เข้าใจ ไทย-เขมร...

เรื่องปราสาทพระวิหารเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ถ้ามองตามความเป็นจริงของโลกปัจจุบัน
ในโลกของเราทุกวันนี้ ทุกๆประเทศที่ทำมาค้าขายไปมาหาสู่กัน ล้วนแต่มีผลประโยชน์ที่ต่างคนต่างคาดหวัง ฉะนั้นเรื่องปราสาทพระวิหาร จริงๆแล้วเรื่องที่จะตัดสินให้เป็นของประเทศใดนั้น ลึกๆมันอาจจะมีอะไรมากกว่านั้นก็เป็นได้

เมื่อหลายสิบปีก่อน ประเทศไทยกับกัมพูชาต้องใช้ศาลโลกตัดสินว่าปราสาทพระวิหารเป็นของใคร และแล้วศาลโลกก็เลยตัดสินมาว่าเป็นของกัมพูชา ทั้งๆที่ทางขึ้นอยู่ในพื้นที่ประเทศไทย ส่วนทางฝั่งกัมพูชานั้นไม่สามารถขึ้นได้เพราะเป็นหน้าผาสูง ด้วยคำตัดสินนี้สร้างรอยแผลในจิตใจของคนไทยยิ่ง และเมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวก็จางหายไป เพราะไม่มีใครอยากจดจำความพ่ายแพ้ของตนเอง

ผ่านมาไม่กี่ปีนี้เอง เรื่องราวที่เหมือนคนส่วนมากจะลืมเลือนก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อกัมพูชาเสนอต่อ UNESCO เพื่อที่จะขอให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบเป็นมรดกโลก ไทยก็ได้คัดค้านและพยายามเสนอแผนที่ ที่แสดงว่าปราสาทพระวิหารอยู่ในพื้นที่ประเทศไทย ปัญหาคือ ไทยและกัมพูชาถือแผนที่คนละฉบับ ของแต่ละฝ่ายต่างชี้ว่าปราสาทพระวิหารอยู่ในพื้นที่ของประเทศตัวเอง

แต่สิ่งที่มาใต้น้ำเหนือความเห็นชอบรู้เห็นของประชาชนนั้น นายนพดล รมว.ต่างประเทศในตอนนั้นได้ลงนามสนับสนุนและยืนยันให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารโดยกัมพูชาฝ่ายเดียวไปเรียบร้อย จึงเป็นที่มาของการหลุดจากตำแหน่ง รมว.ของเขาผู้นั้น ถามว่าทำไมเขาผู้นั้นถึงทำแบบนี้ กล้าให้อธิปไตยของประเทศของตัวเองแก่ประเทศอื่นหน้าตาเฉยได้อย่างไร ถึงแม้ทุกอย่างมันคุมเครือก็ตาม สัญชาตญาณของเจ้าของมันควรมีความหวงแหนในสิ่งที่เป็นของตนเอง อะไรทำให้เข้าผู้นี้เป็นแบบนี้...”ผลประโยชน์” งัยครับผู้อ่าน

ขอเดาเหตุผลของเรื่องนี้และอธิบายให้ฟังนะครับ คือช่วงหลังๆ คุณทักษิณเริ่มโยกย้ายการลงทุนธุรกิจโทรคมนาคมมาเป็นธุรกิจพลังงานแทน เห็นได้จากการมีความพยายามที่จะขายทอด ปตท. การไฟฟ้า เข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่ง ปตท. ก็โดนไปเรียบร้อย ผมไม่รู้ว่าผู้ถือหุ้นสามัญมีใครบ้างแต่ผมขอเดาว่า ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงคนรู้จัก คนรับใช้ ของคุณทักษิณต้องถือเป็นส่วนมากแน่ เนื่องจากธุรกิจต้องมีการเติบโต ต้องขยายตัว ทรัพยากรณ์ในเมืองไทยค่อนข้างมีน้อย ประเทศที่น่าสนใจและอยู่ใกล้ไทยมากที่สุดคงเป็น “กัมพูชา” โดยการสำรวจทรัพยากรณ์จึงทราบว่า กัมพูชามีแหล่งพลังงานที่ยังไม่ได้ใช้มากมาย ทั้งก๊าซธรรมชาติ และ ปิโตรเลียมต่างๆ ผมจึงมองว่า หากคุณทักษิณต้องการสัมปทานในประเทศนี้ ก็จะยากอะไร แค่ให้ในสิ่งที่ฮุน เซน ต้องการซะ แลกเปลี่ยนกันไป ยื่นหมูยื่นแมว และยิ่งต้องการแค่ปราสาทเก่าๆ ซึ่งไม่มีความหมายต่อชีวิตเขาเช่นนี้แล้ว ยิ่งง่ายใหญ่ เช่นนี้เอง จึงสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมคุณนพดลซึงเป็นลูกน้องตลอดการของคุณทักษิณจึงทำได้ขนาดนั้น ถึงขั้นไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และ ลงนามโดยพละการ

พอเรื่องนี้ผ่านไปและไทยคัดค้าน UNESCO จึงเลื่อนการพิจารณาขึ้นทะเบียนอีกปี ผมก็จำไม่ได้ว่าเลื่อนมากี่ครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งที่ไทยพยายามจะเจรจากับกัมพูชามันก็เละไม่เป็นท่า และไม่มีทีท่าว่าจะตกลงกันได้ เพราะ เท่าที่ผมเข้าใจเหมือนว่าไทยจะยอมให้ปราสาทพระวิหารเป็นของทั้งสองประเทศ คือร่วมกันบริหารจัดการ แต่ทางกัมพูชาดื้อดึงจะเอาเป็นตังตัวเองแต่เพียงผู้เดียว

ทำไมต้องแย่งกันด้วย แค่ปราสาทเก่าๆที่ใช้การไม่ได้นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละประเทศก็มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ขาดปราสาทนี้ไปแห่งเดียวคงไม่ทำให้กำไรที่ได้จากการท่องเที่ยวมากขึ้นหรือลดลงสักเท่าไร แต่มันมีนัยมากกว่านั้น เรื่องของเรื่องคือว่า หากประเทศไทยยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทแต่เพียงผู้เดียว นั่นหมายความว่าไทยยอมรับแผนที่ที่กัมพูชาถืออยู่โดยอัตโนมัติ ถามว่าแล้วมันเป็นยังงัยละ? ถ้าผมคิดไม่ผิด แผนที่ที่กัมพูชาถืออยู่จะลากเส้นเขตแดนรวมไปถึงแนวชายฝั่งทะเล ซึ่งปัญหาคือเขตแดนที่ยังตกลงกันไม่ได้ตามแนวฝั่งทะเลมีทรัพยากรพลังงานจากปิโตรเลียมมหาศาล!!! ถ้าเป็นเช่นนี้ก็เดาได้ง่ายๆว่ากัมพูชาไม่ได้หวังจะได้ปราสาทเพียงอย่างเดียว หรือลึกๆ อาจจะไม่เห็นความสำคัญของปราสาทเลยก็เป็นได้ แต่เขากำลังจะเอาทรัพยากรทุกอย่างตามเส้นทางตะเข็บระหว่างประเทศไม่ว่าบนบกหรือทะเล ที่ตอนนี้ยังไม่มีใครจับจองเพราะเป็นพื้นที่ทับซ้อนคุมเครือกันอยู่

หากมองการออกจากการเป็นภาคีองค์การเกี่ยวกับมรดกโลกที่คุณสุวิทย์เพิ่งวอล์คเอาท์ออกมานั้น ไม่บอกก็รู้ว่าทำไมฝรั่งทั้งหลายเข้าข้างกัมพูชา เพราะอะไรละ? ลองคิดดูเล่นๆ หากกัมพูชาได้ขึ้นทะเบียนจริงๆ ทรัพยากรตามตะเข็บชายแดนก็ต้องเป็นของกัมพูชาแน่นอน ลำพังกำพูชาจะมีปัญญาขุดน้ำมัน ขุดแก๊ส แล้วกลั่นมาใช้ไหม? ตอบว่าคงไม่ แต่ใครละที่ทำได้... ก็ไอ้ฝรั่งพวกที่กำลังสนับสนุนการขึ้นทะเบียนของกัมพูชาตอนนี้งัย พอกัมพูชาได้สิ่งที่ต้องการ ทีนี้แหละ บริษัทปิโตรเลียมต่างๆของพี่ฝรั่งทั้งหลายจ่อคิวรอสัมปทานจากกัมพูชาได้เลย เงินทองล้วนๆ หากถามว่าแล้วทำไมไม่เข้าข้างไทยละ? ลองคิดดูว่าพวกนั้นหนุนไทย แล้วไทยได้ปราสาทรวมถึงพื้นที่ตะเข็บที่มีทรัพยากรธรรมชาติ จ้างให้ตายฝรั่งพวกนั้นก็ไม่มีทางได้สัมปทาน เพราะไทยผู้ขาดการผลิตน้ำมันโดย ปตท. ชนชาติอื่นไม่สามารถประกอบการผลิตน้ำมันได้ในไทย เว้นบางกรณีที่อาจจะสามารถเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นเล็กๆ เหตุนี้เอง ทำยังงัยฝรั่งพวกนี้ไม่เข้าข้างไทยแน่นอน แม้ทางขึ้นปราสาทจะอยู่ฝั่งไทย หน้าผาจะอยู่ฝั่งกัมพูชา เหตุผลที่ควรจะเป็ฯมันก็ทำให้เปลี่ยนแปลงได้...

เรื่องของผลประโยชน์เงินทองมันมีอานุภาพมาก สามารถทำให้ใครทำสิ่งที่เหมือนจะผิดให้กลับกลายเป็นถูกได้ และหากวันไหนที่ใครคนนั้นหมดความหมาย ไม่มีสิ่งที่ผู้อื่นต้องการ ใครคนนั้นก็จะเป็นเช่นหมาหัวเน่า ไม่มีใครเหลียวแล อยู่ใกล้กันแท้ๆยังไม่คิดถึงความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน เพราะต่อให้เปลือกโลกมันเลื่อน สึนามิถล่มอีกพันครั้ง ยังงัย ไทย-กัมพูชาก็มีพรมแดนติดกันอยู่ดี คิดคบคนไกล เวลาเค้าทิ้งเดี๋ยวคอยดู คงจะซมซานมาหาคนใกล้ แล้วเราก็เป็นประเทศใจดีซะด้วยสิ

เขียนอย่างนี้ไม่ใช่ว่าผมเกลี่ยดคุณทักษิณหรือพรรคเพื่อไทยหรืออะไรนะครับ... เพียงแต่ผมไม่ชอบนักการเมือง"ทุกคน"ในปัจจุบันเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไทย หรือพรรคเล็กพรรคน้อยใดๆก็ตาม... เห็นหน้าพวกนั้นแล้ว... แหวะ เขี้ยวยาวถึงพื้นกันเลยทีเดียว!!!

Create Date : 28 มิถุนายน 2554		1 comments
Last Update : 28 มิถุนายน 2554 20:57:55 น.
Counter : 1749 Pageviews.
Share Tweet