เมื่ออายุ 26 ปี Modiglini ได้พบกับภรรยาคนแรกชื่อ Anna Akhmatova เธอเป็นกวีชาวรัสเซีย วัย 21 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่ในอาคารเดียวกัน แม้ Anna จะสมรสแล้ว Modiglini ก็ลอบเป็นชู้กับเธอ เพราะเธอเป็นคนสวย แต่เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งปี ความสัมพันธ์ก็ขาดสะบั้น Anna ได้กลับไปอยู่กินกับสามีที่ถูกกฎหมายของเธอ Modiglini จึงกลับอิตาลี เพราะรู้สึกเบื่อชีวิต แต่ก็ต้องหวนกลับปารีส เพราะไม่มีอะไรจะทำ และคิดใช้ชีวิตเป็นปฏิมากร แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะในช่วงเวลานั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 วัสดุต่างๆ ที่จะนำมาใช้หาได้ยาก Modiglini จึงต้องกลับไปวาดภาพอีก และได้ลองวาดภาพเหมือนของ Pablo Picasso, Diego Rivera กับ Juan Gris ในช่วงเวลานี้ Modiglini ได้อยู่กินกับนักหนังสือพิมพ์อังกฤษชื่อ Beatrice Hastings เป็นเวลา 2 ปี และได้วาดภาพเหมือนของเธอหลายภาพ แต่ในที่สุดก็ได้เลิกรากัน เมื่ออายุ 33 ปี Modiglini ได้พบ Jeanne Hébuterne สาววัย 19 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนศิลปะ และนางแบบที่ Academie Colorossi แต่รักต่างวัยของคนทั้งสองนี้ ถูกครอบครัวฝ่ายหญิงขัดขวาง เพราะรู้ว่า Modiglini เป็นคนขี้เหล้า มักมากในกามรส ประพฤติผิดศีลธรรม ไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย และที่ร้ายที่สุด คือ Modiglini เป็นยิว แต่ Jeanne ไม่ฟังคำเตือนของบิดามารดาเลย เธอได้ลอบหนีออกจากบ้านไปใช้ชีวิตกินอยู่กับ Modiglini อย่างเปิดเผย และ Modiglini ก็ได้วาดภาพ Jeanne Hébuterne, with a necklace ซึ่งแสดงเธอสวมสายสร้อย และสวมหมวกใบใหญ่ กำลังนั่งในเก้าอี้ที่มีที่วางแขน Modiglini ชอบวาดภาพ Hébuterne มาก เพราะรู้สึกว่า ได้แรงบันดาลใจทุกครั้งที่ Jeanne อยู่ใกล้ ในปี 1918 นั่นเอง Modiglini ก็ได้เป็นพ่อคน เมื่อ Hébuterne ให้กำเนิดลูกสาวชื่อ Jeanne สำหรับภาพ Jeanne Hébuterne ที่สวมสร้อยนั้น Modiglini ได้วาดใบหน้าของภรรยาเป็นวงรีที่ค่อนข้างรีผิดปกติ เธอมีคอยาวเกินจริง และมีจมูกขนาดเล็ก ตาสีฟ้า ไม่มีตาดำ ผิวเธอซีด และเธอมีริมฝีปากเรียวเล็ก จนดูเป็นตัวตลก ใบหน้าดูไร้อารมณ์ และนั่งวางตัวในท่าเกร็ง ซึ่งนักวิจารณ์ศิลปะคิดว่า ในการวาดภาพนี้ Modiglini คงได้แรงบันดาลใจจากศิลปะอัฟริกัน ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1919 Modiglini กับครอบครัวได้เดินทางไปพักผ่อนที่ Nice และได้พยายามขายภาพ แต่ได้เงินไม่มาก จึงเดินทางกลับปารีส และพากันไปเช่าห้องพักราคาถูกอยู่ ในช่วงเวลานี้สุขภาพของ Modiglini ทรุดโทรมมาก เพราะดื่มเหล้าจัด จนหมดสติบ่อย และเวลาเมาก็ไม่รู้ตัว เช่น บางครั้งก็เปลื้องผ้ากลางที่สาธารณะเป็นต้น อาการป่วยหนักเพราะเป็นวัณโรคได้ทำให้ Modiglini มีอาการปอดอักเสบอย่างรุนแรง จนวันที่ 24 มกราคม ค.ศ.1920 Modiglini ก็ได้ลาโลกในวัย 36 ปี ศพถูกนำไปฝังที่สุสาน Pére Lachaise ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น Jeanne Hébuterne ก็กำลังตั้งครรภ์ที่ 2 แต่ Modiglini ไม่รู้เรื่องนี้เลย ครั้นเมื่อลูกสาวตกพุ่มม่าย บิดามารดาของ Hébuterne ซึ่งเกลียดชัง Modiglini มากว่า ได้หลอกลวงลูกสาวของตน จึงนำตัว Hébuterne กลับบ้าน แต่ถึงพ่อแม่จะพยายามเพียงใดเธอก็ไม่สร่างเศร้า ดังนั้น หลังจากที่ Modiglini เสียชีวิต 2 วัน Hébuterne ก็ได้ตัดสินใจลาโลกตาม โดยการกระโดดจากหน้าต่างตึกชั้น 5 สมาชิกในครอบครัวของ Hébuterne ไม่อนุญาตให้ฝังศพเธอใกล้สามี จนอีกหลายปีต่อมา จึงอนุญาตให้นำศพเธอไปฝังใกล้ Modiglini และที่บนหลุมฝังศพของ Modiglini มีแผ่นหินอ่อนจารึกว่า ตายขณะมีชื่อเสียง ส่วนที่บนหลุมฝังศพของ Hébuterne ก็มีแผ่นจารึกเช่นกันว่า เพื่อนที่ได้อุทิศชีวิตให้มากที่สุด หลังจากที่คนทั้งสองเสียชีวิตไปแล้ว ในวันที่ 25 มกราคมของทุกปี ลูกสาว Jeanne Modiglini จะนำดอกไม้ไปวางที่หลุมของบิดาและมารดาของเธอ สำหรับเธอเองได้ถูกพี่สาวของ Modiglini นำไปเลี้ยงดูที่เมือง Florence และในเวลาต่อมา เธอได้เรียบเรียงหนังสือที่เกี่ยวกับชีวิตพ่อชื่อ Modiglini: Man and Myth
|