ปลาปะหมู ( ตอนที่ 1 ) - สุคนธ์ จันทรางศุ
คอลัมน์ ทำกินกันเอง สุคนธ์ จันทรางศุ
| พูดถึงบรรดาปลาแม่น้ำ (คือปลาน้ำจืดค่ะ) ทั้งหลาย ทำให้ผู้เขียนอดคิดไปถึงเมื่อตอนสมัยยังเป็นเด็กไม่ได้
ตอนนั้นผู้เขียนเคยติดตามบิดามารดาไปใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดเสียนานหลายปี ทำให้ประทับใจในชีวิตเรียบง่ายของชาวชนบทในสมัยนั้นมาจนกระทั่งทุกวันนี้
ผู้เขียนชอบตามแม่ครัวเวลาเขาไปจ่ายตลาดตอนเช้ากัน สมัยก่อนคนไปจ่ายตลาดกันตั้งแต่เช้ามืด ประมาณตีห้าเศษ บรรดาแม่ค้าที่อยู่ตามชนบทจะหาบของทยอยเดินกลับเข้ามาที่ตลาดเป็นทิวแถว
ผู้เขียนชอบเดินตามมารดาไปซื้อไข่มดที่เขาใส่ชามกะละมังเคลือบสีขาวมาวางขาย มีถ้วยตะไลขนาดที่เขาบรรจุขนมถ้วยขนาดใหญ่เป็นเครื่องตวง ไข่มดจะเป็นเม็ดกลมๆสีขาวขนาดไข่มุกเม็ดเขื่อง
มารดาผู้เขียนชอบซื้อไข่มดไปกำนัลญาติพี่น้องเวลาเข้ากรุงเทพฯเพราะเป็นของหายากในเมืองหลวง
ผู้เขียนชอบไปยืนดูขนมดอกโสนที่หน้าตาคล้ายคลึงกันกับขนมขี้หนูของภาคกลาง แต่มีเนื้อสีเหลืองของดอกโสนปนอยู่ในแป้งด้วย
ส่วนขนมขี้หนูนั้นก็จะวางอยู่อีกทางหนึ่งเป็นผงละเอียด อ่อนนุ่มสีชมพูอ่อนเวลาซื้อเขาจะใช้ที่ขูดมะพร้าวด้วยมือขูดมะพร้าวทึนทึกใส่มาให้ด้วยค่ะ (มะพร้าวทึนทึก คือมะพร้าวกลางอ่อนกลางแก่ค่ะ คนในสมัยก่อนนิยมนำมาใช้ทำขนมรับประทานกันค่ะ)
แต่เวลาที่จะรับประทาน ผู้ใหญ่จะสอนให้เราจับขนมม้วนไปตามทางยาวของใบตอง ม้วนไปหลายๆ ชั้นหน่อยค่ะ แล้วจึงจับแท่งใบตองนั้นมาบิดให้แน่นหนึ่งครั้ง พอเราคลายห่อขนมออกเราจะได้ขนมเป็นแท่งยาว มีน้ำกะทิอันเกิดจากมะพร้าวขูดที่ถูกแรงบิดออกมาปะปนอยู่ด้วย ทำให้เรารับประทานกันด้วยความเอร็ดอร่อย ซึ่งผู้เขียนคิดว่าเป็นวิธีรับประทานขนมของคนสมัยก่อนอย่างหนึ่งที่แสนจะชาญฉลาดค่ะ
ขนมอีกอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนชอบไปยืนดูคือข้าวเหนียวต่างๆค่ะ คือนอกจากเขาจะทำหน้าสังขยา หน้ากระฉีก (ถ้าเป็น หน้ากระฉีกเขาจะใช้คู่กับข้าวเหนียวดำค่ะ) หน้าปลาแห้ง (ที่พิษณุโลกมีปลาแห้งขายมากมายในตอนนั้น เพราะความอุดมสมบูรณ์ของ "ปลา" ในลำน้ำค่ะ แต่ประหลาดแท้เขาเรียกว่า "ปลาเกลือ" ค่ะ) ข้าวเหนียวหน้ากุ้งของเขาจะมีสีสวยมากค่ะ คือตัวข้าวเหนียวจะเป็นสีเหลืองตัดกับหน้าซึ่งสมัยนั้นเป็นกุ้งแท้ๆนะคะ สีส้มอมแสด สวยสุดใจเลยค่ะ
พูดถึงเรื่องข้าวเหนียวหน้ากุ้งที่ว่านี้ทำให้นึกออกถึงเรื่องขำๆเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
คือเมื่อประมาณ 2-3 ปีมานี้ ผู้เขียนกับลูกชายไปเยี่ยม เพื่อนของลูกคนหนึ่งซึ่งไปนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล (ผ่าตัดไส้ติ่งน่ะคะ)
พอผู้เขียนและลูกชายโผล่เข้าไปในห้อง คนป่วย แลไปเห็นคนเจ็บนอนระทวยอยู่บน เตียงในชุดกางเกงสีปุนแห้งอมแสด และเสื้อยืดคอกลมสีเหลืองอ๋อย ทำให้ผู้เขียนหลุดปากออกไปโดยไม่ทัน คิด ว่า
"ต๊าย! นึกว่าข้าวเหนียวหน้ากุ้ง!"
เท่านั้นแหละค่ะ เรียกเสียงฮาได้ลั่น ห้อง พร้อมทั้งมีเสียงเรียกร้องขอคำอธิบายตามมา
แล้วยังมีขนมด้วงที่ตัวขาวราวกับด้วงตัวใหญ่นอนมาในซีกหนึ่งของถาดขนมสี่เหลี่ยมใบใหญ่ เวลาซื้อผู้ขายเขาจะตักใส่ใบตอง(ตอนนั้นถุงพลาสติกยังไม่เกิดค่ะ) แล้วก็มีมะพร้าวขูดปนงาและน้ำตาลทรายแถมหัวกะทิข้นๆราดมาให้ด้วยค่ะ แสนจะอร่อย
ส่วนอีกซีกหนึ่งของถาดนั้นเป็นข้าวเหนียวค่ะ ของรับประทานคู่กันคือน้ำเชื่อมสีน้ำตาลเข้มเป็นคาราเมล แถมโรยด้วยข้าวคั่วอีกนิดหน่อยค่ะ
ของสดที่หาได้ยากอีกอย่างหนึ่งในตลาดก็คือปลาน้ำจืดค่ะ เพราะพิษณุ โลกเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ค่ะ หรือเรียกได้อีกอย่างหนึ่งค่ะว่ามีแม่น้ำผ่านกลางเลยแหละ ในสมัยก่อนเรา จึงรู้จักเมืองนี้ในนามว่า "เมืองอกแตก" หรือ "เมืองสองแคว" ไงคะ
ปลาในตลาดนอกจากจะมีปลาดุก ปลาช่อน และปลาที่เราเคยเห็นกันจนชินอย่างปลาสวาย ปลาเทโพ ปลากราย ปลาเนื้ออ่อนแล้ว
เรายังได้เห็นปลาแปลกๆ เป็นต้นว่า ปลาสังกะวาดที่มีหนวดยุ่มย่าม เขามักนำมาร้อยขายเป็นพวงๆซึ่งแม่ครัวของเราชอบซื้อมาทำพริกขิงแสนอร่อยให้เรากินกันบ่อยๆ
ส่วนปลาสร้อยซึ่งเป็นปลาตัวเล็กนั้น เขาขายกันทีละถังน้ำมันใหญ่ๆมารดาผู้เขียนชอบซื้อมาทำน้ำปลารับประทานเองค่ะ เวลาทำครั้งหนึ่งจะใช้รับประทานไปเป็นปี ผู้เขียนยังจำได้ถึงหัวน้ำปลาที่คุณแม่เรียกว่าน้ำปลาที่หนึ่งตั้งเรียงตากแดดเป็นทิวแถวออกสีน้ำตาลเข้มใสแจ๋วราวกับเหล้าแม่โขง
แม่ครัวมักจะชอบซื้อปลาสวายชิ้นใหญ่มาทอดจนเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล เนื้อสองข้างของลำตัวตามขวางของมันจะเป็นรูปวงกลมคล้ายกับหอย เวลาสุกขึ้นมาร้อนๆตักออกมาจิ้มกับ "หัวน้ำปลา" ที่ว่าจะมีรสอร่อยนัก
(อ่านต่อฉบับหน้า)
หน้า 5
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ คอลัมน์ ทำกินกันเอง คุณสุคนธ์ จันทรางศุ สิริสวัสดิ์ภุมวารค่ะ
Create Date : 23 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 23 ตุลาคม 2555 9:05:01 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1558 Pageviews. |
|
|