จะเริ่มยังไงดีน้า?!?!?!?!
คือจะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็แล้วแต่เราไม่ควรมีสัตว์เลี้ยงที่นี่เลย ไม่ว่าจะเป็นหมา แมว กระต่าย นก หนู หรือปลา เพราะบ้านนี้ก็ไม่ใช่บ้านเรา และที่สำคัญเราต้องย้ายกลับไทย!!!!
แต่แล้วชีวิตก็มักมีเรื่องไม่คาดฝันอยู่เสมอ
.
ก่อนที่เราจะมีแมวเป็นของเราเอง เรามีเพื่อนบ้านใหม่ย้ายมาพร้อมลูกชายตัวเล็ก อายุราว ๆ 3 ขวบ และแมวดำตัวใหญ่ช่างประจบอีกหนึ่งด้วย นางชื่อ ซิสซี่ (และไม่นานก็มีหมาน้อย เพิ่มอีกหนึ่งตัว เจ้าของบ้านเป็นสาวละอ่อน เธอบอกด้วยอารมณ์ดีว่า บ้านเธอเต็มไปด้วย คนและสัตว์เลี้ยง)
จากแมวเพื่อนบ้าน ค่อย ๆ สร้างความสนิทสนม เลื่อนขั้น จนกลายเป็นแมวบุญธรรมของบ้านเรา คือถ้าวันไหนหิว หาเพื่อนเล่น นางก็จะแวะมาหา หนักเข้า เข้ามานั่งเล่น นอนเล่นในบ้าน ก่อนจะร้องขอกลับบ้าน และด้วยความขี้ประจบมาก เช่นถ้าเราก้มหน้าลงไป นางจะเอาแก้มยุ้ย ๆ ของนางมาถูกับหน้าเราด้วยความพิศวาส และพอเจอหน้ากัน นางก็จะนอนโชว์พุงอวบ ๆ ชวนให้เข้าไปกอด
แต่หลังจากเรากลับจากทริปอิตาลี ซิสซี่ก็หายไป (คาดว่ามาแล้วไม่เจอเลยไม่แวะมาอีก) คุณพ่อเอื้อก็เข้าเว็บ pet4home ทันที ก่อนตัดสินใจขับรถไปรับแมวน้อยอายุ 9 สัปดาห์ ในวันเสาร์ที่ 11 เมษายน 2558 ที่เราตั้งชื่อว่า Galgate ซึ่งเป็นชื่อหมู่บ้านแสนสุขของเราที่นี่ หรือชื่อไทย ๆ ว่า การะเกดน้อย ที่เกิดวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 (บันทึกไว้กันลืม)
พอรับมาวันแรกกอลเกตก็ซึม นอนตลอด ไม่กินอะไรเลย แม้แต่น้ำ เราก็แอบคิดกันเองว่าคงเป็นช่วงปรับตัวเข้ากับที่ใหม่ (เปิดเน็ตหาข้อมูลกันวุ่นวาย)
พอวันที่สองเราเริ่มใจคอไม่ดี ยังคงนอนซึม น้ำไม่กิน อาหารไม่แตะ ตกเย็นเราตัดสินใจกรอกน้ำกัน และคุณพ่อเอื้อก็ขับรถไปซื้อนมสำหรับแมวมากรอกกันอีกรอบ
พอเข้าวันที่สาม ยังคงซึมอยู่ แต่พอกินอาหารได้นิดหน่อย และยังคงต้องกรอกนมกันต่อไป
วันที่สี่ถึงวันนัดหมอ (คือนัดช้าไปหน่อย) หลังจากหมอตรวจอาการ เราพ่อ แม่ ลูก แทบร้องไห้ หมอบอกว่ากอลเกตเป็นไข้หวัดแมว มีแผลที่ลิ้น เหมือนคนที่เป็นคออักเสบอะไรประมาณนั้น ทำให้ไม่กินอะไร และด้วยยังเล็กมาก น้ำหนักตอนนั้น 750 กรัม โอกาสรอด หมอบอกไม่ได้ หมอจ่ายยาแก้อักเสบ และลดไข้ และอาหารสำหรับแมวป่วยมา 6 ถุง
ถึงกำหนดนัด กอลเกตอาการดีขึ้น แต่มีอาการจามเพิ่มเข้ามา หมอเลยจ่ายยาเพิ่มอีกหนึ่งตัวเป็นยาเม็ดแก้หวัด และอาหารอีก 12 ถุง กินอีกแปดวัน
(ไม่ต้องพูดถึงเรื่องค่าใช้จ่าย แต่คุณพ่อเอื้อพูดว่าหมดเท่าไหร่ก็จะรักษากอลเกตอย่างเต็มที่)
ก่อนถึงกำหนดนัดอีกรอบ เราเจอว่าเท้าหน้า และหลังของกอลเกตมีแผล หรือเป็นเชื้อรา (เปิดเน็ตหาข้อมูลกันวุ่นอีก)
พอถึงกำหนดนัด บอกหมอเรื่องเท้าของกอลเกต หมอทำการแกะออกด้วย แล้วบอกว่าไม่เป็นอะไร ไม่ต้องทายา เป็นผลพวงมาจากไวรัสแมว แล้วก็จริงดังหมอว่า ไม่ได้ทายาใด ๆ แผลก็หายไป
ผ่านมาเกือบสองเดือน จากลูกแมวตัวเล็ก ๆ ที่ใครเห็นก็บอกว่า น่ารักจริง ๆ กลายเป็นแมวตัวกลม ๆ ทั้งซน ซ่า แข็งแรงสุด ๆ
กอลเกต 10 วีคก็ขึ้นบรรไดได้คล่อง (อาจจะได้ก่อนหน้านั้น แต่ป่วยซะก่อน) พอ 15 วีคกระโดดขึ้นเก้าอี้สูง 70 ซม. ได้สบาย ๆ
ชอบเล่นคาบบอล(ทำจากกระดาษฟอล์ยปั้นเป็นก้อนกลม ๆ) ปาไป แล้วคาบกลับมา สับสนเล็กน้อย หมา หรือแมวกันหวา
เป็นแมวติดคน ถ้าอยู่กันสองคน เธอจะไม่ยอมให้คลาดสายตาเลย
ชอบทำหน้าแบ๋วใส่ เวลาจะขอกิน หรืออ้อนให้เล่นด้วย เวลาเล่นด้วยจะไม่ปล่อยเล็บ แต่เธอกัดจริงอ่ะซิ อันนี้เข้าใจว่าเธอยั้งแล้ว
แล้วกอลเกตก็จะบินลัดฟ้ากลับไทยไปกับเรา (ตั๋วเครื่องบินพร้อม!!!)
เหมือนจะมาผิดที่ผิดเวลา แต่สุดท้ายกลับช่วยรักษาใจในยามที่กำลังจะจากบ้านนี้เมืองนี้ไป
และนี่ก็เป็นที่มาของแมวน้อยการะเกด หนึ่งในสมาชิกของครอบครัวเรา