จะเขียนถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ได้เขียนถึงความเปลี่ยนแปลงของน้องเอื้อหรอก เพราะแม่น้องเอื้อเขียนไว้แทบทุกวันแล้ว
จะเล่าให้ฟังถึงความเปลี่ยนแปลงของพ่อ หลังจากมีน้องเอื้อตะหาก เพราะลองไล่เลียงดูแล้วตั้งแต่มีน้องเอื้อนี่ หลายอย่างของพ่อต้องเปลี่ยนไป
ก่อนนั้นพ่อเฉยๆ กับเด็กทารก แม้เวลาเจอบางครั้งก็รู้สึกว่าเด็กก็น่ารักดีนะ แต่ก็แค่นั้น ส่วนใหญ่เฉยๆ มากกกว่า ยิ่งถ้าเด็กโตหน่อย สามสี่ขวบจนถึงสิบขวบนี่ พ่อไม่ชอบเลย เพราะพ่อพอจะจำตอนที่ตัวเองเป็นเด็กได้ ว่าคำที่เหมาะสมจะใช้นิยามนิสัยวัยเด็กของพ่อตอนนั้นคือ
"เด็กเว..." หรืออีกคำก็เช่น "เด็กเปร.."
คงไม่ต้องบรรยายต่ออีกว่าตอนนั้นเป็นยังไง
นั่นคือเหตุผลที่พ่อไม่ชอบเด็กนัก นอกจากนั้น พ่อถือคติเสมอว่า เด็กต่อไปก็ต้องเป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่แย่ๆ ในสังคมก็เคยเป็นเด็กทั้งนั้น ดังนั้นก็ไม่เห็นจะต้องเอ็นดูเด็กเท่าไหร่เลย และพ่อเฉยๆ กับการทำแท้ง คิดเอาเองว่า ถ้าไม่พร้อม หรือเด็กต้องเกิดมามีชีวิตลำบาก ก็อย่าให้เกิดซะเลยดีกว่า
แต่ตั้งแต่น้องเอื้อมานี่ ทุกอย่างเปลี่ยนไป...
เดี๋ยวนี้ พ่อเห็นเด็กที่ไหนก็ตาม ยิ่งเล็กเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่เคยอดใจที่จะไม่มองได้เลย ต้องเหลียวมอง ส่งสายตาปิ๊งๆ ตลอด
เห็นทารกที่ไหน อ้วน ผอม ดำ ขาว ก็รู้สึกว่าน่าเอ็นดูน่ารักไปหมด แม้จะไม่ใช่ลูกเราก็ตาม อยากเข้าไปกอด ไปหอม
ยิ่งเด็กคนไหนผมบางๆ เหมือนน้องเอื้อตอนสามสี่เดือน ไม่ว่าจะเจอที่ไหน พ่อจะคิดถึงน้องเอื้อเสมอ อยากกลับบ้านไปหาน้องเอื้อเดี๋ยวนั้นเลย หอมซักสามสี่ฟอดให้หายคิดถึง
เดี๋ยวนี้ทุกคืนก่อนนอน พ่อต้องหอมหัวน้องเอื้อก่อนทุกครั้งเสมอ
พ่อกลายเป็นคนรักเด็กไปแล้ว เข้าใจแล้วว่าคำว่าเด็กคือผ้าขาวเป็นยังไง
ตอนนี้พ่อทนดูข่าวเด็กเล็กๆ ถูกทำทารุณ ถูกทอดทิ้ง ประสบชะตากรรมที่ไม่ดี หรือข่าวการทำแท้งไม่ได้เลย มันสะเทือนใจพ่อ มากกว่าท่าทางที่พ่อแสดงให้คนอื่นเห็นมากนัก
เรื่องร้ายๆ สำหรับเด็ก บางครั้งสะเทือนใจพ่อมากจนทำให้พ่อต้องแอบไปหลั่งน้ำตาเงียบๆ คนเดียว ไม่ให้ใครเห็นก็มี
ต่อไปข้างหน้า เมื่อน้องเอื้อโตเป็นผู้ใหญ่ ออกจากอ้อมอกพ่อไปแล้ว ความรู้สึกนี้จะไม่มีวันจางหายไปจากใจพ่อได้อีก พ่อเป็นคนรักเด็กมาก ถึงมากที่สุดไปแล้ว
คืนนี้ พ่อก็จะไม่ลืมที่จะหอมหัวกลมๆ ของน้องเอื้อก่อนนอนอีกเช่นเคย
แหะ ๆ ไม่ได้มีใต้โต๊ะนะ
(แม่น้องเอื้อ..)