ช่วงนี้แม่เริ่มมีอาการวิตกจริตนิดหน่อย เรื่องที่เอื้อยังไม่ยอมพูด
เหมือนเมื่อครั้งที่เอื้อไม่ยอมคลาน (อายุ 8 เดือน) แม่ก็ยอมจ่าย เพื่อความสบายใจไป 100 บาท ค่าหมอเด็ก ซึ่งหมอก็ใช้ฆ้อนเล็ก ๆ เคาะหัวเขาเอื้อ ป๊อก ๆ ๆ... แล้วก็ให้เอื้อคลานให้หมอดู ซึ่งผลก็เหมือนเดิมคือไม่มีการคลานเกิดขึ้น
จนแล้วจนรอด เอื้อก็ไม่คลาน...
แต่พอ 1 ขวบเอื้อก็เดินเลย...
สรุปจากตำราหลายเล่มว่า การคลานไม่ใช่พัฒนาการ...
แล้วมาตอนนี้แม่ก็เริ่มกังวลเรื่องการพูดของเอื้ออีก แม้ว่าจะมีเหตุผลร้อยแปดมาอธิบาย....
แม่จึงเริ่มบททดสอบ
วันแรก... เอื้อให้แม่อุ้มนัก
แม่: แม่เจ็บขาอุ้มเอื้อไม่ไหวครับ
เอื้อ: มองที่ขา เหมือนใช้ความคิดอย่างหนัก แล้วก็ชูมือให้อุ้มอีก...
แม่: แม่เจ็บขาจริงๆ ๆ
เอื้อ: สิ้นหวัง ยอมเดินเอง
สรุปได้ว่าน่าจะเข้าใจที่แม่พูดนะ (อืม... ไม่มากก็น้อยล่ะฟ่ะ)
วันที่สอง
แม่: เอื้อหยิบหนังสือจอชน้อยให้แม่หน่อย เดี๋ยวแม่อ่านให้ฟัง (มีหนังสือเรียงอยู่เป็นตับ แม่พูดแบบไม่คาดหวัง กะว่าหยิบเล่มไหนมาก็ได้ แค่นี้ก็ดีใจแล้ว) พูดจบก็เข้าไปหยิบแปรงสีฟันมาให้เอื้อ
กลับออกมา จ๊ากกกก... จอชน้อยวางไว้ที่เตียงแล้ว
แม่เริ่มหันซ้าย หันขวา ในห้องมีแค่เรา 2 คน เท่านั้นใช่ไหม
แต่แล้วในวันต่อมา เอื้อก็หยิบจอชน้อยมาให้แม่เอง โดยที่แม่ยังไม่ได้บอก... นี่ก็น่าจะเป็นคำตอบของวันนั้นแล้ว
งั้นพรุ่งนี้เจอกัน แม่จะบอกให้หยิบ
ตุ๊ก ๆ ซื่อสัตย์ ดูซิว่าจะหยิบถูกไหม
หนังสือที่เรียงอยู่ทุกเล่ม ถูกอ่านให้เอื้อฟังหมดแล้ว ซึ่งก็วนไปวนมา ไม่มีเล่มประจำ คือแม่หยิบเล่มไหนได้ก็อ่านเล่มนั้น แต่ช่วงนี้จะอ่านจอชน้อยติดต่อกันหลายวันหน่อย เพราะมีตอนที่จอชน้อยแปรงฟันด้วย ก็จะให้เอื้อแปรงฟันไปพร้อมกับจอชน้อย....
หลังจากอ่านจบแม่ก็จะเก็บไปเรียงไว้ที่ชั้นหนังสือ รวมกับเล่มอื่น ๆ ...
ฮ่ะ ๆ ๆ พรุ่งนี้มาดูกันว่าเอื้อจะหยิบตุ๊ก ๆ ซื่อสัตย์ ถูกเล่มไหม
ก่อนคลอดวิตกเรื่องออกมาครบ 32 ไหม
พอคลอดเสร็จก็วิตกเรื่องพัฒนาการ
พอวัยเรียนก็วิตกเรื่องการศึกษา
พอวัยแต่งงานก็เป็นห่วงเรื่องคู่ครอง
วงจรของการเป็นห่วงลูกมันก็มีอยู่เท่าเนี่ยแต่ลึกๆ
ก็มีรายละเีอียดมากกว่านี้
แต่เชื่อเถอะเธอเลี้ยงแบบไหนผลก็จะเป็นแบบนั้น
ส่วนน้องเอื้อจะเป็นยังไงก็เป็นสิ่งที่เขาทำมาแต่ต้น เธอไปวิตกก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ฟุ้งซ่านเปล่าๆ
ไม่รู้จะปลอบใจอะไร แต่ถ้าเธอมีสติอยู่กับปัจจุบันเธอจะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นจริง