ทำไมผมจึงมองว่ากล้อง Canon 5D Mark II เป็นกล้องที่ไม่คุ้มราคา (ณ ปี 2010)
ก่อนอื่นผมต้องออกตัวนิดนึงก่อนนะครับ ว่าผมมิได้ต่อว่าว่า 5D Mark II เป็นกล้องที่ไม่ดี ซึ่งต้องบอกว่ากล้องตัวนี้เป็นกล้องที่เรียกว่าดีมากที่สุดตัวหนึ่งในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้
พอดีผมเห็นคนค่อนข้างเยอะที่เปรียบเทียบกล้องสองตัวระหว่าง Canon 7D กับ Canon 5D Mark II กันเยอะพอควร ซึ่งความแตกต่างโดยชัดเจนที่คนทั่วไปเปรียบเทียบก็คือว่ากล้องตัวหนึ่งเป็นกล้องตัวคูณที่มีขนาดเซ็นเซอร์เล็กกว่า ในขณะที่อีกตัวหนึ่งเป็นกล้องฟูลเฟรมที่มีขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่กว่า ซึ่งแน่นอนว่าส่วนต่างราคากล้องสองตัวนี้ก็จะเรียกว่าเยอะก็เยอะ จะว่าไม่มากก็ไม่มากนัก ซึ่งถ้าหากใครเป็นช่างภาพมืออาชีพที่มีความจำเป็นของการใช้กล้องฟูลเฟรม ค่าส่วนต่างนี้ก็อาจจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะค่าตอบแทนที่ได้มาจากผลงานที่สามารถสร้างสรรค์จากกล้องฟูลเฟรมก็คงมีมากกว่าไม่น้อย แต่สำหรับมือสมัครเล่นโดยทั่วไปก็เป็นคำถามที่แต่ละคนจะต้องตอบว่ามันคุ้มค่ากับความพอใจของตัวเองหรือไม่อย่างไร
ถ้าหากใครนำสเป็คกล้องสองตัวนี้มาเทียบกัน ถ้าไม่นับเรื่องขนาดของเซ็นเซอร์ก็ต้องบอกว่า 5D Mark II เป็นรองในทุกๆด้าน ซึ่งนั่นนำไปสู่คำถามที่ว่า “การผลิตเซ็นเซอร์ฟูลเฟรมมันแพงขนาดนั้นเลยหรือ?”
พื้นที่ของเซ็นเซอร์ของ 5D Mark II มีขนาดใหญ่กว่า แต่ในเรื่องของการผลิตจริงๆแล้วไม่น่าจะเรียกว่ายากกว่านัก เพราะว่าในความเป็นจริงแล้วขนาดของเซลรับแสงของ 7D นั้นมีขนาดเล็กกว่าของ 5D Mark II มาก ซึ่งขนาดของเซลหรือที่เรียกกันว่า pixel pitch ของ 7D มีขนาด 4.7 ไมโครสแควร์ ในขณะที่ 5D Mark II มีขนาด 6.4 ไมโครสแควร์ นั่นหมายความว่าถ้าใช้เทคโนโลยีการผลิตของ 7D กับเซ็นเซอร์ขนาดฟูลเฟรมจะสามารถทำเซ็นเซอร์ที่มีความละเอียดได้ถึง 47MP!!! แต่อีกประเด็นที่เป็นจุดที่น่าสนใจก็คือวิธีการจัดการกับกระบวนการรับแสงของเซ็นเซอร์ที่ทำให้เซลรับแสงใน 7D จัดการกับน็อยส์ได้ดีขึ้นทั้งๆที่มีขนาดของเซลเล็กลง
แน่นอนว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่เพียงแค่ขนาดเซ็นเซอร์เพียงอย่างเดียว เพราะว่า 5D Mark II มีความละเอียดของเซ็นเซอร์ถึง 21MP ในขณะที่ 7D มีความละเอียดน้อยกว่าที่ 18MP ซึ่งการประมวลผลข้อมูลจะต้องใช้ตัวประมวลผลที่เร็วขึ้น บัฟเฟอร์เพื่อเก็บข้อมูลที่สูงขึ้น แต่ก็ต้องบอกว่า Dual Digic IV ที่อยู่ใน 7D ย่อมน่าจะประมวลผลได้ไวกว่า Digic IV ที่มีอยู่ตัวเดียวใน 5D Mark IV อย่างแน่นอน ในขณะที่ในเรื่องของบัฟเฟอร์ ถ้าหากเราต้องการให้มันทำงานได้ประสิทธิภาพเท่าๆกัน เช่น ถ่ายต่อเนื่องได้ 8 เฟรมต่อวินาทีเหมือนๆกัน สำหรับ 5D ก็ต้องใช้บัฟเฟอร์ที่มากกว่า ซึ่งนั่นก็คือหน่วยความจำความไวสูงที่มากกว่า แต่... อย่าลืมว่า 5D Mark II ทำงานได้แค่ 3.9 เฟรมต่อวินาที ในขณะที่ 7D ทำงานได้เร็วถึง 8 เฟรมต่อวินาที ดังนั้นถ้านับในเรื่องตัวประมวลผลและบัฟเฟอร์ก็คงต้องบอกว่าใน 7D นั้นเหนือกว่า
เรื่องโครงสร้าง ถ้าได้อ่านมาก็จะทราบว่า 7D นั้นมีโครงสร้างเดียวกับกล้อง 1D Series ซึ่งก็ต้องถือว่ามีความทนทานกว่า 5D Mark II และยังสมบุกสมบันต่อสภาพอากาศต่างๆได้มากกว่าเสียด้วย
รวมๆกันทั้งหมดนี้ก็ต้องเรียกว่า 7D เป็นกล้องที่ล้ำหน้ากว่า 5D Mark II มาก แน่นอนว่า 5D Mark II เป็นกล้องที่มีอายุร่วมๆ 2 ปีแล้ว แต่คำถามถัดไปก็คงเป็นว่า “ราคา 5D Mark II ในปัจจุบันเป็นราคาที่เหมาะสมแล้วหรือ?” และ “Canon สามารถผลิตกล้องฟูลเฟรมที่มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกับ 7D ในราคาเท่าๆกันกับ 7D ได้หรือไม่?” ซึ่งตามเหตุผลที่กล่าวมาก็ต้องบอกว่าราคา 5D Mark II ในปัจจุบันนั้นแพงเกินไป เพราะด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน Canon น่าจะสามารถผลิตกล้องฟูลเฟรมที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ 7D ในราคาที่ใกล้เคียงกันได้ด้วยซ้ำ
หมายเหตุเพิ่มเติมสำหรับมือสมัครเล่น ถ้าค่าส่วนต่างมันเพียงพอหรือคุ้มกับความสุขทางใจและคุณภาพภาพที่ได้จากล้องฟูลเฟรม 5D Mark II ก็ซื้อไปเถอะครับ เพราะว่าคิดยังไงก็คุ้มอยู่ดีครับ