ฉันฝัน.. กำลังเต้นรำ.. บนหลังคา..

ความฝันที่ใต้หมอน (ตอนที่ 7)

ตอนที่ 7


“ยังไม่กลับบ้านกันอีกเหรอ” เฟย์ขมวดคิ้ว เพราะป่านนี้ก็ใกล้เที่ยงคืนแล้ว ไฟในออฟฟิศยังสว่างโร่และเจ้าหน้าที่ 3-4 คนยังนั่งทำงานกันอยู่รวมถึงทอแสงด้วย

“เหลืออีกนิดหน่อยค่ะ อยากทำให้เสร็จๆ ไปเลย เพราะพรุ่งนี้ทางสถานทูตจะส่งคนมารับเอกสารแต่เช้า” เฟย์พยักหน้ารับทราบแล้วเอ่ยอย่างใจดีว่า

“ถ้าจะนอนค้างที่บ้าน ก็กดกริ่งเรียกยามได้นะ ฉันจะบอกเขาไว้”

คำว่าค้างที่บ้าน ก็หมายถึงการเข้าไปนอนในห้องพักชั้นล่างบ้านของเฟย์ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันนี้เอง

“ขอบคุณมากค่ะเฟย์ แต่คิดว่าคืนนี้คงต้องกลับบ้าน เพราะไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาด้วย”

“แล้วเดี๋ยวจะกลับบ้านยังไง ดึกป่านนี้แล้ว”

“เดี๋ยวผมขับรถไปส่งน้องเองครับ” ต้นเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารเผยแพร่ที่ต้องจัดเป็นหมวดหมู่ให้ดีเพื่อให้สะดวกในการจัดพิมพ์และแจกจ่าย


กว่างานจะเสร็จสิ้นก็ปาเข้าไปเกือบตีสองแล้ว ทอแสงทั้งปวดหัวและง่วงนอนจนแทบอยากจะซุกหัวลงไปกับกองเอกสารบนโต๊ะแล้วหลับไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด ยังดีอยู่บ้างที่คืนนี้พ่อกับแม่ไปธุระต่างจังหวัด กว่าจะกลับก็อีกสองสามวัน ไม่งั้นป่านนี้พ่อคงนั่งไม่ติดเก้าอี้ ผุดลุกผุดนั่งชะเง้อคอดูว่าเมื่อไหร่ลูกสาวจะกลับ

“ทอแสง กาแฟมั้ย” ต้นถามขณะคนกาแฟในถ้วย ท่าทางสะโหลสะเหลไม่แพ้กัน ทอแสงพยักหน้าตอบ ต้นจึงยกกาแฟมาเสิร์ฟให้ถึงที่ “เอ้านี่จ้ะ ครีมหนึ่ง น้ำตาลหนึ่ง เกลือนิดหน่อย สูตรประหลาดของเธอ”

“เอ๊ะ นั่นรูปอะไรเหรอ” ต้นถามขึ้นเมื่อเห็นรูปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของทอแสงเปลี่ยนจากรูปวิวมาเป็นรูปใหม่ที่ต้นไม่เคยเห็น เขาชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ

“นี่ทอแสงเหรอเนี่ย” ต้นอดที่จะถามไม่ได้ ดวงหน้าในรูปนั้นละม้ายทอแสง ผิดกันก็แต่ความเรียวของรูปหน้า และริมฝีปากสดใสยิ้มกว้าง ทอแสงสวยเหลือเกิน แม้ว่าจะเป็นความสวยที่เขารู้สึกแปลกตาและแปลกใจ เพราะทอแสงในรูปดูผอมเพรียวจนผิดตา อีกทั้งยังแต่งแต้มใบหน้าด้วยเครื่องสำอางอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน รูปนี้มันเหมือนเป็นอีกมุมหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เธออยู่ในชุดกระโปรงทูทู่บาน ช่วงบนอยู่ในชุดปักเลื่อมพราวแนบเนื้อจนเห็นรูปร่างแบบบาง เปิดให้เห็นหัวไหล่ขาวบางเด่นสะดุดตา เธอยืนบนปลายเท้า กอดคอผู้ชายคนหนึ่งอย่างสนิทสนม แถมผู้ชายคนนั้นก็ใส่กางเกงผ้ายืดที่รัดรูปจนต้นรู้สึกอายแทนอีกด้วยต่างหาก

“อ๋อ รูปตอนแสดงบัลเล่ต์เมื่อหลายปีก่อนน่ะค่ะ เพื่อนส่งมาให้ทางอีเมล์ เห็นแล้วคิดถึงก็เลยเอามาตั้งเป็นรูปหน้าจอ”

“หืม... นี่เราเต้นบัลเล่ต์ด้วยเหรอเนี่ย แล้วนี่ใครล่ะ แฟนทอแสงเหรอ” หัวใจของต้นกระตุกวูบ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าทอแสงมีใครในหัวใจหรือยัง ได้แต่เดาใจเธอมาตลอดว่าจะมีใจให้เขาเหมือนอย่างที่เขามีให้เธอและพยายามจะทำให้เธอรู้มาตลอดหรือไม่

ทอแสงหน้าร้อนขึ้นมาวูบหนึ่ง เมื่อสายตาปะทะกับร่มไม้ที่มองตอบมาจากในรูปตอนกำลังจะปิดเครื่องพอดี นับตั้งแต่ที่นุ่นส่งรูปเก่ากึ้กนี้มาให้ทอแสง เธอถึงได้รู้ตัวว่าคิดถึงร่มไม้มากขนาดไหน ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับร่มไม้มันเกิดขึ้นและจบลงในช่วงเวลาเพียงแค่สั้นๆ สิ่งที่เหลืออยู่จึงคงจะเป็นได้แค่เพียงมิตรภาพอันงดงามเท่านั้นกระมัง

“เงียบไปเลยแฮะ พี่พูดอะไรผิดเปล่าครับ” ต้นถามขึ้นเมื่อเห็นทอแสงเงียบไป

“อ๋อ ปะ..เปล่าค่ะ เหนื่อยเลยหลับใน” ทอแสงพูดพร้อมหัวเราะแห้งๆ

เมื่อไม่ได้คำตอบ ต้นจึงเอ่ยปากถามทอแสงอีกครั้งเมื่อขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว

“ตกลงในรูปนั้นคือเพื่อนทอแสงเหรอครับ” คราวนี้ต้นเปลี่ยนคำถามใหม่

“อ่า... ใช่ค่ะ เป็นเพื่อนที่เต้นคู่กันงานนั้นงานเดียว แล้วก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย”

“อ้าว ทำไมล่ะ ก็ดูสนิทสนมกันดีนี่ ทะเลาะกันเหรอครับ”

“เปล่าค่ะ เผอิญเขาอยู่ต่างจังหวัด แล้วก็ต่างคนต่างยุ่งกับการเรียน” โชคดีที่การสนทนาเกิดขึ้นในรถที่ต้นเป็นคนขับ ประกอบกับความมืดซึ่งมีส่วนช่วยอย่างมาก ต้นจึงไม่เห็นแววตาของทอแสงที่ไม่อาจจะปิดบังความรู้สึกไม่ให้แสดงออกมาได้ สิ่งที่ต้นสัมผัสได้จึงเป็นเพียงน้ำเสียงเรียบๆ เรื่อยๆ ของทอแสงตามปกติธรรมดาเท่านั้น ต้นไม่ติดใจอะไรจึงเปลี่ยนเรื่อง

“แล้วน้องทอแสงยังเต้นอยู่หรือเปล่าครับตอนนี้”

“ไม่ค่อยได้เต้นแล้วล่ะพี่ต้น เรียนหนัก ยิ่งมาฝึกงานที่นี่ยิ่งหนักใหญ่เลย

“อ๋อ งั้นเหมือนญาติพี่คนหนึ่งเลยล่ะ เด็กๆ ก็เรียนเต้นมาเล่นๆ ตอนนี้เรียนอยู่วิศวะ อ้วนตุ้บเลย สงสัยให้เต้นตอนนี้คงกระโดดไม่ขึ้น” ต้นหัวเราะ ทอแสงจึงหัวเราะตามทั้งๆ ที่ไม่ได้ขำเลย เพราะทอแสงเคยมั่นใจนักหนากว่าตัวเองไม่ได้เรียนเต้นเล่นๆ

“ถ้าเลือกได้ ก็ไม่อยากเต้นเพียงแค่เล่นๆ หรอกพี่ต้น แต่บางครั้งชีวิตก็ไม่เอื้อให้เราทำสิ่งที่เราอยากทำได้ นี่ยังดีอยู่บ้างที่ยังพอสอนได้อยู่” นับว่าเอมอรใจดีที่จัดคลาสเด็กเล็กให้เธอสอนอยู่ ให้พอหารายได้พิเศษได้ส่วนหนึ่ง

“ทอแสงสอนบัลเล่ต์ด้วยเหรอเนี่ย สอนที่ไหนครับ”

“สอนแค่วันเสาร์เช้าเท่านั้นแหละค่ะพี่ต้น เสาร์ไหนว่างๆ ก็เข้าคลาสกับพวกเด็กโตอยู่บ้างเหมือน” เธอตอบพร้อมกับบอกพิกัดบ้านสวนสตูดิโอ

“มิน่าล่ะ ทอแสงถึงได้บอกเฟย์ว่าจะไม่เข้าออฟฟิศวันเสาร์ ว่าแต่ว่าพี่ไปนั่งดูทอแสงสอนบ้างได้ไหมครับ สมมติว่าพี่เป็นพ่อเด็ก” ต้นยิ้มกว้าง

“ก็ได้ ไม่ว่ากัน จะมาสมัครเรียนเองเลยก็ได้” แล้วทอแสงกับต้นก็หัวเราะเต็มเสียง เสียงหัวเราะซาลงเมื่อรถเทียบจอดหน้าบ้านของทอแสง ก่อนที่ทอแสงจะเปิดประตูลงจากรถ ต้นหันมามองทอแสง

“แล้วถ้าพี่ไปนั่งดูทอแสงสอนจริงๆ เราจะแนะนำพี่กับคนอื่นๆ ในสตูดิโอว่าอะไร” ต้นถามหน้านิ่งๆ แต่ดวงตาหลังแว่นนั้นดำลึกยิ่ง ไฟช็อตเปรี๊ยะเมื่อสายตาผสานกัน ทอแสงพูดไม่ออก เพราะหัวใจกำลังเต้นแรงจนกลัวว่าต้นจะได้ยิน เมื่อเห็นทอแสงนิ่ง ต้นจึงถามต่อว่า

“ทอแสงจะบอกกับทุกๆ คนได้ไหมว่า พี่ต้นคนนี้แหละ เป็นแฟนทอแสง”


คืนนั้นทอแสงนอนไม่หลับ ประโยคสุดท้ายของต้นวนเวียนอยูในโสตประสาท เธอไม่กล้าตอบรับและไม่กล้าปฏิเสธ ได้แต่บอกต้นว่าเธอยังไม่ตอบได้ไหม อยากจะขอเวลาคิดดูก่อน ภาพดวงตาดำลึกของต้นยังติดตาเธออยู่เลย ภาพนั้นซ้อนด้วยดวงตาของร่มไม้ที่มองผ่านออกมาจากรูปถ่ายเก่าๆ กี่ปีมาแล้วนะที่ห่างหายจากกันไป ร่มไม้ทำอะไรอยู่ ยังเต้นอยู่หรือเปล่าหนอ จะยังจำคู่เต้นคนแรกของเขาได้อยู่หรือเปล่า

ท่ามกลางความคิดทั้งมวล ในที่สุดทอแสงผล็อยหลับลงไปได้ ในความฝันทอแสงเห็นตัวเองกำลังเต้นบัลเล่ต์กับร่มไม้ มือคู่เดิม อ้อมกอดเดิม ยังเป็นร่มไม้คนเดิมที่เธอแสนจะคิดถึง แต่เมื่อใบหน้านั้นหันมา รอยยิ้มและแววตากลับกลายเป็นต้น แต่แล้วอ้อมแขนแข็งแรงก็พลันหายไป มือคู่นั้นที่ไม่รู้ว่าเป็นของร่มไม้หรือของต้นกันแน่ ปล่อยเธอจากกลางอากาศตกลงมากระแทกพื้น


(โปรดติดตามตอนต่อไป)




 

Create Date : 31 สิงหาคม 2552
1 comments
Last Update : 26 ธันวาคม 2552 11:32:04 น.
Counter : 374 Pageviews.

 

ตกเตียงหรือจ๊ะ

 

โดย: อิอิ IP: 124.122.150.127 2 กันยายน 2552 0:01:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


วิปุลา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เต้นมา 19 ปี
เล่นดนตรีมา 18 ปี
(ขอ) เขียนหนังสือมา 10 ปี


สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


ความฝันที่ใต้หมอน

เพราะกาลเวลาย้อนกลับไม่ได้ ความฝันจึงยังคงเป็นได้เพียงความฝัน และบางครั้งเงื่อนไขในชีวิตก็ทำให้เราต้องทิ้งร้างความฝันนั้นไว้ และซ่อนมันเอาไว้ในที่ที่มองไม่เห็น จนกระทั่งวันหนึ่งก็เรียนรู้ที่จะลืมความฝันที่ซุกไว้ใต้หมอนนั้นไปได้ในที่สุด

แต่กระนั้น สิ่งที่ถูกลืมเลือน ใช่จะเป็นสิ่งที่เลือนหาย ความฝันนั้นจึงยังคงรอให้ถึงวันที่เราจะไปค้นมันเจออีกครั้ง
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
31 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add วิปุลา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.