ชื่ออื่น ๆ : กุ่ม (เลย) กุ่มน้ำบก (ชลบุรี)
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Crateva religiosa Forst. F.
วงศ์ : CAPPARIDACEAE
ลักษณะทั่วไป
- ต้น : เป็นพรรณไม้ยืนต้น มีความสูงประมาณ 5-15 เมตร
- ใบ : ใบออกเป็นช่อ ๆ หนึ่งมีราว 3 ใบ ใบมีลักษณะเป็นรูปไข่รีหรือรูปขอบขนานปลายใบแหลมเรียวมีติ่งสั้น ๆ โคนใบสอบแคบ เนื้อผิวใบบาง นิ่ม เส้นแขนงใบมี 7-11 คู่ จะเห็นได้ชัด ขนาดของใบกว้างประมาณ 1.5-4 นิ้ว ยาวประมาณ 3.5-6.5 นิ้ว
- ดอก : ดอกออกเป็นช่อ แกนกลางช่อยาวประมาณ 3-5 ซม.ลักษณะของดอกมีกลีบรองเป็นรูปไข่ ปลายกลีบมน หรือแหลมรี มีขนาดยาวประมาณ 4-7 มม. กว้างประมาณ 1.5-3 มม. กลีบดอกมีลักษณะเป็นรูปไข่ หรือรูปรี ปลายกลีบแหลมมี 4 กลีบ กลีบล่างและบน อย่างละ 2 กลีบ กลีบบนจะใหญ่กว่ากลีบข้างล่าง ตรงกลางดอกมีเกสรตัวผู้มี 13-18 อัน ก้านชูเกสรมีสีชมพู หรือสีม่วง
- ผล : ผลมีลักษณะค่อนข้างกลม หรือรูปไข่ ผลอ่อนพื้นผิวจะเรียบ พอแก้เต็มที่หรือแห้ง พื้นผิวมีสะเก็ดแบน ๆ เป็นสีเทาอมเหลือง ผลมีขนาดกว้างประมาณ 5.5-9.5 ซม. ยาวประมาณ 6-12 ซม.
เมล็ด : มีรูปลักษณะคล้าย ๆ รูปหัวใจ กว้างเพียง 5-17 มม. ยาว 10-19 มม.
การขยายพันธ์ : เป็นพรรณไม้ที่ขึ้นได้ดีในบริเวณชื้นแฉะ ขยายพันธ์ด้วยวิธีตอนกิ่ง การปักชำ หรือการเพาะเมล็ด
ส่วนที่ใช้ : เปลือกลำต้น เปลือกราก ใบ ดอก ผล
สรรพคุณ :
- เปลือกลำต้น ใช้ต้มน้ำกิน เป็นยาแก้ไข้ ช่วยเจริญอาหาร ช่วยย่อย ขับน้ำเหลือง ขับปัสสาวะ เป็นยาระบาย รักษาโรคนิ่ว และใช้ในขณะที่ถูกงูกัดจะช่วยลดพิษได้
- เปลือกราก ใช้เป็นยาถูนวดให้โลหิตเลี้ยงได้สม่ำเสมอ
- ใบ ใช้แช่หรือดองน้ำกิน แก้โรคท้องผูก แก้ลม ขับพยาธิ รักษากลากเกลื้อนบนผิวหน้า หรืออาจนำใบไปลนไฟให้ร้อนแล้วเอามาปิดหู ช่วยบรรเทาอาการปวด ปวดศรีษะและ โรคบิด
- ดอก ใช้เป็นยาเจริญอาหาร ผล เป็นยาแก้อาการท้องผูก
ถิ่นที่อยู่ : กุ่มน้ำบก เป็นพรรณไม้ที่พบอยู่ทั่วไปตามบริเวณริมชายฝั่งแม่น้ำ หรือบริเวณที่มีน้ำท่วมถึง
อ้างอิง : พจนานุกรม สมุนไพรไทย ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม
ขอบคุณข้อมูลจาก samunpri.com