชื่อต่างๆ จากแผ่นดินยุโรปจนกลายมาเป็นวันฮาโลวีนแบบอเมริกา . . นั่นคือ ผู้คนจะออกมาแต่งตัวเป็นผีและวิญญาณต่างๆ ในวันก่อนฉลองเหล่านักบุญ ซึ่งก็คือ วันที่ 31 ตุลาคมนั่นเอง ธรรมเนียมอีกอย่างนอกเหนือจากการแต่งตัวเป็นผีก็คือ การไปเคาะประตูบ้านชาวบ้าน แล้วทักทายว่า " Trick or Treat?" . สัญลักษณ์ของวันฮาโลวีนอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ โคมไฟฟักทอง หรือ Jack O Lantern มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมานานของชาวไอริชว่า แจ็คเป็นจอมตืด ขี้โกง แถมขี้เมา เมื่อถึงวันที่แจ็คต้องตาย ซึ่งวันนั้นตรงกับวันฮาโลวีนพอดี ซาตานจึงเดินทางมารับวิญญาณแจ็คไปนรก แต่ขณะนั้นพ่อยอดชายแจ็คกำลังสำราญกับการกรึ่มเหล้าอยู่ จึงร้องบอกซาตานว่า เมื่อดื่มด่ำร่ำเมรัยจนได้ที่แล้ว ก็จะยอมไปลงนรกกับซาตาน . . แต่ครั้นพอเมาได้ที่ก็ออกอุบายหลอกล่อว่าถ้าซาตานมีอิทธิฤทธิ์จริง ก็ให้ลองแปลงร่างเป็นเหรียญให้ดูหน่อย ซาตานหลงเชื่อ รับคำท้าของแจ็ค แต่เมื่อซาตานแปลงร่างเป็นเหรียญแล้ว ตาแจ็คก็จัดการเก็บเหรียญใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อซึ่งอยู่ติดกับไม้กางเขนเพื่อไม่ให้ซาตานกลับมาเป็นร่างเดิม . . ต่อมาแจ็คได้ยื่นข้อเสนอกับซาตานว่า หากอยากกลับมาสู่ร่างเดิม จะต้องสัญญาว่า จะไม่มายุ่งเกี่ยวกับตนอีก เป็นเวลา 1 ปี ซาตานกัดฟันกรอด เพราะไหนๆ ก็เสียค่าโง่ให้แจ็คไปแล้ว เลยจำใจเลยตามเลย . . หนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ซาตานก็กลับมาหาแจ็คอีกครั้ง แต่คราวนี้ แจ็คออกอุบายหลอกอีกว่า ให้ซาตานปีนต้นไม้ไปเก็บผลไม้ให้หน่อย เมื่อซาตานจอมซื่อบื่อปีนขึ้นไป ยอดชายนายแจ็คก็จัดการแกะสลักเปลือกไม้เป็นรูปไม้กางเขน ทำให้ซาตานไม่สามารถปีนลงมาได้ แล้วแจ็คก็ยื่นเงื่อนไขว่า ถ้าซาตานอยากลงจากต้นไม้ จะต้องสัญญาว่าภายใน 10 ปีจะไม่มาเอาวิญญาณของตน ซึ่งซาตานก็จำต้องตกลงให้คำมั่นสัญญาอีกจนได้ พร้อมแอบซดน้ำใบบัวบกด้วยความแค้นที่โดนหลอกเป็นหนที่สอง . . แต่ในที่สุด แจ็คก็ไม่สามารถหนีพ้นไปจากความตายได้ แต่เมื่อสิ้นใจ กลับไม่มีที่ไปเพราะ สวรรค์ไม่ต้อนรับแจ็ค เนื่องจากเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย ส่วนนรกก็ไม่ต้องการ เพราะดันหลอกซาตานเอาไว้ถึงสองครั้งสองครา สุดท้าย แจ็คเลยกลายเป็นผีเร่ร่อนอยู่ในความมืดมิดเพียงลำพัง . . แต่กระนั้น ทั้งๆ ที่ถูกหลอกจนกระอัก ซาตานก็ยังเวทนาโยนถ่านที่ยังไม่มอดให้กับแจ็ค 1 ก้อน ไว้ส่องทาง เพื่อรักษาถ่านให้ส่องสว่างอยู่นานที่สุด ผีนายแจ็คก็ได้แกะหัวเทอร์นิปให้เป็นรู และใส่ก้อนถ่านลงไป แล้วผีแจ็คกับตะเกียงเทอร์นิปก็ล่องลอยไปตามที่ต่างๆ ซึ่งคนไอริชเรียกผีแจ็คกับตะเกียงว่า Jack of Lantern ภายหลังได้เพี้ยนเป็น Jack O' Lantern . . เมื่อชาวไอริชอพยพไปอยู่อเมริกา ก็นำธรรมเนียมนี้ติดไปด้วย แต่ที่อเมริกานั้น ช่วงปลายตุลาคม เป็นช่วงเก็บเกี่ยวฟักทองพอดี ผู้คนจึงเปลี่ยนจาก การแกะสลักเทอร์นิปมาเป็นฟักทองแทน ส่วนประวัติความเป็นมาของการเล่น Trick or Treat นั้น ยังสรุปไม่ได้ว่ามีที่มาจากไหน บ้างก็ว่ามาจากพวกเซลติก ที่ในเทศกาล Samhain คือ ช่วงระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงแห่งการเก็บเกี่ยวพืชผล และถือเป็นวันปีใหม่ ผู้คนจะออกไปเคาะประตูตามบ้านเพื่อขออาหาร . บ้างก็ว่ามาจากยุคกลางของยุโรป ที่เหล่าคริสเตียนจะเดินทางไปตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อขอขนม ในวัน All Saint's Day โดยสัญญาว่าจะสวดมนต์ให้กับญาติที่เสียชีวิตของผู้ให้ทานนั้น . . ส่วนการเล่น Trick or treat ในอเมริกา คาดว่ามีที่มาจากพิธีสวดให้วิญญาณในช่วงต้นคริสตวรรษ โดยชาวคริสต์จะตื่นแต่เช้าในวันนั้น และเดินขอ "soul cakes" ที่ทำจากขนมปังลูกเกดสี่เหลี่ยม ยิ่งได้ขนมดังกล่าวมากเท่า ผู้ขอก็จะสวดมนต์ภาวนาให้ญาติที่เสียชีวิตของผู้บริจาคขนมให้มากขึ้นเท่านั้น . . ไม่ว่าเทศกาลฮาโลวีนจะมีตำนานมาจากแหล่งใดบ้างก็ตาม แต่ที่แน่นอนที่สุดคือ ถือเป็นวันแห่งความสนุกสนานก่อนฤดูหนาวอันยาวนานจะมาเยือน เป็นเทศกาลที่เด็กๆ ตั้งตารอ และผู้ใหญ่ต่างบันเทิงเริงใจ ยกเว้นพวกเคร่งศาสนาจัดเท่านั้นที่ค่อนแคะว่า เป็นเทศกาลของซาตาน นั่นเป็นเรื่องของความเชื่อ และแต่ละคนก็มีความเชื่อหลากหลายออกไป เรื่องศรัทธาและความเชื่อนั้น ไม่มีผิดถูก . . แต่สำหรับฉันแล้ว เมื่อไหร่ที่ได้กลิ่นความสนุก ฉันก็มักจะลอยไปตามกลิ่นนั้นเสมออย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ เพราะเปล่าประโยชน์ที่จะล่ามโซ่ลูกลิงในหัวใจ นอกจากปล่อยตนให้เริงใจไปกับวิถีแห่งงานเฉลิมฉลอง . -4- จันทร์เสี้ยวลับลาไปนานแล้ว ทิ้งไว้เพียงแสงหรุ่บหรู่ของหมู่ดาวปลายฟ้า ลำแสงสีขาวเรื่อเรืองทาบทอขอบฟ้ารำไร ลมหนาวโชยพลิ้วหอบกลิ่นหอมละมุนละไมของรุ่งสางมาจางๆ ฝูงผีที่ออกอาละวาดแต่หัวค่ำต่างกลับบ้านไปด้วยเสียงหัวเราะร่าเริงพร้อมขนมถุงใหญ่ . . หนึ่งฤดูกาลผันผ่านไปอีกครา ลมหนาวพัดมาอีกระลอก ปลิดเอาใบเมเปิ้ลแดงฉานราวหยดเลือดใบสุดท้ายแห่งปีร่วงคว้างไปตามแรงลม รอคอยการผลิบานอีกครั้งของดอกหิมะ ก่อนป่นเปื่อยกลายเป็นหนึ่งเดียวกับธุลีดินตีพิมพ์ครั้งแรก : นิตยสาร "หัวใจเดียวกัน" ปีที่ 1 ฉบับที่ 8 , 2552
Create Date : 02 พฤศจิกายน 2552
10 comments
Last Update : 9 ธันวาคม 2552 22:45:38 น.
Counter : 1508 Pageviews.
โดย: JC2002 3 พฤศจิกายน 2552 1:10:45 น.
โดย: เทียนสี IP: 80.225.148.21 4 พฤศจิกายน 2552 5:43:03 น.
โดย: กาแฟสอง 28 พฤศจิกายน 2552 4:22:59 น.
โดย: teansri 28 พฤศจิกายน 2552 19:34:55 น.
โดย: teansri 21 ธันวาคม 2552 23:53:35 น.
โดย: teansri 12 พฤษภาคม 2553 22:30:19 น.
โดย: Tristy 25 พฤษภาคม 2553 0:37:28 น.
โดย: ตา IP: 65.19.94.108 26 พฤษภาคม 2553 18:59:59 น.
โดย: เทียนสี (teansri ) 31 พฤษภาคม 2553 16:20:00 น.
Location :
Indiana United States
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
**งานเขียนทุกชิ้นที่ปรากฏในเวบไซต์นี้ เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบทประพันธ์นั้นๆ แต่เพียงผู้เดียว ห้ามกระทำการดัดแปลง แก้ไข หรือแอบอ้างไปเป็นผลงานของตน โดยไม่มีการอ้างถึงเจ้าของลิขสิทธิ์ หากผู้ใดมีความประสงค์ จะนำข้อมูลดังกล่าวออกเผยแพร่ ตีพิมพ์ หรือนำไปใช้เพื่อประโยชน์อื่นใด โปรดติดต่อเจ้าของบทประพันธ์โดยตรง** สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด "เจริญขวัญ" (kala_mydog)
ถ้าเจอ ดิฉันลบเรียบ