Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
2 กรกฏาคม 2557
 
All Blogs
 
Shimla - ชิมลา ราชินีแห่งขุนเขา






So long as 'neath the Kalka hills,
The tonga horn shall ring,
So long as down the Solan dip
The hard - held ponies swing,
So long as Tara Devi sees
The lights of Simla town,
So long as pleasure calls us up
Or duty drives us down....

Rudyard Kipling



ภาพของ ชิมลา ในศตวรรษที่ 19 - ถ่ายมาจาก The Heritage Museum



Shimla เป็นคำที่ผันมาจากชื่อเดิม
คือ Shyamala อันเป็นอีกนามหนึ่งของเจ้าแม่กาลี

เราอาจได้ยินผู้คนออกเสียงเรียกเมืองนี้ว่า ชิมลา (Shimla)
หรือไม่ก็ ซิมลา,สิมลา (Simla) เช่นกัน


ในปี ค.ศ.1864 ชิมลา ได้ถูกสถาปนาขึ้นเป็น เมืองหลวงภาคฤดูร้อน
เมื่อครั้นที่อินเดียอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ
(Summer capital of British India)
อีกทั้ง เหล่าบรรดาข้าหลวงของอังกฤษที่มาประจำการที่อินเดียในยุคอาณานิคม
ก็มักจะหลบหนีความร้อนระอุจากเมืองทางตอนล่าง มาตากอากาศกันที่นี่  เพราะ
มีอุณหภูมิที่เหมาะสมและเย็นสบายตลอดทั้งปี กระทั่งในฤดูร้อน

ด้วยเหตุนี้หน้าตาของชิมลาจึงประกอบไปด้วย อาคารและสถาปัตยกรรม
แบบยุโรป อันเป็นจุดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของเมืองมาแต่ดั้งเดิม





จุดตรงนี้คือบริเวณที่เรียกว่า The Ridge
จะมีฉากหลังเป็นโบสถ์แองลิกัน ที่ชื่อว่า Christ Church ตั้งอยู่
ส่วนอาคารด้านข้างนั้นเป็นห้องสมุดแต่จำกัดเฉพาะสมาชิกเท่านั้น




ภายในโบสถ์ Christ church คริสตจักรของคณะแองกลิกัน 


Christ Church
 ก่อสร้างด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรม นีโอ-โกธิค (วางศิลาราก
ในปี ค.ศ. 1844) และ เปิดทำการ ในปี ค.ศ. 1857
ปัจจุบันยังใช้ประกอบพิธีทาง
ศาสนาตามปกติและเปิดให้นักท่องเที่ยว
เข้าชมด้านใน แม้บางครั้งประตูโบสถ์
ด้านหน้าอาจดูเหมือนว่าถูกปิดไว้  แต่ที่จริงแล้วต้องไปที่ประตูทางเข้าด้านข้างค่ะ




ภาพลาน The Ridge จากมุมด้านบนตรงศาลา



รูปปั้นของ Dr. Yashwant Singh Parmar บริเวณ Daulat Singh park



นอกจากจะเห็นรูปปั้นของ อินทิรา คานธี และ มหาตมะ คานธี
ที่คุ้นตากันดีแล้ว ยังมีอีกหนึ่งบุคคลที่เราจะมาทำความรู้จักกันในครั้งนี้ก็คือ
Dr. Yashwant Singh Parmar ผู้ก่อตั้งรัฐหิมาจัลประเทศ

ซึ่งในอดีตนั้นยังไม่มีชื่อของรัฐหิมาจัลประเทศ ปรากฏขึ้น เนื่องจากได้ถูกนำไป
ผนวกรวมกับ รัฐปัญจาบ จากการแบ่งเขตการปกครองเดิมทำให้ ชิมลา เคยมี
สถานภาพเป็นเมืองหลวงของรัฐปัญจาบ มาก่อนหน้า

แต่แล้วในปี ค.ศ. 1971 เมื่อ หิมาจัลประเทศ ถูกก่อตั้งขึ้น 
ชิมลา จึงกลายมา
เป็นเมืองหลวงแห่งรัฐหิมาจัลประเทศ ในที่สุดและ ผู้ที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง
มุขมนตรีคนแรกแห่งรัฐ ฯ ก็คือ Dr. Parmar นั่นเอง





จุดตรงนี้เรียกว่า Scandal Point


ถัดจากตรงนี้ไป ก็จะพบเห็นที่ตั้งของวงเวียนเล็กที่มีตำรวจยืนเฝ้าประจำการอยู่
และลานที่ตั้งของม้านั่ง ที่เต็มไปด้วยผู้คนมานั่งพักผ่อนนั่งคุยกันตลอดทั้งวัน
มันจึงเลยได้ชื่อว่า Scandal Point  คง
อาจเพราะที่จุดนี้ตั้งอยู่ใกล้กับธนาคาร,
ที่ทำการไปรษณีย์, ร้านอาหาร และเบเกอรี่ ฯลฯ  
ส่วนตำรวจที่ยืนเฝ้าเวรยามตรง
ซุ้มกลางถนนบางครั้งก็มีตำรวจหญิงด้วยนะ



บริเวณ Mall Road (ตลาดบน) 

Mall Road แหล่งค้าขาย ที่เต็มไปด้วยร้านรวงต่าง ๆ จะเห็นว่า ที่นี่ไม่มีรถขึ้นมา
วิ่งให้วุ่นวายเพราะมีการกั้นพื้นที่ ไม่ให้มี ยวดยานพาหนะ มาขับขี่ยังบริเวณนี้
รวมไปถึง The Ridge 



Ta - Tung  เอ๊ะ ...ฟังชื่อดูแล้วไม่อินเดียเลยใช่ไหมล่ะ?  เพราะนี่คือ ร้านที่รับสั่งทำรองเท้าหนัง
แบบ Handmade แห่งแรกซึ่งเป็นกิจการของ ชาวจีน นั่นเอง



การเดินทาง

มะนาลี กับ ชิมลา มีระยะห่างกันเพียง 247 กิโลเมตร แต่กลับต้องใช้เวลา
เดินทางนานร่วม 8 ชั่วโมง
เพราะสภาพเส้นทางที่เป็นภูเขา 

รถโดยสารจะมาวิ่งสุดทางยังที่ ท่ารถใหม่
(new bus stand ; Inter state Bus Terminal)
และจะต้องต่อรถเมล์ขึ้นไปยัง ท่ารถเก่า (old bus stand) ที่ตั้งอยู่บริเวณเมืองด้านบน
ก่อนที่จะต้องออกแรงเดินขึ้นทางเนินบันได
ไปยัง Mall road อีกที 
แต่ยังไงก็ควรถามที่หมายปลายทางของรถที่นั่งมาเพื่อความแน่ใจด้วยนะ

ส่วนเมืองอื่นที่เคยเดินทางเชื่อมต่อจากที่นี่ 
เช่น...เดห์ราดูน, เดลี, ดารัมชาลา, มะนาลี

ต่างก็ใช้เวลาร่วม 8 - 10 ชั่วโมงได้




ในอีกหนึ่งทางเลือกที่ยาวนานพอกัน แต่ดูเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่
อยากนั่งรถไฟไต่ระดับขึ้นเขามาเรื่อย ๆ 
ผ่านทิวทัศน์สวย ๆ ที่มีดงสน และป่าไม้
รายรอบ 
ในกรณีนี้ต้องไปเริ่มตั้งต้นจากที่สถานีรถไฟเมือง กัลกา (kalka)
โดยเส้นทางระหว่าง กัลกา - ชิมลา จะมีระยะห่าง 90 กิโลเมตร หากเทียบกับ
การนั่งรถโดยสาร ก็จะใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง 
และหากนั่งรถไฟก็จะกินเวลานานถึง
6 ชั่่วโมง 



ภาพยามค่ำคืนจากบนที่พัก Y.M.C.A.


ระหว่างทางเดินไป Himachal State Museum
หากมีเวลาเราแนะนำให้มาที่พิพิธภัณฑ์นี้นะคะ ค่าเข้าชม 100 รูปี
และถ้าต้องการถ่ายภาพด้านในก็ต้องเสียค่ากล้องเพิ่มอีก 100 รูปี 




มุมมองจากบนเขา Jakhoo


ตามภูมิศาสตร์ ชิมลา นั้นอยู่บนความสูง 2,205 เมตรจากระดับน้ำทะเล
แต่ทั้งนี้ด้วยความที่เมืองตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาทั้งเจ็ดลูกจึงทำให้มีระดับความสูง
ในแต่ละแห่งลดหลั่นต่างกันไป 
และนี่คือรายนามของขุนเขาเหล่านี้

1. Inverarm Hill 2. Observatory Hill  3. Prospect Hill  4. Summer Hill
5. Bantony Hill 6. 
Elysium Hill  7. Jakhoo Hill 

แต่ละพื้นที่มีการกระจายเขตที่ตั้งเมืองออกไปตามแนวเขา เมื่อมองจากที่สูงก็จะ
เห็นภาพของอาคารบ้านเรือนที่กระจุกตัวกัน
เต็มไปหมด การที่มีคนมาย้ายถิ่นมา
อาศัยอยู่มากขึ้นก็ย่อมต้องมีการขยายตัวเมือง
เป็นธรรมดา และยังมีภาคส่วนของ
เมืองใหญ่ที่ชื่อว่า
Chotta Shimla (โชตา ชิมลา) หรือ ชิมลาน้อย 
และ New Shimla ชิมลาใหม่ อีกด้วย



รูปปั้นหนุมาน กับขนาดความสูง 33 เมตร เป็นจุดเด่นที่สำคัญของ Jakhoo Hill
ซึ่งถือว่า เป็นจุดสูงสุดของชิมลา เขาลูกนี้ตั้งอยู่บนความสูง 2,455 เมตร จาก-
ระดับน้ำทะเล ส่วนเส้นทางเดินขึ้นอยู่ตรงเนินขึ้นศาลาชมเมือง ระยะทาง 2.5
กิโลเมตร  โดยจะมีป้ายวัดระดับสมรรถนะร่างกาย (Fitness Board)ให้ลองเทียบ
จับเวลาตรงทางขึ้น

วิวระหว่างทางสวยดีและลิงโหดมาก จำเป็นต้องเก็บข้าวของไว้ในกระเป๋าให้
มิดชิด และอย่าถือของกินให้ดูประเจิดประเจ้อจนเกินไปนัก




วัดฮินดู ที่ชื่อว่า "จั๊คคู" อันเป็นชื่อเดียวของภูเขานี้ ตามตำนานรามายณะ เชื่อกันว่าที่นี่เป็นสถานที่
แวะหยุดพักของ หนุมาน เมื่อครั้นต้องเหาะไปหาสมุนไพรเพื่อนำมาใช้รักษาอาการบาดเจ็บของ
พระลักษมณ์ 





หลังจากสำรวจเมืองไปสักพัก ดูเหมือนว่ากระเป๋าเงินเรา
จะเริ่มแฟบ ลงเรื่อย ๆ ใช่ไหม?

ใช่เลย เนื่องจากเมืองนี้ มีค่าครองชีพค่อนข้างสูง เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว
ครั้นนักท่องเที่ยวจะมัวแต่เข้าร้านย่าน Mall Road นานไปก็อาจกระเป๋าฉีกได้
ทีนี้เราลองมาเดิน ตลาดล่าง (Lower Market) กันบ้าง หากอยู่กับพื้นที่จอแจได้
นี่ก็อาจเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่เราลองมาใช้เวลาดูวิถีชีวิตแบบชาวบ้านจริง ๆ กัน

แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะว่าบรรยากาศจะต่างจาก Mall Road มหาศาล





ก็เป็นย่านตลาดร้านค้าทั่วไป แบบบ้านเรา มีของกิน แผงขายผัก ผลไม้ 
ร้านน้ำชา ร้านอาหารทั่วไป ราคาไม่สูงเท่าด้านบนถ้าไม่ติดหรูก็ประหยัดได้เยอะ 



ร้านน้ำชา ท้องถิ่น ที่ตลาดล่าง



ในอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับร้านที่ตั้งบนถนน Mall Road ที่ราคาไม่แพงจนเกินไป 
และเรามักจะมากินบ่อย ๆ ก็คือ Indian Coffee House ค่ะ อยู่ถัดไปจาก
Scandal Point เล็กน้อย บรรยากาศย้อนยุคดีไม่มี wifi ใช้ มีแต่คนมานั่งคุยกัน
พนักงานแต่งชุดขาวมีเอกลักษณ์ มีกาแฟให้สั่ง และที่แน่ ๆ คือไม่มีชาขาย :)
ส่วนเมนูและราคาก็เลือกสั่งตามป้ายที่ขึ้นแจ้งไว้เลย

เรื่องการหาซื้อของที่ระลึก ตลาดที่แนะนำจะตั้งอยู่ด้านข้าง The Ridge ฟากซ้าย
มือ
ชื่อว่า Lakkar Bazaar ข้าวของส่วนใหญ่จะมีการตั้งราคาไว้เรียบร้อยแล้ว



หน้าตาของ lakkar bazaar และร้านขายของที่ระลึก

ที่รอบพื้นที่บนตัวเมืองนี้ เราอาจได้เห็นป้ายแจ้งบอกข้อห้ามและค่าปรับมากมาย
อย่างการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ, ถ่มน้ำลายลงพื้น, ทิ้งขยะเรี่ยราด และอื่น ๆ

อ้อ...ยังมีอีกเรื่องที่ทางการคงลืมเขียนติดบอกไว้ก็คือ ไม่ควรถือของเดินกิน
หรือ นั่งกินขนมอย่างเปิดเผย
บริเวณบางพื้นที่ไม่ใช่เพราะดูเสียมารยาทหรอกนะ
แต่ฉันเคยเสียค่าปรับเป็นขนมเค้กให้ลิงจ๋อมาถึงสองหนแล้วต่างหาก! 

ส่วนในกรณีอื่นนั้นนน : https://www.youtube.com/watch?v=1XEhx6iSmnU



ในเอนทรี่นี้เราได้แนะนำชิมลาให้รู้จักกันอย่างคร่าว ๆ ไปแล้ว
ส่วนตอนหน้าจะพาออกไปเที่ยวนอกเมืองกันบ้างละ





อื่น ๆ 

## การจองเที่ยวรถฯ ##

ตรง The Ridge จะมีที่ตั้งของที่ทำการ HPTDC Office
ที่ให้บริการจองเที่ยวรถ และ ให้คำแนะนำด้านการท่องเที่ยว

## ทางขึ้น Jakhoo ##

เมื่อ ปี 2015 ได้เห็นการสร้าง Ropeway ขึ้นไปด้านบนแล้ว
ในช่วงนั้นยังอยู่ในขั้นทดสอบ จึงยังไม่มีข้อมูลปัจจุบันสำหรับเรื่องการเปิดใช้บริการ


## พิพิธภัณฑ์ ที่น่าสนใจ ##

- Himachal State Museum 

- The Heritage Museum

ส่วนที่ Town Hall ที่ตั้งอยู่ตรง Mall Road

จะมีการจัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์โดยมีเวลาแบ่งรอบให้เข้าชม

และบางครั้งก็อาจมีการใช้พื้นที่จัดนิทรรศการในวาระอื่น ๆ 

## เอนทรี่นี้ได้รวบรวม 'ชิมลา' ที่เขียนเนื้อหากระจัดกระจายไว้ถึงสองหน
ดังนั้น จึงขอลงบันทึกนี้ไว้แทนที่ฉบับเดิม เพื่อง่ายต่อการเก็บข้อมูลนะคะ ##





Create Date : 02 กรกฎาคม 2557
Last Update : 23 ธันวาคม 2560 14:23:30 น. 7 comments
Counter : 1996 Pageviews.

 
เข้ามาอ่านเวอร์ชั่นรีไรท์อีกที ^^

ตอนกลางๆค่อนบนๆของอินเดียอากาศน่าจะดีนะครับ แต่เมืองนี้ก็เหมือนกับบอมเบย์ โดนอังกฤษทำเป็นเมืองตะวันตกไปซะแล้ว
บล็อกนี้เดินไปทั่วเก็บภาพช็อตแจ๋วๆจากแต่ละมุมแบบ intensive เลย ถึงจะเป็นเมืองของเจ้าแม่กาลีแต่ไม่เห็นรูปปั้นเจ้าแม่กาลีแฮะ อยากดูศาสนสถานของแม่กาลีเหมือนกันนะว่าจะสยดสยองได้ระดับไหน
มีแต่หนุมานบน Jakhoo Hill สงสัยมีไว้เตือนนักท่องเที่ยวว่าแถวนี้ลิงดุ 555 น่าจะลองจับไปสู้กับลิงเมืองเพชร
ย่านร้านค้าดูสะอาดเรียบร้อยกว่าที่คิด สงสัยอังกฤษยุคนู้นวางกฎไว้เข้ม การมีประเทศเจริญมาคุกคามมันก็ผลักดันให้ประเทศล้าหลังดึงตัวเองขึ้นมาอยู่นะ อย่างไทยเองก็ต้องรีบขุดค้นประวัติศาสตร์ รีบสร้างความอารยะ เลิกทาส สร้างความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างหัวเมืองต่างๆ ฯลฯ กันน่าดู


โดย: ชีริว วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:20:02:34 น.  

 
@ชีริว

เรียก "รียูส" ได้ป่าวว ประหยัดพื้นที่ 55
นี่รวบรวมภาพจากที่เก็บๆไว้หลายรอบ
มาลงที่เดียวเลยจะได้สมบูรณ์สักที

วัดเจ้าแม่กาลี มีอยู่นะ แต่ไม่ใหญ่โตมากเหมือนกับทางใต้
ชื่อว่า Kali Bari ตอนแรกก็ว่าจะลงประกอบบล็อกนี้
แต่ไม่ค่อยน่าสนใจเท่ากับบน Jakhoo นะ

เอ่อ... เคยยกกล้องมาถ่ายรูปบน Jakhoo วันนั้นซวย
มีลิงมันจะมาแย่ง ยื้อดึง กับมันนานมาก เกือบโดนกัด
โหด ป่ะล่ะ ?

ส่วนไอ้ลิงภาคพื้นล่าง มันเคยมาแย่งเค้กไปจากมือตรงๆ
(เหมือนแค้น ลิง เป็นการส่วนตัว !?)

ปอลิง Himachal State Museum อย่างแจ่ม
เสียดายค่ากล้อง ที่ดันงก ไม่อยากจ่ายเพิ่ม ฮืออออ....

ไหนๆ ก็ไหนๆ แถมรูปวัดเจ้าแม่กาลี ให้อ่ะ




โดย: กาบริเอล วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:20:56:01 น.  

 
ด้านในห้ามถ่ายใช่ป่ะครับ?
อยากเห็นเทวรูป แต่เทวรูปบางองค์อินเดียเขาก็ปั้นแปลกๆ อย่างพระพิฆเนศนี้ชอบเป็นก้อนอะไรสีแดงๆ น่ารักชะมัด -*-
ลิงกับหมาเป็นสัตว์ที่ขัดขวางการท่องเที่ยวมากๆ ลิงอยู่ฝูงใหญ่ก็น่ากลัวแต่อยู่แค่ไม่กี่ที่ ส่วนหมานี่เจอเกือบทุกวัดร้าง เที่ยวคนเดียวมันเห่าเอาๆ ยิ่งมาเป็นฝูงนี่อื้อหือ! เก่งสุดๆ


โดย: ชีริว วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:20:19:23 น.  

 
ถึงว่าสิ ทำไมฟ้าเตือนแล้วเตือนอีก เพราะมีกรณีพิพาทกับลิงนี่เอง พอกับลิงเขาวังบ้านเราแหละ อย่าได้ถือของกินให้เห็นนะ

ไปเที่ยว พี่ไม่ค่อยเน้นเรื่องกินหรู พักหรู อาจจะมีซักวัน ซักมื้อบ้าง บ่อย ๆ ก็ไม่ไหว เปลืองตายเลย รักจะเที่ยวถ้าไม่ประหยัด คงไปได้ไม่บ่อยเนอะ

พี่ไม่เห็นรูปแถมวัดเจ้าแม่กาลีแฮะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:15:44:28 น.  

 
ตามมาเที่ยวชิมลาด้วยจ้ะฟ้า
แฮะๆ พี่จำผิดจ้ะ เมืองชิลลอง ไม่ใช่ ชิมลา
จากนิยายตราบแผ่นดินกลบหน้า ของ โรสลาเรน

เมืองชิมลาเป็นมืองที่สวยงามและเจริญเหมือนเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ
แต่ชิมลาตั้งอยู่บนภูเขาสูง เลยคงจะขยายความใหญ่โตไปได้ช้า แบบนี้ก็ดีแล้ว

พี่ชอบดูวิถีชีวิตแบบชาวบ้านมาก อยากไปดูเขาอยู่กันยังไง
อาหารการกินเป็นยังไง ได้ชีวิตชีวาในการท่องเที่ยว

พี่หล่ะอิจฉาฟ้า ได้เที่ยวแบบนี้ (พี่ชอบนะ)
ตอนนี้อายุมากแล้ว สังขารลุยไม่ไหว แต่ก็อยากไปเที่ยวปท. ภูฏาน
ไม่รู้ว่าฝันจะเป็นจริงหรือป่าว


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 1 มีนาคม 2560 เวลา:3:36:37 น.  

 
@หลานฟ้า....
บทนำอยากรู้ ว่า แปลว่าอะไร?...
เสียจ๋ายยยด้วยลุง...ห้ามก๊อฟปี้...
ลุงเลยหมดสิทธ์ รู้ ความหมาย,

คืนพรุ่งนี้ละกัน...
จะเกินสองชม.ที่ตกลงกันไว้ กับวัยสว.,


โดย: ธนู ลุงแอ็ดชวนเที่ยว (สมาชิกหมายเลข 4365762 ) วันที่: 29 มกราคม 2562 เวลา:1:59:47 น.  

 
สมัยเป็นเด็กวัดปี2499+ ที่วัดตะโหนดราย อ.บางคนฑี สมุทรสงคราม
เมื่อมีงานวัด,โดยเฉพาะวัดเทพประสิทธิคนาวาส เลยวัดตะโหนดไปเล็กน้อย จะมีงานประจำปีทุกปี จะมีหนังกลางแปลง"กุหลาบทิพภาพยนต์"เป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ทองอยู่ ค่ายหนังนั้น จะขนหนัง อินตะระเดีย กองเป็นตั้งๆ(กล่องใส่ฟิล์มหนัง) ส่วนมาก หนังอินตะระเดีย นาร้าย นารายณ์....

ท่านมหาตมะคานธี ที่ร้านอาหารแห่งนั้น คงเป็นที่เคารพศรัทธา อย่างยิ่ง,

พวกคุณจ๋อนี่ ลุงแอ็ด นั่งมองพวกเขาได้เป็นวันๆอ่ะน่ะ (ถ้ามีเวลา)พวกเขามันมีความน่ารักน่าชัง ไปพร้อมกัน มีแถมทลึงปนอยู่ด้วย....ฮ่าาา


โดย: ธนู ลุงแอ็ดชวนเที่ยว (สมาชิกหมายเลข 4365762 ) วันที่: 30 มกราคม 2562 เวลา:1:25:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง

ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก
เป็นมนุษย์จำพวก introvert

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014


###ไม่สะดวกพูดคุยหลังไมค์นะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.