บัญญัติตะวันตก
มหาตำราของโลกตะวันตก (Great Books of the Western World) เป็นความพยายามในการรวบรวมบัญญัติตะวันตก เข้าเป็นชุดเดียวกันที่มีด้วยกันทั้งหมด 60 เล่ม
บัญญัติตะวันตก (Western canon) เป็นคำที่หมายถึงตำราที่ถือว่าเป็น บัญญัติ หรือ แม่แบบ ของวรรณกรรมตะวันตก และที่กว้างกว่านั้น ก็จะรวมทั้งศิลปะที่มีอิทธิพลในการเป็นพื้นฐาน ในการวิวัฒนาการของรูปแบบของวัฒนธรรมตะวันตก
งานเหล่านี้เป็นประมวลงานที่ถือว่ามี คุณค่าอันประมาณมิได้ทางด้านศิลปะ บัญญัติดังกล่าวมีความสำคัญต่อทฤษฎี การศึกษาชั่วอมตะ (Educational perennialism) และ การวิวัฒนาการของ วัฒนธรรมระดับสูง
แม้ว่าบัญญัติตะวันตกเดิมจะถือกันว่าเป็นสิ่งสำคัญ แต่กลายมาเป็นหัวข้อที่สร้างความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ในทางปฏิบัติการโต้แย้ง และความพยายามที่จะให้คำนิยามของบัญญัติมักจะลงเอยด้วยรายชื่อหนังสือประเภทต่างๆ
ที่รวมทั้ง: วรรณคดีที่รวมทั้ง กวีนิพนธ์, นวนิยาย และ บทละคร, งานเขียนอัตชีวประวัติและจดหมาย, ปรัชญา และประวัติศาสตร์ และหนังสือสาขาวิทยาศาสตร์อีกสองสามเล่ม ที่ถือว่ามีความสำคัญ
ตัวอย่าง
ตัวอย่างของรายชื่อฉบับย่อของบัญญัติตะวันตกที่ผู้เลือกเห็นว่าเป็นตำราที่สำคัญที่สุดของบัญญัติก็ได้แก่:
Harvard Classics Great Books Great Books of the Western World หลักสูตร Directed Studies ของวิทยาลัยเยล
นอกจากนั้นรายชื่อหนังสือที่ควรอ่าน ของมหาวิทยาลัยก็ยังเป็นแหล่งที่ใช้เป็นแนวบัญญัติตะวันตกได้ด้วย:
หลักสูตรของวิทยาลัยโคลัมเบีย, มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย รายชื่อหนังสือที่ควรอ่านของวิทยาลัยเซนต์จอห์น, สหรัฐอเมริกา หลักสูตร Structured Liberal Education ของ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด หลักสูตร Interdisciplinary Approaches to Western Culture ของ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน หลักสูตรโปรแกรมศิลปศาสตร์ของมหาวิทยาลัยนอเตอร์เดม
รายชื่อตำราที่ยาวกว่าก็ได้แก่:
Loeb Classical Library (โดยนักประพันธ์กรีกและโรมัน) I Tatti Renaissance Library (โดยนักประพันธ์ของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา) Everyman's Library (งานเขียนสมัยใหม่) Penguin Classics
ที่มา
กระบวนการรวบรวมรายชื่อตำรา -นิยามขอบเขตของบัญญัติ- เป็นกระบวนการที่ไม่มีที่สิ้นสุด ความพยายามครั้งสำคัญที่ควรเป็นที่ทราบในโลกของผู้ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาพูดก็ได้แก่โครงการ มหาตำราของโลกตะวันตก
โครงการนี้ทำกันขึ้นราวครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ที่ขยายออกมาจากหลักสูตรของมหาวิทยาลัยชิคาโก อธิการบดีของมหาวิทยาลัยโรเบิร์ต ฮัทชินส และผู้ร่วมงาน มอร์ติเมอร์ แอดเลอร์ได้สร้างโครงการที่รวบรวมรายชื่อหนังสือที่ควรอ่าน, หนังสือ และ แผนการจัดรายการหนังสือสำหรับสโมสรนักอ่านให้แก่สาธารณชนขึ้น
ความพยายามก่อนหน้านั้น ฮาร์วาร์ดคลาสสิค (ค.ศ. 1909) เป็นผลงานของอธิการบดีของมหาวิทยาลัยชาร์ลส์ ดับเบิลยู. อีเลียตของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่ใช้ปรัชญาเดียวกับทอมัส คาร์ลีลย์ที่ว่า:
... มหาวิทยาลัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือประมวลตำราทอมัส คาร์ลีลย์
ข้อโต้แย้ง
ความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาและสถานะของบัญญัติตะวันตก เป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดการโต้แย้งทางการเมืองกันอย่างรุนแรง มาอย่างน้อยก็ตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1960 โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา
บัญญัติตะวันตกได้รับการโจมตีว่า เป็นหลักสูตรที่เขียนขึ้นส่วนใหญ่โดย ชายผิวขาวชาวตะวันตกที่หาชีวิตไม่แล้ว ซึ่งไม่ใช่ผู้ที่เหมาะสมที่จะเป็นผู้แทนของแนวคิดของประชากรกลุ่มอื่นๆ ในสังคมร่วมสมัยรอบโลก
แต่แอลแลน บลูมคัดค้านอย่างรุนแรงในหนังสือ The Closing of the American Mind (การปิดหูปิดตาของชาวอเมริกัน) ที่เขียนในปี ค.ศ. 1987 นักเขียนเช่นศาสตราจารย์แฮโรลด์ บลูม แห่งมหาวิทยาลัยเยลก็เช่นกัน
ที่ให้เหตุผลสนับสนุนการมีบัญญัติตะวันตกอย่างแข็งขัน โดยทั่วไปแล้วบัญญัติดังกล่าว ก็ยังคงเป็นแนวคิดโดยทั่วไปของสถาบันการศึกษาเกือบทุกสถาบัน แต่กระนั้นการโต้เถียงถึงคุณค่าและผลสะท้อนของบัญญัติตะวันตก ก็คงยังดำเนินต่อไป
ผู้สนับสนุนบัญญัติกล่าวว่า ผู้ค้านมีเหตุผลทางการเมืองแฝงอยู่ และการวัดคุณภาพของงานที่ถือว่า เป็นตัวแทนของบัญญัติตะวันตกเป็นการวัดคุณค่าทางสุนทรียภาพ มากกว่าที่จะเป็นคุณค่าทางการเมือง
ฉะนั้นการค้านบัญญัติตะวันตกทางด้านการเมือง จึงเป็นการค้านที่ผิดประเด็น
ประเด็นหลักของผู้ค้านบัญญัติวรรณคดี คือปัญหาที่ว่าผู้ใดควรจะมีอำนาจในการเลือก ว่าหนังสือเล่มใดมีค่าพอที่จะควรอ่าน หรือหนังสือเล่มใดมีคุณค่าไม่เพียงพอควรแก่การอ่าน
ที่มาของคำว่า ตะวันตก ที่หมายถึงภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ เริ่มใช้กันมาตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1800 ก่อหน้านั้นชนส่วนใหญ่กล่าวถึงชาติ, ภาษา, บุคคล หรือ ภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ต่างๆ แต่จะไม่มีความคิดเกี่ยวกับชาติ ตะวันตก เช่นที่ใช้กันในปัจจุบัน
แผนที่ที่ใช้กันก็เป็นแผนที่ที่หยาบ ไม่ตรงต่อความเป็นจริง และ ไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายก่อนคริสต์ทศวรรษ 1800 ฉะนั้นการนิยามความแตกต่างทางภูมิภาคและการเมืองจึงเป็นสิ่งที่ยากที่จะทำ
มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่จะมีแผนที่ที่มีคุณภาพ และยิ่งน้อยไปกว่านั้นก็คือผู้ที่ได้มีโอกาสพบปะกับผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนอันห่างไกล ปรัชญาหรือแนวคิดตะวันตก ที่เราทราบกันในปัจจุบันจึงเป็นปรัชญาที่รูปแบบของความคิดที่มาจากคริสต์ทศวรรษ 1800 ถึง 1900
ที่มีรากเง่าส่วนใหญ่แล้วมาจากยุโรป ความหมายของปรัชญาหรือแนวคิดตะวันตกที่เราทราบ เป็นปรัชญาที่มีพื้นฐานมาจากวัฒนธรรมกรีก-โรมัน และ จูเดโอ-คริสเตียน, เรอเนสซองซ์, ยุคเรืองปัญญา และ การแสวงหาอาณานิคม
ฉะนั้นคำว่า แนวคิดตะวันตก บางครั้งจึงเป็นสิ่งที่มิได้ช่วยให้กระจ่างขึ้นเท่าใดนักหรือกำกวม เพราะอาจจะเป็นการตีความหมายของธรรมเนียมนิยมต่างๆ, กลุ่มการเมืองต่างๆ, กลุ่มศาสนาต่างๆ และ นักเขียนแต่ละคน อย่างกว้างขวางและแตกต่างกันออกไป
แต่ก็มีบ้างที่แนวต่างๆ ดังกล่าวก็อาจจะมีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันอยู่บ้าง
งาน
งานที่มักจะถือกันว่าเป็นส่วนหนึ่งของบัญญัติตะวันตก รวมงานนวนิยาย และมหากาพย์, กวีนิพนธ์, ดนตรี, บทละคร และงานวรรณคดีในรูปแบบอื่นของวัฒนธรรมตะวันตก (และเมื่อไม่นานมานี้ก็รวมงานที่ไม่ใช่งานของวัฒนธรรมตะวันตกด้วย)
นอกจากนั้นก็ยังรวมงานสารคดี โดยเฉพาะงานทางด้านศาสนา, เทพวิทยา, วิทยาศาสตร์, ปรัชญา, เศรษฐกิจ, การเมือง และ ประวัติศาสตร์
งานเขียนที่กล่าวถึงบัญญัติตะวันตกที่เป็นทั้งงานสนับสนุน และงานคัดค้านก็ได้แก่:
The Western Canon: The Books and School of the Ages โดย แฮโรลด์ บลูม (ISBN 978-1573225144)
Shakespeare: The Invention of the Human โดย แฮโรลด์ บลูม (ISBN 978-1573227513)
The Dead Father โดย Donald Barthelme (ISBN 978-0374529253)
The History of Western Literature โดย Otto Maria Carpeaux (eight volumes, only available in Portuguese)
Debating the Canon: A Reader from Addison to Nafisi โดย Lee Morrissey (ISBN 978-1403968203)
The Oldest Dead White European Males and Other Reflections on the Classics โดย Bernard Knox (ISBN 9780393312331.
ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สิริสวัสดิ์ภุมวาร สิริมานปรีดิ์เกษมนะคะ
Create Date : 04 มกราคม 2554 |
Last Update : 4 มกราคม 2554 9:39:03 น. |
|
0 comments
|
Counter : 995 Pageviews. |
|
|
|
|
|