ฉันฝัน.. กำลังเต้นรำ.. บนหลังคา..
ความฝันที่ใต้หมอน (ตอนที่ 23)


ตอนที่ 23


ทอแสงใช้เวลาที่สตูดิโอคุณทีน่าตลอดช่วงปิดเทอมก่อนที่จะต้องกลับมาสวมหมวกนักวิชาการอีกครั้ง สามสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เธอได้เข้าเรียนในตอนเช้า และอยู่ดูการซ้อมจนล่วงเข้าเวลาเย็น จึงแยกย้ายกันกลับบ้าน บางครั้ง เธอก็เข้าแทนที่ในตำแหน่งของคนที่ขาดซ้อมตามคำขอร้องของคุณนูเทรอฟ

และตลอดช่วงเวลานี้เอง ที่เธอค่อยๆ เรียกเอาพละกำลังและเทคนิคที่หลุดลุ่ยนั้นคืนกลับมา ถึงแม้ว่าจะยังทำไม่ได้ดีเท่าเดิมก็ตาม แต่แค่นี้เธอก็มีความสุขมากมายอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานาน เธอหลอมละลายตัวเองอยู่ในโลกใบนี้ และใช้ทุกหยาดหยดของเวลาอยู่กับมันอย่างเต็มไปด้วยคุณค่าที่สุด ชีวิตกลับไปเหมือนเช่นตอนที่เธอได้เข้าค่ายอยู่ที่บ้านสวนสตูดิโอเมื่อคราวนั้น ชีวิตที่เธอถวิลหาอยู่ตลอดเวลา และไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่า จะได้กลับไปประสบพบเจออีกแล้วในชีวิตนี้

แต่ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่มีเลิกรา ในวันอาทิตย์สุดท้ายของช่วงปิดเทอมที่แสนสุขนี้ เธอเข้าไปพบกับครูทั้งสองหลังจากการซ้อมเสร็จสิ้นลง

“คุณทีน่า คุณนูเทรอฟคะ” ทั้งคู่หันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“คือตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ฉันคงจะมาเรียนไม่ได้แล้วละค่ะ ขอบคุณมากนะคะสำหรับคลาสเรียนตลอดสามสัปดาห์ที่ผ่านมา”

“อ้าว จะไปไหนละคะ” คุณทีน่าถามเสียงสูง

“ไป เอ่อ.. พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้ว ฉันต้องกลับไปเรียนน่ะค่ะ”

“อ้าว” คุณนูเทรอฟอุทาน “คุณยังเรียนหนังสืออยู่อย่างนั้นหรือ”

“ค่ะ คือจริงๆ แล้วฉันเรียนพีเอชดีด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศน่ะค่ะ เพียงแต่ช่วงนี้ปิดเทอม ร่มไม้จึงชวนมาเต้น”

“อะไรกัน คุณอายุเท่าไหร่เอง” คุณนูเทรอฟก็เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยสุดขีด

“24 ค่ะ”

“ปู้โธ่ คุณจะรีบเรียนพีเอชดีไปทำไมตอนนี้ ทำไมไม่เต้นเสียก่อนให้มันเป็นเรื่องเป็นราว”

คำถามเช่นนี้อีกแล้ว ทอแสงคิดเพียงแต่ในใจ แต่ก็ได้เล่าเหตุผลให้กับคนทั้งสองได้รับรู้ถึงความกดดันที่เธอได้รับ จนกระทั่งเธอถอดใจ และปลงตกกับชะตากรรมเสียแล้ว

แต่กระนั้น มันก็ดูว่าการตัดสินใจเช่นนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมากสำหรับคุณนูเทรอฟ เพราะมันเป็นเรื่องยากยิ่งนักสำหรับนักบัลเล่ต์ที่เติบโตมาในอีกซีกโลกหนึ่งที่จะทำความเข้าใจได้ว่า ทำไมผู้คนที่นี่จึงให้ความสำคัญกับใบดีกรีมากมายถึงขนาดยอมทิ้ง ‘ชีวิต’ ของตนเองเพื่อมัน

ใช่ คุณนูเทรอฟหมายความเช่นนั้นจริงๆ ทอแสงกำลังจะทิ้งทั้ง ‘ชีวิต’ ของตนเอง เพราะประสบการณ์ตลอดชีวิตของคุณนูเทรอฟทำให้เขาดูออกว่า คนที่มีอะไรมากมายอยู่ในตัวอย่างทอแสงนั้น จะไปได้ไกลเท่าที่เจ้าตัวต้องการทีเดียว หากตัดสินใจเลือกทำในสิ่งที่ภายในร่ำร้องให้ทำเสียแต่ตอนนี้

ยี่สิบสี่ปี... เหลือเวลาอีกจวนเจียนเต็มที ที่สรีระของเธอจะเอื้อให้เธอทะยานขึ้นไปยังจุดสูงที่สุดได้ ก่อนที่จะคงที่ – หากไม่ถดถอยลง – ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ และหากปล่อยให้ถึงเวลานั้น พรจากสวรรค์ที่เธอมีอยู่นั้น คงจะต้องถูกกักเก็บอยู่ภายในตลอดไป และต้นไม้ต้นนี้ที่ควรจะงอกงามก็คงจะเหี่ยวแห้งลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสิ้นสลายไปในที่สุด

หรือมันจะต้องเป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ที่ใครๆ พากันสรรหาขึ้นมา แทนที่จะปล่อยให้ดาวดวงนี้ได้เปล่งแสงเจิดจรัสอย่างที่ควรจะเป็น

คุณนูเทรอฟจึงถอนใจยาว

“ผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ที่คุณตัดสินใจยุติชีวิตการเต้นเพียงเท่านี้ แต่นั่นแหละ ผมก็ไม่ได้อยู่ในฐานะอะไรที่จะไปชี้นำคุณได้หรอก ก็เอาเป็นว่าขอให้คุณได้รับในสิ่งที่ดีที่สุดบนทางที่คุณเลือกก็แล้ว แต่ผมขอพูดอย่างเดียวว่า หากคุณยังคิดอยากที่จะกลับมาเต้นแล้วล่ะก็ คุณต้องรีบตัดสินใจแล้วล่ะ เวลาไม่เคยคอยใคร”

ทอแสงกล่าวคำขอบคุณครูทั้งสองท่านอีกครั้ง แล้วกล่าวคำอำลา สายตาสองคู่มองตามหลังเธอไปด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน สำหรับคุณนูเทรอฟนั้น เขาแสนจะเสียดายเพชรเม็ดที่ยังเจียระไนไม่เสร็จเม็ดนี้เอาเสียจริงๆ แต่สำหรับคุณทีน่านั้น มันมีความโล่งใจปนอยู่ในความเสียดายนั้นด้วย

ทำไมน่ะเหรอ นั่นก็เป็นเพราะว่า หากทอแสงตัดสินใจที่จะโลดแล่นอยู่บนปลายเท้าต่อแล้วล่ะก็ ..เอมี่.. ลูกศิษย์ที่เธอบรรจงปั้นมาสิบกว่าปี ก็คงจะต้องพบคู่แข่งที่... หากได้ฝึกฝนกันจริงๆ แล้ว ก็อาจจะเหนือกว่าเธอในทุกด้าน


นาฬิกาปลุกที่โต๊ะทำงานของเธอบอกเวลาห้าทุ่มครึ่งแล้ว และตรงหน้าของเธอ ก็คือกองเอกสารที่เธอจงใจไม่แตะต้องมันมาตลอดช่วงปิดเทอม ทอแสงย่นจมูกใส่กระดาษปึกใหญ่ในกองนั้น ซึ่งมีใบปิดหน้าเป็นภาษาอังกฤษซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า

“แนวคิดเรื่องการจัดการการศึกษาอย่างเป็นองค์รวมในประเทศโลกที่สาม
เพื่อสันติภาพและพัฒนาการที่ยั่งยืน”


เธอหยิบเจ้ากระดาษปึกนี้มาพลิกเปิดอ่านผ่านๆ อย่างน้อยๆ ก็เพื่อให้มันผ่านๆ ตาไว้บ้าง เพราะพรุ่งนี้เธอต้องเข้าเรียนวิชาหนึ่งซึ่งต้องอภิปรายในประเด็นเหล่านี้

ทอแสงง่วงนอนเต็มแก่ แต่เธอยังจัดเอกสารที่ยุ่งๆ ไม่เป็นระเบียบเหล่านี้ไม่เสร็จ ชั่วขณะนั้น ทอแสงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กนักเรียนที่กำลังอยู่ในบรรยากาศ ‘back to school’ ไม่มีผิด จะมีต่างไปก็เพียงแค่ในยามที่เป็นเด็กน้อย อารมณ์เช่นนี้มันช่างแจ่มใสเบิกบาน ลิงโลดเมื่อคิดได้ว่าจะได้กลับไปเจอเพื่อนๆ เจอคุณครู ได้เจอกับบทเรียนใหม่ ห้องเรียนใหม่ อะไรๆ ก็น่าตื่นเต้นไปเสียหมด และหากเทอมก่อนเธอทำคะแนนได้เป็นที่น่าพอใจแล้วล่ะก็ ในวันเปิดเทอมแบบนี้ เธอก็มักจะมีดินสอแท่งใหม่ลายน่ารัก กล่องใส่ดินสอสวยๆ ใหม่เอี่ยม หรือไม่ก็รองเท้าคู่ใหม่มันปลาบ เอาไปอวดเพื่อนๆ ด้วย

แต่มันก็แค่เหมือนเท่านั้น เพราะสำหรับทอแสงในเวลานี้ เธอเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าใบโตของเธออย่างเกียจคร้าน แล้วลงมือจัดกระเป๋า เพื่อให้มีพื้นที่ว่างสำหรับบรรจุสิ่งของที่จำเป็นจะต้องใช้วันพรุ่งนี้ เธอหยิบเอารองเท้าพอยท์ 2 คู่ และรองเท้าซอฟท์ 1 คู่ ที่มีติดกระเป๋าไว้ตลอดช่วงที่ไปเต้นที่สตูดิโอคุณทีน่าออก และหยิบกางเกงไหมพรม พร้อมกับกระเป๋าใบเล็กที่ใส่กิ๊บดำออกมาด้วย สิ่งเหล่านี้ เธอคงจะไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกแล้ว และ.. คงนานทีเดียว หรืออาจจะไม่มีวันอีกเลย ที่เธอจะได้มีโอกาสบรรจุมันใส่กระเป๋า และแบกมันไปไหนมาไหนเหมือนอย่างสามสัปดาห์ที่ผ่านมา

สามสัปดาห์ที่เหมือนความฝัน... ฝัน...ว่าได้ใช้ชีวิตเยี่ยงนักเต้น
...ตื่นเสียที ทอแสง เก็บความฝันนั้นไว้ที่ใต้หมอนเสีย แล้วลืมมันไปซะ... เธอร้องบอกตัวเอง ก่อนจะปิดไฟที่หัวเตียงเพื่อรอรับเวลาเช้าที่เธอจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งในความเป็นจริง โดยไม่มีโอกาสบิดพลิ้วใดๆ เลย


สิบโมงเช้า ห้องสตูดิโอที่โรงเรียนคุณทีน่าคึกคักเหมือนทุกวัน ร่มไม้เดินดุ่มเข้าห้องมา แล้วไปหยิบบาร์ลอยออกมาจากมุมห้องมาตั้งไว้ตรงกลางห้องเหมือนทุกวัน เรียบร้อยแล้วก็ยกขาขึ้นพาดบาร์วอร์มอัพตัวเองอยู่เงียบๆ คนเดียว

“ไอ้ไม้” คนเรียกไม่เรียกเปล่า เพราะคนถูกเรียกถึงกับหน้าคะมำ เจ้าตัวหันกลับมาหาคนเรียก หน้านิ่ว เสียงขุ่น

“โอ๊ย อะไรของแกวะ ไอ้ต๊ะ”

“ฉันสิต้องถามแก เรียกอยู่สิบรอบแล้ว ได้ยินเสียที่ไหนเล่า มันก็ต้องถึงเนื้อถึงตัวกันหน่อยล่ะ”

“เออน่ะ แล้วเรียกเรื่องอะไร” ร่มไม้พยายามระงับอารมณ์ขุ่นที่ครองความรู้สึกเขาในเช้าวันนี้

“ก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญนักหรอก ฉันแค่สงสัยว่าวันนี้แกอุตส่าห์ลากบาร์ออกมาทำไม จำไม่ได้เหรอ วันนี้กรุ๊ปที่เรียนวันพฤหัสไม่ต้องมาซ้อมด้วย คนมันไม่ได้เยอะเสียหน่อย”

ร่มไม้หันไปมองรอบๆ ตัว คนค่อนข้างน้อยกว่าทุกวันจริงๆ ด้วย เขาลืมเสียสนิทเลย

“อืม.. ชินว่ะ เคยยืนตรงนี้มาตลอด”

ต๊ะเอียงคอมองเพื่อน ก็จริงอย่างที่มันพูดนั่นแหละ หลังๆ มานี้ ร่มไม้จะยืนอยู่ที่บาร์ลอยนี้ทุกครั้ง ผิดกันก็แต่ว่า วันนี้เขายังไม่เห็นวี่แววของคนที่เคยยืนอยู่ตรงนี้กับร่มไม้เลย

“แล้วนี่ทอแสงยังไม่มาอีกเหรอ จะสายแล้วนะ”

“ทอแสงเขาเปิดเทอมแล้ว มาไม่ได้แล้วล่ะ ต้องกลับไปเรียน”

“อ๊ะ เหรอ... อย่างนี้ก็มีด้วย งั้นวันนี้ฉันยืนกะแกเอง” แล้วต๊ะก็ลากขวดน้ำมาวางไว้ตรงที่ที่ทอแสงเคยยืน

“ก็เอาสิ” ร่มไม้พูดด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย

“เป็นอะไรวะวันนี้ ดูเบื่อๆ โลกพิกล”

“เบื่อหน้าแกนั่นแหละ” ร่มไม้ว่าไปอีกทาง

เสียงพูดคุยหยุดลงเมื่อคุณนูเทรอฟเดินเข้าห้องมา แล้วคลาสก็เริ่มต้นขึ้นตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน แต่ที่มันไม่เหมือนทุกวันก็เห็นจะเป็นตัวร่มไม้เอง เขาหมุนพิโรเว็ตได้สูงสุดเพียงสี่รอบเท่านั้นในวันนี้ มันคอยแต่จะเซไปเซมา ไม่ตรงแหน็วเหมือนเช่นทุกวัน พอถึงท่ากระโดดเขาก็กลับจำท่าไม่ได้ ทั้งๆ ที่แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เขาได้ชื่อว่าเป็นคนที่จดจำท่าได้รวดเร็วที่สุดในชั้นเรียน และยิ่งเขาทำไม่ได้ดังใจ มันก็ยิ่งบังเกิดความไม่พอใจตัวเองมากขึ้น และนั่น ก็กลับยิ่งทำให้เขาเสียสมาธิและร้อนรนมากขึ้นไปใหญ่

“ไม้ วันนี้แกโอเครึเปล่าเนี่ย” ภูมิอดไม่ได้ที่จะถามรุ่นน้องด้วยความเป็นห่วง เมื่อถึงเวลาพักก่อนที่จะซ้อม ร่มไม้พยักหน้า ถอนใจยาว

“ก็โอเคมั้งพี่ ไม่เจ็บไม่ป่วยอะไร แค่หงุดหงิดๆ นิดหน่อย”

“อะไรวะ ถ้าโอเคแล้วจะถอนหายใจทำไม”

“ไม่รู้สิพี่ มัน...” ร่มไม้หัวเราะแบบถอนฉิว “มันทำอะไรก็ไม่ได้ดังใจไปเสียหมด”

ภูมิเลิกคิ้วมองร่มไม้ชั่วครู แล้วเอื้อมมือไปตบบ่าร่มไม้เบาๆ

“เอาน่า มันก็มีวันที่ดี วันที่แย่กันทุกคนนั่นแหละ อย่างที่ครูศลเคยบอกไง บางวันก็เต้นได้ดีจนตกใจ บางวันก็ห่วยบรม โมโหตัวเองไปก็เท่านั้นแหละวะ ไอ้น้อง แต่ที่สำคัญน่ะนะ อย่ากให้มันเป็นวันที่แย่ไปจนถึงวันแสดงล่ะ”

“นั่นแหละที่ผมกลัว อีกห้าวันก็เดินทางแล้ว เกิดมาเต้นไม่ได้อะไรเอาตอนนี้เนี่ย”

“เอาเว้ย อย่าเครียดมาก ยิ่งเครียดก็ยิ่งเต้นไม่ได้ แกก็รู้ ไปล้างหน้าล้างตา แล้วกลับเข้าไปซ้อมได้แล้ว” ภูมิพูดแล้วเดินเข้าห้องไป ร่มไม้ยังนั่งอยู่ที่เดิม จนคุณนูเทรอฟเดินกลับเข้าห้องนั่นแหละ เขาถึงลุกตามเข้าห้องไป


(โปรดติดตามตอนต่อไป)


Create Date : 26 ธันวาคม 2552
Last Update : 8 มกราคม 2553 23:44:47 น. 1 comments
Counter : 350 Pageviews.

 
ไม่ว่าจะปีไหน
เรายังมีไฟในใจให้สร้างสรรค์
กาลเวลาหมุนไปล่วงเลยวัน
ยังเก็บฝันไห้ไปไม่รอรี

ขอให้ชีวิตมีแต่ความสุข
ปราศจากโรคภัยด้วยหลีกลี้
หายทุกข์โศกโรคภ้ยมีแต่สิ่งดี
ทุกโมงยามราตรีปีใหม่เอย


โดย: chabori วันที่: 26 ธันวาคม 2552 เวลา:11:30:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

วิปุลา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เต้นมา 19 ปี
เล่นดนตรีมา 18 ปี
(ขอ) เขียนหนังสือมา 10 ปี


สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


ความฝันที่ใต้หมอน

เพราะกาลเวลาย้อนกลับไม่ได้ ความฝันจึงยังคงเป็นได้เพียงความฝัน และบางครั้งเงื่อนไขในชีวิตก็ทำให้เราต้องทิ้งร้างความฝันนั้นไว้ และซ่อนมันเอาไว้ในที่ที่มองไม่เห็น จนกระทั่งวันหนึ่งก็เรียนรู้ที่จะลืมความฝันที่ซุกไว้ใต้หมอนนั้นไปได้ในที่สุด

แต่กระนั้น สิ่งที่ถูกลืมเลือน ใช่จะเป็นสิ่งที่เลือนหาย ความฝันนั้นจึงยังคงรอให้ถึงวันที่เราจะไปค้นมันเจออีกครั้ง
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
26 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add วิปุลา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.