BlogGang.com : : sirivinit : อัครสาวกสองด้านพระพาหาสมเด็จพระบรมศาสดา

อัครสาวกสองด้านพระพาหาสมเด็จพระบรมศาสดา

จันทรวารสิริสวัสดิ์-มัยมนัสรมเยศที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๒ ค่ะ

พระอัครสาวกเบื้องซ้าย-ขวา

พระสารีบุตรเถระ-พระโมคคัลลานะเถระ

ไม่ไกลจากกรุงราชคฤห์ มีหมู่บ้านพราหมณ์ 2 หมู่บ้านชื่อ อุปติสสคาม และ โกลิยคาม

ที่อุปติสสคาม มีหัวหน้าชื่อ วังคันตะ ภรรยาชื่อ นางสารี และมีลูกชายชื่อว่าอุปติสสะ แต่คนนิยมเรียกท่านว่า สารีบุตร เพราะเป็นบุตรของ นางสารี

ที่โกลิยคาม ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านชื่อ นางโมคคัลลี มี ลูกชายชื่อ โกลิยะ แต่คนนิยมเรียกว่า โมคคัลลานะ ตามชื่อแม่

ทั้ง 2 ตระกูลนี้ เป็นเพื่อนกันมาถึง 7 ชั่วอายุคน ทำให้ทั้ง สารีบุตร และโมคคัลลานะ รักใคร่สนิทสนมกันมาก

เมื่อเป็นหนุ่มทั้ง 2 ออกเที่ยวเตร่ จนถึงจุดหนึ่งเกิดเบื่อในทางโลก เลยออกแสวงหาโมกธรรมด้วยการบวช กับสำนักของท่าน สญชัยปริพาชก แต่เมื่อเรียนจบก็ยังไม่ได้พบโมกขธรรม จึงตกลงกันว่า จะค้นพาอาจารย์ท่านที่สอนธรรมะที่แท้จริงให้ได้ ใครได้พบก่อนจะต้องมาบอกอีกฝ่ายหนึ่ง

วันหนึ่งสารีบุตรได้มาพบกับ พระอัสสชิ 1ใน ปัญจวัคคีย์ ออกเดินบิณบาตด้วยจริยวัตรที่สงบ และงดงามทำให้ พระสารีบุตรสนใจและเข้าไปสนทนาธรรม

พระอัสสชิ ได้พาท่านไปพบพระพุทธเจ้าให้ทรงแสดงธรรมให้ฟัง ทำให้พระสารีบุตร เลื่อมใส อย่างมาก จึงกลับไปบอกเพื่อนรัก แล้วทั้ง 2 ก็ได้นำผู้ติดตาม ฝ่ายละ500 คนเข้าขอบวช กับพระพุทธองค์

พระพุทธองค์ ทรงประกาศว่า ท่านทั้ง 2 คือ อัครสาวก ซ้ายและขวา หลังจากบวชได้ 15 วัน พระสารีบุตรได้ติดตามพุทธองค์ไปที่เขาคิชกูฏ ในขณะที่พระพุทธองค์ได้แสดงธรรมให้แก่ ทีฆนขะ

พระสารีบุตรที่ กำลังพัดให้พุทธองค์ ก็ฟังธรรมตามไปด้วย จนเมื่อแสดงธรรมเสร็จ พระสารีบุตรได้บรรลุพระอรหันต์

พระสารีบุตรนั้น เป็นคนหัวดีมาก จำพระสูตรต่างๆได้แม่นยำ และสอนธรรมะได้อย่างแยบคายมาก พุทธองค์เลย แต่งตั้งท่านให้เป็นผู้เป็นเลิศทางปัญญา

ครั้งหนึ่งที่มหาวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี หลังจากถวายงานพุทธองค์ ท่านนั่งสมาธิเข้าสมาบัติ พบว่าตัวเองนั้น จะอยู่ได้อีก 7 วัน และต้องตายก่อนพระพุทธองค์แน่แล้ว

ท่านได้ไปกราบทูลพระพุทธองค์ว่าจะละสังขารแล้ว พระพุทธองค์ทรงถามว่าจะละที่ไหน? พระสารีบุตรบอกว่าจะไปตายที่ห้องนอนเก่าของท่านที่บ้านเกิด และจะไปโปรดโยมแม่ก่อนตาย เพราะแม่ของท่านนั้นได้ทำบุญโดยเกิดเป็นแม่ของพระอรหันต์มาแล้วถึง 7 องค์ แต่ก็ยังไม่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย

พระพุทธองค์ทรงอนุญาต พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ได้กล่าวลาครั้งสุดท้ายกับพุทธองค์ว่า
" ข้าแต่พระพุทธองค์ การเวียนว่ายตายเกิดในวัฎฎะสงสารของข้าพเจ้าได้ถึงที่สิ้นสุดแล้ว ข้าพเจ้าขอกราบแทบเท้าพระพุทธองค์ ข้าพเจ้าได้ตั้งปณิธานที่จะได้พบกับพระพุทธองค์ ผู้เป็นอาจารย์ที่ประเสริฐสุด ก็ได้พบแล้ว ได้พบโมกขธรรมตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเห็นพระองค์ การได้เห็นพระพุทธองค์ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย นับจากนี้ไปจะไม่มีโอกาสได้เห็นพุทธองค์อีกแล้ว"

พระสารีบุตรได้ก้มลงกราบพระพุทธองค์ครั้งสุดท้าย และออกเดินทางพร้อม พระติดตามอีก 500 ไปยังบ้านเกิด

แม่ของพระสารีบุตรนั้นโกรธลูกชายที่ออกบวช และพาน้องชาย ไปบวชด้วย แต่พอเห็นลูกกลับบ้านก็ดีใจคิดว่าลูกจะสึกออกมา เลยจัดห้องนอนเก่าของพระสารีบุตร ให้ท่านเข้าพัก

ในคืนนั้น พระสารีบุตรป่วยหนักมาก อาเจียนและถ่ายเป็นเลือด แต่ได้ใช้ความอดทน รวบรวมกำลัง เทศน์โปรดโยมแม่จนแม่ท่านได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นการปิดประตูอบาย เปิดประตูสวรรค์ให้กับแม่ของท่าน

ในเวลาใกล้รุ่ง พระจุนทะ ได้พยุงพระสารีบุตร ออกมากล่าวคำลาและขอขมาต่อ สาวกทั้ง 500 ที่ออกบวชติดตามท่านมาถึง 44 พรรษา เช้าวันนั้น เมื่อแสงแรกของรุ่งอรุณปรากฎ พระสารีบุตร ได้ดับขันธปรินิพพาน ในวันขึ้น 15 ค่ำ เพ็ญเดือน 12

หลังงานศพพระจุนทะได้นำ อัฐิธาตุ และบริขาร คือบาตรกับจีวร ของพระสารีบุตร กลับไปถวายพระพุทธเจ้า พุทธองค์ทรงให้สร้างเจดีย์เก็บอัฐิธาตุ ไว้ที่ซุ้มประตูเชตวันมหาวิหาร

ขอขอบคุณ อุบาสิกาสิริวัฒน์

สิริจันทรวารสวัสดิ์-โสมนัสสวัสดิ์สิริ ที่มาอ่านมงคลอันอุดมนี้ค่ะ

(อ่านต่อเนื่องได้ที่ บล็อก พุทธโคดม)

Create Date : 23 สิงหาคม 2552

Last Update : 24 สิงหาคม 2552 12:11:14 น.

0 comments

Counter : 860 Pageviews.