บริเวณ Mall Road (ตลาดบน)
Mall Road แหล่งค้าขาย ที่เต็มไปด้วยร้านรวงต่าง ๆ จะเห็นว่า ที่นี่ไม่มีรถขึ้นมา
วิ่งให้วุ่นวายเพราะมีการกั้นพื้นที่ ไม่ให้มี ยวดยานพาหนะ มาขับขี่ยังบริเวณนี้
รวมไปถึง The Ridge
Ta - Tung เอ๊ะ ...ฟังชื่อดูแล้วไม่อินเดียเลยใช่ไหมล่ะ? เพราะนี่คือ ร้านที่รับสั่งทำรองเท้าหนัง
แบบ Handmade แห่งแรกซึ่งเป็นกิจการของ ชาวจีน นั่นเอง
การเดินทาง
มะนาลี กับ ชิมลา มีระยะห่างกันเพียง 247 กิโลเมตร แต่กลับต้องใช้เวลา
เดินทางนานร่วม 8 ชั่วโมง เพราะสภาพเส้นทางที่เป็นภูเขา
รถโดยสารจะมาวิ่งสุดทางยังที่ ท่ารถใหม่ (new bus stand ; Inter state Bus Terminal)
และจะต้องต่อรถเมล์ขึ้นไปยัง ท่ารถเก่า (old bus stand) ที่ตั้งอยู่บริเวณเมืองด้านบน
ก่อนที่จะต้องออกแรงเดินขึ้นทางเนินบันไดไปยัง Mall road อีกที
แต่ยังไงก็ควรถามที่หมายปลายทางของรถที่นั่งมาเพื่อความแน่ใจด้วยนะ
ส่วนเมืองอื่นที่เคยเดินทางเชื่อมต่อจากที่นี่
เช่น...เดห์ราดูน, เดลี, ดารัมชาลา, มะนาลี
ต่างก็ใช้เวลาร่วม 8 - 10 ชั่วโมงได้
ในอีกหนึ่งทางเลือกที่ยาวนานพอกัน แต่ดูเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่
อยากนั่งรถไฟไต่ระดับขึ้นเขามาเรื่อย ๆ ผ่านทิวทัศน์สวย ๆ ที่มีดงสน และป่าไม้
รายรอบ ในกรณีนี้ต้องไปเริ่มตั้งต้นจากที่สถานีรถไฟเมือง กัลกา (kalka)
โดยเส้นทางระหว่าง กัลกา - ชิมลา จะมีระยะห่าง 90 กิโลเมตร หากเทียบกับ
การนั่งรถโดยสาร ก็จะใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง และหากนั่งรถไฟก็จะกินเวลานานถึง
6 ชั่่วโมง
ภาพยามค่ำคืนจากบนที่พัก Y.M.C.A.
ระหว่างทางเดินไป Himachal State Museum
หากมีเวลาเราแนะนำให้มาที่พิพิธภัณฑ์นี้นะคะ ค่าเข้าชม 100 รูปี
และถ้าต้องการถ่ายภาพด้านในก็ต้องเสียค่ากล้องเพิ่มอีก 100 รูปี
มุมมองจากบนเขา Jakhoo
ตามภูมิศาสตร์ ชิมลา นั้นอยู่บนความสูง 2,205 เมตรจากระดับน้ำทะเล
แต่ทั้งนี้ด้วยความที่เมืองตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาทั้งเจ็ดลูกจึงทำให้มีระดับความสูง
ในแต่ละแห่งลดหลั่นต่างกันไป และนี่คือรายนามของขุนเขาเหล่านี้
1. Inverarm Hill 2. Observatory Hill 3. Prospect Hill 4. Summer Hill
5. Bantony Hill 6. Elysium Hill 7. Jakhoo Hill
แต่ละพื้นที่มีการกระจายเขตที่ตั้งเมืองออกไปตามแนวเขา เมื่อมองจากที่สูงก็จะ
เห็นภาพของอาคารบ้านเรือนที่กระจุกตัวกันเต็มไปหมด การที่มีคนมาย้ายถิ่นมา
อาศัยอยู่มากขึ้นก็ย่อมต้องมีการขยายตัวเมืองเป็นธรรมดา และยังมีภาคส่วนของ
เมืองใหญ่ที่ชื่อว่า Chotta Shimla (โชตา ชิมลา) หรือ ชิมลาน้อย
และ New Shimla ชิมลาใหม่ อีกด้วย
รูปปั้นหนุมาน กับขนาดความสูง 33 เมตร เป็นจุดเด่นที่สำคัญของ Jakhoo Hill
ซึ่งถือว่า เป็นจุดสูงสุดของชิมลา เขาลูกนี้ตั้งอยู่บนความสูง 2,455 เมตร จาก-
ระดับน้ำทะเล ส่วนเส้นทางเดินขึ้นอยู่ตรงเนินขึ้นศาลาชมเมือง ระยะทาง 2.5
กิโลเมตร โดยจะมีป้ายวัดระดับสมรรถนะร่างกาย (Fitness Board)ให้ลองเทียบ
จับเวลาตรงทางขึ้น
วิวระหว่างทางสวยดีและลิงโหดมาก จำเป็นต้องเก็บข้าวของไว้ในกระเป๋าให้
มิดชิด และอย่าถือของกินให้ดูประเจิดประเจ้อจนเกินไปนัก
วัดฮินดู ที่ชื่อว่า "จั๊คคู" อันเป็นชื่อเดียวของภูเขานี้ ตามตำนานรามายณะ เชื่อกันว่าที่นี่เป็นสถานที่
แวะหยุดพักของ หนุมาน เมื่อครั้นต้องเหาะไปหาสมุนไพรเพื่อนำมาใช้รักษาอาการบาดเจ็บของ
พระลักษมณ์
หลังจากสำรวจเมืองไปสักพัก ดูเหมือนว่ากระเป๋าเงินเรา
จะเริ่มแฟบ ลงเรื่อย ๆ ใช่ไหม?
ใช่เลย เนื่องจากเมืองนี้ มีค่าครองชีพค่อนข้างสูง เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว
ครั้นนักท่องเที่ยวจะมัวแต่เข้าร้านย่าน Mall Road นานไปก็อาจกระเป๋าฉีกได้
ทีนี้เราลองมาเดิน ตลาดล่าง (Lower Market) กันบ้าง หากอยู่กับพื้นที่จอแจได้
นี่ก็อาจเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่เราลองมาใช้เวลาดูวิถีชีวิตแบบชาวบ้านจริง ๆ กัน
แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะว่าบรรยากาศจะต่างจาก Mall Road มหาศาล
ก็เป็นย่านตลาดร้านค้าทั่วไป แบบบ้านเรา มีของกิน แผงขายผัก ผลไม้
ร้านน้ำชา ร้านอาหารทั่วไป ราคาไม่สูงเท่าด้านบนถ้าไม่ติดหรูก็ประหยัดได้เยอะ
ร้านน้ำชา ท้องถิ่น ที่ตลาดล่าง
ในอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับร้านที่ตั้งบนถนน Mall Road ที่ราคาไม่แพงจนเกินไป
และเรามักจะมากินบ่อย ๆ ก็คือ Indian Coffee House ค่ะ อยู่ถัดไปจาก
Scandal Point เล็กน้อย บรรยากาศย้อนยุคดีไม่มี wifi ใช้ มีแต่คนมานั่งคุยกัน
พนักงานแต่งชุดขาวมีเอกลักษณ์ มีกาแฟให้สั่ง และที่แน่ ๆ คือไม่มีชาขาย :)
ส่วนเมนูและราคาก็เลือกสั่งตามป้ายที่ขึ้นแจ้งไว้เลย
เรื่องการหาซื้อของที่ระลึก ตลาดที่แนะนำจะตั้งอยู่ด้านข้าง The Ridge ฟากซ้าย
มือชื่อว่า Lakkar Bazaar ข้าวของส่วนใหญ่จะมีการตั้งราคาไว้เรียบร้อยแล้ว
หน้าตาของ lakkar bazaar และร้านขายของที่ระลึกที่รอบพื้นที่บนตัวเมืองนี้ เราอาจได้เห็นป้ายแจ้งบอกข้อห้ามและค่าปรับมากมาย
อย่างการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ, ถ่มน้ำลายลงพื้น, ทิ้งขยะเรี่ยราด และอื่น ๆ
อ้อ...ยังมีอีกเรื่องที่ทางการคงลืมเขียนติดบอกไว้ก็คือ ไม่ควรถือของเดินกิน
หรือ นั่งกินขนมอย่างเปิดเผย บริเวณบางพื้นที่ไม่ใช่เพราะดูเสียมารยาทหรอกนะ แต่ฉันเคยเสียค่าปรับเป็นขนมเค้กให้ลิงจ๋อมาถึงสองหนแล้วต่างหาก! ส่วนในกรณีอื่นนั้นนน : https://www.youtube.com/watch?v=1XEhx6iSmnU
ในเอนทรี่นี้เราได้แนะนำชิมลาให้รู้จักกันอย่างคร่าว ๆ ไปแล้ว
ส่วนตอนหน้าจะพาออกไปเที่ยวนอกเมืองกันบ้างละ
อื่น ๆ
## การจองเที่ยวรถฯ ##
ตรง The Ridge จะมีที่ตั้งของที่ทำการ HPTDC Office
ที่ให้บริการจองเที่ยวรถ และ ให้คำแนะนำด้านการท่องเที่ยว
## ทางขึ้น Jakhoo ##
เมื่อ ปี 2015 ได้เห็นการสร้าง Ropeway ขึ้นไปด้านบนแล้ว
ในช่วงนั้นยังอยู่ในขั้นทดสอบ จึงยังไม่มีข้อมูลปัจจุบันสำหรับเรื่องการเปิดใช้บริการ
## พิพิธภัณฑ์ ที่น่าสนใจ ##
- Himachal State Museum
- The Heritage Museum
ส่วนที่ Town Hall ที่ตั้งอยู่ตรง Mall Road
จะมีการจัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์โดยมีเวลาแบ่งรอบให้เข้าชม
และบางครั้งก็อาจมีการใช้พื้นที่จัดนิทรรศการในวาระอื่น ๆ
## เอนทรี่นี้ได้รวบรวม 'ชิมลา' ที่เขียนเนื้อหากระจัดกระจายไว้ถึงสองหน
ดังนั้น จึงขอลงบันทึกนี้ไว้แทนที่ฉบับเดิม เพื่อง่ายต่อการเก็บข้อมูลนะคะ ##
ตอนกลางๆค่อนบนๆของอินเดียอากาศน่าจะดีนะครับ แต่เมืองนี้ก็เหมือนกับบอมเบย์ โดนอังกฤษทำเป็นเมืองตะวันตกไปซะแล้ว
บล็อกนี้เดินไปทั่วเก็บภาพช็อตแจ๋วๆจากแต่ละมุมแบบ intensive เลย ถึงจะเป็นเมืองของเจ้าแม่กาลีแต่ไม่เห็นรูปปั้นเจ้าแม่กาลีแฮะ อยากดูศาสนสถานของแม่กาลีเหมือนกันนะว่าจะสยดสยองได้ระดับไหน
มีแต่หนุมานบน Jakhoo Hill สงสัยมีไว้เตือนนักท่องเที่ยวว่าแถวนี้ลิงดุ 555 น่าจะลองจับไปสู้กับลิงเมืองเพชร
ย่านร้านค้าดูสะอาดเรียบร้อยกว่าที่คิด สงสัยอังกฤษยุคนู้นวางกฎไว้เข้ม การมีประเทศเจริญมาคุกคามมันก็ผลักดันให้ประเทศล้าหลังดึงตัวเองขึ้นมาอยู่นะ อย่างไทยเองก็ต้องรีบขุดค้นประวัติศาสตร์ รีบสร้างความอารยะ เลิกทาส สร้างความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างหัวเมืองต่างๆ ฯลฯ กันน่าดู