Opposite Mess Hall
OPPOSITE MESS HALL ร้านเปิดใหม่ไฉไลกลางใจเมือง เราต้องรีบแซงคิวร้านอื่นๆเอาลงให้ก่อนเพราะอยากให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆไปลองทานร้านใหม่ของ Chef Jess Barnes (ที่เพิ่งออกมาจากร้าน Quince ร้านที่เคยไปขวัญใจเราอยู่ 2 เดือน กลับไปกินอีกทีหลังChef ลาออก ร้านQuince แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด) เนื่องจากไปทานกันหลายคน เลยโชคดีมีหลายจานให้เพื่อนๆได้ยล
LOCATION BTS ทองหล่อ How to go to Opposite Mess Hall โทร 02 662 6330 เปิด 19.00-00.30 น ทุกวัน Facebook : Opposite Mess Hall ซอยสุขุมวิท 51 ตึกแถวตรงข้าม WTF Bar ร้านอยู่ตึกเดียวกับร้าน Garden of Dream และแน่นอนไม่มีที่จอดรถต้องจอดข้างทาง หรือไม่ก็ขับลึกเข้าไปจอดในที่จอดรถของSuper market แถวนั้น เค้าเก็บเงินเป็นรายชั่วโมง ชั่วโมงละ 20 บาทค่ะ
ATMOSPHERE เริ่มต้นจากภาพบรรยากาศที่ธรรมดามาก ครัวเป็นแบบครัวเปิด เนื่องจากร้านเล็ก ประกอบกับเป็นร้านที่ขายเครื่องดื่ม ให้มา Hang out กัน จึงจัดที่นั่งให้เป็น Bar แล้วใช้เก้าอี้stoolหลายที่เลย ส่วนที่เป็นโต๊ะนั่งสบายหน่อยก็มี 4-5 โต๊ะค่ะ และไฟก็ค่อยข้างสลัวเลยทีเดียว ช่วงที่เราไปคือกลางเดือนมิถุนายน56 ยังให้เฉพาะGroupที่มีจำนวนมากกว่า 6 ท่านถึงจะจองโต๊ะล่วงหน้าได้ ถ้าน้อยกว่านั้นต้อง Walk in เสี่ยงเอาเองว่าจะมีโต๊ะหรือไม่ เท่าที่สังเกตวันนั้นที่เราไปกัน คนเต็มทุกโต๊ะตั้งแต่ 2 ทุ่มกว่าเนื่องจากเป็นวันศุกร์และมีแต่ชาวต่างชาติ เป็นฝรั่งซะมาก มีคนไทยโต๊ะเดียวคือโต๊ะพวกเรา
FOOD ต้องชี้แจงก่อนเลยว่า เมนูประจำของร้านยังไม่เยอะเท่าไหร่ตอนเราไปลองทาน ฉะนั้นเมนูพิเศษประจำวันจะเยอะนิดนึงค่ะ ขอเริ่มจากเครื่องดื่มดับกระหายในเมนูหลัก น่าดีใจที่หลังๆบ้านเรามีการนำเข้าBeer แปลก+ใหม่จากทั่วโลกมาให้เราได้ชิมกัน ในราคาที่ถ้าไม่กินเอาเมาก็มิได้ทำร้ายกระเป๋าเราเท่าใดนัก = ) อาจตีความได้ว่า คนไทยนิยมลองของใหม่ๆ และเปิดกว้างขึ้น มีความเข้าใจความหลากหลายมากขึ้นก็เป็นได้
ซ้าย Beer : ROGUESS DEAD GUY ALE ขวา Beer : ANDERSON VALLEY BOONT AMBER ALE 2 ขวดนี้น่ารักมาก แค่graphicบนขวดก็น่ารักแล้ว
ANDERSON VALLEY BOONT AMBER ALE : เบียร์สไตล์แอมเบอร์เอล เมื่อรินใส่แก้วจะพบกับเนื้อเบียร์สีทองแดงเข้ม ได้กลิ่นและรสสัมผัสบางเบาของความหวานและขมรวมไปถึงกลิ่นหอมบางๆ ทำให้เบียร์ตัวนี้ดื่มง่ายตามสไตล์ของแอนเดอร์สันวัลลี่ เปอร์เซ็นแอลกอฮอล์ 5.8% ROGUESS DEAD GUY ALE : เบียร์สไตล์เฮลส์บ็อค ที่ให้รสชาติอันซับซ้อนระหว่างน้ำผึ้ง กากน้ำตาล และรสขมจากดอกฮ็อปในตอนท้าย เป็นเบียร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากกับคอเบียร์อเมริกัน เปอร์เซ็นแอลกอฮอล์ 6.5% Reference : brewbkk.com
Cocktail : Fig Leaf
Beer : Honey Apricot Ale
Honey Apricot Ale Beer แก้วนี้ของเพื่อนที่ไปด้วย เราแค่ขอจิบๆเลยไม่รู้รสเท่าไหร่ แต่ Fig Leaf : M.H. Sweet Vermount, Zapaca 23 year old Rum, Lime Juice, Fig Syrup สมูท หวาน หอม ประทับจิต ไม่กินแล้วมีตะขิดตะขวงลิ้นแบบบางร้าน แก้วนี้ให้ผ่าน
เมนูอาหารของ Chef Jess Barnes นี่ ตั้งแต่ร้าน Quince แล้วที่เราอ่านเมนูแล้วไม่ค่อยมีเมนูที่เราจะรู้จักสักเท่าไหร่ อาจจะรู้จักแค่ 3 ใน 10 เท่านั้น ซึ่งพวกเราลงความเห็นว่า Chef ใจกล้ามากที่ create อาหารที่อ่านแต่ชื่อแล้วนึกหน้าตาไม่ค่อยออกว่าจะออกมาเป็นยังไง และอีกทั้งเมนูประจำวันที่หลากหลายไปแล้วจะมีเมนูที่เราตื่นเต้นให้กินเมนูใหม่ๆตลอด
Fig, Radish Buffalo Curd
Warm Potato & Artichoke
Salad of Crab
Smoked Bone Marrow Dumpling
Fig, Radish Buffalo Curd (เมนูพิเศษประจำวัน) หอมมันเนย ทานคู่กับ Fig และ Radishทำออกมาได้สดและชื่นใจมาก เป็นการเริ่มต้นมื้อที่ดีสุดๆ Warm Potato & Artichoke, sorrel, horseradish & Egg (เมนูหลัก) จานนี้มันฝรั่งร้อนๆ มาคู่กับส่วนอื่นๆที่อุณหภูมิห้อง ที่ชอบคือมีกลิ่นคล้ายๆวาซาบิขึ้นจมูกนิดๆ เป็นจานที่ตักกินแล้วงงว่า นี่มันอะไรบ้างหว่า แต่อร่อยจัง Salad of Crab, ajo blanco, cucumber, grapes, mint, chorizo oil (เมนูหลัก) จานนี้สลัดเนื้อปู อันนี้เฉยๆกินได้กินดี แต่ก็ธรรมดานะ Smoked Bone Marrow Dumpling, beef broth, pumpkin, fermented daikon (เมนูหลัก) เกี๊ยวไขกระดูก ราดน้ำซุปเนื้อวัว อันนี้มีกลิ่นเฉพาะตัวรสชาติ แป้งบาง หอมน้ำซุป รสชาติอร่อยขนบรรยายไม่ถูก ถ้าใครนึกไม่ออกจะคล้ายก๋วยเตี๋ยวหลอด ที่แป้งบางๆราดน้ำอร่อยๆ
Cured Ox tougue, Sorrel, Pesto
Croquettes beef + mustard
Duck Waffle
Cured Ox tougue, Sorrel, Pesto (เมนูพิเศษประจำวัน) ลิ้นวัวที่ผ่านการบ่ม แต่ชิมแล้วคิดว่ามันค่อนข้างจะดิบเลย ราดซอสเพสโต้ ตัวนี้เราไม่ชอบเพราะมันมีกลิ่นที่เราไม่คุ้นเคย แต่รสสัมผัสโอเคCroquettes beef + mustard(เมนูพิเศษประจำวัน) จานทานเล่นธรรมดาที่ไม่ธรรมดา จานนี้ชีสอย่างเยอะ รสเลยออกเนยและหนึบๆ บวกกับไส้ในเนื้อวัว กินร้อนๆอร่อยสุดๆ Savoury Duck Waffle, leg confit, pate, crispy skin & Picalily relish (เมนูหลัก) จานนี้กรี๊ดดด เป็นการนำแต่ละส่วนของเป็ดทั้งขาเป็ด, ตับเป็ด และหนังเป็ดกรอบ มาสุมรวมเป็นCombination ยังกะ Plaisir Sucré ขนมของเฮีย Pierre Herme ที่เล่น Layer ของChocolate ซึ่งจานนี้ทำได้ดีมากๆ ตัวWaffle เป็นแบบเนื้อแน่นนุ่มนิดๆ เป็นอีกจานที่อยากกลับไปกินสุดๆเลย
Fried Chichen & Kimchi
Mackeral Confit Fried Chichen & Kimchi (เมนูพิเศษประจำวัน)ไก่ทอดธรรมดา แต่กิมจิเผ็ดสุดๆ เราว่าจานนี้เฉยๆอ่ะ Mackeral Confit Sicilian style, pickled chayote, avocado, feta (เมนูหลัก) จานนี้ก็Healthy ดีค่ะ สั่งได้ไม่ผิดกฎ เนื้อปลาแน่นๆ
Rose water & Milk Granita
Baked Fig, frangipani Tart
Rose water & Milk Granita (เมนูพิเศษประจำวัน) อันนี้เฉยๆ หวานหอมเย็นดี แต่สมาชิกท่านนึงบอกกลิ่นเหมือนน้ำอบไทยค่ะ ฮา Baked Fig, frangipani Tart(เมนูพิเศษประจำวัน) อันนี้ก็อร่อยใช้ได้เลย เป็นของหวานปิดท้ายที่น่าประทับใจทีเดียวสำหรับร้านที่ไม่ได้ทำขนมเป็นอาชีพหลัก มีอีกร้านก็Smith ในซอยสุขุมวิท49 นะที่ของหวานปิดท้ายน่าประทับใจ
สรุปภาพรวมอาหารเครื่องดื่มแม้ว่าจะมีตัวเลือกให้ไม่เยอะ แต่ก็ไม่มีตัวไหนเป็น #failfood นะคะ มีแต่อร่อยมาก อร่อย และเฉยๆOK
SERVICE & VALUE การบริการไม่มีปัญหาค่ะ มีที่ลืม order บ้างแต่พอเราตามก็ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการคุ้มค่า มื้อนี้หารกันเฉพาะค่าอาหารตกคนละ 700 บาท กินแบบเต็มที่กันเลยนะ เราว่าปริมาณอาหาร+ราคาใกล้เคียงกับ greyhound cafe แต่คุ้มค่ากว่าเยอะเลยที่ได้ทานอาหารcreative และอร่อยมาก+แปลกใหม่ ที่แย่คือไม่มีที่จอดรถเป็นของตัวเองนี่แหละค่ะ ต้องจอดข้างถนนหรือที่จอดรถในซอยเอาโดยเสียเงินเพิ่มเอง ชอบร้านนี้มากและจะกลับไปอีกแน่นอน I <3 <3 <3 JESS Barnes!
Related Links : Reference Links : Please come to visit us
|
Create Date : 26 มิถุนายน 2556 |
Last Update : 22 กรกฎาคม 2556 13:29:57 น. |
|
5 comments
|
Counter : 3340 Pageviews. |
|
|
|
อยากกินลิ้นวัว กะวาฟเฟิลเป็ด