รักไม่ยุ่ง มุ่งหักอกสาวๆ
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

นายประกอบไปสอบ IELTS Episode 3

แล้วก็ถึงเวลาสอบ


เริ่มต้นด้วย Listening ก่อน คราวนี้ผมพยายามตั้งสมาธิมาก ๆ หน่อย อาศัยว่าฝึกมาดี ช่วงต้นๆ เลยฟังทันและตอบได้ดีพอสมควร

มาเจอข้อสอบส่วนที่ 4 ที่เป็นการฟังบทความยาวๆ เกี่ยวกับลิงอะไรซักอย่าง

ไอ้หยา ฟังแทบไม่ทัน จับได้เป็นคำๆ

แต่ดูจากคำถามแล้ว พอจะเดาคำตอบได้ 2-3 ข้อ ทำได้เองอีก 2-3 ข้อ


จริงๆ แล้วฟังไม่ทัน แต่เดาคำตอบไปเลย เช่นเดาว่าลิงสองกลุ่ม มันอยู่กันคนละฝั่งแม่น้ำ มันใช้เครื่องมือไม่เหมือนกัน ก็เดาคำตอบว่า bank ที่แปลว่าฝั่ง tools มั่ง ถูกหรือเปล่าก็ไม่ทราบ

สอบเสร็จ คิดประเมินในใจตัวเอง ว่าน่าจะได้อย่างน้อย 6.0


เสร็จจาก Listening ต่อด้วย Reading เลย


แต่พอเริ่มสอบ Reading ผมดันเกินอาการสมาธิแตก หรือ Panic คืองงครับ


มันคิดไม่ออกว่าจะเริ่มอ่านตรงไหน ทำอะไร เจอแต่ภาษาอังกฤษมาให้อ่าน แต่รู้สึกว่ามันอ่านไม่ออก ไม่เข้าใจเลย ทั้งเรื่องที่อ่าน ทั้งคำถาม


ต้องนั่งตั้งสติใหม่ เสียเวลาอันมีค่าไปเกือบ 10 นาที ปลอบใจตัวเองว่าทำไปให้ดีที่สุด
แล้วก็ค่อยๆ ทำข้อสอบไป คราวนี้เริ่มดีขึ้น และทำข้อสอบได้จนเสร็จทันเวลา มั่วไปไม่กี่ข้อ

สอบเสร็จประเมินตัวเอง น่าจะได้ 6-6.5


ปิดท้ายช่วงเช้าด้วย Writing อันนี้มั่นใจหน่อย ฝึกมาเยอะ ทั้งที่เป็นยาขมที่สุดตอนแรก
แต่พอเจอข้อสอบ Writing Task1 ให้วิเคราะห์กราฟแท่ง เกิดอาการอึ้งอีกแล้ว
เป็นกราฟเกี่ยวกับอัตราส่วนชายแหละหญิงที่มีการศึกษาสูงใน 5 ประเทศ ก็กราฟมันไม่มีอะไรโดดเด่น เรียบๆ มาก
ไม่รู้จะเอาอะไรมาบรรยาย นอกจากเล่าๆ ตามกราฟไป


จริงๆ แล้ว IELTS Writing Task1 นั้น ถ้ากราฟหรือตารางมีข้อมูลมาก ๆ จะเขียนง่าย เพราะเราแค่ดึงจุดเด่นๆ มาบรรยาย ก็จะเขียนได้แล้ว 150 คำ แต่นี่มันเรียบๆ ไม่มีอะไรเด่นเลย แบบนี้เขียนยากมาก


Task2 ถามเรื่องพลังงานทางเลือก คุณคิดยังไงประมาณนี้ อันนี้สบายมาก เขียนตาม Pattern ที่ฝึกมา (ใครสนใจหาอ่านเอาจาก blog ก่อนหน้านี้นะครับ) เปลี่ยนจากข้อเสียของพลังงานทางเลือก เป็นข้อจำกัดแทน เขียนสบายๆ เหลือเวลาอีก 3 นาทีไว้ตรวจหาข้อผิดพลาดอีก

แต่เนื่องจาก Task1 เขียนได้ห่วยมาก ๆ ๆ เลยประเมินว่า อาจจะได้แค่ 5.5 – 6.0 เท่านั้น สอบเสร็จแล้วเศร้า


เสร็จ 3 Parts นี้ ก็พักกินข้าว แล้วก็มารอสอบ Speaking ตอนบ่ายสองโมงครึ่ง
คราวนี้สอบเจอกรรมการใจดี ดูแกสนอกสนใจคุยกับเรามาก ดูใจดี เลยไม่ค่อยเกร็ง


แกให้เราเล่าเรื่องสถานที่ติดกับน้ำ ผมก็เอา Speaking สำเร็จรูปที่เตรียมไว้เรื่องท่องเที่ยว เพราะมันติดกับน้ำมาเล่า เลยกลายเป็นพูดถึงที่นั่น มากกว่าเรื่องน้ำ แต่ก็ช่างมัน แล้วก็คุยกันต่อเรื่องเด็กควรจะหัดว่ายน้ำให้เป็นแต่เด็กไหม ระบบน้ำประปากินได้ไหม คราวนี้คุยไหลลื่นดีมาก


สอบเสร็จ เข้าของตัวเองว่าเอ วันนี้คุยลื่นไหลดีมาก อย่างเลวๆ น่าจะ 6.0 เป็นอย่างน้อย

แต่พอทบทวน ๆ ๆ ไป เริ่มเห็นว่าตอนพูดนี่ ผมพูดผิด grammar หมดเลย ออกเสียงก็ไม่ชัด ตอนนี้หัวใจหล่นมาอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว คิดไปคิดมา ตูได้ 5.0 เหมือนเดิมแหงๆ เฮ้อออ

สอบคราวนี้เสร็จ ก้มานั่งเศร้ารอ เพราะรู้สึกมากว่า Writing กับ Speaking ทำได้ไม่ดีเท่าที่หวัง เลยได้แต่แอบหวังลึกๆ ว่า อย่างน้อยให้ได้คะแนนเฉลี่ยซัก 6.0 น่า อย่างน้อยอาจจะต่อรองขอไปเรียนภาษาที่โน่นก่อน 8 สัปดาห์ได้ หรือไปสมัครที่ ม อื่นก็ได้(วะ)

ไปนอนตุ้มๆ ต่อม รอ 10 วัน จนวันประกาศผล ผมนั่งเช็คจากเว็บตั้งแต่ 10 โมง กว่าผลจะออกจริง 11 โมงครึ่งโน่น

แล้วผลก็ออกมา

Listening 7.5 Reading 7.0 Writing 6.5 Speaking 5.5 Overall 6.5 แบบปัดลงอีกแล้วครับท่าน


โอ้วววววววว มากเกินกว่าที่คาด ดีเกินกว่าที่คิด แม้ Speaking จะห่วยไปหน่อย แต่แบบนี้ไม่มีปัญหาละ ได้ไปเมืองนอกแน่ๆ เย้ ๆ ๆ ๆ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่นจริงๆ 5 5 5


ตอนบ่ายวันนั้น รีบไปสำนักงาน กพ ไปขอเอกสารเตรียมไปทำ Passport เลยครับ แบบว่ามันตื่นเต้นจัด


แล้วหลังจากนั้นก็ตามคาดครับ ม ไกลปืนเที่ยงบอกว่าผลภาษาตรง Speaking น้อยไป โดนเรียนภาษา 4 Weeks เพราะเค้าต้องการคะแนนรวม 6.5 และไม่มี Part ไหนต่ำกว่า 6.0 ผมได้ 5.5 ไป 1 Part ต้องไปเรียนภาษาก่อน ก็ไม่เป็นไร ดีด้วย จะได้ไปเตรียมตัวก่อน


แต่ที่แย่คือ ปีนี้ Department ที่ผมมาเรียน มันปรับเงื่อนไขภาษาใหม่ เอาแค่ Overall 6.5 เฉยๆ มี Part ไหนต่ำกว่า 6.0 ได้ไม่เป็นไร ไม่ต้องเรียนภาษาก็ได้ ดูซิ๊ดู แล้วทีตูหละไม่ให้ โลกนี้มันไม่ยุติธรรมจริงๆ

สอบเสร็จคราวนี้ คะแนนออกมาพอใช้ได้ ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเกินคาดครับ

ทุกวันนี้ ผมยังพยายามดู TV ที่เมืองนอก อ่านนิยายภาษาอังกฤษก่อนนอน วันละหน้าสองหน้าบ้าง ฝึกฝนต่อไป หวังให้มันดีขึ้น ภาษายังไม่ดีพอที่จะอ่านนิยายภาษาอังกฤษรู้เรื่องเข้าใจลึกซึ้ง แต่ก็พอจะเข้าใจได้ เปิดศัพท์ไปด้วย ค่อยๆ ให้มันซึมต่อไป


แล้วเรื่องนี้บอกอะไรได้บ้าง


ก่อนหน้านี้ ผมมักจะอิจฉาคนที่ภาษาดีๆ อยู่เสมอ อยากเก่ง อยากใช้ภาษาได้แบบคนเหล่านั้น

อยากจะอ่านนิยายภาษาอังกฤษได้ อยากดูหนังแบบไม่ต้องอ่าน Soundtrack คุยกับฝรั่งรู้เรื่อง เขียน mail ภาษาอังกฤษได้

แต่ก็ได้แต่ฝัน เอาแต่อยาก แต่ไม่เคยยอมเหนื่อยยากเพื่อพัฒนาตัวเอง ย่ำอยู่ที่เดิม หนีปัญหาไปเรื่อยๆ อยู่แต่โลกของความฝัน ขี้เกียจไปวันๆ


จนคราวนี้ สถานการณ์มันบังคับ แล้วถึงมาเสียดายว่าปล่อยเวลาทิ้งโอกาสมาตั้งนาน


การเตรียมภาษาเพื่อสอบ บางคนอาจบอกว่ามันไม่เหมือนชีวิตจริง ยังไม่พอ นั่นก็จริงครับ

แต่จากการฝึกฝน ทำให้เรามีพื้นฐานอย่างน้อยก็พอที่จะใช้งานได้ในระดับนึง ดีกว่าอยู่ไปวันๆ แน่ ทักษะภาษาป็นสิ่งที่สำคัญมากในโลกทุกวันนี้


ผมใช้เวลาฝึกภาษา อาจจะเรียกได้ว่าจากระดับ 0 หรือใช้การไม่ได้ จนมาถึงระดับที่พอสื่อสารได้ระดับนึง พอที่จะมาเมืองนอกได้ ในเวลาประมาณแค่ปีกว่าๆ เท่านั้น ซึ่งคนอื่นก็ทำได้


ภาษาเป็นเรื่องของทักษะ ไม่ใช่ความฉลาด อยากได้ต้องฝึกฝน ไม่มีโรงเรียนภาษาเทพที่ไหนจะสอนให้เก่งได้ ทุกอย่างอยู่ที่การฝึก ๆ ๆ ๆ เท่านั้น


ไม่มีอะไรยากเกินกว่าความพยายามครับ




 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2553
8 comments
Last Update : 5 พฤษภาคม 2553 20:40:52 น.
Counter : 2727 Pageviews.

 

เข้ามาอ่านคะ..ขอบคุณนะคะที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่านกัน..เราเองก็กำลังไปเรียนต่างประเทศเหมือนกันคะ..ก็ท้อๆเรื่องภาษาเหมือนกัน แต่พออ่านเรื่องนี้แล้วมีกำลังใจขึ้นมากคะ..ขอบคุณนะคะ
เป็นกำลังใจให้คะ

 

โดย: หนูภัทร IP: 125.25.130.235 6 พฤษภาคม 2553 0:04:06 น.  

 

เข้ามาอ่าน ก็ว่าอยู่ว่า ep2 ไปไหน อ่อยังไม่ได้เขียนนี่เอง ผมขออณุญาติ นำเทคนิค writing ไปใช้นะครับ จะสอบเสาร์นี้แล้ว รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเลย

 

โดย: ชายมิ้น IP: 124.121.7.159 6 พฤษภาคม 2553 0:49:05 น.  

 

ดีใจมากที่มีคนเอาเรื่องการสอบIELTSมาคุยกันบ้าง เพราะป้าเองก็ใด้แต่เอาใจช่วยหลายคนโดยเฉพาะน้องสาวของป้า เพราะเค้าเป็นพยาบาลความคาดหวังจึงมีสูงมาก แต่ที่นิวส์ซีแลนด์การที่จะเป็นพยาบาลหรือหมอต้องสอบIELTS ผ่านอย่างน้อย 7.0 ทุกอย่าง เหมือนกันทั้งหมอและพยาบาล น้องสาวของป้าสอบมาสามครั้งแล้วแต่ก้ยังไม่ผ่าน ป้าก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะน้องสาวเริ่มท้อเสียแล้ว บางครั้งแบบคิดในใจว่าถ้าเมืองไทยมีครูสอนภาษาอังกฤษดีๆหรือเป็นฝรั่งไปเลย เราคงเก่งภาษาอังกฤษมากกว่านี้ โดยเฉพาะภาาาพูด แต่ยังไงก็ตามสำเนียงภาาาอังกฤษของคนไทยก็ยังฟังดูดีเข้าใจง่ายกว่า คนจีน ญี่ปุ่นหรือ อิเดียน นี่เป็นคำชมของฝรั่งหลายๆคนทั้งต่อหน้าและลับหลัง เมื่อเค้าใด้คุยกะคนไทย

 

โดย: คูณป้าขั้วโลกใต้ IP: 118.92.216.12 8 พฤษภาคม 2553 5:31:16 น.  

 

อ่านนิยายภาษาอังกฤษด้วย โห..อยากรู้ว่าเรื่องอะไรเลยนะนั่น

......ตั้งใจเข้าเน้อออออ.....

 

โดย: i'm not superman 12 พฤษภาคม 2553 18:42:12 น.  

 

หวัดดีครับพี่ประกอบ พอดีว่าผมกำลังหาที่เรียนติวieltsอยู่อะครับ
ไม่รู้ว่าที่อาจารย์เจฟเป็นอย่างไรบ้างอะครับ อาจารย์เค้าสอนดีไหมอะครับ ยังไงก็รบกวนพี่ประกอบด้วยนะครับขอบคุณมากครับ

 

โดย: น้องมือใหม่ IP: 58.64.82.234 31 พฤษภาคม 2553 19:48:39 น.  

 


ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ดีๆ

 

โดย: อัอ IP: 92.15.164.167 17 มกราคม 2554 21:03:08 น.  

 

ขอบคุณที่นำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังนะคะ มีประโยชน์มากๆ เลย ตอนนี้ภาษาแย่มากๆ เรียกว่าอยู่ระดับ 0 เลยค่ะ แต่หลังจากติดตามอ่านประสบการณ์ดีๆจากพี่ประกอบ ก็มีกำลังใจขึ้นเยอะ จะเริ่มฝึกฝนตั้งแต่วันนี้ตอนนี้ล่ะค่ะ จะไม่ขี้เกียจ ไม่อยู่ในโลกของความฝันอีกต่อไปแล้ว
ขอบคุณมากๆนะคะ Love ๆ

 

โดย: melody IP: 49.48.8.54 13 เมษายน 2556 20:25:43 น.  

 

ขอบคุณค่ะ ภาษาอังกฤษระดับศูนย์ค่ะ แต่จะต้องสอบไอเอล (ครั้งแรก) ไม่อยากสอบเลย กลัว แต่จะพยายามค่ะ คุณประกอบเขียนมามันโดน จริงๆ

 

โดย: nOi IP: 183.88.112.203 8 พฤษภาคม 2556 1:03:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ประกอบ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ชื่อประกอบครับ อ้วนๆ ดำ ๆ ใส่แว่น แต่ดูดี๊ดูดี ไม่รู้ทำไม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไม "หล่อ" ขนาดนี้
Free counters! free counters
New Comments
Friends' blogs
[Add ประกอบ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.