ต้องบอกว่าเป็นการประเดิมวงการที่ไม่สวยเอาเสียเลย สำหรับนักแสดงสาววัย 18 “ริชชี่” อรเณศ ดีคาบาเลส หรือ ชื่อเดิม "อมราวดี" หลังต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกับการรับบทเป็น "อังศุมาลิน" ในภาพยนตร์เรื่อง "คู่กรรม" ประกบกับพระเอกหนุ่ม "ณเดชน์ คูกิมิยะ"                 อย่างไรก็ตาม แม้จะยอมรับว่าตนเองไม่เคยถูก "ด่า" ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต แต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่าเธอจะไม่ขอยอมแพ้อย่างแน่นอนกับอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาบนเส้นทางบันเทิงสายนี้ที่เธอเองได้ตัดสินใจที่จะก้าวเดินต่อไปในอนาคต                บนเส้นทางสายกีฬา         ย้อนกลับไปบนเส้นทางชีวิตก่อนจะเข้าสู่แวดวงบันเทิง สาวเหนือวัย 18 คนนี้เริ่มเอาดีทางด้านกีฬาแบดมินตันมาตั้งแต่ อายุ 5 ขวบและคว้าแชมป์ในรุ่น 13 ปีแถบภาคเหนือมาแล้วมากกมายหลายรายการ รวมถึงมีดีกรีเป็นถึงแชมป์ประเภททีมหญิง ให้จังหวัดเชียงใหม่ ในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 26 ที่จังหวัดเพชรบูรณ์มาแล้ว                 หลังจากที่ได้เข้ามาในแวดวงบันเทิงส่งผลให้เธอต้องห่างหายไปจากการจับไม้แบดเป็นเวลานานร่วมปี แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยังยืนยันว่าจะคืนสนามแบดมินตันแน่นอนภายใต้สีเสื้อของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการแข่งขันแบดมินตัน ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “รายการ CU Open 2013 Inspired by ThaiPBS” ระหว่างวันที่ 10-16 มิถุนายน 2556 ณ อาคารศูนย์กีฬาและนันทนาการ (Sport Complex) ศูนย์กีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย                 รวมถึงอาจจะลงแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 41 “มอดินแดงเกมส์”ที่ ม.ขอนแก่น ด้วย                 ทั้งนี้ในส่วนของผลงานล่าสุดในการแข่งขันแบดมินตันของนางเอกหน้าใหม่ก็คือการจับคู่กับ “แม็กกี้”ศักยะ สูตรเลข อดีตแชมป์กีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27 ที่อุตรดิตถ์ ก่อนจะพ่ายให้กับคู่ของ “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ นักตบลูกขนไก่หญิงมือ 8 ของโลกที่จับคู่กับ “ปั๊ม เอเอฟ 6” สหรัส นฤคุปต์ชาญชัย ไป 1 ต่อ 2 เซต ในรายการ “โยเน็กซ์ บ้านทองหยอด โอเพ่น 2013” เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา                จากนักกีฬาสู่นางเอกภาพยนต์         นอกจากจะสนใจในเรื่องของกีฬาแล้วสาวริชชี่เองยังให้ความสนใจกับเส้นทางในวงการบันเทิงอีกด้วย                 ในปี พ.ศ. 2554 เจ้าตัวได้ลงประกวดมิสทีนไทยแลนด์ และสามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้ด้วย แต่ก็ต้องถอนตัวออกจากการประกวดเนื่องจากติดภารกิจการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาตินั่นเอง                 อย่างไรก็ตาม เส้นทางบนถนนบันเทิงของเธอเริ่มมาชัดเจนขึ้นอีกครั้งหลังได้มีโอกาสเจอะเจอกับนักปั้นผู้จัดการคนดัง "เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร" ที่หนีวิกฤตอุทุกภัยน้ำท่วมจากกรุงเทพไปอยู่ที่เชียงใหม่ โดยการพบกันครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นในระหว่างที่ว่าที่นางเอกสาวนั้นกำลังซ้อมแบดมินตันอยู่นั่นเอง                 ด้วยความถูกชะตาทาง เอ ศุภชัย จึงได้ชักชวนสาวริชชี่ให้เข้ามาอยู่ในสังกัดของตนเองก่อนที่ชื่อของเธอจะกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาทันทีหลังบทของ "อังศุมาลิน" ในภาพยนตร์เรื่อง "คู่กรรม" ที่ทางค่าย เอ็ม 39 เป็นผู้ผลิตโดยมีพระเอกหนุ่มชื่อดัง "ณเดชน์ คูกิมิยะ" มารับบทเป็น "โกโบริ" ได้ตกไปอยู่ในมือของเธอท่ามกลางเสียงเล่าลือมากมายว่านี่คือกระบวนการ "ขายพ่วง"         เรื่องนี้ทำเอาทางฟากของผู้จัดการคนดังต้องออกมายืนยันว่าตนแค่ "แนะนำ" เท่านั้น ส่วนการตัดสินใจนั้นมาจากค่ายหนังทั้งหมด..."ทางค่ายหนังเป็นคนแคสติ้งเองทั้งหมด เราแค่เลือกน้องมาแคสติ้งเท่านั้น จริง ๆ แล้ว ตัวน้องริชชี่เองก็ไม่ได้อยากเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้มากนัก เพราะน้องยังเรียนหนังสือ และซ้อมกีฬาหนักมาก ๆ แต่เราเห็นว่าหน่วยก้านได้ และความสามารถตรงตามที่ทางค่ายหนังต้องการคือ นางเอกต้องพายเรือได้ และต้องพายเก่งมาก ๆ ซึ่งน้องริชชี่เขาก็แคสติ้งผ่านในจุดนี้"                 เช่นเดียวกับสาวริชชี่ที่เคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า..."จริงๆ ริชชี่ตั้งใจมากเลย กับภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องแรก เราไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อนข่าวที่เม้าท์ว่าพี่เอประเคนเราใส่พาน เรื่องนี้ เรากับพี่เอเราก็ไม่รู้จักกัน กับพี่ณเดชน์ก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน ไม่รู้ด้วยว่าเค้าเป็นดารา แค่เคยเห็นตามป้ายโฆษณา และเพื่อนๆ ก็ชอบพูดถึงกัน รับบทอังศุมาลิน กดดันมากค่ะ เป็นงานชิ้นแรก แล้วต้องมาทำกับพี่ๆ ที่เก่งกันทั้งนั้น"                 "ตอนรับบทเราก็ไม่มั่นใจว่าจะเล่นได้ แค่รู้ว่ามันเป็นหน้าที่ ต้องทำให้ดีที่สุด เราเป็นคนขี้อายมาก ขนาดเวลาเรียนมีพรีเซ้นต์หน้าห้อง ยังทำไม่ได้เลย พอมาถึงการแสดง บางครั้งเราก็รู้สึกว่าเราไม่พร้อม กดดันด้วย เครียดด้วย แต่พอพี่เรียวพูดว่าโอเคนะ ริชชี่ 5 4 3 2 แอ๊กชั่น ทุกอย่างเหมือนกลับเข้ามาในหัว เหมือนลงแข่งน่ะค่ะ ไม่พร้อมก็ต้องทำ”                เล่นแข็ง - เล่นดี?         แม้จะถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับดาราหน้าใหม่สักคนหนึ่งที่ได้ประเดิมงานในวงการครั้งแรกด้วยการประกบกับดาราที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ทว่าในทางตรงกันข้ามก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงอยู่ไม่น้อยที่ดาราคนนั้นจะดับไปเลยถ้าหากว่าไม่สามารถดันตัวเองขึ้นมาได้สำเร็จ                 และก็ดูเหมือนว่าทางฟากของนางเอกสาวหน้าใหม่ "ริชชี่" จะอยู่ในกรณีหลังเสียด้วย                 นับจากที่มีข่าวออกมาว่าทางค่ายเอ็ม 39 จะนำนวนิยายคลาสสิคเรื่อง คู่กรรม กลับมาทำเป็นภาพยนตร์โดยมีพระเอกหนุ่ม ณเดชน์ มารับบทเป็นโกโบริ หลายคนก็ลุ้นกันทันทีว่านางเอกที่จะมารับบทอังศุมาลินนั้นจะเป็นใครกันแน่ ซึ่งทันทีที่หวยมาออกที่นักแสดงสาวหน้าใหม่วัย 18 ซึ่งแทบจะไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อนคนนี้เสียงวิจารณ์ก็กระหึ่มขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะประเด็นที่ว่าเธอคือ "เด็กฝาก" ด้วยสาเหตุก็เพราะเธอมีผู้จัดการส่วนตัวคนเดียวกับพระเอกหนุ่ม "ณเดชน์" นั่นเอง                 ซ้ำร้ายไปกว่านั้น หลังจากที่หนังเปิดตัวออกมาด้วยรายได้ที่ไม่ค่อยจะดีนัก ปรากฏว่ากระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื้องานของ "คู่กรรม" ยังเป็นไปในทิศทางลบเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพุ่งเป้าไปยังตัวนางเอกที่ว่ากันว่าเธอยังมือไม่ถึงและกลายเป็นหนึ่งในจุดอ่อนของหนังไปโดยปริยาย แม้จะมีบางส่วนที่ชื่นชมหนังเรื่องนี้ให้ความเห็นว่านางเอกคนนี้แสดงได้ดีแล้วหากมองว่าเธอคือนักแสดงหน้าใหม่เนื่องจากบทที่เธอได้รับนั้นเป็นอะไรที่แสดงได้ยากมาก                 เนื่องจากตัวละคร อังศุมาลิน เป็นตัวละครที่ต้องเก็บความรู้สึกต่างๆ มากมายเอาไว้ภายใน ปากพูดอย่างแต่ใจคิดอีกอย่างเพราะฉะนั้นการแสดงออกด้วยสายตาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเหมือนกับที่ทางเจ้าของบทประพันธ์ คู่กรรม อย่าง "ทมยันตี" (คุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์) ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า...                 "นางเอกเพิ่งเล่นครั้งแรก แต่เดี๊ยนคิดว่า เราอย่าเพิ่งตัดสินครั้งแรกเลย...ใช่ ต้องให้โอกาสเขา อันนี้เป็นบทเรียนที่หนึ่งของเขา ยังต้องมีบทเรียนต่อไป และเขาต้องพัฒนาตัวเอง เดี๊ยนบอกแล้วไงว่านี่คือสงครามในการแสดงออกของอังศุมาลิน ซึ่งอังศุมาลินได้บทเรียนในการแสดงครั้งนี้ และอังศุมาลินต้องทำสงครามต่อไป..."                 ขณะที่ทางด้านของนางเอกสาวเองก็ยอมรับว่าตั้งแต่เกิดมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอต้องถูกโจมตีมากมายขนาดนี้ อย่างไรก็ตามเธอเองก็ยืนยันว่าจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน..."ไม่ถอดใจ เป็นนักกีฬามีแพ้มีชนะ วันนี้หนูไม่ได้รู้สึกแพ้ ทำเต็มที่แล้ว ทุกคนเข้าใจ พยายามพัฒนาและสู้ต่อไป"                คู่จิ้น "ณเดชน์" คนใหม่?         มีเสียงเล่าลือกันว่าหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ "เอ ศุภชัย" ตัดสินใจดันนางเอกสาววัย 18 ปีเข้าสู่วงการพร้อมประเดิมงานใหญ่ชิ้นแรกด้วยการจับคู่กับ ณเดชน์ ก็เพราะความต้องการที่จะให้นักแสดงสาวคนนี้เข้ามาแทนที่นางเอกสาว "ญาญ่า อุรัสยา" ที่ระยะหลังๆ มีข่าวหนาหูว่าเธอคือหวานใจตัวจริงทั้งในและนอกจอของพระเอกสุดฮอตคนนี้ เนื่องเพราะสาวญาญ่านั้นไม่ใช่เด็กในสังกัดของตนเองนั่นเอง                 อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ทางด้านของผู้จัดการดาราคนดังเท่านั้น ที่พยายามดันสาวริชชี่อย่างเต็มที่ หากแต่อีกคนหนึ่งที่กำลังถูกพูดถึงกันมากอยู่ในโลกออนไลน์ตอนนี้ก็คือพี่สาวของนางเอกสาว ซึ่งถ้าหากพลิกไปดูประวัติของสาวริชชี่เธอคนนั้นก็น่าจะหมายถึง "อิว อนงค์นาถ ดีคาบาเลส" นักแบดฝีมือดีของจังหวัดเชียงใหม่อีกหนึ่งคน                 ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ หากแต่ในโลกออกไลน์ต่างระบุกันว่าคนที่เป็นพี่สาวของสาวริชชี่นั้น พยายามอย่างยิ่งที่จะจับให้น้องสาวตนเองคู่กับทางด้านของพระเอกหนุ่มชื่อดัง โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ด้วยการปล่อยข่าวออกมาว่าทั้งสองควงกันไปเที่ยวสองต่อสองจนกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากในหมู่แฟนคลับของพระเอกหนุ่ม ก่อนที่จะมีบางส่วนที่ออกมายืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงข่าวสร้างกระแส ซึ่งก็ให้รวมไปถึง "แม่แก้ว" มารดาบุญธรรมของหนุ่มณเดชน์ที่ออกมายืนยันถึงเรื่องดังกล่าวผ่านอินสตาแกรมตนเอง                 ไม่เพียงแต่การปล่อยข่าวดังกล่าวเท่านั้น หากแต่ที่ผ่านมาในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะแฟนคลับของสาว ญาญ่า เองยังได้ตั้งข้อสงสัยด้วยว่า ทำไมบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นพี่สาวของสาวริชชี่นั้นดูเหมือนจะไม่ชอบทางด้านของสาว ญาญ่า เอาเสียเลย                 ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ก็คงจะต้องบอกว่านี่คือบททดสอบครั้งสำคัญทีเดียว กับเส้นทางบนถนนสายบันเทิงที่นักแสดงสาวได้ตัดสินใจแล้วว่าอยากจะเดิน ซึ่งถ้าหากเธอผ่านมันไปได้นั้น เชื่อได้เลยว่าคงไม่มีอะไรที่จะเลวร้ายไปกว่านี้แล้วอย่างแน่นอน                ประวัติ         ริชชี่ อรเณศ ดีคาบาเลส (ชื่อเดิม "อมราวดี" )         เกิดเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2537         มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ นับถือศาสนาคริสต์         บิดา:อัลเบิร์ตโต ดีคาบาเลส มีเชื้อสายไทย, ฟิลิปปินส์, สวิตเซอร์แลนด์, อังกฤษ และสเปน         มารดา:ชื่อชฎาพร ไชยกอ เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน         มีพี่น้อง 3 คน อรเณศเป็นคนกลาง         การศึกษาระดับชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนพระหฤทัย เชียงใหม่         ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-4 ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย         ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 ที่โรงเรียนวารีเชียงใหม่ สายวิทย์-คณิต         ระดับอุดมศึกษา คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

สิริสวัสดิ์ศุกรวารค่ะ

Create Date : 19 เมษายน 2556
Last Update : 19 เมษายน 2556 7:56:05 น.		0 comments
Counter : 2959 Pageviews.
Share Tweet