ราชมรรคา
รู้ไปโม้ด โดย...น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com
นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับ 2 ธันวาคม 2552 อพิสิทธิ์ ธีระจารุวรรณ เสนอรายงานไว้ว่า นักวิชาการชาวฝรั่งเศสบอกว่า ราชมรรคาคือถนนหลวงของ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทั้งนี้ เรื่องราวของราชมรรคาปรากฏในจารึกปราสาทพระขรรค์ โดยระบุว่ามีเส้นทางสำคัญ 5 สาย จากเมืองพระนคร คือ พระนคร-พิมาย พระนคร-วัดภู พระนคร-สวายจิก พระนคร-ปราสาทพระขรรค์ และพระนคร-กำปงธม
ซึ่งนักวิชาการชาวฝรั่งเศสได้ทำแผนผังแนวถนนโบราณตามที่จารึกระบุ และจารึกยังระบุอีกว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โปรดให้สร้างบ้านมีไฟ หรือธรรมศาลา จำนวนทั้งสิ้น 121 หลัง ตามเส้นทางจากเมืองพระนครไปยังเมืองต่างๆ ในจำนวนนี้พบธรรมศาลา 17 หลัง ในเส้นทางพระนคร-พิมาย
ทีนี้จึงเกิดข้อสงสัยว่าถนนดังกล่าวมีจริงหรือไม่ อาจารย์โบราณคดี ศรีศักร วัลลิโภดม ไม่เชื่อว่าจะมีถนนดังกล่าว โดยระบุในการบรรยายสาธารณะเรื่อง "ราชมรรคา เส้นทางหรือถนน" ว่า
"เรื่องราชมรรคาคือจินตนาการของนักเขียนคนหนึ่ง ที่เกิดโรแมนติกบอกความยิ่งใหญ่ของเขมร ทีนี้ก็เกิดบานปลายขึ้นมาเขียนเป็นประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่ของกัมพูชาเรื่อยมา จนกระทั่งปัจจุบันนี้ที่พูดถึงราชมรรคานี่ที่เป็นจินตนาการซ้อนลงไป แต่จินตนาการโรแมนติกแบบฝรั่ง หรือการเมืองแบบฝรั่งมาเป็นจินตนาการ แล้วเน้นเฉพาะเรื่องถนน ให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่"
ประกอบกับนิตยสารแนวสารคดีของต่างประเทศฉบับหนึ่ง แปลเป็นภาษาไทยและวางจำหน่ายเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2552 ลงเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องเมืองพระนคร(Angkor) แล้วอธิบายว่า เมืองนี้มีประชากรกว่า 750,000 คน และมีอาณาเขตที่กว้างใหญ่ไพศาลในอุษาคเนย์ ข้อความดังกล่าวเป็นสิ่งที่อาจารย์ศรีศักรไม่เห็นด้วย
"ถามว่าเอาจำนวนประชากรมาจากไหน แล้วถามว่าบ้านเมืองในโลกนี้ที่ย้อนไปถึงสมัยนั้น มีหรือบ้านเมืองเดียวกันมีถึง 750,000 คน โดยพื้นที่อาจจะบรรจุได้ แต่โดยโครงสร้างของชุมชนและการจัดการน้ำเป็นไปไม่ได้ ผมก็ตั้งคำถามว่าฝรั่งเศสบอกว่าเขมรเป็นศูนย์กลางของโลก หลายคนก็เชื่อนิตยสารดังกล่าว แล้วคนไทยก็มองว่ามีถนนจากพระนครมายังเมืองพิมาย เชื่อว่าราชมรรคามีอยู่จริง จริงแล้วมันเป็นเพียงเส้นทางไม่ใช่ถนน"
ราชมรรคาที่ปรากฏในจารึกปราสาทพระขรรค์ นักวิชาการชาวฝรั่งเศสอธิบายว่า ยังสะท้อนถึงการแผ่อำนาจทางการเมืองของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวยังเป็นข้อขัดแย้งทางประวัติศาสตร์อยู่จนถึงทุกวันนี้
อาจารย์ศรีศักรเสนอว่า "พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เปลี่ยนจากฮินดูเป็นมหายาน แล้วขยายความอุปถัมภ์ไปทั่วราชอาณาจักร จึงเกิด สิ่งที่เรียกว่าอโรคยศาลา ธรรมศาลาไปทั่ว นั่นเป็นการอุปถัมภ์พระศาสนาที่ตัดผ่านข้ามชาติพันธุ์หมด ไม่ใช่แผ่อาณานุภาพทางการเมือง กษัตริย์โบราณที่เป็นจักรพรรดิราชโบราณนั้น ไม่ใช่เอาอำนาจทางการเมืองไปใช้กับประเทศที่เกี่ยวข้อง แต่ใช้ศาสนา
พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เผยแผ่พุทธศาสนาด้วยการสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก แล้วสร้างอโรคยศาลา ผมก็ไม่เข้าใจว่านี่คือ การแผ่อำนาจอิทธิพลทางการเมืองหรือ จริงแล้วท่านทำเพื่อ ความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมืองมากกว่า เหมือนกับความเป็นจักรพรรดิราชแบบพระเจ้าอโศก ที่มีธรรมจักรเป็นสัญลักษณ์ ในการเผยแผ่พุทธศาสนา"
"ผู้ที่เสนอว่าราชมรรคานั้นเป็นถนนหลวง ผมคิดว่ามันไม่ใช่ แต่เป็นคันดินช่วงสั้นๆ อาจจะใช้เป็นถนนเฉพาะการคมนาคมระยะสั้น และคันดินนั้นก็ทำหน้าที่เป็นทำนบ"
ยกตัวอย่างที่พนมรุ้ง "พนมรุ้งเป็นภูเขาไฟ ลักษณะภูมิประเทศภูเขาไฟนี้น้ำสามารถแผ่ไปได้ทุกทิศ เพราะน้ำจะลงพื้นจากตรงนี้ไปตลอดเลย แล้วก็มีชุมชนอยู่โดยรอบนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นจะมีการสร้างชุมชนสัมพันธ์กับทางน้ำทั้งสิ้น น้ำตรงนี้ลงไปถูกกักไว้ที่บารายนี้ นี่เป็นบาราย พนมรุ้ง ถือว่าเป็นบารายศักดิ์สิทธิ์ มีแนวถนนไปทางด้านนี้ และมันไม่ได้มีสายเดียว พื้นที่บริเวณนี้จะมีลำน้ำและแนวคันดิน ที่ซับซ้อนมาก จะเอาถนนตรงไหนก็พูดว่าเป็นถนนได้
แต่ "พอเห็นว่ามีธรรมศาลา ก็ใส่ว่าเป็นราชมรรคาแล้ว"
อาจารย์ศรีศักรระบุด้วยว่า ที่เรียกว่าถนนนั้นต้องใช้อย่างระมัดระวัง อย่ามองถนนในเชิงเทคนิค เพียงแค่ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมแล้ววิเคราะห์ว่าเป็นถนน ต้องมองว่าโครงสร้างรวม ในการเป็นอยู่ของมนุษย์เป็นบ้านเป็นเมืองเข้ามาอย่างไร ต้องดูภาพรวมที่ไปสัมพันธ์กับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม ในยุคนั้น ไม่ใช่นึกคิดเอาเองว่าเป็นถนนที่ก่อสร้างขึ้นมาโดย ไม่มีบริบททางสังคมรองรับ
หน้า 24
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ รู้ไปโม้ด น้าชาติ ประชาชื่น จันทรวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2559 |
|
0 comments |
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2559 17:58:59 น. |
Counter : 1174 Pageviews. |
|
|
|