พัฒนากาย พัฒนาจิต เพิ่มภูมิชีวิต พิชิตโรคภัย www.yogakruying.net
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2551
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
2.ประสบการณ์ผู้ที่เคยลองมาเเล้ว จากคุณวรรณา

ตอน๑

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 กพ51) เราได้ไปเข้าค่ายโยคะล้างพิษกะโรงเรียนสอนโยคะที่เป็นสมาชิกอยู่ อยากรู้เหมือนกันว่า เสียไป 2000 บาท จะได้อะไรมั่ง แบบว่า เดี๋ยวนี้เค้าฮิตล้างพิษ ๆ กัน ดูเด๊ะว่ามันจะเป็นไง จุดหมายของเราคือ เกาะบ้านกรุด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เจ้าสำนักของโรงเรียน ชื่อว่า ครูหญิง จบวิชาโยคะศาสตร์มาจากอินเดียขนาดแท้ประมาณว่าเอาขาพาดคอ นอนในตู้กับข้าวกันได้เลยทีเดียวเป็นผู้นำในการเข้าค่ายครั้งนี้ สมาชิกที่เข้าร่วมก็มีทั้งสิ้น 9 ชีวิต (เฉพาะลูกศิษย์) ล้วนแล้วแต่เก๋า ๆ ทั้งสิ้น (สูงอายุ) มีเราถือว่าเอ๊าะ ๆ กว่าชาวบ้านหน่อยนึง ทุกคนนัดพบกันที่โรงเรียนสายประสิทธิ์ (เป็นสถานที่ ๆ สถาบันโยคะของครูหญิงตั้งอยู่) เวลา 7.00 น. เพื่อการนี้ ครูหญิงถึงขนาดลงทุนซื้อรถตู้มือสอง ราคาประมาณ สองแสนกว่า ๆ มาใช้ กะว่าคงจะมีค่ายอีกหลายงาน แถมยังเอาเลขทะเบียนรถไปซื้อหวยอีกต่างหาก (ปรากฏว่า เสร็จงานนี้ไปครูของเราถูกหวยล่ะ ได้มา 2 พัน โห... อะไรจะเฮงปานนั้น) งานนี้มีครูโยคะที่เป็นวิทยากรร่วมเดินทางไปด้วยอีก 1 คน คือ ครูเต้ (แต่เป็นผู้ชายนะยะ ตัวเอ๊งงง)อ้อ เรื่องของครูเต้ ขอบอกว่าน่าสนใจมากๆ เอาไว้จะเล่าให้ฟังที่หลังนะ
ที่สำคัญ งานนี้ มีโชเฟอร์กิติมศักดิ์ ชื่อว่า ลุงแอ๊ด แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือ ลุงแอ๊ดแกเป็นฝรั่งตาน้ำข้าว ผมสีทองขนาดแท้.... เรื่องจริง ๆ นะ แกพูดภาษาไทยไม่ได้เลยพูดแต่ภาษาฝรั่ง และก็พูดน้อยด้วยอ่ะ จริง ๆ แล้วแกชื่อ เอ็ดเวิร์ด พอไปเล่าให้ใครฟัง หลายคนก็งงว่าทำไมได้ฝรั่งมาขับรถตู้ให้ เหตุผลคือ ลุงแอ๊ดแกเป็นแควนของครูหญิงนั่นเอง ที่สำคัญคือ แกไม่ค่อยรู้จักเส้นทางในประเทศไทยเท่าไร ช่วงแรกก่อนจะออกจากกรุงเทพต้องคอยมีคนบอกทางเป็นระยะ ๆ พวกเราหลายคนก็ช่วยกันบอกเส้นทางเป็นภาษาไทย แล้วก็ให้ครูหญิงนั่นเองคอยเป็นล่าม แปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษให้อีกที เออดี พวกเรานั่งในรถตู้ไม่กล้าหลับกันเลยทีเดียว เพราะกลัวแกขับหลงทาง กว่าจะไปถึงก็เที่ยงพอดี


กว่าพวกเราจะไปถึงหาดบ้านกรูด ก็ทันกินข้างเที่ยงพอดี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าคอร์ส บ้านที่เราพักจะเป็นรีสอร์ท ชื่อว่า coconut resortโดยซอยย่อยออกเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ นอนได้ 2 คน ห้องเล็กจริง ๆ แบบว่า เปิดประตูห้องปุ๊บก็นอนได้อย่างเดียว ไม่มีที่จะทำอย่างอื่น กว้างประมาณ 3 x 3 เมตรได้มั้ง แต่ข้างหน้าบ้านก็มีระเบียงยื่นออกมานะและก็มีห้องน้ำในตัว มีแต่สิ่งของจำเป็นจริง ๆ แต่ดีตรงที่บ้านที่พวกเราพักจะอยู่ห่างจากหาดประมาณ 100เมตร แถมเงียบสงบสุด ๆ ไม่มีคนพลุกพล่าน อยู่กันแบบอนุรักษ์ธรรมชาติจริง ๆ พวกที่มาเที่ยวกันก็มีแต่ฝรั่งอ่ะ
คอร์สของเราเริ่มสตาร์ทตั้งแต่การปรับอาหารการกิน ทุกคนจะมารวมตัวกันที่บ้านซึ่งเป็นสำนักงานหรือที่ทำการของรีสอร์ท ซึ่งก็เป็นบ้าน 2 ชั้นเปิดกว้างตกแต่งแบบแนวอนุรักษ์สุด ๆ ชั้นล่างเป็นที่นั่งกินข้าว ชั้นบนเป็นลานกว้าง ๆ ไว้ทำกิจกรรม ซึ่งพวกเราจะมาปฏิบัติโยคะกันข้างบนนี้ เห็นแล้วนึกถึงตอนไปรับน้องยังงั้นเลย
ต่อเรื่องอาหารดีกว่านะ แหมจะบรรยายยังไงดี แบบว่ามีแต่ ผัก ผัก ผัก ผัก และก็ผักกกกกกก .. มีข้าวกล้องให้กินด้วย แบบว่านุ่มมากไม่รู้หุงยังไง ครูหญิงมาเฉลยให้ฟังว่า วิธีหุงข้าวกล้องให้นุ่มน่ารับประทาน ไม่ใช่การนำไปแช่น้ำ มันเสียเวลา แต่ให้เอาข้าวเหนียวลงไปผสม ประมาณ 1 ใน 5 เท่านั้นแหล่ะ ยางของข้าวเหนียวจะทำให้ข้าวกล้องสุกนุ่มน่ากิ๊นน่ากิน วิธีนี้สามารถนำข้าวเหนียวไปหุงรวมกับข้าวธัญพืชได้ด้วย (ข้าวธัญพืช คือ ข้าวที่มีทั้งลูกเดือย ถั่ว แปะก๊วย ฯลฯ พวกชีวจิตเค้ากินกันอ่ะ) มีผัดผักรวม น้ำพริกหยวก แกงจืด และก็ผักสด แบบว่าผักสดจริง ๆ แบบว่าเจ้าของรีสอร์ทปลูกเองข้างบ้าน ไปเด็ดมาล้าง ๆแล้วก็จัดใส่จาน มีทั้ง โหระพา ผักแว่น ผักกาดหอม ผักแผ้ว ใบของต้นมะม่วงหิมพานต์ที่เอามานึ่ง (ไม่อยากเชื่อว่ากินได้ด้วย รสชาติจะออกมัน ๆ ฝาด ๆ อร่อยดีเหมือนกัน) และถั่วเขียวแช่น้ำ 1 คืนให้มีรากงอกออกมาเล็กน้อย ครูบอกว่า นี่แหล่ะโปรตีนล้วน ๆ ให้กินสด ๆ กะน้ำพริกเลย ส่วนเครื่องดื่มก็เป็นน้ำตะไคร้อุ่น ๆ ไม่ใส่น้ำตาล
สูตรอาหารล้างพิษ ครูบอกว่าจะไม่มีเนื้อสัตว์ ไม่ใส่ชูรส ไม่ใส่น้ำปลา ไม่ใส่เกลือ ไม่ใส่น้ำตาล แต่จะให้ใส่ซีอิ๊วแทนเพราะทำจากถั่วเหลือง ส่วนน้ำซุปจะหวานจะน้ำต้มผัก บรรดาอาหารมื้อหนักจะไม่มีผลไม้ เพราะว่าผลไม้ตามสูตรล้างพิษแล้วจะไม่กินปนกะของคาว และจะต้องกินแทนอาหารเช้า และแทนอาหารเย็น
แบบว่า เห็นสูตรแล้ว จะรอดไม๊เนี่ยเรา.........จะอิ่มไม๊เนี่ย...... แถมพวกผักสดปกติแล้วก็ไม่ค่อยชอบกินเท่าไร
แต่ไอ้สิ่งที่ไม่เคยกินก็ต้องลองง่ะ ฝืนใจหน่อย เพื่อสุขภาพ....
เรารู้สึกว่ากินผักสดไม่ค่อยคุ้มเท่าไร ปกติแล้วเราจะกินดุและกินจุมาก แต่ก็มานึกได้ว่า ปกติที่เรากินจะเน้นหนักไปทางแป้งมาก ๆ พอมาเจอผักล้วน ๆ ก็ถึงกะอึ้ง รู้สึกอิ่มเร็วกว่าปกติ
พอทานเสร็จ ครูก็จะให้พักผ่อนตามอัธยาศัยประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วพวกเราจะไปฝึกโยคะกันตอน 4.30 น. โดยครูเต้



ไอ้เรื่องเล่นโยคะเนี่ย ขี้ ๆ อยู่แล้นสำหรับเรา เจอมานักต่อนักแย้ว แต่ที่สำคัญและประทับใจจ๊อดในงานนี้มากก็คือ ครูสอนโยคะที่รับเชิญมาเป็นวิทยากร
ครูเต้ สุดสวย.. เอ้ย! สุดหล่อ... ของพวกเรา
ตอนที่เห็นครั้งแรกไอ้เราดูปร้าดเดียวก็นึกว่า ใครเนี่ย .... แต่งตัวยังกะครูแอโรบิกส์ แถมยังใส่รองเท้าสำหรับแอโรบิกส์อีกตะหาก แต่เราก็รู้ทันทีว่า นี่แหล่ะครูโยคะขนานแท้ เพราะว่าครูโยคะที่เป็นผู้ชายต้องหุ่นแบบเนี๊ยแหล่ะ ตัวจะแกร็น ๆ แต่กล้ามเนื้อกระชับ ไม่สูงไม่ใหญ่ไม่ล่ำ ดูอย่างครูเคี๊ยงสุดหล่อที่สอนที่กฤษฎีกาซิ รายนั้นก็เล่นจนผอมบักโกรกสุด ๆ แต่หน้าเด็กโคตร ๆ ทั้ง ๆ ที่เริ่มเหี่ยวแล้วเหมือนกัน
เรื่องของครูเต้นี่ หมู่มวลสมาชิกประทับใจมั่ก ๆ แกมาจากขอนแก่นลงมากรุงเทพเพื่องานนี้โดยเฉพาะอาศัยว่าเป็นเพื่อนกะครูหญิงมานานนนนนนนน เหลือเกิน (ขอเน้นคำว่า "นานนนนนน" เพื่อให้เดาอายุเอาเองเน้อ) แกเล่าให้ฟังว่าตะก่อนแกเป็นเทรนเนอร์ในฟิตเนส สอนแอโรบิกส์ ออกกำลังกาย โยคะ สารพัด มิน่าถึงได้เฟิร์มมาก ๆ แต่แกเต้นมากเกินไปจนบางครั้งสะบ้าหัวเข่าหลุดออกมาเอง แต่มันก็ใส่กลับเข้าเบ้าเองได้โดยไม่เจ็บไม่ปวด ว๊ายยย ตายแล้น มีด้วยเหรอเนี่ย หลุดแล้วใส่กลับได้เอง ครูเต้บอกว่าสงสัยคงเป็นเพราะร่างกายยืดหยุ่นมาก ออกกำลังกายมานานและสม่ำเสมอก็เลยได้อานิสงค์เอ็นรอบข้อเข่าก็คงจะดีมาก เราฟังแล้วก็อิจฉ๊าอิจฉา ทำไมหัวเข่าเราไม่เป็นแบบนั้นมั่งเนี่ย เจ็บมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่สมบูรณ์ต้องคอยระวังอยู่ตลอดเลยอ่ะ อยากตีแบดก็ต้องงด เฮ่อออ เซ็งเลย
(โปรดติดตาม ตอน 3.1 นะจ๊ะ เรื่องของครูเต้ยังมีอีก)

ค่ายโยคะล้างพิษ ตอน 3.1 แบ่งปัน อีเมล
17:55 น.

แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ครูเต้บอกว่าแกเป็นโรคมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง! พวกเราถึงกะอึ้งกิมกี่กันเชียว มะเร็งอีกแล้วเหรอ เหมือนเป็นโรคยอดนิยมของคนมีอันจะกิน คงเป็นผลมาจากมลพิษทั้งสภาพแวดล้อมและมลพิษทางอารมณ์ ที่กฤษฎีกาส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นมะเร็ง เบาหวาน คอเรสตอรอลสูง ก็เส้นเลือดในสมองแตก เฮ่อ โรคของคนใช้สมอง ไอ้เราก็กลัวอยู่ว่าประชุมอยู่ดี ๆ เกิดฟุบคาโต๊ะเค้าเรียกว่าเจ็บป่วยในขณะปฏิบัติหน้าที่รึเปล่าเนี่ย
ครูเต้เล่าให้ฟังว่าตอนที่พบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง ก็เข้าระยะ 3 แล้ว แต่เพราะจิตใจและกำลังใจที่เข้มแข็ง พยายามปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต การกิน การอยู่ สารพัด จนตอนนี้เหลือระยะ 1 หรืออาจจะไม่ถึงระยะ 1 เพราะว่าร่างกายก็ถือว่าสมบูรณ์มากเหมือนเป็นปกติแล้วแถมแข็งแรงโคตร ๆ แต่ส่วนหนึ่งที่เราเห็นว่าครูเต้ดีขึ้นจนเป็นปกติ คงเป็นเพราะแกไม่เครียดกับชีวิต เป็นคนมีอารมณ์ขันสุด ๆ มุขฮากระจาย หัวเราะกันอุจาระแตกอุจาระแตน นี่ล่ะมั๊งหัวใจในการรักษาตัวเอง ถ้าคนเรามันไม่เครียดซะอย่างอะไรๆ มันก็ต้องดีขึ้น ครูเต้ได้เล่าให้ฟังถึงเคล็ดลับดี ๆ หลายอย่าง ทั้งสูตรน้ำปั่นเพื่อสุขภาพสำหรับคนเป็นมะเร็ง สูตรอาหาร วิธีการดีท๊อกซ์ สารพัด แถมยังสอนท่าโยคะที่ไม่เคยเรียนมาก่อน เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย แต่สะใจดี ปาเข้าไปเกือบ 2 ชั่วโมงแน่ะ แค่แกให้วอร์มอัพก็ปาไปครึ่งชั่วโมงแล้ว บรรดาสมาชิกถึงกะหมดเรี่ยวแรงทีเดียวเชียว พอเล่นอาสนะต่าง ๆ จนสาแก่ใจครูแล้ว ก็ให้นอนเป็นศพ.. เอ๊ย.. นอนท่าศพเพื่อทำการผ่อนคลาย ปรากฏว่า มีเสียงกรนดังมาจากคนข้าง ๆ ไอ้เราก็หันไปดู อ้าววว พี่นิ๊งหน่องสุดสวยนี่เอง ... แกหลับไปแล้วอ่ะ ศพยังไม่ถึง 5 นาที เลย
ค่ายโยคะล้างพิษ ตอน 4 แบ่งปัน อีเมล
16:45 น.

มีคนถามถึงสูตรน้ำปั่นเพื่อสุขภาพสำหรับคนเป็นโรคมะเร็งหลายคน ไอ้เราก็ขี้เกียจฉายหนังซ้ำ ขอแปะไว้ตรงนี้ละกันนะ เผื่อใครแวะเข้ามาก็จะได้เอาไปใช้ประโยชน์ได้ (แต่เราเองก็ยังไม่ลองทำดูเลย แบบว่าไม่รู้รสชาติจะเป็นยังไง คงปะแล่ม ๆ พิลึก)
1. แอ๊ปเปิ้ลเขียว 1/2 ลูก (เป็นผลไม้ล้างพิษชั้นดีทีเดียวจ้ะ)
2. หอมใหญ่ 1/2 ลูก (ช่วยลดคอเรสเตอรอล)
3. ซาลารี่ (ผักขึ้นช่ายบ้านเราก็ได้) 1 ก้าน (ช่วยลดความดัน)

4. มะเขือเทศลูกใหญ่ 2 ลูกขึ้นไป

5. ผักกาดหอม 3-4 ใบ

6. กล้วยน้ำว้า 1-2 ลูก

7. บีทรูท หน่อยนึง (ช่วยบำรุงเลือด)

8. น้ำสะอาด


วิธีทำ - ปั่นรวมกันทั้งกาก แล้วก็ซดเข้าไป กินเช้ากินเย็นก็ดีนะจ๊ะ แต่ครูเต้กำชับว่า ปั่นแล้วอย่าทิ้งเกิน 20 นาทีนะจ๊ะ เพราะคุณค่าทางอาหารมันคงแปรสภาพไปแล้ว (ครูเค้าว่างั้นนะ) แถมครูยังบอกอีกว่า บรรดาน้ำผลไม้ในกล่อง ในกระป๋อง จริง ๆ แล้วคุณค่าทางอาหารก็แทบไม่เหลือแล้ว เพราะมันไม่สดแล้ว สังเกตุไม๊ เวลาปอกแอ๊ปเปิ้ลไว้พอโดนอากาศเข้าหน่อยนึงก็ดำแล้ว เพราะมันไปทำปฏิกิริยาเคมีบางอย่างกับอากาศ แม้จะเอาไปแช่น้ำเกลือหรือว่าเอามะนาวถูไม่ให้ดำก็ไม่ได้หมายความว่าคุณค่าหรือสารอาหารจะยังคงอยู่ เพราะฉะนั้น กินสด ๆ ทันทีจะดีที่ซู้ดดด และอย่าปอกทิ้งเกิน 15-20 นาที

เอาล่ะ! มาโม้ต่อดีกว่านะ
พอถึงตอนเช้าวันเสาร์ เวลา 6.30 น. ครูหญิงก็มาปลุกตามบ้านกันทีเดียว ไอ้เราก็กะลังนอนสบายเชียว ครูให้มาตามไปฝึกโยคะตอนเช้า ๆ ริมชายหาด โอ้ววว.. พระเจ้ายอด.. มันจอร์จมาก... ทะเลตอนเช้า ๆ สวยมาก พระอาทิตย์กำลังขึ้นพอดี มีแดดอ่อน แหมมันน่านอนมากกว่ามาเล่นโยคะนะเนี่ย นี่ถ้าเป็นวันธรรมดาที่ต้องไปทำงาน ทุกวันแทบจะไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเลย เพราะไม่เคยสนใจดู แค่ลืมตาตื่นก็ต้องรีบออกจากบ้านแย่งขึ้นรถเมล์ไปทำงานแล้ว เช้า ๆ ก็ดมแต่ควันรถก่อนเลย
เช้าวันนี้ ครูเต้เป็นคนนำเล่นโยคะ ส่วนมากจะเน้นท่ายืน ดู ๆ ไปตอนแรกคล้าย ๆ ท่าไท้เก๊กเลย แต่ก็ดีไม่เหนื่อยมาก ทำช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ ถือโอกาสอาบแดดไปด้วย ตอนนี้ริมชายหาดมีแต่กลุ่มพวกเราล้วน ๆ ดี สงบดีนะ เพราะชาวบ้านหรือพวกนักท่องเที่ยวคงยังไม่ตื่นกันหรอก วันนี้มันวันหยุด คงตื่นสายกัน มันเหมือนกะเรามาอยู่ชายหาดส่วนตัวยังไงยังงั้นเลยอ่ะ
หลังจากจบโยคะซึ่งใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า ครูหญิงก็พาพวกเรามาฝึก กริยา หรือการชำระล้าง ซึ่งครูจะให้พวกเราล้างจมุก และก็ล้างคอ (แต่ไม่ได้ให้ล้างลำไส้นะจ๊ะ แบบว่าต่างคนต่างต้องไปทำเองอ่ะ) ซึ่งเป็นการปฏิบัติโยคะอย่างหนึ่ง นอกเหนือจากการทำท่าอาสนะ ซึ่งสถาบันอื่น ๆ หรือสถานที่ฝึกโยคะอื่น ๆ ไม่ค่อยสอนกัน ตั้งแต่เราเรียนโยคะมาหลายสำนัก ไม่เคยมีที่ไหนคิดจะสอนเลย ที่อื่นจะมุ่งสอนแต่ท่าอาสนะ เอาตัวอ่อนเข้าว่า เรารู้สึกเหมือนกะว่ายังไม่เข้าถึงโยคะที่แท้จริง ไอ้ที่จะมาฝึกปราณ หรือทำการชำระล้างอะไรทั้งหลาย ไม่มีเล้ยไม่เคยรู้จักมาก่อน จะมีก็ที่นี่แหล่ะสอนที่แรก พอเรามาเรียนที่นี่ถึงได้รู้ว่า ตัวเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโยคะเลย สิ่งที่เรียนรู้เองมันสะเปะสะปะไปหมด
เดี๋ยวคราวหน้าจะมาเม้าท์ เรื่อง ล้างจมุก กะล้างคอนะจ๊ะ แบบว่า ตอนนี้ที่กฤษฎีกา กะลังฮิตล้างจมูกกันยกใหญ่แล้ว .......

ค่ายโยคะล้างพิษ ตอน 5.1 แบ่งปัน อีเมล
16:26 น.

หลังจากกลับมาจากค่าย แล้วไปเล่าเรื่องการล้างจมูกให้คนอื่น ๆ ปรากฏว่าตอนนี้หลายคนที่กฤษฎีกาเห่อล้างจมูกกันใหญ่เลย สั่งซื้อพวยกาล้างจมูกกันยกใหญ่ ประมาณว่าจะเอาไปแจกญาติพี่น้องด้วย อะไรมันจะขนาดนั้นเนี่ย! แต่เห็นคนที่ลองทำดูแล้ว รู้สึกดีขึ้น หัวโล่ง จมูกโล่ง ก็ดีอ่ะนะ แต่เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ครูหญิงก็ได้กรุณาให้ข้อมุลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการล้างจมูก ก็ขอนำมาแปะไว้ตรงนี้เป็นวิทยาทานนะจ๊ะ
"การล้างจมูก"
โพรงจมูกนั้น สำคัญมากเพราะ เป็นช่องทางเดินของอากาศสู่ปอด ไรฝุ่น ควันพิษ และแบคทีเรียทั้งหลายที่เกาะคั่งอยู่กลางโพรงจมูกจะถูกขจัดล้างออกไปด้วยน้ำเกลืออ่อนๆ เมื่อท่านล้างแล้ว จะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงศีรษะโล่ง ลดอาการมึน เนือย เฉื่อยชาได้อย่างทันที การล้างจมูกนั้น เดิม คือองค์ประกอบที่สำคัญของโยคีที่ปฏิบัติโยคะ เพื่อให้เอื้อต่อการปฏิบัติภาวนาและเกิดทิพยสติ ครูโยคะที่อินเดีย กล่าวว่า ผู้ที่ปฏิบัติท่าศีรษะอาสนะผิดวิธี (ท่าที่เอาศีรษะปักลงพื้นดิน แล้วลำตัวตั้งตรงเท้าชี้ฟ้า) จะทำให้ผมหงอกก่อนวัยให้ล้างจมูก จะช่วยลดผมหงอกลงได้ จุดหมายหลักของโยคีในการล้างจมูก เพื่อ ทำให้โล่งศีรษะ เอื้อต่อการปฏิบัติสมาธิทำให้เกิดทิพยสติ
การทำความสะอาดโพรงจมูก มีหลากหลายวิธีให้ปฏิบัติ แต่วิธีที่จะปฏิบัติได้ง่ายคือ วิธีการล้างจมูกด้วยน้ำเรียกว่า ชลเนติ กริยาวิธี (jala neti kriya vidhi) jala หรือ ชลา หรือ ชล นั้นแปลว่าน้ำ ฉะนั้นวิธีนี้คือการล้างจมูกด้วยน้ำชลเนติ (jala neti kriya vidhi)
(แบบว่า คอยติดตามตอน 5.2 นะจ๊ะ เพราะว่ามันไม่ให้โพสต์ข้อความเกิน 10,000 ตัวอักษรอ่ะ)

ตอนที่ 5.2 มันหายไป ขอแปะไว้ตรงนี้ละกันนะ

อุปกรณ์ - กาที่มีพวยเล็กสอดใส่เข้าไปในจมูกได้ นำอุ่น 100 cc เกลือ 1ช้อนชาเล็กๆ ผสมให้เข้ากัน โดยชิมให้มีรสชาติเค็มปะแล่ม

วิธีปฏิบัติ ยืนโก้งโค้งโน้มตัวไปข้างหน้า เท้าแยกออกจากกัน หายใจทางปาก เอียงหน้าข้างขวา สอดพวยกา เข้าไปที่รูจมูกขวา น้ำ จะไหลออก จากรูจมูกซ้าย สั่งน้ำที่คั่งค้างออกจากโพรงจมูกให้หมด (สั่งเหมือนดั่งสั่งขี้มูก)ผู้ที่เคยฝึกโยคะในท่ากบาลปาติเป็น ให้ทำกบาลปาติ ต่อเพื่อให้โพรงจมูกสะอาด (ท่ากบาลปติ คือ การหายใจออกด้วยการหดหน้าท้องอย่างเร็วและแรง เป็นเสมือนลูกสูบลม)วิธีเดิมแต่เอียงหน้าข้างซ้ายบ้าง หายใจทางปาก สอดพวยกาเข้ารูจมูกซ้าย น้ำจะไหลออกทางรูจมูกขวา สั่งนำที่คั่งค้างออกจากโพรงจมูก ทำซ้ำไปซ้ำมาสัก2-3รอบ ทำข้างซ้ายและข้างขวา ถือเป็นหนึ่งรอบ

ประโยชน์ของการล้างจมูก

การล้างจมูกช่วยลดอาการปวดศีรษะเรื้อรัง
โรคทางหู
ลดอาการเชื่องซึม โรค
ลดอาการ ผมหงอกก่อนวัย
บรรเทาอาการภูมิแพ้

ครูโยคะที่อินเดีย กล่าวว่า ผู้ที่ปฏิบัติท่าศีรษะอานะผิดวิธี ทำให้ผมหงอกก่อนวัยให้ ทำชลเนติ
กริยา จะช่วยลดผมหงอกลงได้ จุดหมายหลักของโยคีในการล้างจมูก เพื่อ ทำให้โล่งศีรษะ เอื้อต่อการปฏิบัติสมาธิทำให้เกิดทิพยสติ

ข้อควรระวังผู้ฝึกปฏิบัติใหม่
-ทำให้สำลักน้ำเข้าไปทีศีรษะทำให้ปวดศีรษะได้ เนื่องจากว่า ขณะล้างจมูกนั้นหายใจทางจมูก หากท่านหายใจทางปากไม่ได้ขณะที่ล้างจมูกนั้น ให้กลั้นหายใจ




Create Date : 13 ตุลาคม 2551
Last Update : 17 ธันวาคม 2551 12:09:15 น. 0 comments
Counter : 563 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tingnongnoy
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สนใจ สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการฝึกโยคะ การเข้าค่ายโยคะล้างพิษ (Yoga retreat) และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อร่างกายที่แข็งแรง และจิตใจที่แช่มชื่นเบิกบาน ได้ที่นี่ค่ะ "วิมลจันทร์โยคะอาศรม" หรือ "โยคะครูหญิง" ชั้น 5 รร.สายประสิทธิ์ สี่แยกท่าพระ กรุงเทพฯ โทร. 089 6149255
New Comments
Friends' blogs
[Add tingnongnoy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.