ร่างเล็กของเด็กหนุ่มเดินเตะฝุ่นตามร่างสูงสง่าของเจ้าชายในคราบสามัญชน โดยมีคนสนิทราเชนทร์คุมเชิงท้ายขบวน มาถึงร้านอาหารร้านเดิมที่พระองค์เพิ่งใช้บริการมาเมื่อครู่ เด็กหนุ่มถลาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวแรกที่ใกล้ที่สุด ร้องสั่งอาหารเสียงดังลั่นเอามายานาสองชาม เอาปลาเส้นเยอะๆ ไม่เอาผักทั้งหมดทั้งมวล เร็วๆ เลยนะ หิวไส้จะขาดอยู่แล้ว ขืนช้า ข้าจะกินแกแทนนะเจ้าอ้วนศวัสธรส่ายหนากับอาการห่ามๆ ที่เจ้าเด็กแสบแสดงใส่เด็กในร้านอาหาร ส่วนราเชนทร์ถอนใจเฮือกก่อนจะเดินออกไปคุมเชิงอยู่หน้าร้านทำไมคนหน้าดุไม่เข้ามา ล่ะราเชนทร์ก็เป็นอย่างนี้แหละ อย่าไปถือสา แล้วก็อย่าไปกวนประสาทให้มากนัก เขาเป็นคนจริงจัง ไม่ชอบทำอะไรเล่นๆ แล้วก็ไม่ชอบให้ใครมาแหย่เล่นเหรอ น่ากลัวเนอะ ฮ่าๆ เด็กหนุ่มทำหน้าล้อเลียน หัวเราะเสียงดังลั่น แล้วแก...เอ๊ย ท่านล่ะ แหย่เล่นได้รึเปล่าคิดว่าได้หรือเปล่าล่ะ ศวัสธรไม่รับสั่งตอบ หากทรงตั้งคำถามกลับ พระพักตร์เรียบเฉย ดวงพระเนตรคมกริบมองลึกลงไปในดวงตาของอีกฝ่าย คนตัวเล็กรู้สึกร้อนวูบ ดวงตาคู่นี้ช่างมีอำนาจนัก เด็กมอมแมมหลุบตาลงต่ำ เอามือลูบท้องพลางบ่นอุบอิบได้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ตอนนี้หิวมากใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ได้กิน เอ้า นี่ เอาไปรองท้องก่อน พระองค์ทรงเลื่อนโถแก้วทรงสี่เหลี่ยมใบเขื่องซึ่งมีฝาปิดกันฝุ่นอย่างดี ข้างในเป็นขนมแป้งทอดชิ้นเล็กๆ ซึ่งทางร้านจัดไว้เพื่อให้ลูกค้ารับประทานคั่นเวลา มือเล็กเรียวที่ทั้งดำทั้งเปรอะเปื้อนกำลังจะเอื้อมไปเปิดฝาโถ แต่ก็ถูกมือใหญ่ฟาดเผียะเข้าให้โอ๊ย ไอ้บ้า มาดีข้าทะ... เจ้าตัวเปี๊ยกพูดไม่ทันจบประโยคก็พบกับสายตาดุโหดกับรังสีอำมหิตที่ส่งมาแบบเต็มๆ จนไม่กล้าจะพูดต่อดูมือเจ้าสิ สกปรกแค่ไหน ไปล้างเดี๋ยวนี้ แล้วก็ห้ามพูดคำหยาบกับเราอีก เข้าใจไหมชิ เด็กเปี๊ยกแบะปาก แต่ก็ยอมลุกไปล้างมือที่อ่างน้ำด้านหน้าห้องน้ำซึ่งอยู่ไม่ห่างจากร้านเท่าไรนัก เดินกลับมาถึงก็ยื่นมือจะเปิดฝาโถแก้ว แต่เสียงดุก็ดังขึ้นมาอีกเช็ดมือก่อนแล้วผ้าผืนเล็กก็ถูกยื่นมาตรงหน้า คนตัวเปี๊ยกคว้ามันมาเช็ดมืออย่างลวกๆ ด้วยความไม่พอใจที่ถูกบังคับกรรมวิธีเยอะเหลือเกิน กินได้หรือยังเนี่ยใครไปอุดปากเจ้าไว้ล่ะคำตอบนั้นทำให้คนถามค้อนขวับ ศวัสธรเบิกพระเนตรด้วยความฉงน แต่ก็ทรงเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้รับสั่งอะไรออกมา ทรงทอดพระเนตรคนตัวเล็กหยิบขนมใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ ท่าทางบ่งบอกว่าเอร็ดอร่อยเหลือจะกล่าว เมื่อเด็กร่างอ้วนยกยาดานามาเสิร์ฟ เด็กหนุ่มก็รีบคว้าชามในมือเด็กเสิร์ฟมาถือไว้นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับด้วยความพอใจ แล้วลงมือรับประทานอย่างหิวโหย ทำราวกับไม่ได้ลิ้มรสอาหารอันโอชะมานานนับปีค่อยๆ ก็ได้ เดี๋ยวติดคอตายได้ไงล่ะ ของเค้าอร่อยก็ต้องทำให้รู้สิว่ามันอร้อยอร่อย ข้าไม่ได้กินแบบนี้มานานหลายปีแล้ว คิดถึงจังเลยไม่มีจะกินขนาดนั้นเลยหรือฮื่อ ตอบทั้งๆ ที่อาหารยังคงเต็มปากแล้วเจ้ามาจากไหนล่ะ พ่อแม่ไปไหนถึงปล่อยให้มาร่อนเร่อดอยากแบบนี้ เห็นคุณยายคนนั้นบอกว่าเจ้าไม่ใช่คนที่นี่ข้า...เอ่อ ข้าไม่มีพ่อแม่หรอก ไม่มีบ้าน ไม่มีใครทั้งนั้น อย่าถามเรื่องนี้ได้มั้ย ไม่อยากพูด... น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะเศร้านั้นยังผลให้ศวัสธรทรงหรี่พระเนตร คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามยังคงตักอาหารเข้าปาก ตั้งหน้าตั้งตาเคี้ยว ราวกับอดอยากมาหลายวันไม่ถามก็ได้ แต่เรื่องที่ต้องถามและเจ้าจำเป็นต้องตอบก็คือ...ตกลงเราน่ะ ชื่ออะไร?คนที่กำลังจะกลืนมายานาลงคอถึงกับสำลักพรวด ไอแค่กๆ จนหน้าแดงเป็นอะไร ของเจ้าเปล่าๆๆ ไม่เป็นอะไร กลืนเร็วไปหน่อยมันเลยลงคอ แหะๆ อีกฝ่ายก้มหน้าก้มตาตอบตกลงเจ้าชื่ออะไร เจ้าเปี๊ยกเฮ้ย ไม่ได้ชื่อเปี๊ยกโว้ยพูดคำหยาบอีกแล้ว ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้คนตัวเล็กลังเลอยู่สามวินาที เมื่อเสียงคนตัวโตสั่งมาดังๆ อีกรอบ เจ้าตัวเปี๊ยกที่ไม่อยากชื่อเปี๊ยกก็ตบปากตัวเองเบาๆ ไปหนึ่งทีแรงกว่านี้อีก หรือว่าจะให้เราตบเองเห็นสายตาเอาจริงของอีกฝ่าย มือเล็กๆ เลยเพิ่มแรงตบ เสียงฝ่ามือกระทบริมฝีปากสีชมพูเรื่อดังเพียะ ... ไอ้บ้าเอ๊ย ... คนตบปากตัวเองแอบเคืองอยู่ในใจ ... อย่าให้ถึงทีเราบ้าง ฮึ่ม!!!ตกลงเจ้าชื่ออะไรเจ็บนะชื่อแปลกดีนี่ ชื่อเจ็บนะ ใครตั้งให้ ฮ่าๆๆไม่ขำนะโว้ย อุ๊บ พอหลุดปากคำหยาบออกไปก็รีบเอามือปิดปาก กลัวต้องตบปากอีกรอบเอ้า เอามือปิดปากไว้อย่างนั้นจะบอกเราได้มั้ยว่าเจ้าชื่ออะไรมีร์หืม???ชื่อมีร์ ... คำพื้นเมืองตาราไม่เคยได้ยินหรือไง ที่แปลว่าพระจันทร์น่ะหรือใช่ชื่อเพราะดี ใครตั้งให้ล่ะไม่รู้ เกิดมาคนในที่ที่ข้าอยู่ก็เรียกข้าแบบนี้ถ้าอย่างนั้น ข้าเรียกเจ้าว่ามีร์ก็แล้วกันเด็กหนุ่มพยักหน้า แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับอาหารจานที่สองจนอิ่มแปล้ ศวัสธรทรงพินิจพิศดูกิริยาเก้กังในการใช้อุปกรณ์แบบบ้านๆ นิ้วมือยาวเรียวที่ดูเหมือนจะดำแต่ดูยังไงก็ไม่มีรอยด้าน น่าแปลก...อิ่มแล้ว ไปกัน เด็กหนุ่มวางถ้วยชากุหลาบที่เพิ่งดื่มจนหมด แล้วทำท่าจะลุกออกจากร้านเดี๋ยวก่อนสิ ยังไม่ได้จ่ายค่าอาหารเลยสิ้นประโยคที่ว่าจะต้องจ่ายเงิน เด็กหนุ่มสะดุ้งตกใจ โวยวายสวนคำทันควัน เฮ้ย ข้าไม่มีหรอกนะเว่ยก็ใครใช้เจ้าให้เจ้าจ่ายกันเล่า ศวัสธรส่ายพระพักตร์อย่างระอา ทรงโบกพระหัตถ์เป็นสัญญาณให้เด็กในร้านมาเก็บเงินค่าอาหาร ก่อนจะดำเนินนำคนตัวเปี๊ยกที่ตอนนี้มีชื่อแล้ว ออกมาจากร้านที่เป็นหนึ่งในความทรงจำเจ้าของร่างเล็กบางหันมามองป้ายหน้าร้านอีกครั้ง ยิ้มบางๆ ก่อนจะวิ่งตามคนตัวโตกับองครักษ์พิทักษ์เจ้านายออกไป----------------------------------------มาถึงรถที่จอดทิ้งเอาไว้เจ้าตัวดีก็เดินตรงรี่เข้าไปเปิดประตูด้านหลังแล้วแทรกตัวขึ้นไปนอนราวกับหมดแรงไปในฉับพลันเฮ้ย ทำอะไรของเจ้า ลงมาเดี๋ยวนี้ ราเชนทร์ร้องโวยวาย เขากำลังจะเปิดประตูถวายเจ้าชาย หากเด็กแสบกลับถือดีเข้าไปนั่งในที่ซึ่งสมควรเป็นของพระองค์ ราชองครักษ์หนุ่มใหญ่หงุดหงิดตั้งแต่เดินตามหลังมาแล้ว เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้ท่าทางหลุกหลิก ไม่น่าไว้ใจ แถมยังอวดดีไม่ให้เกียรติเจ้าชาย แม้พระองค์จะอยู่ในสถานภาพสามัญชน แต่ในเมื่อเป็นผู้มีพระคุณเด็กนั่นก็ควรจะเคารพยำเกรงบ้างช่างเถอะราเชนทร์ เค้าคงจะเหนื่อย แล้วก็เพลียด้วย หรือว่าไง...เจ้าเปี๊ยก เอ๊ย มีร์ ท้ายประโยคทรงรับสั่งกับเจ้าตัวดีที่ตอนนี้ทำท่านอนคุดคู้อยู่ท้ายรถเด็กหนุ่มพยักหน้า ฉีกยิ้มกว้าง แล้วยกมือข้างซ้ายขึ้นถูเบาๆ ที่ข้างจมูก ศวัสธรมองกิริยานั้นอย่างเห็นขัน ท่าทางแบบนี้ทำให้เจ้าชายทรงสะดุดพระหทัย ... เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ... ทำไมรู้สึกคุ้นเคยแบบนี้นะสายพระเนตรคมกริบจับจ้องที่ดวงตาโตภายใต้แพขนตางอนยาวคู่นั้น ... พร้อมกับภาพบางอย่างผุดขึ้นมาในโสตประสาท ... แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่วูบเดียวเท่านั้น ทรงเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับด้วยองค์เอง แล้วรับสั่งกับราชองครักษ์ไปกันเถอะราเชนทร์เดี๋ยวจะไม่ได้งานกระ...เอ๊ย ครับ ราเชนทร์เกือบจะหลุดปากใช้ราชาศัพท์แต่ก็ยั้งไว้ทัน จ้องหน้าคนตัวเล็กที่แอบยักคิ้วให้อย่างผู้มีชัย เด็กเวร...ราเชนทร์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน พูดขมุบขมิบเพียงให้ตัวเองได้ยิน เดินอ้อมกลับไปทำหน้าที่สารถี เขาแกล้งขับรถเร็วตลอดเส้นทาง ถึงที่หมาย แทนที่จะค่อยๆ ชะลอ สารถีกลับเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน เหวี่ยงร่างเล็กบางของคนที่นอนอยู่ท้ายรถกลิ้งหลุนๆ ลงมากองอยู่กับพื้นโอ๊ย อะไรเนี่ย เจ้าตัวเล็กร้องโอดโอย ถึงแล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองเลยหรือไง ลงมาช่วยกันหน่อยราเชนทร์หันมาสั่ง ร่างใหญ่ขององครักษ์ลงจากรถพร้อมกับที่เจ้าชายทรงเปิดประตูรถออกมา มีร์เงยหน้ามองทั้งสองอย่างงุนงง เพราะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไร แต่ก็ตะเกียกตะกายยันตัวเองขึ้นนั่งพอให้หายมึนแล้วจึงค่อยลงจากรถศวัสธรดำเนินไปตามเส้นทางลูกรัง ทอดพระเนตรพืชพันธุ์ในทุ่งเขียวขจี ที่กำลังจะออกดอกผลในไม่ช้า หากเมื่อทรงเหลือบไปดูเส้นทางชลประทานที่จะนำน้ำเข้ามาหล่อเลี้ยงกลับมีระดับต่ำกว่าที่กำหนดไว้อย่างน่าใจหาย เส้นแดงบอกระดับน้ำที่น้อยที่สุดที่จะทำให้สามารถส่งน้ำได้กำลังจะโผล่พ้นออกมาจากระดับน้ำที่ปริ่มๆทรงจดบันทึกตัวเลขลงสมุดในพระหัตถ์อย่างละเอียด ร่างภาพพื้นที่และลงสัญลักษณ์ที่ทรงใช้เฉพาะพระองค์ จากนั้นทรงฉายพระรูปเพื่อใช้ประกอบ ราเชนทร์และมีร์เดินตามเมื่อยอ้ะ เด็กหนุ่มบ่นอุบเมื่อเดินมาได้ไกลเกือบกิโลเมตร จะไปไหนกันแน่ไม่มีเสียงตอบจากสวรรค์ และนั่นทำให้มีร์หงุดหงิดจนหัวเสียเฮ้ย จะไปไหนกัน รถมีจะเดินไปทำไมเงียบเถอะ ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ราเชนทร์หันมาทำหน้าและเสียงดุ เด็กหนุ่มจิ๊ปากไม่พอใจ วิ่งตามไปจนทันคนตัวโตที่เดินเร็วกว่าใคร แล้วยื่นหน้าเข้าไปถามไปอีกไกลมั้ยราวสามหรือสี่กิโลเมตร ไม่ไกลเท่าไรหรอก ศวัสธรตอบเสียงเรียบ สายพระเนตรยังจ้องไปยังเส้นทางข้างหน้าหูย ไม่ไกลเหรอ ตั้งสามสี่กิโล มีร์บ่นอุบ เลยโดนอีกฝ่ายสวนกลับมาแบบลอยๆ ใจเสาะเฮ้ย ใครใจเสาะ ไม่ใช่ข้าคนหนึ่งล่ะ เด็กหนุ่มร้องบอกเสียงดังงั้นก็เดินตามมา เอ้า ไม่มีอะไรทำก็เอากล้องนี่ไปถ่ายรูป ช่วยเราเก็บภาพไปเรื่อยๆ กล้องนี่ถ่ายไม่ยาก มองภาพที่หน้าจอนี้ แล้วก็กดตรงปุ่มนี่ เข้าใจใช่มั้ยศวัสธรทรงอธิบายวิธีถ่ายรูปคร่าวๆ กล้องดิจิทัลสมัยนี้ใช้ง่าย แม้ไม่เคยใช้มาก่อนก็สามารถเรียนรู้ได้ในเวลาไม่กี่นาทีมีร์รับกล้องตัวเล็กนั้นมาถือไว้ ทดลองกดปุ่มไปมาเฮ้ ไม่ใช่ตรงนั้น นั่นมันปุ่มลบภาพ ทีหลังอย่ากดมั่ว เจ้าชายทรงอุทานเสียงหลงเมื่อเด็กมือซนกดปุ่มที่เป็นรูปถังขยะ ทำให้หน้าจอถามว่าจะลบภาพหรือไม่แหะๆ มีร์ทำหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยม ยิ้มแหยจะรอดมั้ยนี่รอดสิ ข้าทำได้ จริงๆ นะ ดวงตาใสแจ๋วนั้นบอกว่ามีความมุ่งมั่นมากโขอยู่เอ้า จะลองเชื่อใจเจ้าดูแล้วคนตัวโตก็เดินนำ มีคนตัวเล็กเดินตาม ปิดท้ายด้วยคนหน้ายุ่ง ซึ่งคอยคุมเชิงคุ้มภัยในภาวะอันสุ่มเสี่ยงเช่นนี้ ราชองครักษ์ราเชนทร์ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังและเคร่งเครียดกว่าที่เคย...เป็นสองเท่า--------------------------------------------------เสร็จภารกิจในตอนค่ำ ศวัสธรตัดสินพระหทัยที่จะพักแรมในหมู่บ้านเล็กๆ ไม่มีโรงแรมหรือห้องว่างให้เช่าเพราะเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมธรรมดา ไม่ได้รองรับนักเดินทางที่ไหน แต่นั่นหาได้เป็นปัญหาไม่ ทรงเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางทุกเมื่อ เต็นท์ขนาดสำหรับสองคนคนถูกราเชนทร์หยิบออกมาจากท้ายรถ เขาโยนมันใส่มือเด็กหนุ่มร่างเพรียวอะไรเอาไปกางสิ ยืนบื้ออยู่ได้มีร์ได้ฟังคำสั่งก็ชักสีหน้า เกิดมาไม่เคยทำ จะทำได้มั้ยกางเต็นท์แค่นี้ ถ้าไม่สำเร็จก็อำลาโลกนี้ไปซะโห...เล่นแรงนะ พูดแบบนี้ไม่รู้จักไอ้มีร์ซะแล้วเด็กหนุ่มเดินก้าวฉับๆ ไปเล็งหาองศาวางเต็นท์ หลังจากปลุกปล้ำอยู่พักใหญ่ก็ไม่สามารถกางจนสำเร็จได้ ร้อนถึงศวัสธรที่ต้องมาช่วยไม่ต้องมายุ่งคงต้องยุ่ง เพราะเราอยากนอนพักเร็วๆ ขืนรอเจ้าทำคนเดียว ไม่รู้พรุ่งนี้จะได้นอนเต็นท์หลังนี้หรือเปล่าว่าแล้วก็ทรงรับสั่งให้มีร์ช่วยจับโน่นดึงนี่ เพียงครู่เดียวก็กางเต็นท์เสร็จเรียบร้อย เย้ ในที่สุดก็สำเร็จมีร์ร้องออกมาอย่างดีใจ นึกภูมิใจในผลงานตนเอง (ทั้งที่จริงๆ แล้วมีส่วนช่วยน้อยนิด) กล้าเนอะ ศวัสธรแกล้งว่า เจ้าคนดีใจเกินเหตุทำหน้าสำนึก ก็มีส่วนช่วยล่ะน่า ไม่ช่วยกันจะกางได้เหรอยื่นหน้ายื่นตาตอบจนอีกฝ่ายส่ายพระพักตร์อย่างปลงๆ เอาเถอะ ยกให้เหรอ ให้ข้านอนเต็นท์นี้เหรอฮ่าๆๆ เจ้านี่ตลกดีนะ เราหมายถึงเรายกความดีนี้ให้ ไม่ใช่ยกเต็นท์ให้ ถ้ายกเต็นท์ให้เจ้าแล้วเราจะนอนที่ไหนล่ะ ศวัสธรรับสั่งอย่างเห็นขัน เจ้าเด็กนี่ตกลงมันกวนประสาทหรือว่าเอ๋อจริงๆ กันแน่อ้าว แล้วคืนนี้ข้านอนไหนล่ะ มีร์ร้องถาม สีหน้ากังวลเจ้าก็นอนในรถกับราเชนทร์ไงเอิ๊กส์ มีร์หน้าเหวอ นอนกับไอ่หน้าบึ้งอะนะ ไม่เอา ดุจะตายไม่งั้นก็ออกมานอนนอกรถ รับรองไม่มีใครดุเจ้าไม่นะ ข้ากลัว~ คราวนี้นอกจากน้าเหวอกว่าเก่าแล้ว ยังเสียงอ่อย ทำตาปริบๆ อีกต่างหาก ศวัสธรเห็นกิริยานั้นก็อดที่จะแอบขันไม่ได้ จะไปกลัวอะไร ไหนบอกว่าเป็นเด็กเร่ร่อน ค่ำไหนนอนนั่น ที่นี่ก็ไม่น่ากลัวเท่าไหร่นะ แค่ชายป่าติดกับบึงใหญ่ กลางคืนก็คงเงียบๆ มืดๆ แค่นั้นเอง กลัวอะไรคำบรรยายที่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรนั้น ทำให้คนตัวเล็กเสียวสันหลังวาบ ยังไม่พอ คนตัวโตกว่ายังบรรยายสรรพคุณของพื้นที่ตรงนี้ต่อไปอีกเห็นเค้าว่ากันว่าที่แถวนี้ตกกลางคืนจะมีพวกสัตว์ป่ามากินน้ำในบึง ไม่ก็มีพวกเสือหรือช้างมาเดินเล่นด้วย ท่าทางจะครึกครื้นดีโว้ย อย่าพูดได้มั้ย คนกลัวนะโว้ยตบปาก!! คำสั่งนั้นเฉียบขาด จนคนที่ถูกสั่งต้องทำตามแต่โดยดี เจ้าชายส่ายพระพักตร์อย่างทรงระอาเต็มที เอาเถอะ จะให้นอนเต็นท์ด้วยก็แล้วกัน พอใจหรือยังหา... คราวนี้หน้าเหวอกลายเป็นหน้าซีด จะให้นอนด้วยเนี่ยนะ...น่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมดทั้งมวล ไม่เอา!!นี่ เจ้าจะเอายังไง นอนในรถก็ไม่เอา นอกรถก็ไม่ได้ ให้นอนเต็นท์ก็ทำหน้าเหมือนจะถูกพาไปเชือด ตกลงเอายังไง...ว่ามาเอ่อ...นอน หน้าเต็นท์ก็แล้วกัน อย่างน้อยก็มีเพิงยื่นออกมาบังน้ำค้างกลางคืนลมแรง อากาศก็หนาวเย็น เจ้าจะดื้อไปทำไม เข้ามานอนในเต็นท์นี่แหละ เราไม่ลุกขึ้นมาปล้ำเจ้าหรอกก็ไม่แน่อีกฝ่ายบ่นอุบอิบ แต่เจ้าชายสดับเต็มสองพระกรรณว่าไงนะเปล่าตกลงเจ้านอนในเต็นท์กับเรานะ เต็นท์นี้ขนาดนอนได้สี่คน เรานอนฟากหนึ่ง เจ้านอนอีกฟากหนึ่งก็แล้วกัน พอใจไหมมีร์ส่ายหน้าดื้อ!!ศวัสธรทรงถอนพระปัสสาสะ ขณะที่คนตัวเล็กทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เราจะทำงานสักครู่ เจ้าไปช่วยทางโน้นก็แล้วกัน ราเชนทร์จะบอกเองว่าเจ้าจะต้องทำอะไรบ้าง...อย่ากวนใจจนเค้ารำคาญล่ะมีร์พยักหน้ารับอย่าพยักหน้ารับอย่างเดียว พูดกับผู้ใหญ่มีหางเสียงด้วยครับ คนถูกดุหน้ามุ่ย รับคำแบบเสียมิได้ แล้วเดินปึงปังออกไปยังบริเวณที่สารถีหน้าบึ้งกำลังง่วนกับภารกิจ----------------------------------------------------ด้านราเชนทร์ซึ่งรับหน้าที่ก่อไฟก็จัดการภารกิจของตนได้เป็นอย่างดี เขาถูกฝึกการใช้ชีวิตในป่ามาอย่างโชกโชน แค่ก่อไฟย่างปลาไม่ใช่เรื่องยากสำหรับราชองครักษ์เลยสักนิด ราชองครักษ์หยิบไม้สองท่องมาปักลงพื้น ความลึกพอประมาณ ไขว้ปลายให้เหลื่อมกันคล้ายจั่วบ้านของไทย ทำอย่างนี้สองชุด บริเวณหัวท้ายของกองไฟ เท่านี้ก็ได้อุปกรณ์ย่างปลาอย่างง่าย มือใหญ่หนาหยิบก้านเหล็กมาเสียบเข้าที่ปากกว้างๆ ของปลาน้ำจืดเคราะห์ร้ายตัวนั้น ความแหลมคมของเหล็กเสียบ บวกกับแรงดันจากมือใหญ่พาให้อุปกรณ์นั้นทะลุผ่านเข้าไปจนถึงหางปลาอย่างรวดเร็วน่าสงสาร มีร์เปรยเมื่อเห็นกิจกรรมอันน่าเสียวสยอง ปลานี้ได้มาสดๆ จากบึงใหญ่ด้วยฝีมือการล่าของคนหน้าบึ้งจะไม่กินก็ได้นะ ราเชนทร์ว่า ทำให้คนใจบุญเมื่อครู่ถึงกับหัวทิ่ม มันเกิดมาเป็นอาหาร มันก็ต้องเป็นอาหาร จะเอาอะไรมากมายนั่นสิ จะเอาอะไรมากมาย มีร์ล้อเลียนด้วยการย้อนคำ แล้วฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นราเชนทร์หันมาทำตาเขียวใส่ เด็กหนุ่มนั่งลงข้างๆ เอาเศษไม้เขี่ยกองไฟเล่น เปลวไฟและไอร้อนเริ่มโลมเลียเกล็ดหนาของปลาตัวนั้น ต้องทำอย่างอื่นไหม แค่ปลาตัวเดียวจะอิ่มเหรอ คนตั้งสามคนมีร์ถามอย่างใคร่รู้ แม้ว่าปลาในมือราเชนทร์จะตัวใหญ่ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าอาหารเพียงอย่างเดียวจะพอเพียงสำหรับคนสามคนมีอาหารกระป๋องในกล่องท้ายรถ เดี๋ยวต้องไปเอามาอุ่น เจ้านายไม่ปล่อยให้อดหรอกเจ้านาย...เป็นใครเหรอคำถามนั้นทำให้ราเชนทร์ซึ่งมุ่งมั่นกับการปิ้งปลาต้องหันขวับ หรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจถามทำไม ไม่ต้องสู่รู้ได้ไหมอ้าว จะไปอยู่ด้วยก็อยากรู้ว่าเป็นใครเฮอะ ราเชนทร์ทอดเสียงในลำคอ แล้วเจ้าก็จะรู้เองอะไรวะ จะรู้เองได้ไงถ้าแกไม่บอก ไอ่หน้าบึ้งหนอย เด็กเวร พูดจาไม่มีสัมมาคารวะ อย่าให้กลับไปถึง...เอ่อ บ้าน ไปถึงบ้านแล้วเจ้าเจอดีแน่ ราชองครักษ์หันมาชี้หน้า แต่แม้จะทำหน้าตาขึงขังเช่นไรเจ้าเด็กหนุ่มคนที่นั่งข้างๆ ก็หาได้เกรงกลัวไม่ หนำซ้ำยังเห็นเป็นเรื่องขันอีกต่างหากมีอาฆาตด้วย ฮ่าๆว่างนักใช่ไหม ไปตักน้ำมาให้หน่อยอะไรนะบอกให้ไปตักน้ำ คนหน้าบึ้งบอกเสียงเข้ม โน่นเลย...ถังอยู่ท้ายรถ ตักแล้วเอามาต้ม จะได้ให้เจ้านายเช็ดตัว อากาศหนาวแบบนี้อาบน้ำคงไม่ไหวโห สำอางว่ะ แค่นี้ต้องเช็ดตัวหุบปาก!! ราเชนทร์ตวาดเสียงดัง ห้ามลบหลู่นายเรา เดี๋ยวหัวเจ้าจะหลุดจากบ่าน่ากลัวนิ อิอิ มีร์ทำเสียงหัวเราะแบบกวนๆ คนหน้าบึ้งเลยบึ้งหนักเข้าไปอีก รีบไปตักมาเลย ก่อนที่จะหมดความอดทน กระโดดเตะเด็กมีร์ยักไหล่ทำปากแบะ เดินหน้ามุ่ยไปท้ายรถ หยิบถังใบเขื่องออกมาแล้วเดินดุ่มไปที่บึงใหญ่ จ้วงน้ำที่เย็นเยียบมาได้ครึ่งถังก็ปุเลงๆ หอบหิ้วมาวางตรงหน้าราเชนทร์จนได้ เอ้า ได้แล้วเทลงในหม้อใหญ่นี่ แล้วไปเอามาอีกสองถัง แค่นี้จะไปพออะไร ทำงานให้มันคุ้มกับที่กินไปหน่อยคนตัวเล็กจิ๊ปาก นึกเคืองในใจว่าสารถีหน้ายักษ์นี่แกล้งใช้เขาหรือเปล่า ไม่เห็นคนเป็นเจ้านายจะบอกว่าต้องทำงานอะไรเลย แต่เดี๋ยวก่อน ......ราเชนทร์จะบอกเองว่าเจ้าจะต้องทำอะไรบ้าง...นั่นมันคำพูดสุดท้ายก่อนที่มีร์จะเดินมาจากเต็นท์นั่นฮึ่ม! ทั้งเจ้านาย ทั้งลูกน้อง รู้กันหรอกเหรอเนี่ย...ใจดำชะมัด ต่อหน้าทำเป็นคนดี ที่แท้ก็ให้ลูกน้องมาสั่งแทน หนอย...มีร์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจาก ... ทำตามที่สั่ง เฮ้อ!!เมื่อถังน้ำที่มีน้ำแค่ครึ่งถูกยกมาวางตรงหน้าของราเชนทร์เป็นรอบที่สาม คนหิ้วถังก็ออกอาการหอบแฮ่ก มีร์พบว่า กองไฟกองที่สองถูกก่อเสร็จเรียบร้อย ห่างจากกองแรกไม่ถึงหนึ่งเมตร มีหม้อใบเขื่องวางอยู่ด้านบนก้อนหินขนาดพอประมาณที่ถูกนำมาวางเป็นสามเส้ารอบกองไฟนั้นแม้จะปิดฝาหม้อเอาไว้ แต่มีร์รู้ว่าข้างในคือน้ำที่ตนเป็นคนไปตักมา ต้องต้มอย่างนี้สักกี่หม้อถึงจะพอให้คนตัวใหญ่ที่อยู่ในเต็นท์อาบ...เอ๊ย...เช็ดตัวสบายเนอะ นั่งๆ นอนๆ เดี๋ยวก็มีอาหารค่ำกิน แถมมีคนตักน้ำต้มน้ำให้เช็ดตัวอีก อยากเป็นคนรวยจริงโว้ยไม่ใช่เพราะ ความรวยหรอกนะที่จะทำให้ผู้อื่นภักดีต่อเราได้ ราเชนทร์เปรยออกมา ไม่มองหน้าอีกคนที่พูดจาเหมือนจะหาเรื่องกวนใจ ความดีต่างหากที่จะผูกใจคนได้เด็กหนุ่มเอียงคอมองหน้าคร้ามซึ่งตอนนี้ถูกสาดส่องด้วยแสงสว่างจากกองไฟดีตายล่ะราเชนทร์เหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะพูดเสียงหนัก จะไปไหนก็ไปเลยไป อย่ามากวนประสาทแถวนี้ ข้ากำลังทำงาน ต้องใช้สมาธิปิ้งปลาเนี่ยนะเออคำตอบของราเชนทร์ทำให้มีร์ยักไหล่ ไม่เห็นจะง้อ เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนตั้งใจจะไปเดินเล่น แต่ก็ชนเข้ากับร่างสูงที่มายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบได้เฮ่ย!! เสียงร้องนั้นเล็กแหลมจนศวัสธรผงะ ร่างเพรียวในชุดพื้นเมืองเก่าปุปะเด้งตัวออกทันควันหลังจากที่หัวไหล่ข้างหนึ่งปะทะเข้ากับหน้าอกกว้างของคนตัวโตเป็นอะไรของเจ้า ทำราวกับเจอปีศาจ หรือว่าเรามีกลิ่นตัว ศวัสธรรับสั่งถาม พลางทรงก้มลงสูดดมกลิ่นจากฉลองพระองค์ที่ยังคงเป็นชุดเดิม...สวมใส่มาทั้งวัน ก็ไม่เหม็นนี่พระขนงที่เลิกขึ้นด้วยความฉงนส่งผลให้คนตัวเล็กที่กระเด้งออกไปในรัศมีสามก้าวต้องเกาศีรษะแกรกๆ ... นั่นสิ จะเด้งออกไปทำไมเนี่ย เดี๋ยวก็ถูกสงสัยหรอก...มีร์ยิ้มแหยๆ ก่อนจะล่าถอยไปนั่งกอดเข่าอยู่ตรงกองไฟที่มีหม้อต้มน้ำตั้งอยู่น้ำเดือดแล้ว เอาไปผสมกับน้ำเย็นในถังแล้วยกไปที่เต็นท์ เจ้านายจะได้เช็ดตัวเป็นเสียงของราเชนทร์ที่ดังขึ้นทำลายความเงียบ มีร์ลนลานทำตามนั้นอย่างทุลักทุเลเต็มที ศวัสธรสังเกตกิริยาอาการของเด็กหนุ่มแปลกหน้าทุกอิริยาบท ... ช่างเหมือนกันจริงๆ ...ร่างเล็กบาง ลากถังน้ำไปที่เต็นท์ซึ่งอยู่ห่างจากกองไฟไม่กี่เมตร ศวัสธรทรงผินพระพักตร์กลับมาตามเสียงเรียกของราชองครักษ์ทรงสงสัยเช่นเดียวกับข้าพระองค์หรือไม่ กระหม่อมหืมเด็กคลุกฝุ่นนั่น...ดูจงใจที่จะเข้ามาใกล้ชิดพระองค์เกินไปศวัสธรไม่ตรัสตอบ ได้แต่แย้มสรวลบางๆ เมื่อครู่นี้ถามว่าพระองค์เป็นใครรอดูไปก่อน...คืนนี้เราจะให้มีร์นอนหน้าเต็นท์นะอันตรายไปนะ กระหม่อมไม่เป็นไร...เราจะระวังตัวราเชนทร์ถอนหายใจเฮือก อย่างนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะช่วยทันได้อย่างไร ------------------------------------อาหารมื้อค่ำผ่านไปท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ ยิ่งเวลาผ่านไปความเย็นก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ กองไฟยังคงลุกโชนให้ความอบอุ่นและแสงสว่าง มือใหญ่หนาของราเชนทร์ซึ่งถูกปกคลุมด้วยถุงมือหนังกันลมกำลังคุ้ยเขี่ยจัดวางให้กิ่งไม้ซ้อนไขว้กันเป็นชั้นๆ มกุฎราชกุมารศวัสธรประทับอยู่ตรงข้าม สองพระหัตถ์ประคองถ้วยชาที่มีควันฉุย ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจ ขณะที่คนตัวเล็กสุดนั่งบิดขี้เกียจอยู่ขวามือของพระองค์ง่วงหรือยัง ไปนอนไหม เจ้าชายรับสั่งถาม คนถูกถามรีบพยักหน้าเราสอนว่ายังไง เวลาพูดกับผู้ใหญ่ครับ มีร์ตอบเต็มเสียง ง่วงมาก ฮะ...ฮัด ชิ้ววววเราว่าเจ้าไปนอนในเต็นท์ไม่ดีกว่าหรือ นอกเต็นท์อากาศหนาวนะ นี่ยังแค่หัวค่ำ ถ้าดึกกว่านี้จะหนาวจับขั้วหัวใจเลยเทียวข้า...อยากนอนข้างนอก คนหัวดื้อยังยืนยันคำเดิม ตามใจเจ้าชายรับสั่ง ก่อนจะเสด็จเข้าไปในเต็นท์ คนตัวเล็กมองตามด้วยความรู้สึกบางอย่าง และแน่นอน...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ราเชนทร์บันทึกไว้ในหน่วยความจำของเขาทั้งหมดองครักษ์หน้าบูดจัดการกับกองไฟแล้วก็เข้าไปนอนในรถ เขามีเครื่องนอนมาพร้อมสรรพ เพราะรู้อยู่แล้วว่าอากาศในฤดูนี้โหดร้ายแค่ไหน สายตาคมกริบประดุจเหยี่ยวราตรีจับจ้องมาที่หน้าเต็นท์ เห็นร่างเล็กบางของเด็กมอมแมมที่ไม่ยอมเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ยอมล้างหน้าล้างตา ไม่รู้ว่ามีความสุขกับการเป็นเด็กสกปรกหรืออย่างไรร่างเล็กนั้นสวมชุดเดิมที่เคยสวมเมื่อตอนกลางวัน แต่ดีกว่าหน่อยตรงที่มีโอเวอร์โค้ทตัวหนาหนักของเจ้าชายสวมทับ ฮู้ดถูกดึงออกมาคลุมศีรษะเพื่อกันลม แล้วร่างนั้นก็สอดตัวลงไปในถุงนอนราเชนทร์กระชับผ้าห่มหนังสัตว์เพิ่มความอบอุ่น ก่อนจะค่อยๆหลับตาลง...----------------------------------ฮื้ออออออ.....เสียงบางอย่างดังขึ้นในยามดึกสงัด มันดังอยู่อย่างนั้นจนศวัสธรซึ่งยังไม่อาจข่มตาหลับต้องผุดลุกขึ้นมาประทับนั่ง ทรงเงี่ยพระกรรณเพื่อสดับเสียงผิดปกตินั้น ก่อนจะตัดสินพระหทัยโผล่พระพักตร์ออกมาดูด้านนอก สิ่งที่อยู่ในสายพระเนตรขณะนี้ คือร่างเล็กที่ขดตัวอยู่ในถุงนอน ตัวงอคุดคู้ยิ่งกว่ากุ้งโดนน้ำร้อนลวก เสียงครางฮือยังคงออกจากปากอิ่มที่ตอนนี้ซีดราวกับแผ่นกระดาษ ตามด้วยเสียงฟันบนล่างสบกันเนื่องจากการทำงานของขากรรไกรใบหน้ามอมแมมของมีร์ยามหลับใหลไม่ต่างจากเด็กซนคนหนึ่งที่พอหลับก็กลายเป็นเด็กที่ไม่มีฤทธิ์เดชอะไร ทรงยื่นพระหัตถ์ไปสัมผัสที่หน้าผาก ปรากฏว่าเย็นเฉียบราวกับแช่น้ำแข็งมาสักสิบชั่วโมงหนาวขนาดนี้ ยังดื้ออยู่ได้ ตัวเปี๊ยกเอ๊ยเจ้าชายทรงช้อนพระหัตถ์เข้าที่ซอกคอและข้อพับเข่า อุ้มร่างนั้นเข้าไปวางในเต็นท์อย่างทุลักทุเล... เห็นตัวเล็กอย่างนี้หนักไม่เบา ..หนาวจัง...ท่านแม่เสียงพึมพำเบาๆ ออกจากริมฝีปากอิ่ม ศวัสธรจ้องมองใบหน้านั้นในความมืดสลัว สายลมเย็นเยียบพัดเข้ามาจากช่องทางด้านหน้าที่ถูกรูดซิปออก นั่นเป็นผลให้เจ้าชายรัชทายาททรงหันกลับไปรูดปิดซิปหน้าเต็นท์ แสงไฟจากไฟฉายอันเล็กๆ ซึ่งเคยเสียบอยู่ตรงซอกเล็กที่ขากางเกงด้านขวาถูกส่องเข้าที่ใบหน้ามอมแมม ขนตายาวงอนเกินกว่าจะเป็นขนตาของผู้ชายกระตุกไปมาพร้อมกับเปลือกตาทั้งสองข้าง ...แสงคงจะแยงตา ... ศวัสธรวางไฟฉายลงข้างตัวของมีร์ จึงได้แสงสว่างแต่ไม่สร้างความรำคาญให้คนที่หลับอยู่ กอดหน่อยดิ๊ เสียงสั่งงึมงำแบบเอาแต่ใจนั้นช่างน่าเอ็นดู เหมือนใครบางคนที่เวลาอยากได้อะไรก็จะสั่ง สั่ง และสั่ง ราวกับว่าไม่มีอะไรในโลกที่อยากได้แล้วจะไม่ได้ ... เด็กเอ๊ยศวัสธรทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปสัมผัสเบาๆ ที่ศีรษะทุยอย่างเอ็นดู เส้นผมยาวระต้นคอที่ยุ่งเหยิงนั่นหล่นลงมาปรกที่หน้าผาก จึงค่อยๆ เกลี่ยผมให้ร่างเล็กดิ้นกุกกักอยู่ในถุงนอน เหมือนหนอนตัวเล็กๆ ที่เคลื่อนไหวดุ๊กดิ๊กไปมา พระหัตถ์ใหญ่หนาเอื้อมหยิบผ้านวมผืนใหญ่มาห่มให้อีกชั้น ก่อนจะเลื่อนถุงนอนของพระองค์ไปชิดริมอีกด้านของเต็นท์ ...........ร่างเล็กบางที่ซุกตัวอยู่ในถุงนอนค่อยๆ ยกศีรษะขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะยันกายให้ลุกขึ้นนั่ง ดวงตากลมโตเพ่งมองไปยังร่างสูงใหญ่ที่สอดตัวอยู่ภายใต้ถุงนอนอีกฝากหนึ่งของเต็นท์ ลมหายใจที่สม่ำเสมอเป็นสัญญาณยืนยันว่าเจ้าของร่างนั้นเข้าสู่นิทรารมณ์แล้ว... ริมฝีปากอิ่มค่อยๆ คลี่ยิ้มจางๆ ในความมืดสลัว ... ..........