| คนถีบสามล้อรีบนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บเหตุประทะ ณ จัตุรัสเทียน อัน เหมิน ส่งโรงพยาบาล วันที่ 4 มิ.ย. 2532 (ภาพ: เอพี) | | | เราเริ่มหาดูวีดีโอออนไลน์ ดูจนดึก หลี่ กล่าว ผมว่ามันน่าขันสิ้นดี ผมไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงกันเนี่ย ? ตอนแรกที่ผมรู้ ผมอินและก็โกรธมาก เพราะสารคดีเรื่องเล่า เหตุการณ์นองเลือดเทียนอันเหมิน ทำออกมาชัดเจน เพื่อเรียกน้ำโหของคนดู แต่ตอนนี้ ผมกลับคิดว่ามันไม่ใช่อะไรง่ายๆ แบบนั้น มันซับซ้อน...ไม่ใช่แค่เรื่องการประท้วงของนักศึกษา ผมว่าผู้ประท้วงหลายคนที่จัตุรัสฯตอนนั้น ก็ชอบ บทบาทผู้นำ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ทุกคนที่ออกไปประท้วงด้วยเหตุผลที่บริสุทธิ์ นายหลี อธิบาย เมื่อพูดถึงสังคมปัจจุบัน ที่โลกกลายเป็นยุคดิจิตอล ประชาชนแดนมังกรเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน แม้ทางการจะพยายามเซนเซอร์ควบคุมโลกอินเทอร์เน็ต และ เวยปั๋ว สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังคล้ายทวิตเตอร์ของจีน ที่กลายเป็นพื้นที่แสดงความเห็นของคนในโลกไซเบอร์ ก็ตาม ไม่รู้สินะ ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีเสรีภาพ อย่างที่นักศึกษาในสารคดีอาจจะคิดกัน นายหลี่ กล่าว แต่ผมไม่ค่อยสนใจการเมือง ชีวิตผมมีเรื่องให้ต้องคิดเยอะพอละ ตั้งแต่ 1989 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันเศรษฐกิจจีนผงาดขึ้นเป็นอันดับสองของโลก รองแค่อเมริกาเท่านั้น ฉะนั้น วิถีชีวิต และสินค้าของโลกตะวันตกต่างก็หลั่งไหลทะลุกำแพงเมืองจีนเข้ามา คนหนุ่มสาวอย่างซุน และหลี่ จึงได้สัมผัสของหรูหราอย่างที่พ่อแม่ของพวกเขาไม่เคยได้ทำมาก่อน เรื่องเหล่านี้จึงกลายเป็นหัวข้อที่ให้หลายคนดาหน้าออกมาวิจารณ์ ว่าคนรุ่นใหม่ของจีนเป็นพวกวัตถุนิยมมากขึ้นและมีสำนึกทางการเมืองน้อยลง ผมคิดเรื่องค่าเช่า เรื่องชีวิตของผมเองนะ ผมรู้ว่าหลายคนในรัฐบาลทุจริตกัน แต่ผมก็ไม่รู้สึกว่าต้องไปสู้รบปรบมือกับพวกเขา นายซุนอธิบายความรู้สึกของตนเองออกมา ด้านหลิน จวินเจี๋ย นักศีกษาปริญญาโทจากสถาบันการก่อสร้างและวางผังเมืองของมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน เล่าว่า เขาเริ่มเรียนเรื่องเหตุการณ์ปราบปรามกลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตยที่เทียนอันเหมินตอนอยู่ป. 4 แต่จนตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกต่อเหตุการณ์นองเลือดนี้อย่างไร ตอนแรกผมก็เหมือนคนอื่นๆ ผมรู้สึกว่าเมืองจีนมืดสลัวเป็นแดนสนธยา และเป็นที่มีแต่ความรุนแรง ไม่มีเสรีภาพ ส่วนตอนนี้ ผมก็บอกได้แค่ว่ามีการปกปิดความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ และมีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น แต่ผมก็ไม่รู้สึกว่ามันเกี่ยวอะไรกับตัวผม ในขณะที่ฝั่งฮ่องกง นักศึกษานักเคลื่อนไหวทางสังคมอย่าง หลัว เยี่ยนจื้อ กลับรู้สึกรู้สาเป็นอย่างยิ่ง หลัวเป็นหนึ่งในผู้ออกมาต้านรถไฟความเร็วสูงเชื่อมก่วงโจว (หรือกวางเจา) เมื่อปี 2010 ตั้งแต่ครูมัธยมให้ผมดูรูปเหตุการณ์สังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในห้องเรียน ผมก็รู้เลยว่า ชีวิตมันไม่ใช่แค่เรียนแล้วก็สอบ นายหลัว บัณฑิตสาขาวัฒนธรรมศึกษามหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง (Chinese University of Hong Kong)กล่าว มันทำให้เห็นว่าเป็นเพราะพลังคนหนุ่มสาวหนุนมันเลยไปได้ไกลขนาดนั้น และพวกเขาก็เสียสละชีวิตเพื่อประโยชน์ส่วนรวม นายหลัว แสดงความเห็นไว้ ชะตาชีวิตของฮ่องกงตั้งแต่ถูกส่งมอบอำนาจการปกครองคืนสู่จีน ก็ผูกติดอยู่กับจีน มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนฮ่องกงจึงควรรู้จักธรรมชาติของพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้มากขึ้น
|