"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2556
 
11 กุมภาพันธ์ 2556
 
All Blogs
 
ศิลปินสร้างเมฆ

โดย “นายปรี๊ด”

 

งานศิลปะในซีรีย์ “Nimbus” ของศิลปินชาวดัชต์ ชื่อ Berndnaut Smilde ซึ่งเสกเมฆก้อนละมุมมาไว้ใจกลางห้องจัดแสดงศิลปะได้อย่างน่ามหัศจรรย์

 

       ใครก็ตามที่มักต้้งคำถามว่า ทำไมวิศกรคอมพิวเตอร์ถึงต้องเรียนชีววิทยา? ทำไมนักชีววิทยาถึงต้องเรียนเขียนโปรแกรม? แม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ทำไมต้องถูกบังคับให้เรียนศิลปาศาสตร์เป็นวิชาเลือก? คุณลองถามตัวเองดูสิว่าแล้วจำเป็นไหมที่ศิลปินและจิตรกรต้องเรียนแค่ศิลปะ?
       
       สัปดาห์ก่อนมีคนแชร์ภาพจากบล็อกวิทยาศาสตร์ชื่อดังในสังคมออนไลน์กันอย่างคึกครื้น นายปรี๊ดเองก็สะดุดตากับภาพเมฆก้อนงามลอยเด่นอยู่กลางห้องโล่ง เป็นศิลปะการจัดวางที่สร้างจุดเด่นด้วยเมฆอันบางเบา แต่หนักแน่นด้วยความคิดที่แยบยลของการรวมเทคนิควิธีการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อใช้สื่อสารงานศิลปะให้มีความน่าสนใจอย่างมหัศจรรย์
       
       งานที่นายปรี๊ดพูดถึงเป็นงานศิลปะในซีรี่ย์ “Nimbus” ของศิลปินชาวดัชต์ ชื่อ Berndnaut Smilde ที่ทำงานในรูปแบบศิลปะแบบจัดวางร่วมสมัย จนได้รับเชิญให้ไป “สร้างเมฆ” ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะและหอศิลป์ทั่วยุโรป และอเมริกามาตั้งแต่ปลายปี 2555 ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นอย่างมาก เพราะการแสดงงานของ Smilde ดำเนินการในลักษณะศิลปะเชิงประจักษ์ (Interactive Art)

โดยผู้ชมจะได้มีส่วนร่วมและเห็นวิธีการสร้างเมฆทุกชั้นตอน ตั้งแต่การยืนรอคอยในห้องจัดแสดงโล่งๆ ไร้ภาพเขียนและปติกรรมใดๆ จนกระทั่งศิลปินเข้ามาเสกเมฆก้อนใหญ่ให้ลอยวนเวียนเปลี่ยนรูปร่างอยู่กลางห้อง เมื่อเสริมบรรยากาศแห่งการเสพศิลปะด้วยการจัดแสงให้เกิดจังหวะสวยงาม จึงยากที่จะปฏิเสธว่า เป็นห้วงเวลาที่สร้างความประทับใจให้ผู้ชมอย่างไม่รู้ลืม
       
       Smilde ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง BBC News ถึงแรงบันดาลใจว่า เค้าอยากทำงานศิลปะสักอย่างหนึ่งในห้องโล่งๆ ที่ผู้ชมสามารถสัมผัสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และสาธิตวิธีการทำเมฆอย่างง่ายๆ โดยไม่ปิดบัง เริ่มต้นด้วยการจัดการกับลำแสงจากสปอร์ตไลท์หรือแสงธรรมชาติที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เพื่อทำให้เกิดจังหวะของแสงที่ส่องลงบนมวลเมฆอย่างนุ่มละมุน

จากนั้นก็เป็นการบังคับลมและอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศและพัดลมให้เกิดความเย็นเหมาะสม และมีแรงลมที่หมุนเวียนไปรอบห้องเพื่อบังคับเมฆให้ลอยอยู่กลางห้องหรือตำแหน่งที่ต้องการ ต่อไปก็ใช้น้ำเปล่าพ่นเป็นละอองตรงตำแหน่งที่ต้องการให้เกิดเมฆซึ่งละอองน้ำนี้จะทำให้เมฆถูกกักอยู่กับความชื้น และลอยอยู่เหนือพื้นตามลักษณะที่ศิลปินต้องการ
       
       จากนั้นในขั้นสุดท้ายจึงปล่อย “ควัน” จากเครื่องทำควันที่ใช้ทั่วไปตามเวทีการแสดงคอนเสิร์ต ไม่กี่นาทีเมฆก้อนงามก็ถูกเสกให้ลอยอยู่กลางห้องจัดแสดง ท่ามกลางสายตาของผู้ชมที่แสดงความตื่นเต้นประทับใจกับภาพตรงหน้า เหมือนสายตาของเด็กน้อยที่นั่งมองมวลเมฆเปลี่ยนรูปร่างเป็นม้า เป็นต้นไม้ ไปตามแรงลม แต่ในห้องจัดแสดงมีเพียงศิลปินที่คอยพ่นละอองน้ำไปตามที่ต่างๆ และคอยควบคุมแรงลม อุณหภูมิ และแสงให้ผู้ชมได้ชื่นชมกับก้อนเมฆกลางหอศิลป์ เป็นประสบการณ์ใหม่ที่จับเอาเทคนิคทางวิทยาศาสตร์มารวมกับศิลปะได้อย่างน่าสนใจ
       
       เมื่อเทียบภาพมหัศจรรย์ที่เห็นกับเทคนิคที่ศิลปินทำหลายคนคงเริ่มคิดในใจว่า “ฉันก็ทำได้” แต่ทำไมเราถึงไม่เคมีใครคิดใครทำมาก่อน? เพราะเจ้าเครื่องพ่นควันก็ราคาแค่หลักพัน โดยมีหลักการง่ายๆ จากการปั๊มสารละลายกลีเซอรีนหรือกลีเซอรอลขึ้นมาทำให้เกิดการระเหยผ่านแผ่นอลูมิเนียมที่ถูกทำให้ร้อน และมีขอลวดทองแดงเป็นตัวปรับอุณหภูมิก่อนถูกพ่นออกมา

ส่วนน้ำยาสำเร็จทำควันรูปก็หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพงและค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็มีสูตรลับตามแต่ละบริษัทจะผลิตขึ้นมาเพื่อให้กับเครื่องสร้างควันของตนเอง แต่หากใครสนใจจะสร้างควันเองก็สามารถหาสูตร D.I.Y. ได้จากอินเทอร์เน็ต โดยใช้สารตั้งต้นง่ายๆ ภายในบ้าน แต่นายปรี๊ดขออุบไว้ เพราะหากเด็กๆมาอ่านเจออาจนำไปทดลองสร้างเมฆโดยปราศจากผู้ใหญ่ดูแล จนเมฆน้อยอาจกลายเป็นระเบิดควันได้ ความตั้งใจดีก็กลายเป็นร้ายโดยไม่ตั้งใจ
       
       หลายคนอาจมองว่า การที่วิทย์พบศิลป์ “มันก็เป็นเพียงดีไซน์” ศิลปะทำให้วิทยาศาสตร์ดูอ่อนโยนน่าสนใจ หรือวิทยาศาสตร์ทำให้ศิลปะดูมีอะไรน่าค้นหา...
       
       แต่สิ่งที่นายปรี๊ดอยากสะกิดชวนท่านทั้งหลายคิด คือ “วิธีคิด” ไม่ใช่เพียงการที่ศิลปินนำเครื่องพ่นควันมาทำอะไร? แต่ สิ่งที่น่าคิดกว่าคือ เค้าคิดได้อย่างไร? และผ่านกระบวนการทดลองอย่างไรให้ได้ผลงานที่ต้องการได้? นายปรี๊ดเชื่อว่า ศิลปินต้องผ่านการทดลองมาหลายครั้งก่อนที่จะพบว่าสิ่งที่ตนเองต้องการทำได้อย่างไร ด้วยวิธีการใดและสิ่งแวดล้อมแบบไหนจะดีที่สุด และต้องละเอียดละออกับการควบคุมปัจจัยต่างๆ ให้ได้ตามที่ต้องการ ทั้งอุณหภูมิ ความชื้น และแรงลมที่พอเหมาะจะอุ้มเมฆไว้กลางที่โล่ง

นิทรรศการศิลปะชื่อ Infinity Mirror Room ของ Yayoi Kusama ศิลปินหญิงชาวญี่ปุ่น ที่ใช้เทคนิคภาพสะท้อนจากกระจกซึ่งทำให้ผู้ชมมีส่วมร่วมในการสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในห้องที่เต็มไปด้วย “จุดแสง” โดย Kusama เองมีอาการทางประสาททำให้เห็นภาพเป็นจุด แต่เธอนำความไม่สมบูรณ์มาเปลี่ยนเป็นงานศิลปะจนโด่งดังระดับโลก จนเปรียบเสมือน “Prof. John Nash แห่งโลกศิลปะ”

 

       กระบวนการคิดแบบนี้เด็กๆ ทุกคนถูกคาดหวังตามหลักสูตรให้สามารถทำได้ เพื่อวันข้างหน้าจะได้ใช้ “กระบวนคิดทางวิทยาศาสตร์” แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน โดยเริ่มจากสังเกตปัญหาที่เกิดขึ้น ตั้งคำถามหรือทิศทางที่จะพยายามแก้ไข ทดลองหรือหาข้อมูล สรุปผลและนำไปใช้ในการแก้ปัญหา นายปรี๊ดเชื่อว่าทุกคนท่องจำได้จนขึ้นใจ แต่มั่นใจว่าทำไม่ได้ทุกคนแบบฟันธงขาดพรึ่บๆ แม้กระทั่งคนที่กำลังเรียนหรือจบสายวิทยาศาสตร์มาก็ตาม เพราะเท่าที่พบเห็นด้วยตาเนื้อของตนเอง

มีนักศึกษาและคนทำงานหลายคนยังคงไม่เข้าใจ หรือไม่สามารถนำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาแก้ไขแม้แต่เรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน เมื่อมีปัญหาจึงรอคนมาแก้ไข หรือกลายเป็นพวกบ้าน้ำลาย บ้าความรู้จนเข้าข่ายข้อมูลท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด
       
       ในทางตรงข้ามนายปรี๊ดกลับมองเห็น “ศิลปิน” หลายคนที่ถูกฝึกให้มีวิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์จนประสบผลสำเร็จ แม้แต่มหาวิทยาลัยชื่อดังทางศิปละของบ้านเรา ก็เริ่มสอนวิธีคิดทางวิทยาศาสตร์สำหรับนักประติมากรรมและจิตรกรรมแล้วเช่นกัน ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ น้องสาวของนายปรี๊ดเองที่แรกเริ่มเธอไม่เข้าใจสิ่งที่อาจารย์สอนให้นักศิลปะอย่างเธอ "ตั้งโจทย์ ทดลอง และสรุปผล"

เพราะเธอเชื่อมาตลอดว่า งานศิลปะน่าจะเป็นสิ่งที่ทำแล้วต้องสบายใจ บางครั้งไม่ต้องมีเหตุผล บางครั้งอาจจะไม่มีความหมาย แต่ถ้าออกมาสวยและประทับใจคนดูก็น่าจะพอ จนเกิดอาการต่อต้านอาจารย์ตัวเองอยู่พักใหญ่ แต่เมื่อเปิดใจทำตาม เริ่มตั้งคำถามกับสิ่งที่ทำ โจทย์ที่ทำคืออะไร ต้องการสื่อถึงอะไร เทคนิควิธีการที่ใช้ทำอย่างไรจะได้ผลดีที่สุด เธอเริ่มบันทึกและวางแผนทดลองเทคนิคที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ จนในที่สุดก็เลือกใช้เทคนิคตรงใจที่สุดกับงานศิลปะชิ้นนั้น
       
       สุดท้ายเธอก็ได้เรียนรู้กระบวนการที่ทำให้เธอ "สร้างสรรค์" งานศิลปะด้วยตนเองได้อย่างไม่มีข้อจำกัด จากการสร้างงานศิลปะที่จำกัดตนเองเพียงการวาดภาพหรืองานประติมากรรม จึงกลายเป็นการสร้างสื่อผสม การจัดวาง video และ performance art ที่หลากหลาย จนในปัจจุบันเป็นหนึ่งในศิลปินหญิงไทย ที่เดินทางไปแสดงงานศิลปะทั่วเอเชียปีละหลายครั้ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เธอสามารถทดลองเทคนิคเพื่อสื่อสารความคิดของตัวเองได้อย่างไม่จำกัด
       
       เช่นเดียวกับเพื่อนของเธออีกหลายคนที่มี “เทคนิคทางศิลปะ” เป็น “นวัตกรรมของตนเอง” เช่น เทคนิคการทำลายลงรักปิดทองที่มีเลื่อมลายสะท้อนออกมาคล้ายปีกแมลงทับ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ผ่านการทดลองและสรุปผลเพื่อพัฒนางานศิลปะไทยดั้งเดิมให้ก้าวสู่ศิลปะรูปแบบใหม่ที่มีอัตลักษณ์ ซึ่งว่าไปแล้วกระบวนการนี้ล้วนแต่ปรากฏในศิลปินมีชื่อมาตั้งแต่ครั้งโบราณ

เช่น ดาร์วินชีนักปราญช์ที่มีความสามารถไปทุกด้านทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปวิทยาการ หรือแม้กระทั่งศิลปินไทยๆ อย่าง “ท่านขรัวอินโข่ง” ผู้ปรากฎฝีมือบนผนังวัดอารามหลวงชั้นเอกของไทย ก็มีชื่อเสียงจากฝีมือที่อ่อนช้อยและสูตรสีที่คิดค้นผสมขึ้นเองจนมีความสวยงาม แปลกตา และติดทนกว่าช่างเขียนใหญ่ท่านอื่น ซึ่งแน่นอนว่าต้องผ่านการทดลอง เล่นแร่แปรธาตุมาหลายชั้นกว่าจะมีนวัตกรรมทางศิลปะเป็นของตนเองได้
       
       เรื่องที่ยกมาวันนี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ของคนสร้างศิลป์ที่มีกระบวนการทำงานบนฐานคิดแบบวิทยาศาสตร์เพราะในโลกแบบวิทย์ๆ ก็ยังมีนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำทั้งไทยและเทศอีกหลายท่าน ที่มีงานอดิเรกเป็นการวาดภาพ ประติมากรรม หรือแม้แต่การเล่นมายากล แม้แต่นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลหลานท่านก็ให้ความสนใจกับงานศิลปะ การพัฒนาสังคม และการศึกษา เพราะเชื่อว่าลำพังวิทยาศาสตร์และเทคโดนโลยีอาจขับเคลื่อนโลกไปข้างหน้าไม่ได้ หากคนเราขาดการพัฒนาความคิด จิตใจ และสุนทรียภาพที่ดีต่อตนเอง สังคม และสิ่งแวดล้อม
       
       โลกของความรู้ไม่ได้ถูกจำกัดเพียงในกรอบเล็กๆ ตามหลืบเร้นหรือกะลาที่เราจะเลือกซุกตัวอยู่เท่านั้น หากแต่ศาสตร์และกระบวนการคิดทั้งปวงล้วนแต่เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก การกำหนดมุมคิดและวิธีการพัฒนางานของตนเองแต่เพียงกรอบอันคับแคบแบบข้าไม่สนใคร คงทำให้ "วิทยาการ" และ “นวัตกรรม” ซึ่งหมุนโลกให้เจริญต่อไปข้างหน้าเดินต่อไปไม่ได้แน่นอน
       

ขอบคุณ
ผู้จัดการออนไลน์
“นายปรี๊ด”

สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ




Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2556 6:48:45 น. 0 comments
Counter : 948 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.