"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
23 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
เอลวิส เพรสลีย์






เอลวิส เพรสลีย์




เอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley) มีชื่อจริงว่า เอลวิส แอรอน เพรสลีย์ (อังกฤษ: Elvis Aaron Presley) (8 มกราคม ค.ศ. 1935 - 16 สิงหาคม ค.ศ. 1977) เป็นนักดนตรีและนักแสดงชาวอเมริกัน

เขาถือเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม ทั้งเป็นที่รู้จักในชื่ออย่างเดียวว่า เอลวิส เขามักได้รู้จักในฉายา “ราชาแห่งร็อกแอนด์โรลล์” หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "เดอะคิง"

เขาเกิดที่เมืองทูเพอโล รัฐมิสซิสซิปปี ต่อมาย้ายไปทีเมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี กับครอบครัวของเขาเมื่ออายุได้ 13 ปี เขาเริ่มอาชีพนักร้องที่นี่เมื่อปี 1954 เมื่อเจ้าของค่ายซันเรเคิดส์ ที่ชื่อ แซม ฟิลลิปส์อยากที่จะนำดนตรีของชาวแอฟริกันอเมริกัน ไปสู่ฐานคนฟังให้กว้างขึ้น และเห็นเพรสลีย์มีความมุ่งมั่นดี ได้ร่วมกับนักกีตาร์ที่ชื่อสก็อตตี มัวร์และมือเบส บิล แบล็ก

เพรสลีย์ถือเป็น 1 ในคนที่ให้กับเนิดแนวเพลงร็อกอะบิลลี แนวเพลงผสมผสานจังหวะอัปเทมโป แบ็กบีตผสมเพลงคันทรีกับริทึมแอนด์บลูส์ เขาได้เซ็นสัญญากับอาร์ซีเอวิกเตอร์ โดยมีผู้จัดการคือโคโลเนล ทอม พาร์กเกอร์ ที่เป็นผู้จัดการให้เขาร่วม 2 ทศวรรษ

ซิงเกิลแรกของเพรสลีย์กับอาร์ซีเอคือซิงเกิล "Heartbreak Hotel" ออกขายในเดือนมกราคม ค.ศ. 1956 ติดอันดับ 1 เขาถือเป็นผู้นำภาพลักษณ์ของดนตรีป็อปแบบใหม่ในแบบร็อกแอนด์โรล โดยได้ปรากฏตัวบนเครือข่ายสถานีโทรทัศน์หลายครั้ง รวมถึงมีเพลงอันดับ 1 หลายเพลง

เพลงของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง โดยมีหลายส่วนนำมาจากเพลงชาวแอฟริกันอเมริกัน และรูปแบบการแสดงซึ่งไม่สามารถยับยั้งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมากรวมถึงเกิดข้อพิพาทด้วยเช่นกัน ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1956 เขาปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Love Me Tender

เขาเกณฑ์ทหารเมื่อปี 1958 โดยเพรสลีย์ออกผลงานเพลงหลังนั้น 2 ปีต่อมา กับงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เขาขึ้นเวทีคอนเสิร์ตอยู่หลายครั้ง อย่างไรก็ตามในการจัดการของพารกเกอร์ เขาก็ยังมีผลงานภาพยนตร์ฮอลลีวูดอีกหลายเรื่องในคริสต์ทศวรรษ 1960 รวมถึงผลงานอัลบั้มประกอบภาพยนตร์ด้วย ที่ส่วนมากถูกวิจารณ์ในเชิงดูถูกผลงานเหล่านั้น

ในปี 1968 หลังจากห่างหายไปบนเวทีคอนเสิร์ตไป 7 ปี เขากลับมาแสดงสดในรายการโทรทัศน์พิเศษ ในการกลับมาในลาสเวกัสและยังมีทัวร์คอสเสิร์ต ในปี 1973 เพรสลีย์แสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกที่ถ่ายทอดผ่านดาวเทียมทั่วโลก ที่ชื่อ Aloha from Hawaii มีผู้ชมราว 1.5 พันล้านคน

และจากการที่เขาติดยาจากใบสั่งแพทย์ ทำให้มีผลต่อสุขภาพของเขา จนเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ในปี ค.ศ. 1977 ด้วยวัยเพียง 42 ปี

เพรสลีย์เป็น 1 ในบุคคลที่มีความสำคัญอย่างมาก ในวัฒนธรรมสมัยนิยมในศตวรรษที่ 20 กับน้ำเสียงที่ปรับได้หลายแบบและประสบความสำเร็จไม่ธรรมดาในหลากหลายแนวเพลง อย่างคันทรี, ป็อปบัลลาด, กอสเปล และบลูส์

เขาเป็นศิลปินเดี่ยวกับมียอดขายมากที่สุดในประวัติศาสตร์เพลงป็อป ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ 14 ครั้ง ซึ่งเขาได้รับ 3 ครั้ง และยังได้รับรางวัลแกรมมี่ประสบความสำเร็จเมื่ออายุ 36 ปี เขายังมีชื่ออยู่ในหอเกียรติยศ 4 ครั้ง


ประวัติ

ชีวิตช่วงแรก (1935–53)

เพรสลีย์เกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2478 ณ เมืองทูเพอโล รัฐมิสซิสซิปปี เป็นบุตรของเวอร์นอน เอลวิสและแกลดีส์ เลิฟ เพรสลีย์ในบ้านเล็กแบบช็อตกัน จำนวน 2 ห้องนอนที่สร้างโดยพ่อของเขา เพื่อการเตรียมพร้อมสำหรับทารกที่จะเกิด

เจสซี แกรอน เพรสลีย์ พี่ชายฝาแฝดของเขาเกิดก่อนเขา 35 นาที แต่ก็เสียชีวิตไป ทำให้เขาเป็นบุตรเพียงคนเดียว

เพรสลีย์สนิทสนมกับทั้งพ่อและแม่ และก่อให้เกิดความสนิทสนมเป็นแนบแน่นกับแม่ของเขา ครอบครัวของเขาไปที่โบสถ์คริสเตียนสัมพันธ์ ที่ที่เขาได้รับแรงบันดาลใจทางด้านดนตรีในขั้นต้น

เพรสลีย์มีเชื่อสายผสมยุโรปตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ อย่างสกอตแลนด์-ไอร์แลนด์ และนอร์มันฝรั่งเศสบ้าง หนึ่งในทวดของแกรดีส์ เป็นชาวเชอโรคีและจากบันทึกทางครอบครัว หนึ่งในย่าของเธอเป็นชาวยิว

แกรดีส์เป็นที่นับถือในเหล่าบรรดาญาติและเพื่อน เป็นคนเด่นในครอบครัวเล็กนี้ เวอร์นอนย้ายจากงานหนึ่งสู่งานหนึ่ง เขามีความทะเยอทะยานอยู่บ้าง

ครอบครัวของเขามักอาศัยความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน และอาหารจากรัฐบาล ในปี 1938 พวกเขาได้สูญเสียบ้านไปหลังจากที่เวอร์นอนมีความผิดฐานปลอมแปลงเช็ค ที่เขียนโดยเจ้าของที่ เขาอยู่ในคุก 8 เดือน ส่วนแกลดีส์และเอลวิสย้ายไปอยู่กับญาติ

ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1941 เพรสลีย์เรียนเกรด 1 ที่โรงเรียนอีสต์ทูเพอโล ที่ครูผู้สอนระบุการเรียนของเขาว่า "อยู่ในระดับปานกลาง" เขาได้รับการชักชวนให้ร่วมประกวดร้องเพลง หลังจากที่ทำให้ครูประทับใจกับการนำเพลงคันทรีของเรด โฟเลย์ที่ชื่อ "Old Shep" มาร้องใหม่ช่วงสวดมนต์ตอนเช้า

โดยการประกวดเขาเขาร่วมแข่งเป็นงานที่ชื่อมิสซิสซิปปี-แอละแบมา และไดอารีโชว์ ในวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1945 เป็นการแสดงต่อหน้าสาธารณะของเขาเป็นครั้งแรก เขาแต่งตัวเป็นคาวบอย โดยเด็กชายเพรสลีย์วัย 10 ปี ยืนอยู่บนเก้าอี้เพื่อยื่นร้องไมโครโฟนที่สูงกว่า ร้องเพลง "Old Shep" เขาได้ที่ 5

หลายเดือนต่อมา เพรสลีย์ได้รับของขวัญวันเกิดกับกีตาร์ตัวแรก แต่เขาหวังว่าจะได้สิ่งอื่น ไม่จักรยานก็ปืนไรเฟิล หลายปีถัดมา เขาได้เรียนกีตาร์พื้นฐานจากลุง 2 คนและศาสนนาจารย์คนใหม่ที่โบสถ์ครอบครัวเขา เพรสลีย์เอ่ยถึงเหตุการณ์นั้นว่า "ผมได้กีตาร์และผมก็ดูผู้คนและผมก็เรียนรู้การเล่นนิดหน่อย แต่ผมไม่เคยร้องในที่สาธารณะ ผมเป็นคนขี้อายมาก"

เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนใหม่ที่ชื่อมิลาม ในเกรด 6 เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1946 เพรสลีย์พูดว่าเขาสันโดษ หลายปีต่อมาเขาเริ่มนำกีตาร์ของเขา เรียนรู้พื้นฐานการเล่นทุก ๆ วัน เขาจะเล่นและร้องในช่วงอาหารกลางวัน และมักจะแกล้งทำเป็นเหมือนพวกเด็กเหลวไหล ที่เล่ดนตรีคนบ้านนอก

ครอบครัวของเขาตอนนั้นอยู่กับเพื่อนบ้าน ชาวแอฟริกันอเมริกันขนาดใหญ่ เขาเป็นสาวกรายการของมิสซิสซิปปี สลิมทางสถานีวิทยุทูเพอโลที่ชื่อ WELO น้อยชายของสลิมที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นพูดถึงเพรสลีย์ในช่วงนั้นว่า "เขาคลั่งไคล้ดนตรี"

เขามักพาเพรสลีย์ไปที่สถานี สลิมได้สอนสาธิตเทคนิคการเล่นคอร์ดกีตาร์ให้กับเพรสลีย์ เมื่อเขาอายุได้ 12 ปี สลิมได้จัดผังรายการให้เขาเล่นออกอากาศ 2 ครั้ง เพรสลีย์เอาชนะความกลัว ในการขึ้นเวทีครั้งแรกได้ และยังได้แสดงอีกหลายหลายอาทิตย์ถัดมา


ชีวิตวัยรุ่นในเมมฟิส

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1948 ครอบครัวของเขาย้ายไปอยู่เมมฟิส หลังจากย้ายถิ่นฐานเกือบปีในบ้านเช่า พวกเขาได้เข้าอาศัยอพาร์ตเมนต์ 2 ห้องนอนในอาคารที่พักสาธารณะที่มีชื่อว่า คอร์ตส เขาสมัครเรียนที่โรงเรียนมัธยมฮูมส์

เพรสลีย์เรียนได้เกรดซีในวิชาดนตรีเมื่อเรียนเกรด 8 และเมื่ออาจารย์สอนดนตรีบอกเขาว่าเขาไม่ถนัดด้านการร้องเพลง เขาก็นำกีตาร์ในวันรุ่งขึ้นและร้องเพลงฮิตล่าสุดที่ชื่อ "Keep Them Cold Icy Fingers Off Me" เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ใช่เช่นนั้น

เพื่อนร่วมชั้นในเวลาต่อมากล่าวว่า "ครูเห็นด้วยกับเอลวิสว่าถูก เมื่อเขาพูดว่า เธอไม่พอใจการร้องของเขา" โดยทั่วไปแล้วเขาจะรู้สึกอายในการแสดงต่อหน้าคน และมักถูกกเพื่อนร่วมชั้นระรานในแง่มุมว่า "เด็กติดแม่"

ในปี 1950 เขาเริ่มฝึกฝนกีตาร์ ในการสอนของ เจสซี ลี เดนสัน ที่เป็นเพื่อนบ้านแก่กว่าเขา 2 ปีครึ่ง พวกเขาและกับชายหนุ่ม 3 คน รวมถึงผู้บุกเบิกเพลงร็อกอะบิลลีในอนาคต สองพี่น้องดอร์ซีย์และจอห์นนี เบอร์เนตต์ ก่อตั้งวงเล่นดนตรีหลวม ๆ แสดงเป็นประจำบริเวณรอบ คอร์ตส

ในเดือนกันยายนปีนั้น เขาเริ่มทำงานเป็นเด็กเดินตั๋วที่ โรงภาพยนตร์เลียวส์สเตด งานอื่นในช่วงระหว่างเรียนอย่างเช่นทำที่พรีซิชันทูล, เลียวส์อะเกน และมาร์ลเมทัลโพรดักส์

ในช่วงที่เรียนอยู่ในปีจูเนียร์เยียร์ (เกรด 11) เพรสลีย์เริ่มมีความโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดในบรรดาเพื่อนร่วมชั้น เป็นเพราะหน้าตาของเขา กับเคราข้างใบหูที่โดดเด่น และทรงผมที่ใส่น้ำมันกุหลาบและวาเซลีน

ในช่วงเวลาส่วนตัวเขาจะมุ่งหน้าไปที่ถนนบีล ใจกลางของย่านเพลงบลูส์ของเมืองเมมฟิส และเพ่งมองไปยังเสื้อผ้าอันเปล่งประกายผ่านหน้าตาของแลนสกี บราเทอร์ส

ในปีสุดท้ายของการเรียนมัธยม เขาก็ได้สวมชุดที่เขาเพ่งมองนั้น เขาเอาชนะการเป็นคนไม่กล้าแสดงออกโดยแสดงนอกคอร์ตส เขาร่วมแข่งในรายการ "Annual Minstrel" ของฮูมส์เมื่อเดือนเมษายน 1953 เขาร้องและเล่นกีตาร์

โดยเปิดด้วยเพลงดังล่าสุดของเทเรซี บรูเวอรืที่ชื่อ "Till I Waltz Again With You" เพรสลีย์กล่าวว่าการแสดงครั้งนั้นทำให้เขามีชื่อเสียงอย่างมาก "ฉันไม่ได้โด่งดังที่โรงเรียน...ล้มเหลวในด้านดนตรี—เป็นสิ่งเดียวที่ผมเคยล้มเหลว

และบัดนนี้ผมก้าวสู่รายการโชว์ความสามารถ...เมื่อผมเดินขึ้นเวทีผมได้ยินคนส่งเสียงดังและกระซิบ และท้ายสุด เพราะว่าไม่มีใครรู้จักผม ผมรู้สึกประหลาดใจที่ผมโด่งดังหลังจากนั้น"

เพรสลีย์ผู้ไม่เคยได้รับการฝึกสอนอย่างเป็นทางการ และการอ่านโน้ตดนตรี เขาเรียนและเล่นโดยใช้หูเขาเอง เขาไปร้านขายแผ่นเสียงอยู่บ่อย ๆ ไปฟังจู๊กบอกซ์และฟังที่บูธ เขารู้จักเพลงทั้งหมดของแฮงก์ สโนว์

เขาชอบเพลงของนักร้องเพลงคันทรีอื่นอย่าง รอย อะคัฟฟ์, เออร์เนสต์ ทับบ์, เทด ดาฟแฟน, จิมมี ร็อดเจอร์ส, จิมมี เดวิส และบ็อบ วิลลิส เขายังชื่นชอบนักร้องเพลกอสเปลชาวใต้ที่ชื่อ เจค เฮส ที่เป็นอิทธิพลในการร้องเพลงบัลลาดให้กับเขาอย่างมาก

เขายังเป็นผู้ชมทั่วไปที่ออล-ไนต์ซิงกิงส์ รายเดือน ที่มีกลุ่มนักร้องกอสเปลผิวขาวแสดง ซึ่งได้รับอิทธิพลจากดนตรีโซลของชาวแอฟริกันอเมริกัน เขาชื่นชอบดนตรีของนักร้องกอสเปลผิวดำที่ชื่อ ซิสเตอร์ โรเซตตา ทาร์ป เช่นเดียวกับกลุ่มเพื่อนของเขา

ในบางครั้งเขาอาจไปงานดนตรีบลูส์ ในคืนพิเศษเฉพาะกลุ่มคนฟังผิวขาว เขายังฟังสถานีวิทยุท้องถิ่นที่เล่นเพลงค่ายเรซเรเคิดส์ ที่มีแนวเพลงโซล บลูส์และเพลงสมัยใหม่ กับดนตรีแบ็กบีตหนัก ๆ ของเพลงริทึมแอนด์บลูส์

มีหลายเพลงในอนาคตของเขา ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนักดนตรีชาวแอฟริกันอเมริกัน อย่างเช่น อาร์เทอร์ ครูดัปและรูฟัส โทมัส บี.บี. คิง พูดถึงเอลวิสว่า เขารู้จักเอลวิสก่อนที่เขาจะโด่งดัง เพราะทั้งคู่ชอบไปถนนบีล เมื่อเขาเรียนจบระดับมัธยมในเดือนมิถุนายน 1953 เพรสลีย์ก็ได้เลือกอาชีพด้านดนตรีเป็นอาชีพในอนาคตของเขาแล้ว


บันทึกเสียงเพลงแรก (1953–55)

เพรสลีย์เดินเข้าไปในสำนักงานของซันเรเคิดส์ เขาต้องการที่จะใช้สตูดิโอไม่กี่นาทีเพื่อบันทึกเสียงลงแผ่นสังเคราะห์สองหน้า ที่ชื่อเพลง "My Happiness" และ "That's When Your Heartaches Begin" ต่อมาเขาออกมากล่าวว่าเพลงเหล่านี้ เขาต้องการให้เป็นของขวัญวันเกิดให้แม่เขา

หรือแค่อยากลองว่าจะมีลักษณะอย่างไร กับการบันทึกเสียงแบบสมัครเล่นซึ่งใกล้กับร้านค้าทั่วไป แต่นักเขียนอัตชีวประวัติ ปีเตอร์ กูราลนิก เถียงว่า เขาเลือกซันเรเคิดส์เพราะหวังว่าจะมีใครมาค้นพบเขา เมื่อพนักงานต้อนรับ แมเรียน คีสเกอร์ถามเพรสลีย์ว่า เขาเป็นนักร้องประเภทไหน เพรสลีย์ตอบว่า "ผมร้องได้ทุกอย่าง"

และเมื่อเธอย้ำถามว่าเขาร้องเหมือนใคร เขาก็ตอบซ้ำว่า "ผมไม่ได้ร้องเหมือนใคร" หลังจากที่เขาบันทึกเสียง หัวหน้าของซันเรเคิดส์ที่ชื่อ แซม ฟิลลิปส์ก็ให้คีสเกอร์เขียนบันทึกชื่อของชายหนุ่มนั้น ซึ่งเธอก็เขียนบรรยายไปว่า "นักร้องเพลงบัลลาดที่ดี"

เพรสลีย์ตัดแผ่นอีกครั้งในเดือนมกราคม 1954 ในเพลง "I'll Never Stand In Your Way" และ "It Wouldn't Be the Same Without You" แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาไม่ผ่านการออดิชันในการกลุ่มร้อง 4 คนที่ชื่อ ซองเฟลโลส์ เขาบอกกับพ่อของเขาว่า "พวกเขาบอกผมว่า ผมร้องเพลงไม่ได้" จิม ฮามิลล์แห่งซองเฟโลว์ ภายหลังออกมากล่าวว่า เขาปฏิเสธไป เพราะว่าเพรสลี่ย์ไม่สามารถแสดงการใช้หูฟังเสียงประสานได้ในเวลานั้น

ในเดือนเมษายน เพรสลีย์เริ่มทำงานที่บริษัทคราวน์อีเลกทริก ตำแหน่งคนขับรถบรรทุก เพื่อนของเขา รอนนี สมิธ ที่ได้ร่วมแสดงเพลงกับเขาบางครั้ง ได้แนะนำให้รู้จักเอ็ดดี บอนด์ หัวหน้าของวงอาชีพของสมิธ ซึ่งกำลังเปิดหานักร้องนำอยู่ บอนด์ปฏิเสธเขาไปหลังจากทดสอบความสามารถ ยังแนะนำเพรสลีย์ให้ขับรถบรรทุกต่อไป "เพราะว่าคุณไม่สามารถเป็นนักร้องได้เลย"

ฟิลลิปส์ในขณะนั้นที่กำลังหาคนขาว ใครสักคนที่สามารถร้องเพลงสไตล์คนดำได้ เพราะต้องการที่จะขยายฐานคนฟังให้กว้างขึ้น และจากรายงานของคีสเกอร์ "หลายต่อหลายครั้ง ฉันจำที่แซมพูดได้ว่า ถ้าฉันสามารถหาคนขาดที่มีเสียงแบบนิโกรและความรู้สึกแบบนิโกร ฉันจะให้เขาพันล้านดอลลาร์เลย"

ในเดือนมิถุนายน เขาบันทึกเสียงเพลงบัลลาดที่ชื่อ "Without You" ที่เขาคิดว่าอาจเหมาะกับนักร้องวัยรุ่น เพรสลีย์เข้ามาในสตูดิโอ แต่ไม่สามารถทำให้เยี่ยมได้ ด้วยเหตุนี้เองฟิลลิปส์บอกเพรสลียให้ร้องหลายเพลงเท่าที่เขารู้

เขารู้สึกมีใจเมื่อได้ยินว่าให้เชิญนักดนตรีท้องถิ่นคือ นักกีตาร์ วิลฟิลด์ "สก็อตตี" มัวร์ และมือเบส บิล แบล็ก ให้ร่วมงานบันทึกเสียงกับเพรสลีย์

การบันทึกเสียงมีขึ้นในเย็นวันที่ 5 กรกฎาคม ซึ่งก็ไม่ได้ผลนักจนถึงช่วงดึกของคืนนั้น พวกเขารู้สึกยอมแพ้และอยากกลับบ้าน เพรสลีย์หยิบกีตาร์มาและร้องเพลง "That's All Right" ของอาร์เธอร์ ครูดัป มัวร์กล่าวภายหลังว่า

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เอลวิสเริ่มร้องเพลง กระโดดไปทั่วและทำเหมือนคนบ้า จากนั้นบิลก็เริ่มหยิบเบส และเราก็เริ่มบ้ากันด้วย จากนั้นก็เริ่มเล่นเพลง แซมที่อยู่ที่บูธควบคุม ก็ยื่นหัวออกมาแล้วบอกว่า 'พวกแกทำอะไรอยู่' และพวกเราก็ตอบ 'ไม่รู้เหมือนกัน' เขาพูดว่า 'โอเค ดี หาที่ว่าจะเริ่มตรงไหนและเอาอีกครั้ง'

ฟิลลิปส์ก็เริ่มบันทึกเทป เป็นดนตรีที่พวกเขากำลังหาอยู่นาน 3 วันต่อมา ดีเจที่มีชื่อเสียงที่ชื่อ ดีเจ ดิววีย์ ฟิลลิปส์ เล่นเพลง "That's All Right" ในรายการเรด,ฮอต แอนด์บลู คนฟังเริ่มจะโทรเข้ามา และสงสัยว่าใครเป็นคนร้อง

จากนั้นเองฟิลลิปส์ก็เล่นเพลงซ้ำอีกครั้งใน 2 ชั่วโมงท้ายของรายการ และสัมภาษณ์เพรสลีย์ออกอากาศ ฟิลลิปส์ถามว่าเรียนโรงเรียนไหน และถามเรื่องสีผิว ที่มีคนถามเข้ามาคิดว่าเขาคือคนดำ

หลายวันต่อมาวงทรีโอนี้ได้บันทึกเสียงเพลงบลูกราส ของบิล มอนโร ที่ชื่อ "Blue Moon of Kentucky" และอีกครั้งด้วยความโดดเด่นของแนวการเล่นและบวกกับเสียงสะท้อนของเรือ ที่แซม ฟิลลิปส์นำมาจาก "slapback" ออกเป็นซิงเกิลโดยมีเพลง "That's All Right" อยู่ในหน้าเอ และเพลง "Blue Moon of Kentucky" อยู่ในด้านตรงข้ามของแผ่นเสียง


การแสดงสดช่วงแรกและเซ็นสัญญากับอาร์ซีเอวงทรีโอ

เพรสลีย์ได้เล่นต่อหน้าสาธารณะชนครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่บอนแอร์คลับ เขายังคงใช้กีตาร์ของเด็กเล่น พอปลายเดือนพวกเขาก็ปรากฏตัวที่โอเวอร์ตันพาร์กเชลล์ ร่วมกับการนำของสลิม วิตแมน และด้วยการตอบรับ ในจังหวะและความความประหม่าในการแสดงต่อผู้ชมจำนวนมาก

ทำให้เพรสลีย์เขย่าขาของเขาในการแสดง กับการเกงขาบานที่ใส่ยิ่งทำให้เน้นการเคลื่อนไหว ทำให้สาววัยรุ่นเริ่มที่จะส่งเสียงกรี๊ด มัวร์พูดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า "ในช่วงที่บรรเลงเพลง เขาจะถอยหลังไปและเริ่มเล่นและเขย่า จากนั้นผู้ชมก็เริ่มคลั่ง"

ส่วนแบล็ก ก็บรรเลงเบสของเขา โดยดับเบิลลิ๊กในเพลง เพรสลีย์รำลึกว่า "มันเป็นดนตรีที่บ้าจริง ๆ เหมือนกลองจังเกิลหรืออะไรสักอย่าง"

หลังจากนั้น มัวร์และแบล็กก็ลาออกจากวง เพื่อเล่นให้กับเพรสลีย์ประจำ ส่วนดีเจและโปรโมเตอร์ บ็อบ นีล ก็กลายเป็นผู้จัดการวงทรีโอนี้ จากเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม พวกเขาเล่นอยู่บ่อยครั้งที่อีเกิลส์เนสต์คลับและกลับมาบันทึกเสียงที่ซันสตูดิโอ

เพรสลีย์ก็รู้สึกเพิ่มความมั่นใจอย่างรวดเร็วเมื่อขึ้นเวที มัวร์กล่าวว่า "การเคลื่อนไหวของเขาช่างดูเป็นธรรมชาติ แต่เขาก็ตั้งใจมากต่อปฏิกิริยา เขาจะทำมันครั้งหนึ่งจากนั้นก็จะทำต่อโดยทำมันให้เร็ว"

เพรสลีย์ได้ปรากฏตัวเพียงครั้งเดียวบนเวที แกรนด์โอเลโอพรี ที่แนชวิลล์ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม หลังจากผู้ชมตอบรับอย่างเบาบาง สุภาพ ผู้จัดการรายการที่ชื่อจิม เดนนี บอกกับฟิลลิปส์ว่า นักร้อง "ดูไม่เลว" แต่ไม่เหมาะกับรายการ

2 อาทิตย์ต่อมา เพรสลีย์มีชื่ออยู่ในรายการ ลุยเซียนาเฮย์ไรด์ ซึ่งเป็นการแข่งขันที่น่าตื่นเต้น รายการของเมืองชีฟพอร์ต ที่ออกอากาศในสถานีวิทยุ 198 สถานีใน 28 รัฐ เพรสลีย์รู้สึกเครียดในการแสดงแรกที่ผู้ชมต่างเงียบในการแสดงของเขา

แต่การแสดงที่มีอารมณ์สงบและมีพลัง ทำให้ได้รับเสียงตอบรับอย่างสนใจ ดีเจ ฟอนทานา ที่เป็นมือกลอง ได้ใส่องค์ประกอบใหม่เพื่อส่งเสริมจังหวะเคลื่อนไหวของเพรสลีย์ ด้วยการเน้นจังหวะที่เขาเคยเล่นที่คลับเปลือยกาย

หลังจากการแสดง เฮย์ไรด์ชวนเพรสลีย์ให้มาปรากฏตัวในคืนวันเสาร์เป็นเวลา 1 ปี เขาได้ขายกีตาร์เก่าได้เงิน 8 เหรียญสหรัฐ เขาซื้อเครื่องดนตรีมาร์ติน เป็นเงิน 175 เหรียญสหรัฐ และวงทรีโอก็เริ่มเล่นตามสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงในฮิวส์ตัน รัฐเท็กซัสและเท็กซาร์คานา รัฐอาร์คันซอ

ในต้นปี 1955 เพรสลีย์ปรากฏตัวเป็นประจำที่ เฮย์ไรด์ ออกทัวร์ตลอดเวลาและได้รับเสียงตอบรับที่ดี ในการออกแผ่นเสียงที่ทำให้เขาเป็นดาราดังในระดับท้องถิ่น ตั้งแต่ในเทนเนสซีไปจนถึงเวสต์เท็กซัส

ในเดือนมกราคม นีลได้เซ็นสัญญาการจัดการอย่างเป็นทางการกับเพรสลีย์ และนำนักร้องเข้าพบกับโคโรเนล ทอม พาร์กเกอร์ ที่ถือว่าเป็นโปรโมเตอร์ที่ดีที่สุดในธุรกิจดนตรี พาร์เกอร์ (เกิดเนเธอร์แลนด์แต่อ้างว่ามาจากเวสต์เวอร์จิเนีย) ได้รับตำแหน่งพันเอกจากคณะกรรมการของนักร้องเพลงคันทรี ที่ชื่อ จิมมี เดวิส ที่กลายมาเป็นผู้ว่าการรัฐลุยเซียนา

พาร์เกอร์ประสบความสำเร็จในการจัดการดาราคันทรีแถวหน้าอย่าง เอ็ดดี อาร์โนลด์ ที่ได้ร่วมงานกับนักร้องคันทรีอันดับ 1 หน้าใหม่ขณะนั้น แฮงก์ สโนว์ โดยพาร์กเกอร์ได้จัดการให้เพรสลีย์ออกทัวร์ของสโนว์ในเดือนกุมภาพันธ์

เมื่อทัวร์ถึงเมืองโอเดสซา รัฐเท็กซัส รอย ออร์บิสันขณะอายุ 19 ปี ได้เห็นการแสดงของเพรสลีย์เป็นครั้งแรก ก็บอกว่า "พลังของเขาเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ความโดดเด่นของเขา มันน่าอัศจรรย์ ... ผมไม่รู้ว่าทำได้ยังไง ไม่มีจุดอ้างอิงอื่นทางวัฒนธรรมที่จะเปรียบเทียบมันได้เลย"

เพรสลีย์ได้ปรากฏตัวครั้งแรกทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ทาง [เคเอสแอนเอ-ทีวี] ออกอกอากาศทาง ลุยเซียนาเฮย์ไรด์ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตกรอบการออดิชัน ในรายการแสดงความสามารถ อาร์เธอร์ก็อดฟรีย์สแทเลนต์สเกาตส์ ทางสถานีระดับชาติซีบีเอส

ในเดือนสิงหาคม ค่ายซันเรเคิดส์ออกแผ่นในชื่อ "Elvis Presley, Scotty and Bill" เพลงบางเพลงอย่างเพลง "That's All Right" ที่นักเขียนจากเมมฟิสอธิบายไว้ว่า "เป็นสำนวนอาร์แอนด์บีของแจ๊ซนิโกร" เพลงอื่นอย่าง "Blue Moon of Kentucky" มีลักษณะ "แบบคันทรีมากกว่า"

"แต่การการรวมที่แปลกในการนำสองแนวเพลงที่แตกต่าง รวมเข้ามาด้วยกัน" การรวมแนวเพลงนี้ทำให้เป็นการยากที่สถานีวิทยุจะเล่นเพลงของเพรสลีย์ จากคำพูดของนีลเขากล่าวว่า ดีเจเพลงคันทรีจะไม่เล่นเพลงนี้ เพราะว่ามักดูเป็นศิลปินคนดำเกินไป

และไม่มีสถานีแนวริทึมแอนด์บลูส์ที่จะแตะพวกเขาเพราะว่า "มันดูเป็นฮิลล์บิลลีเกินไป" การรวมเช่นนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ ร็อกอะบิลลี ในเวลานั้นเพรสลีย์มีฉายาว่า "ราชาแห่งเวสต์เทิร์นบ็อป" ,"ชายฮิลบิลลี" และ "แสงวาบจากเมมฟิส"

เพรสลีย์เซ็นสัญญาใหม่กับนีล ในเดือนสิงหาคม 1955 ในขณะเดียวกันพาร์กเกอร์เป็นที่ปรึกษาพิเศษ วงยังคงออกทัวร์อย่างต่อเนื่องในช่วงหลังของปี

นีลยังพูดว่า "มันเกือบเป็นเรื่องน่ากลัว ปฏิกิริยาต่าง ๆ ถึงเอลวิสจากวัยรุ่นผู้ชาย มีหลายคนค่อนข้างอิจฉาและเกลียดเขา ในบางครั้งอย่างบางเมืองในเท็กซัส เราต้องมั่นใจว่ามีตำรวจคุ้มกันอยู่เพราะจะมีใครบางคนจะชอบก้าวร้าวต่อเขา พวกเขามีแก๊งและพยายามจะดักโจมตีหรืออย่างอื่น"

วงทริโอกลายเป็นวงควอเตต (4 คน) เมื่อมือกลองจากเฮย์ไรด์ ที่ชื่อฟอนทานา ร่วมวงเต็มวง ในกลางเดือนตุลาคม พวกเขาเล่นในหลายรายการเพื่อสนับสนุนให้กับโชว์ของบิล ฮาลีย์ ที่มีเพลง "Rock Around the Clock" ติดอันดับ 1 เมื่อปีก่อน ฮาลียืสังเกตเพรสลีย์ว่าเขามีความเป็นธรรมชาติในส่วนของจังหวะ และแนะนำเขาให้ร้องเพลงบัลลาดให้น้อยลง

ในงานชุดนุมดีเจคันทรี ในต้นเดือนพฤศจิกายน เพรสลีย์ได้รับการลงคะแนนเสียงเป็นศิลปินชายแห่งความหวังที่สุดแห่งปี มีหลายค่ายเพลงสนใจที่จะจับเขาเซ็นสัญญา หลังจาก 3 ค่ายใหญ่เสนอเงินสูงถึง 25,000 เหรียญสหรัฐ

พาร์กเกอร์และฟิลลิปส์สนใจในสัญญาของอาร์ซีเอวิกเตอร์ โดยเซ็นเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ให้สัญญาของเพรสลีย์ที่มีกับซันเรเคิดส์จบไปโดยเงิน 40,000 เหรียญสหรัฐ เพรสลีย์ซึ่งขณะนั้นอายุ 20 ปี ยังเป็นผู้เยาว์อยู่ ก็ให้บิดาเซ็นสัญญาแทน

พาร์กเกอร์ที่ได้เตรียมงานกับเจ้าของฮิลแอนด์เรนจ์พับบลิชชิง คือฌอง และจูเลียน เอเบอร์บาช ได้ร่วมสร้างชื่อ "เอลวิส เพรสลีย์ มิวสิก แอนด์ แกรลดีส์ มิวสิก" เพื่อจัดการวัตถุดิบใหม่ในการอัดเสียงให้กับเพรสลีย์

มีนักเขียนเพลงได้เข้ามาช่วยเหลืออยู่ก่อน เพื่อตอบแทนแลกเปลี่ยนกับการแสดงในผลงานพวกเขา ในเดือนธันวาคม อาร์ซีเอเริ่มที่จะประชาสัมพันธ์นักร้องคนใหม่อย่างหนัก และก่อนจะจบเดือนเขาได้ออกผลงานกับค่ายซันเคิดส์ใหม่อีกครั้ง


แจ้งเกิดและข้อพิพาท (1956–58)

วันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 1956 เพรสลีย์ได้ทำการบันทึกเสียงครั้งแรกของค่ายอาร์ซีเอในเมืองแนชวิล ได้เพิ่มทีมแบ็กอัปช่วยมัวร์, แบล็ก และฟอนทานา โดยอาร์ซีเอเพิ่มนักเปียโน ฟลอยด์ เครเมอร์, นักกีตาร์ เชต แอตคินส์ และนักร้องประสาน 3 คน คือกอร์ดอน สโตเกอร์ จากวงสี่คนที่มีชื่อเสียงที่ชื่อ จอร์แดนแนร์ส เพื่อที่เติมเต็มเสียงเข้าไป

เป็นการบันทึกเสียงเพลงขุ่นหมองที่ไม่ธรรมดา ที่ชื่อ "Heartbreak Hotel" ออกขายเป็นซิงเกิลเมื่อวันที่ 27 มกราคม จนในที่สุดพาร์กเกอร์ก็ได้นำเพรสลีย์ออกโทรทัศน์ระดับชาติ โดยให้เขาแสดงบนเวทีของซีบีเอสถึง 6 ครั้งในรอบ 2 เดือน

รายการผลิตที่นิวยอร์ก มีพิธีกรสลับกันไประหว่างพี่น้องผู้นำวงบิ๊กแบนด์ ทอมมีและจิมมี ดอร์เซย์ หลังจากการปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 มกราคม เพรสลีย์ก็ได้อยู่ในเมืองเพื่อบันทึกเสียง ที่สตูดิโอของอาร์ซีเอในนิวยอร์ก บันทึกเสียง 8 เพลง รวมถึงเพลงทำใหม่ของคาร์ล เพอร์กินส์ แนวร็อกอะบิลลีที่ชื่อ "Blue Suede Shoes"

ในเดือนกุมภาพันธ์ เพลงของเพรสลีย์ "I Forgot to Remember to Forget" ที่บันทึกเสียงกับซันเรเคิดส์และเคยออกในเดือนสิงหาคมปีก่อน ได้ติดชาร์ตอันดับ 1 บนบิลบอร์ดคันทรีชาร์ต สัญญากับนีลได้จบลงไปและในวันที่ 2 มีนาคม พาร์เกอร์กลายเป็นผู้จัดการคนใหม่ของเพรสลีย์

อาร์ซีเอวิกเตอร์ ได้ออกผลงานอัลบั้มเปิดตัวของเพรสลีย์ ในชื่อตัวเขาเอง เมื่อวันที่ 23 มีนาคม มีเพลงจากอัลบั้มที่บันทึกเสียงกับซันที่ไม่เคยออกมาก่อน 5 เพลง อีก 7 เพลงใหม่มีความหลากหลาย มีเพลงคันทรี 2 เพลงและเพลงป็อปกระฉับกระเฉง

เพลงอื่นเน้นไปที่ดนตรีร็อกแอนด์โรลที่กำลังพัฒนา อย่าง "Blue Suede Shoes" ที่ "ปรับปรุงเวอร์ชันของเพอร์กินส์ในทุกทาง" จากคำพูดของนักวิจารณ์ โรเบิร์ต ฮิลเบิร์น และ 3 เพลงอาร์แอนด์บีที่เป็นรายการแสดงของเพรสลีย์บนเวทีหลายครั้ง

เป็นการนำเพลงของลิตเทิล ริชาร์ด, เรย์ ชาร์ลส และเดอะดริฟเตอร์ส มาทำใหม่ และฮิลเบิร์ยังอธิบายว่า "เป็นเพลงที่เปิดเผยมากที่สุดทั้งหมด ไม่เหมือนกับศิลปินคนขาวอื่น ...ที่จะเจือจางความกล้าหาญของต้นฉบับอาร์แอนด์บีลงไป ในเพลงคริสต์ทศวรรษ 1950

แต่เพรสลีย์ได้เปลี่ยนรูปแบบใหม่ เขาไม่เพียงแต่ผลักดันให้มีทำนองเข้ากับเอกลักษณ์เสียงของเขา แต่ยังนำกีตาร์ (ไม่ใช่เปียโน) เป็นเครื่องดนตรีนำในทั้ง 3 กรณี" ถือเป็นอัลบั้มร็อกแอนด์โรลอัลบั้มแรกที่ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ด และอยู่นาน 10 สัปดาห์

ขณะที่เพรสลีย์ไม่ใช่นักปฏิรูปเครื่องดนตรีอย่างมัวร์ หรือร็อกเกอร์ชาวแอฟริกันอเมริกันร่วมสมัยอย่าง โบ ดิดดลีย์และชัค เบอร์รี นักประวัติศาสตร์วัฒนธรรมที่ชื่อ กิลเบิร์ต บี. ร็อดแมน โต้แย้งภาพปกอัลบั้มว่า "เอลวิสผู้ซึ่งใช้เวลาตลอดชีวิตเขาบนเวที กับกีตาร์ในเมืองที่เขาเล่นได้ดีมากในตำแหน่งที่มีกีตาร์...เป็นเครื่องดนตรีที่ดีที่สุกับเขา กับรูปแบบและจิตวิญญาณของดนตรีแบบใหม่"


มิลตันเบอร์ลโชว์ และ "Hound Dog"

เพรสลีย์ปรากฏตัวครั้งแรกใน 2 ครั้งที่ รายการ มิลตันเบอร์ลโชว์ ทางช่องเอ็นบีซี เมื่อวันที่ 3 เมษายน เขาแสดงบนดาดฟ้าเรือยูเอสเอสแฮนค็อก ที่แซนดีเอโก เขาได้รับเสียงเชียร์และเสียงกรี๊ดจากคนดูทั้งจากทหารเรือและคนที่มาพบเจอ

หลายวันต่อมา เที่ยวบินที่เพรสลีย์และวง ที่จะไปแนชวิลเพื่อบันทึกเสียงเกิดเครื่องสั่นอย่างหนัก 3 ครั้งเมื่อเครื่องเสียและเครื่องบินเกือบตกลงที่รัฐอาร์คันซอ

12 อาทิตย์ต่อมาหลังจากออกซิงเกิล "Heartbreak Hotel" ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตป็อปเพลงแรกของเพรสลีย์ ในปลายเดือนเมษายน เพรสลีย์เริ่มพักอยู่ที่โรงแรมนิวฟรอนเทียร์และคาซิโน ที่ลาสเวกัสสตริป เป็นเวลา 2 สัปดาห์

โชว์ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มหัวอนุรักษ์ สำหรับแขกวัยกลางคนของโรงแรม นิวส์วีกเขียนวิจารณ์ว่า "เหมือนเหยือกน้ำที่มีเหล้าข้าวโพดในปาร์ตี้แชมเปญ"

ในช่วงที่อยู่ที่ลาสเวกัส เพรสลีย์ที่มีความใฝ่ฝันอย่างมากในด้านแสดง ได้เซ็นสัญญา 7 ปีกับพาราเมาต์พิกเจอส์ เขาเริ่มออกทัวร์ในมิดเวสต์ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ใน 15 เมืองเป็นเวลาหลายวัน

เขาเข้าไปดูโชว์หลายโชว์ของเฟรดดีเบลล์แอนด์เดอะเบลล์บอยส์ ในลาสเวกัสและติดใจเพลงทำใหม่ที่ชื่อ "Hound Dog" เพลงฮิตในปี 1952 ของนักร้องเพลงบลูส์ที่ชื่อ บิ๊ก มามา ทอร์นตัน และเพลงนี้ได้ถือเป็นเพลงใหม่ในการแสดงของเขา

หลังจากแสดงในลาครอส ในรัฐวิสคอนซิน ก็มีข้อความเขียนบนหน้าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเครือคาทอลิก ซึ่งก็ถูกส่งไปให้หัวหน้าเอฟบีที่ชื่อ เจ. เอดการ์ ฮูเวอร์ เขียนไว้ว่า "เพรสลีย์เป็นอันตรายอย่างยิ่งกับความปลอดภัยของสหรัฐอเมริกา...

การแสดงของเขาเป็นการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้กับกลุ่มวัยรุ่น...หลังจากแสดงโชว์ มีวัยรุ่นกว่า 1,000 คนพยายามเข้าร่วมไปอยู่ในห้องของเพรสลีย์ที่โรงละคร...เป็นการบอกถึงความอันตรายของเพรสลีย์ แค่ในลาครอสก็มีหญิงสาวไฮสคูล 2 คน ที่ให้เพรสลีย์เซ็นลายเซ็นที่ท้องน้อยและต้นขา"

การแสดงครั้งที่ 2 ที่ รายการ มิลตันเบอร์ลโชว์ เกิดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่สตูดิโอฮอลลีวูดของช่องเอ็นบีซี ในช่วงระหว่างความวุ่นวายในการออกทัวร์ เบอร์ลได้ชักชวนเขาให้ทิ้งกีตาร์หลังเวที แนะให้เขา "ให้พวกเขาพบคุณ, ลูกชาย"

ระหว่างการแสดงเพรสลีย์หยุดโชว์กระทันหันในช่วงเพลงมีจังหวะ "Hound Dog" โดยโบกแขนและเริ่มทำให้ช้าลง ทำดูเด่น เต็มไปด้วยพลัง กับการเคลื่อนไหวที่ดูเกินจริง การแสดงการหมุนของเขาทำให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างหนัก

นักวิจารณ์โทรทัศน์ แจ็ก กูล์ดจาก นิวยอร์กไทม์ เขียนไว้ว่า "คุณเพรสลีย์ ผู้ซึ่งไม่มีความสามารถด้านการร้อง...การถ่ายทอดของเขา ถ้าสามารถเรียกได้ว่า ประกอบด้วยความหลากหลายทั่ว ๆ ไป ที่เริ่มท่วงทำนองแบบในอ่างน้ำ...ลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของเขาคือ การเคลื่อนไหวของร่างกายที่มีเอกลักษณ์...โดยมากจะเห็นถึงรายการการแสดงที่น่าตกใจแบบพวกล้อเลียนการแสดง"

ส่วนเบน กรอส จาก นิวยอร์กเดลีนิวส์ แสดงความเห็นดนตรีป็อปว่า "ได้ถึงจุดต่ำสุดของพฤติกรรมปลายขาหนีบ ของเอลวิส เพรสลีย์... เอลวิส คนที่เคลื่อนกระดูกเชิงกราน...ได้แสดงเป็นนัยยะเรื่องอนาจารและหยาบคาย ผสมด้วยรูปแบบของสัตว์ป่าที่อาจหมายถึงซ่องโสเภณี"

เอ็ด ซัลลิแวน เจ้าของรายการวาไรตี้โชว์อันโด่งดังระดับชาติ ประกาศว่าเขา "ไม่เหมาะสำหรับผู้ชมในครอบครัว" เขาถูกเรียกว่า ""Elvis the Pelvis" (เอลวิส กระดูกเชิงกราน) ซึ่งสร้างความไม่พอใจกับเขา เขาตอบกลับไปว่า "เป็น 1 ในการแสดงออกที่ปัญญาอ่อนที่สุดเท่าที่เคยได้ยิน ที่มาจากผู้ใหญ่เอง"

สตีฟอัลเลนโชว์ และการปรากฏตัวครั้งแรกในรายการซัลลิแวนรายการของเบิร์ลได้รับเรตติ้งสูงเมื่อครั้งเพรสลีย์ ปรากฏตัวเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ทางรายการ เดอะสตีฟอัลเลนโชว์ ในนิวยอร์ก

อัลเลนซึ่งไม่ใช่แฟนเพลงร็อกแอนด์โร ได้แนะนำเอลวิสแบบใหม่ ในชุดผู้โบว์สีขาวและสุดดำมีท้าย เพรสลีย์ร้องเพลง "Hound Dog" ไม่ถึง 1 นาทีให้กับสุนัขพันธุ์บาสเซตฮาวด์ที่สวมหมวกและผูกไทด์

นักประวัติศาสตร์รายการโทรทัศน์ เจค ออสเตนกล่าวว่า "อัลเลนคงคิดว่าเพรสลีย์ไม่มีความสามารถและไร้สาระ จึงทำอย่างนั้นกับเพรสลีย์ที่จะทำให้เพรสลีย์ดูสำนักผิด" ต่อมาอัลเลนเขียนว่า เขาพบว่าเพรสลีย์ "แปลก สูงและผอม เด็กหนุ่มคันทรีผู้มีพรสวรรค์ มีความเฉลียวฉลาดที่ยากจะอธิบาย มีเสน่ห์จนน่าแปลกใจ และเป็นนักร้องที่สร้างความตลกในรายการเขา"

ซึ่งต่อมาเพรสลีย์เองก็ตอบกลับว่า เป็นการแสดงที่พิลึกที่สุดที่เขาทำในอาชีพของเขา ต่อมาในคืนเดียวกัน เขาปรากฏในรายการ ไฮการ์ดเนอร์คอลลิง รายการโทรทัศน์ท้องถิ่นยอดนิยม ตอบรับเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเรียนรู้จากการวิจารณ์ที่เขาตกเป็นเป้าหมายอยู่

เพรสลีย์ตอบว่า "ไม่เลย ผมไม่เคยรู้สึกว่าผมทำอะไรผิด...ผมไม่เห็นว่าจะประเภทดนตรี จะทำให้เกิดอิทธิพลด้านร้ายกับคน เพราะมันก็เป็นแค่ดนตรี ผมหมายถึง ร็อกแอนด์โรลจะทำให้ใครต่อต้านพ่อแม่เขาได้"

วันถัดมาเพรสลีย์บันทึกเสียงเพลง "Hound Dog" กับเพลง "Any Way You Want Me" และ "Don't Be Cruel" ขณะที่วงจอร์แดนแนร์สร้องประสาน เหมือนที่ทำในรายการ เดอะสตีฟอัลเลนโชว์ พวกเขาได้ร่วมงานกับเพรสลีย์จนถึงคริสต์ทศวรรษ 1960

ต่อมาหลายวันเขาแสดงในคอนเสิร์ตกลางแจ้งในเมมฟิส เขาประกาศว่า "รู้ไหม คนเหล่านี้ในนิวยอร์กจะไม่สามารถเปลี่ยนผมได้ ผมจะแสดงให้คุณเห็นว่าเอลวิสที่แท้จริงเป็นอย่างไร ในคืนนี้"

ในเดือนสิงหาคม ผู้พิพากาษในแจ็กสันวิล ในฟลอริดา สั่งให้เพรสลีย์สุขุมกว่าเดิมในการแสดง เป็นผลในการแสดงในครั้งต่อ ๆ มา ยกเว้นการแกว่งนิ้วไปมาในลักษณะล้อเลียนการสั่ง เขานำเพลง "Don't Be Cruel" คู่กับ "Hound Dog" ติดอันดับ 1 บนชาร์ตนาน 11 สัปดาห์ เป็นสถิติเพลงอันดับ 1 ยาวนานที่สุดร่วม 36 ปี

เขาบันทึกเสียงในอัลบั้มชุดที่ 2 ในฮอลลีวูดในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน เจอร์รี ลีเบอร์และไมก์ สตอลเลอร์ ผู้เขียนเพลง "Hound Dog" ได้ช่วยเขียนในเพลง "Love Me"

รายการของอัลเลนที่มีเพรสลีย์ร่วมนั้น ได้ชนะเรื่องเรตติ้งครั้งแรก ในรายการ ดิเอ็ดซัลลิแวนโชว์ ทางช่องซีบีเอส แต่ต่อมาทางซัลลิแวนประกาศออกมาในเดือนมิถุนายนว่า เขาจะปรากฏตัวในรายการ 3 ครั้งกับค่าตัว 50,000 เหรียญสหรัฐที่ไม่เคยมีมาก่อน

ครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1956 มีผู้ชมราว 60 ล้านคน ถือเป็นร้อยละ 82.6 ของผู้ชมรายการโทรทัศน์ นักแสดง ชาร์ล เลาจ์ตัน พิธีกรของรายการซึ่งมาทำหน้าที่แทนซัลลิแวน เนื่องจากพักฟื้นจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์

เพรสลีย์ปรากฏตัวใน 2 ส่วนของรายการในคืนนั้นจาก ซีบีเอสเทเลวิชันซิตี ในฮอลลีวูด ถ่ายทำเพรสลีย์จากเอวขึ้นไป ขณะที่ดูคลิปขอรายการอัลเลนและเบิร์ล กับโปรดิวเซอร์ของเขา ซัลลิแวนให้ความเห็นว่า

"มีบางอุปกรณ์บางอย่างแขวนตรงบริเวณอวัยวะเพศเขา จากนั้นเขาแกว่งขาไปมา มันจึงทำให้เห็นส่วนเว้านูนของอวัยวะเพศเขา ...ผมคิดว่ามันคือขวดโค้ก... แต่ไม่ได้ มันจะเกิดขึ้นมาได้ในคืนวันอาทิตย์ นี่มันรายการสำหรับครอบครัว"

ซัลลิแวนบอกกับ ทีวีไกด์ ไว้ว่า "การหมุนตัวของเขาเราสามารถควบคุมได้ในกล้อง" แต่แท้จริงแล้ว เพรสลีย์ปรากฏเต็มตัวในการแสดงครั้งแรกและครั้งที่สอง ถึงแม้จะระมัดระวังในการถ่ายภาพเมื่อเขาปรากฏตัว กับการไม่ขยายชัดตรงขา เมื่อเขาเต้น

แต่ผู้ชมในสตูดิโอก็มีปฏิกิริยาด้วนเสียงกรี๊ด เพรสลีย์ได้แสดงซิงเกิลที่กำลังจากออก เป็นเพลงบัลลาดที่ชื่อ "Love Me Tender" ซึ่งสร้างสถิติมีการสั่งล่วงหน้าร่วมล้าน มากไปกว่าซิงเกิลใดที่เคยมีมา ถือเป็นการปรากฏตัวของเขาในรายการ ดิเอ็ดซัลลิแวนโชว์ ที่ทำให้เขาเป็นคนดังระดับประเทศ เทียบกับครั้งก่อนหน้า

ประกอบกับความมีชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นของเพรสลีย์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม ที่เขาช่วยดลใจและทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์ ก่อให้เกิด "ความบ้าคลั่งที่มากที่สุดของวงการป็อบ ตั้งแต่ครั้งเกล็น มิลเลอร์และแฟรงก์ ซินาตรา... เพรสลีย์ได้นำร็อกแอนด์โรลก้าวเข้าสู่กระแสหลักของวัฒนธรรมสมัยนิยม" เขียนโดยมาร์ตี จีเซอร์

"เพรสลีย์ได้นำฝีก้าวของศิลปะ ที่ศิลปินอื่นก้าวตาม... เพรสลีย์มีมากกว่าใครอื่น ได้สร้างความศรัทธากับคนรุ่นใหม่ให้พวกเขาโดดเด่นและในบางครั้งสร้างความเป็นหนึ่งให้กับคนรุ่นนั้น - เป็นครั้งแรกในอเมริกาที่รู้สึกเหมือนว่ามีพลังที่รวมวัฒนธรรมวัยรุ่นเข้าด้วยกัน"


ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


สวัสดิ์สิริศนิวาร สิริมานปรีดิ์ปราโมทย์นะคะ



Create Date : 23 เมษายน 2554
Last Update : 23 เมษายน 2554 9:10:16 น. 0 comments
Counter : 2028 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.