เจตมูลเพลิงขาว
เจตมูลเพลิงขาว
เจตมูลเพลิงขาว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Plumbago zeylanica L.)
ลักษณะทั่วไป
ต้น: เป็นพรรณไม้พุ่มขนาดเล็ก จะแตกกิ่งก้านสาขาออกรอบๆต้นมากมาย ซึ่งกิ่งอ่อนหรือกิ่งที่เล็กจะมีร่องเหลี่ยม ลำต้นจะสูงประมาณ 2-3 เมตร
ใบ: เป็นไม้ใบเดี่ยวออกใบสลับกันไปตามข้อต้น ใบเป็นรูปหอกปลายใบแหลม ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย โคนใบจะมนเว้ามีสีเขียวเข้มลักษณะของใบจะคล้ายกับใบมะลิ แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า กว้างประมาณ 1.5-2 นิ้ว ยาว 2-3.5 นิ้ว
ดอก: ออกเป็นช่ออยู่ตามส่วนยอดของต้น ช่อดอกนั้นยาวประมาณ 4-10 นิ้ว ลักษณะของดอกตรงโคนจะเป็นหลอดเล็กๆ แต่ส่วนปลายดอกจะบานออกเป็นกลีบอยู่ 5 กลีบรูปจะคล้ายกับจานดอกมีสีขาวกลีบเลี้ยงเป็นสีขาวและมีขนปกคลุมทั่วกลีบ
การขยายพันธุ์: เป็นไม้ในที่ร่มรำไร ชอบความชื้นและที่แฉะ ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด
ส่วนที่ใช้: ราก และใบ สรรพคุณ: ราก ใช้เป็นยาขับพยาธิ ขับประจำเดือน ทาแก้กลากเกลื้อน และแก้ปวดข้อ ใบ นำมาตำแก้ฟกช้ำ หรือฝีบวม และใช้แก้โรคมาลาเรีย
ข้อห้ามใช้: สำหรับหญิงที่มีครรค์ห้ามรับประทานเป็นอันขาด เพราะจะมีสารบางอย่างเหมือนๆ กับเจตมูลเพลิงแดง ซึ่งจะทำให้แท้งได้ แต่ฤทธิ์ของเจตมูลเพลิงขาวจะอ่อนกว่า
ถิ่นที่อยู่: มักจะพบเจตมูลเพลิงขาวนี้งอกงามอยู่ตามป่า ที่ราบทั่วไปและอยู่ในที่ชื้นแฉะ
ตำรับยา
1. นำรากสดมาตำให้ละเอียดแล้วนำไปผสมกับเหล้าหรือน้ำ เพื่อเป็นยารักษาโรคกลากเกลื้อน นำส่วนที่ผสมนั้นไปพอกในที่ที่เป็นแผล
2. นำใบสด 8-9 ใบมาตำให้ละเอียด ใช้รักษาโรคไข้มาลาเรียโดยนำใบที่ตำนั้นไปพอกตรงข้อมือทั้งสองข้างตรงชีพจร ให้พอกก่อนที่จะเกิดอาการสัก 2 ชั่วโมงและพอกจนกระทั่งบริเวณนั้นเย็นจึงค่อยเอาออก
3. นำใบสดมาตำ แล้วแช่ในเหล้า ใช้แก้บริเวณที่ฟกช้ำได้
4. นำเนื้อหมูแดง 60 กรัม และรากแห้ง 30 กรัมมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาขับประจำเดือน
5. นำรากแห้งประมาณ 1.5 - 3 กรัมมาต้มกับน้ำหรือแช่เหล้า แล้วรับประทาน 5 มล.วันละ 2 ครั้ง จะแก้อาการปวดตามข้อและเคล็ดขัดยอก
6. นำรากแห้งมาดองเหล้ารับประทาน จะแก้อาการม้ามบวม แต่ถ้าอาการหนักก็นำใบสดมาตำให้ละเอียด คลุกกับข้าวเหนียวแล้วปั้นเป็นเม็ดขนาดพอดีนำไปนึ่งให้สุก แล้วรับประทานก่อนนอนและตื่นนอนครั้งละ 1 เม็ด
7. ถ้าเป็นฝี เช่น พวกฝีบวม ฝีคัณฑสูตร เต้านมอักเสบ ไฟลามทุ่ง ให้นำใบสดมาตำแล้วเอาผ้าก๊อซห่อ พอกบริเวณที่เป็นจนกระทั่งหาย
8. ใช้ใบสดและข้าวสวยอย่างละ 1 กำมือและใส่เกลือเล็กน้อยตำเคล้ากันให้ละเอียด ใช้รักษาโรคผิวหนังหนาเนื่องจากเสียดสีกันนานโดยนำไปพอกบริเวณที่เป็นนั้น
ข้อมูลทางเภสัชวิทยา
ภายในรากของต้นนั้นจะมีสารที่มีผล ทางด้านเภสัชวิทยาอยู่หลายชนิด และฤทธิ์ของสารนั้นก็จะมีอยู่หลายอย่างเช่นกันซึ่งได้แก่สารพวก 3 , 3-biplumbagin, 3-chloroplumbagin, fructose,glocose,protease,droserone, elliptinone,chitranone,zeylinone,และplumbagin ซึ่งสารสกัดเหล่านี้มีผลต่อสัตว์ทดลองคือ
1. มีฤทธิ์ต่อการเต้นของหัวใจ และกระตุ้นระบบประสาท แต่ถ้าใช้จำนวนมากอาจทำให้หัวใจหยุดเต้น หรือทำให้ประสาทสงบระงับ ซึ่งได้แก่ พวกกบ หนูตะเภาและกระต่าย
2. มีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิต และหยุดการหายใจของกระต่าย
3. มีฤทธิ์ต่อมดลูกของสัตว์ที่มีท้อง แต่ถ้าใช้จำนวนปานกลางจะไปยับยั้งการบีบตัวเท่านั้น และถ้าฉีดในหนูขาวจะทำให้แท้งได้ เพราะการทำงานของรังไข่จะผิดปกติไป
4. สกัดจากรากโดยใช้แอลกอฮอล์จะมีฤทธิ์ขจัดเพลี้ยหรือกับน้ำ จะมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย Micrococcus pyogenes var.aureus, Salmonella typhi และ Mycobacterium phlei
(ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ 108 สมุนไพรไทยเล่ม 3)
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สิริสวัสดิ์อาทิตยวาร ปรีดิ์มานกมลโรจน์นะคะ
Create Date : 14 พฤศจิกายน 2553 |
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2553 15:53:37 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1294 Pageviews. |
|
|
|
|
|