2. แรดดำ (Diceros bicornis) เป็นแรดที่มีความใหญ่รองมาจากแรดขาว พบในทวีปแอฟริกาเช่นกัน
3. แรดอินเดีย (Rhinoceros unicornis) พบในภูมิภาคเอเชียใต้ จัดเป็นแรดทีมีเพียงนอเดียว มีลักษณะเด่นคือ ผิวหนังหนาและมีรอยย่นเห็นได้ชัดเจน
4. แรดชวา (Rhinoceros sondaicus) พบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะคล้ายคลึงกับแรดอินเดีย เป็นแรดชนิดที่หายากที่สุดในโลก และได้รับการจัดอันดับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมชนิดที่หายากที่สุดในโลกอีกด้วย สำหรับในประเทศไทยเดิมเคยพบแรดชนิดนี้ด้วย แต่ปัจจุบันได้สูญพันธุ์ไปจนหมดแล้ว
5. แรดสุมาตรา (Dicerorhinus sumatrensis) เป็นแรดขนาดเล็กที่สุด พบในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นกัน มีลักษณะเด่นคือ มีขนปกคลุมทั้งลำตัว เป็นแรดที่หายากมากอีกชนิดหนึ่ง สำหรับในประเทศไทยหลงเหลือเพียงแห่งเดียว คือ ป่าดิบบริเวณชายแดนติดกับมาเลเซีย
ทั้งนี้ "วันแรดโลก" นั้น ถูกประกาศขึ้นครั้งแรกโดย องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล ( World Wide Fund for Nature-WWF) แห่งแอฟริกาใต้ โดยจุดเริ่มต้นนั้นมาจากผู้หญิงเพียง 2 คน คือ ลิซ่า เจน แคมป์เบล และซิงห์
โดยไอเดียนั้นเริ่มจากลิซ่า มีความคิดที่จะตั้ง "วันแรดโลก" ขึ้นมา เธอจึงได้ไปค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต และบังเอิญพบกับบล็อกของซิงห์ เข้า จากนั้นเธอสองคนก็เริ่มส่งอีเมล์หากัน จนมาพบว่าทั้งคู่นั้นมีวัตถุประสงค์เดียวกันคือ ต้องการที่จะตั้งวันแรดโลกขึ้นมา เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับมวลมหาประชาแรด ทั้ง 5 สายพันธุ์!
และเธอทั้งคู่ก็ไม่ได้หยุดเรื่องนี้ไว้เพียงแค่ความฝัน เพราะหลังจากทำงานร่วมกันไปได้สักพัก เธอก็สามารถผลักดันให้วันแรดโลกเป็นจริง และเป็นที่รู้จักในเวทีสากลตั้งแต่ปี 2011 และจากนั้นเป็นต้นมา "วันแรดโลก" ก็ได้เติบโตจนกลายเป็นปรากฏการณ์ทั่วโลก เกิดการรวมตัวกันในหมู่เอ็นจีโอ ภาคธุรกิจ รวมไปถึงการเชื่อมโยงสู่ผู้คนจากมุมของโลก!
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของกองแอฟริกา กรมเอเชียใต้ กระทรวงการต่างประเทศระบุว่า "นอแรด" นั้นมีมูลค่าสูงอย่างยิ่งในตลาดมืด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแอฟริกาใต้ที่จับกุมผู้ลักลอบค้านอแรดเปิดเผยว่า ผู้ลักลอบค้านอแรดนั้นรับซื้อนอในราคากิโลกรัมละประมาณ 292,800 บาทเลยทีเดียว
เนื่องจาก ความต้องการนอแรดในตลาดเอเชียนั้นค่อนข้างสูง เพราะยังมีความเชื่อว่าการบริโภคนอแรดนั้น ให้ผลทางการรักษาอาการของโรคบางประเภท
ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีการก่อตั้งโครงการช่วยชีวิตแรด (Rhino rescue project) ขึ้นมา ซึ่งโครงการดังกล่าวนั้น เกิดจากการรวมตัวของทีมนักอนุรักษ์และนักวิจัยที่มีเป้าหมายในการป้องกันการล่าแรด เพื่อตัดนอและการค้านอที่ผิดกฏหมายในแอฟริกา ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นตลาดด้านการค้าทั้งงาช้าและนอแรด
โครงการนี้ มีหลักการคือ "ทำให้นอแรดนั้น ไม่มีมูลค่า" เพื่อลดความต้องการของตลาดลง ด้วยการฉีดสารเคมีชนิดหนึ่งเข้าไปที่นอแรด ซึ่งเมื่อสารเคมีนี้แทรกซึมเข้าไปในนอแรดแล้ว เนื้อเยื้อภายในนอนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูทั้งหมด แม้จะบดนอแรดเป็นผงละเอียดแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ ปริมาณของสารเคมีนั้นจะไม่เป็นอันตรายต่อแรด แต่อาจจะเป็นเป็นอันตรายต่อคนที่บริโภคนอแรดแทน! นอกจากนี้ สารเคมีดังกล่าวนั้นยังสามารถตรวจสอบได้ด้วยเครื่องเอกซเรย์ประจำสนามบินได้อย่างง่ายดาย เพื่อป้องกันการลักลอบขนส่งระหว่างประเทศอีกด้วย
ภาพ และเนื้อหาบางส่วนจาก
//www.rhinorescueproject.com/