BlogGang.com : : sirivinit : "Krispy Kreme" (คริสปี้ ครีม)

"Krispy Kreme" (คริสปี้ ครีม)

"Krispy Kreme"

คอลัมน์ ออกแบบประเทศไทย

"อุษณีย์ มหากิจศิริ ลีโอณีโอ" นักธุรกิจสาวรุ่นใหม่ไฟแรง ผู้นำ โดนัท "Krispy Kreme" (คริสปี้ ครีม) ชื่อดังจาก "สหรัฐอเมริกา" มาเปิดสาขาในประเทศไทย เป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในขณะนี้ ที่ "สยามพารากอน" บอกว่า

"อยากเห็นประเทศไทยมีพรรคการเมืองที่ประชาชนเห็นปุ๊บรักปุ๊บแบบ Krispy Kreme บ้าง"

"อุษณีย์" เล่าว่า ก่อนหน้านี้เธอไม่ใช่พวกนิยม "โดนัท" และเป็นคนไทยเต็มขั้นที่เทใจให้ "ข้าวเหนียวหมูปิ้ง" หรืออาหารจำพวก "ข้าวหมูกระเทียม"

แต่เมื่อครั้งที่เธอต้องไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ ก็มีเพื่อนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ วนเวียนกันมาบอกว่า "โดนัท" ร้านนี้ ที่ชื่อ "Krispy Kreme" อร่อยมาก

"คนแรกๆ มาพูดเราก็ไม่เชื่อหรอก อีก 2-3 อาทิตย์ต่อมา เพื่อนกลุ่มที่สอง กลุ่มที่สาม ที่เขาไม่เคยรู้จักกันเลยก็มาพูดอีก เราก็เอ๊ะ เราเอาต์ (หลุดวงโคจร) ไปหรืออย่างไร เกิดอะไรขึ้น ก็เลยตัดสินใจทดลองซื้อมากิน เพราะเราแปลกใจว่า ทำไมเพื่อนสามกลุ่มที่ไม่รู้จักกันเลย ถึงได้มาพูดเหมือนกัน"

เมื่อเธอตัดสินใจซื้อมากิน พอกัดเข้าไปคำแรกก็ "รักเลย"

"รักเลย" เหมือนที่เธออยากให้ "พรรคการเมือง" ทำให้ประชาชน "รัก" ได้ทันทีที่ได้สัมผัสและพบเห็น

"กัดเข้าไปคำแรกเรารักเลย เรียนหนังสือมาเหนื่อยๆ พอได้กินเข้าไปก็หายเหนื่อยอย่างนั้นเลย ถ้าเปรียบเป็นพรรคการเมืองสักพรรคหนึ่ง Krispy Kreme ก็คงเป็นพรรคที่ทำให้ประชาชนยิ้มได้ เพราะทานเข้าไปแล้วมันยิ้ม มีความสุข สดชื่นภายในเวลาชั่วพริบตา...

"...คือเราคิดว่าเราทำ Krispy Kreme ที่มันเริ่มจากความรัก และถ้าเรารักแล้วจะทำอะไรเราก็มีพลัง เราก็อยากให้พรรคการเมืองทำให้ประชาชนเห็นแล้วรักเลย" อุษณีย์เปรียบ

พร้อมย้ำว่า "หาก ′Krispy Kreme′ เป็นพรรคการเมือง ก็เป็นพรรคการเมืองที่มีราคาไม่สูงเกินไป ประชาชนทั่วไปสามารถสัมผัสได้ ใครๆ ก็สามารถซื้อได้ ด้วยจำนวนเงินที่เขามี เพราะพรรค ′Krispy Kreme′ ไม่ได้ตั้งราคาสูงเกินไป ถึงแม้ว่าเราจะใช้วัตถุดิบอย่างดี ที่สำคัญคือทุกคนสามารถแบ่งปันกับคนที่เขารักได้

"เราก็อยากให้พรรคการเมืองมีนโยบายที่ประชาชนฟังแล้วยิ้มได้ มีความสุขนะ อาจจะไม่ต้องมีความสุขจากตัวเงินที่จะให้ประชาชนเสียทีเดียว เพราะคิดว่าบางทีเงินมันอาจจะซื้ออะไรไม่ได้ทุกอย่าง แต่ประชาชนควรจะได้การรับการดูแลทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและความสุขด้วย เป็นทั้งสองอย่างเลยได้ไหม"

อย่างที่ "อุษณีย์" เล่าว่า เธอทำ "Krispy Kreme" จาก "ความรัก" และเป็น "รักแรกพบ" ซึ่งเธอเชื่อว่า แฟนคลับ "Krispy Kreme" หลายคนไม่แตกต่างจากเธอ

แต่ "Krispy Kreme" แตกต่างจาก "โดนัท" หรือ "ขนมนำเข้า" ชนิดอื่นๆ ที่ เมื่อใคร "หลงรัก" เข้าไปแล้ว "จะรักไม่รู้ลืม" และจะกลายเป็น "สมาชิกถาวร" ในพรรค "Krispy Kreme" ตลอดมา

ซึ่งคนไทยได้เห็นมาแล้ว จากปรากฏการณ์เข้าแถวรอซื้อ "Krispy Kreme" นานนับชั่วโมง

"แบรนด์ของ Krispy Kreme อยู่ในตลาดโลกมา 70 กว่าปีแล้วนะ คือก่อนที่จะเอาเข้ามาขายในประเทศไทย ทั่วโลกมีอยู่เพียงแค่ 20 กว่าประเทศเอง ถ้าของไม่ดีจริงอยู่ในตลาดโลกไม่ได้หรอก มันยาวนานมาก...

"...ปกติอะไรที่มันยาวนาน มันจะคงอยู่ต่อไปอย่างลำบาก ถ้ามันไม่ดีจริง มันต้องมีคนเข้ามาสานต่อตรงนี้ไปให้ได้ด้วย เพราะฉะนั้น ′Krispy Kreme′ ที่เมืองนอก เขาจะพยายามฝึกอบรมคน

ซึ่งนี่เป็นเรื่องใหญ่เลยและเป็นหลักสำคัญที่สุด ถึงแม้เราจะเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่เขาก็ต้องให้ไปฝึกอบรมก่อนเลย 1 เดือนเป็นอย่างน้อย ต้องไปแบกแป้งเอง ทำอะไรเองทุกอย่าง...

"... คือการจะเป็นนักธุรกิจสมัยใหม่เนี่ย ไม่ใช่ใส่เงินลงไปแล้วจะได้เป็นเลย แต่จะต้องผ่านการฝึกฝน และทำให้เขาเห็นว่าจริงๆแล้วคุณรู้จริง การจะเป็นเจ้านายคน จะอยู่เฉยๆ นั่งชี้นิ้วสั่งโน่นสั่งนี่ไม่ได้ แต่คุณต้องรู้ว่าตอนนี้พนักงานของคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง"

อุษณีย์ยกตัวอย่างให้เห็นถึงเส้นทางการเติบโตของ "Krispy Kreme" ตั้งแต่ต้นจนประสบความสำเร็จ โดยที่สามารถรักษาฐานความนิยมเอาไว้ได้

จึงไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมวันนี้ "Krispy Kreme" ยังคงมีลูกค้า "เข้าแถว" รอซื้อ อย่างใจจดใจจ่อ ต่อเนื่องกันกว่า 10 เดือน ในประเทศไทย ตั้งแต่ "อุษณีย์" ตัดสินใจเปิดกิจการที่สยามพารากอน

คล้ายกับว่า สมาชิกพรรค "Krispy Kreme" เหนียวแน่น แม้จะมีอายุยาวนานมากว่า 70 ปีแล้วก็ตาม

ซึ่งดูเหมือนจะแตกต่างกับหลายพรรคการเมืองในประเทศไทย ที่ไม่ว่าจะเป็นพรรคใหม่-พรรคเก่า หรือพรรคเฉพาะกิจ ก็แทบจะมองไม่เห็นว่ามี พรรคการเมืองไหนที่สามารถครองใจชาวบ้านได้ยาวนาน

อุษณีย์อธิบายว่า ลูกค้าผู้ให้ความรักกับ "Krispy Kreme" มีทุกชนชั้น เพราะตั้งใจว่าต้องการให้ทุกคนสามารถรับความสุขจากโดนัทชิ้นน้อยได้เท่าเทียมกัน

ดังนั้นการวางโพซิชั่นของ "Krispy Kreme" จึงไม่ใช่เฉพาะกลุ่มเซเลบหรือชนชั้นสูงในสังคมเท่านั้น แม้ "Krispy Kreme" จะเติบโตขึ้นในประเทศไทย ยุค "สังคม" เลือกข้าง "ประชาชน" แบ่งชนชั้น

ซึ่งเธอเชื่อว่า แม้ "ชนชั้นสูง" ดูเหมือนจะเป็นผู้นำกระแสความนิยมต่างๆ แต่เฉพาะ "กลุ่มเซเลบ" อย่างเดียวไม่สามารถผลักดันให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงได้โดยลำพัง

"ของกินไม่แบ่งชนชั้นว่าเซเลบเท่านั้นที่กินได้ และจริงๆ โดยส่วนตัวไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่า ชนชั้นสูงหรืออำมาตย์หมายความว่าอย่างไร อ่านข่าวแล้วก็ยังไม่เข้าใจ แต่หากสังคมมีปัญหาและต้องการหาทางออก ทุกคนก็ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา

เพราะทุกคนเป็นคนไทยเหมือนกัน หากทุกคนช่วยกันมันจะมีแรงผลักมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นไทยอยู่ที่ไหน ก็รักประเทศไทยเหมือนกัน เชื่อว่าทุกคนรักประเทศเท่าๆ กัน แต่ไม่เชื่อเลยว่าจะมีใครรักประเทศไทยมากกว่ากัน...

"...ขนาดเรายังวัดลำบากเลยว่าคนที่มาซื้อ คือลูกค้าจริงๆ หรือมารอซื้อไปขายต่อ ไม่อย่างนั้นจะทำให้เรากลายเป็น 2 มาตรฐานทันทีเลย หากเราจะดูแลลูกค้าตัวจริงที่ไม่ได้ซื้อไปขายต่อ เพราะเราต้องเคารพในสิทธิของแต่ละคน

คือเราเป็นคนมองโลกในแง่ดี ไม่ได้มองเลยว่าใครจะมาซื้อไปขายต่อ แต่เราจะดูแลลูกค้าดีเท่ากันหมดทุกคน ซึ่งแน่นอนที่สุด คือทุกคนเป็นคนไทย อยู่ในประเทศไทย ก็หวังว่ารัฐบาลจะดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม และจะมีสักนโยบายที่ทำให้เรามีความสุข" อุษณีย์กล่าว

"พรรคการเมืองควรจะน่ารัก เห็นแล้วสดชื่น ฟังนโยบายแล้ว อุ๊ย ! ชอบจัง ดูท่าทีเรียบร้อย หน้าตาคนขาย อาจจะเป็นเรื่องสำคัญของการขาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนหน้าตาปานกลางหรือหน้าตาไม่ดีจะไม่เก่ง เพราะคนเราวัดภายนอกอย่างเดียวไม่ได้

แต่เราต้องดูที่ผลงานและนโยบายที่ตรงใจประชาชน มองดูแล้วจะสามารถทำให้ประชาชนมีความสุข ที่สำคัญคือนโยบายนั้นประชาชนต้องรู้สึกว่าจับต้องได้" อุษณีย์ทิ้งท้าย ถึงพรรคการเมืองในฝันของเขา ที่มีโมเดลของ "Krispy Kreme" และคนที่รัก "Krispy Kreme" เป็นต้นแบบ

"วันนี้บ้านเมืองเรามีการเคารพกฎกติกาทางการเมือง มีการเลือกตั้งที่โปร่งใส มีองค์กรจากต่างประเทศมาร่วมสังเกตการณ์ และดูเหมือนจะเป็นพลังของประชาชนจริงๆ

เราในฐานะนักธุรกิจและประชาชนคนหนึ่งก็ไม่ได้หวังอะไรมากมาย หวังแค่อยากให้ทุกคนรักกัน ประเทศชาติสงบ แล้วเศรษฐกิจจะดี เพราะเรื่องปากท้องเป็นเรื่องสำคัญและกระทบกับทุกภาคส่วน ...

"...ขนาด ′Krispy Kreme′ เป็นแค่ส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งที่ทำให้คนไทยมีรอยยิ้ม แค่นี้เราก็ดีใจแล้ว" อุษณีย์ทิ้งท้าย !

หน้า 11,มติชนรายวัน วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม 2554

ขอขอบคุณ

มติชนออนไลน์
คอลัมน์ ออกแบบประเทศไทย

สิริสวัสดิ์อาทิตยวารค่ะ

Create Date : 17 กรกฎาคม 2554

Last Update : 17 กรกฎาคม 2554 11:42:25 น.

0 comments

Counter : 1871 Pageviews.