Welcome to my blog : Victoria's Secreat blog

Day 1 : วันแรกกับโลกใบใหม่ของหนู

นี่เป็นเหตุการณ์ซึ่งถอดมาจากไดอารี่ของแม่ หนูของมาแปะไว้ใน Blog นี้นะคะแม่

5-4-3-2-1....

"เหตุเกิดวันพฤหัสที่ 22 ตรงกับวันที่คุณหมอนัดพอดี ก็ไปตรวจเช็คร่างกาย และตรวจดูขนาดเชิงกราน คุณหมอก็วินิจฉัยว่าขนาดเล็กไปหน่อย และยังไม่มีแนวโน้มที่จะคลอดช่วงนี้ ซึ่งเมื่อคุณแม่อายุครรภ์ขนาดเรา สามารถคลอดได้ทุกเวลา เราก็กลัวน้องจะอยู่ในท้องนานเกินไปรึเปล่า เพราะคุณหมอบอกว่าคาดการณ์ไม่ได้ รอเดือนกุมภา ก็นัดวันครั้งต่อไปเสร็จสรรพ

เรากลับมาถึงบ้านก็กังวลนิดๆ กลัวน้องจะอยู่ในท้องนานเกินไป เลยลูบท้องเบาๆ แล้วบอกว่าแม่อยากเห็นหน้าลูกแล้ว วันนั้นหลังอาหารเย็น นั่งกินอยู่ข้าวยังไม่ทันหมดจานก็มีความรู้สึกเหมือนฉี่ออกมานิดนึง ไอ้เราก็อายๆกรูฉี่แตกเหรอเนี่ย ก็เลยลุกไปเข้าห้องน้ำ ยังไม่ทันนั่งเลย น้ำก็ไหลออกมาเอง แบบว่าคงไม่ใช่ฉี่แล้วล่ะ ไม่เคยท้องด้วยวุ้ยเห็นแต่ในหนัง แต่คิดว่าคงเป็นน้ำเดินน่ะ ก็รีบบอกคุณสามี คุณสามีก็รีบโทรบอกอาการคุณหมอที่ไปฝากครรภ์ด้วย คุณหมอก็บอกว่าให้มาได้เลย

ส่วนตัวอิชั้น ก็เงอะๆเงิ่น เพราะยังไม่ได้จัดกระเป๋าเตรียมคลอด กะว่าจะจัดตอนกุมภา ก็นึกอะไรได้ก็โยนๆใส่กระเป๋าไปก่อน ระหว่างนั้นน้ำก็ไหลออกมาตลอดเวลา น้อยแบบกระปริดกระปรอย จนไปถึงเขื่อนแตก วิ่งเข้าวิ่งออกห้องน้ำเปลี่ยนผ้าอนามัยกันวุ่นวาย คุณสามีก็บอกไม่ต้องเปลี่ยนแล้วขึ้นรถเลย ขับด้วยความเร็ว 95 ไมล์ต่อชั่วโมง ประมาณ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็แบบว่านั่งตัวเกร็งตลอดเวลา แบบว่าอะไรวะยังไม่เตรียมตัวอะไรเลย หมอก็เพิ่งบอกไปหยกๆว่าเดือนหน้า ปล.ตอนนั้นยังไม่มีอาการอะไร นอกจากน้ำเดิน

ไปถึงโรงพยาบาลสามทุ่มครึ่งของวันพฤหัส ได้ห้องเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดคนไข้ ไอ้เราเห็นเตียง เห็นมอนิเตอร์ต่างๆก็สติเรื่อมแตกเหมือนกัน แต่ก็เอาวะ จะได้เห็นหน้าลูกซักที ไม่นานค่ะ พยาบาลก็เริ่มมาเช็คก่อน เช็คที่ว่าเนี่ยก็เช็คน้องสาวอ่ะค่ะ ล้วงเข้าล้วงออก ยังกับว่าเป็นรูจมูก ที่เอานิ้วแหย่กันง่ายๆ แป๊บนึงคุณหมอก็มาแหย่อีก หมอบอกว่า 1cm. แล้ว ระหว่างนั้นก็เช็คความดัน ชีพจร หัวใจทั้งเราและเด็ก ช่วงนั้นมดลูกเริ่มบีบตัวบ้างแล้ว แต่ก็ไม่เจ็บมาก เหมือนปวดประจำเดือนน่ะ เป๊ะๆเลย

ระหว่างที่รอปากมดลูกเปิดก็นานเหมือนกัน จนประมาณตีสองเริ่มปวดมาก ตอนนั้นเปิดได้ 3cm. แล้ว พยาบาลก็แนะนำให้ฉีดยาเข้ากระดูกสันหลังเลย จะได้ไม่ปวด คุณแม่ๆทั้งหลายที่อยากคลอดธรรมชาติ แต่บล็อกส่วนล่างไว้ก็จะเจอแบบเดียวกับเรา โอ๊ยเจ็บแบบไม่สามารถบรรยายได้เลยอ่ะ แบบที่เค้าเรียกว่าเจ็บเข้ากระดูกน่ะ แต่แป๊บเดียว ก็เริ่มชาๆตั้งแต่ช่วงล่วงถึงเท้าเลย เวลามดลูกบีบตัวก็ไม่เจ็บแล้ว ช่วงหลังจากนี้มดลูกเริ่มบีบตัวสม่ำเสมอ และถึ่ขึ้นจนปากมดลูกเปิดหมด 10 cm. แต่ของเราใช้เวลานานมากกกกก

ระหว่างที่รอนั้น ตาก็ชำเลืองไปเห็น รถเข็นขนาดย่อม ประมาณเอวได้มั้ง ด้านบนสุดมีเบาะซึ่งมีผ้าสีขาวคลุมอยู่ ชั้นถัดมาก็มีผ้าสีขาวๆพับอยู่วางเป็นชั้นๆ ก็คงเดาได้ไม่ยาก ว่ามันคงเป็นที่สำหรับวางตัวลูกน้อยหลังการคลอด อืมมมม นึกแล้วก็อดกลัวการคลอดขึ้นมาซะงั้น ว่าแล้วก็อ้อนคุณสามีให้เอาน้ำแข็งใสมาให้กินเป็นขวัญกำลังใจหน่อย อืมมม ที่นี่ก็แปลกนะ คนไข้จะกินอะไรก็อนุญาตไปหมด ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะกินน้ำแข็งใสไปประมาณ 5-6 แท่งได้มั๊ง

ตอนหกโมงเช้าได้มั้ง เปิดได้ 5cm. เองอ่ะ และเปิด 7cm. ประมาณ 11 โมงเช้าวันศุกร์ ระหว่างนั้นพยาบาลเค้าก็เปลี่ยนเวรกัน และยังคงไม่ลืม แหย่น้องสาว ทั้งฉีกทั้งถ่าง โอ้แม่เจ้า รำลึกบุญคุณ คุณแม่บังเกิดเกล้าขึ้นมาทันที เวลาประมาณ 4 โมงของเย็นวันศุกร์ มดลูกเปิดตัวเต็มที่ พร้อมคลอด ชีพจรทั้งแม่และลูกปกติ การบีบตัวของมดลูกสม่ำเสมอ จนคุณหมอกับคุณผู้ช่วยพยาบาลและคุณสามี ก็เริ่มกันออกเสียงช่วยเบ่ง ทุลักทุเลนิดหน่อย เพราะคุณแม่หายใจยังไม่เป็น ก็สอนกันตอนนั้นเลย ลืมบอกไปในห้อง มีแค่หมอ กับพยาบาล คุณสามีและก็ตัวเรา จากนั้นเวลาผ่านไปก็ยังไม่มีไรคืบหน้า คุณหมอกับคุณพยาบาลไม่ลืมที่จะแหย่ทางออกของทารกน้อยๆ ยังคงทำสม่ำเสมอ จนคุณแม่เริ่มหน้าเขียว และเริ่มมีอาการเจ็บมดลูกกลับมา ก็ต้องให้ยากันใหม่ ทุกอย่างปกติดี ยกเว้นว่าเจ้าหนูน้อย ยังคงลอยตัวในท้องโตๆ นอนขวางลำไม่ยอมออกซะกะที สงสัยจะอาย มดลูก็บวมมาก คุณหมอเลยบอกว่าคงต้องผ่า ตอนนั้นเป็นเวลา 6 โมงกว่าๆ ถ้าเบ่งต่อคุณแม่คงไม่ไหว เลยตอบตกลง

หลังจากนี้เหตุการณ์ตื่นเต้นก็เพิ่งเริ่มต้นในชีวิต ในห้องผ่าตัดมีคนรวมตัวอยู่ประมาณ 10 กว่าคน เราก็ไม่รู้ว่าทำไมมันเยอะจัง ใส่ชุดเขียว ปิดหน้าปิดตากันหมดทุกคน จากนั้นคุณหมอก็ฉีดยาเข้ากระดูกสันหลังอีกรอบ แบบว่าเจ็บรอบสอง หลังจากนั้นก็เริ่มให้ยา แต่ทว่า ยาที่ให้มันทำให้เรารู้สึกว่าขาดอาการหายใจ เหมือนจะตาย หมอบอกว่าเรา Freaking out แบบว่าสติไม่อยู่แล้วเค้าเลยจับเราให้ยาสลบไปเลย อันนี้คุณพ่อสิงโตมาเล่าให้เราฟังทีหลัง ซึ่งพอรู้เราก็ตกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะผ่านมาได้ คุณสามี บอกว่าจริงๆแล้วการผ่าเค้าจะไม่ทำให้สลบ ให้แค่ชาๆช่วงล่าง แต่ว่าขนาดยาที่ให้มันเกิน เลยทำให้เราชาถึงหน้าอก ทำให้เกิดอาการหายใจไม่ออก ซึ่งนั่นทำให้เราปัดของทุกสิ่งทุกอย่างก่อนผ่าตัด หมอเลยให้เราสลบไปเลย แต่ระหว่างทำคลอด หัวใจเราดันไม่ทำงานประมาณ 2 นาที เนื่องจากหมอพยายามต่อท่อช่วยหายใจในลำคอแต่ไม่สำเร็จ และมารู้ในภายหลังว่า หลังจากคลอดน้องออกมา น้องก็หายใจเองไม่ได้อยู่ 1 นาทีเหมือนกัน ก็ไม่รู้ยังไงล่ะ ก็รอดมาได้ทั้งแม่ทั้งลูก

หลังการผ่าตัด ก็เริ่มรู้สึกตัวนิดนึง แบบว่าได้ยินเสียงก้องๆ และรู้สึกเหมือนมีไฟมาสาดตรงหน้า แต่ก็ลืมตาไม่ขึ้น แล้วก็รู้สึกหนาวสั่น แบบว่าสั่นมากๆๆๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ร่างกายมันโยกไปทั้งตัว แบบว่าควบคุมไม่ได้ ปากล่างก็กระทบกับปากบน แล้วก็ได้ยินเสียงคนข้างๆพูดถึงเราประมาณว่า ทำไมตัวถึงได้สั่นมากขนาดนี้ แล้วก็สั่นไม่ยอมหยุด อืมม มาคิดได้ทีหลัง คงเป็นนางพยาบาลแน่ๆ ถึงเราฟังได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เข้าใจนะ ไม่ต้องมานินทาเลย แล้วจากนั้นเค้าก็ปรึกษากัน ในที่สุดเราก็โดนฉีดยาไปอีก 1 เข็ม อาการสั่นก็เริ่มทุเลาลง แล้วก็ค่อยๆสามารถลืมตาตัวเองได้ ก็พบตัวเองนอนอยู่บนเตียงเล็กๆ จากนั้นก็มีคนมาเข็นเตียง เอ... เค้าจะเอาเราไปไหนนะ ตอนนั้นความรู้สึกมันบอกไม่ถูก คิดถึงลูกด้วย หน้าตาจะเป็นยังไง ตอนนี้อยู่ไหน จะมีการเปลี่ยนตัวแบบในละครหลังข่าวรึเปล่า แบบว่าลูกสลับกัน แต่คงไม่มั็ง เด็กหัวดำๆ คงมีไม่กี่คน และขออย่างเดียว ขอให้ลูกแข็งแรง ก็ได้แต่ภาวนา....

ในที่สุดเราก็โดนเข็นมาที่ห้องพักคนไข้ ในห้องนั้นก็มีคุณสามีรอยู่แล้ว อืมม เห็นหน้าก็ดีใจ แล้วลูกล่ะไม่เห็นลูก ลูกอยู่ไหนก็ไม่รู้ แต่ก็พูดไม่ได้ มันหนักๆที่ปาก อ้อ หลังจากเข็นเตียงมาถึงห้องพัก เราก็ต้องย้ายไปขี้นเตียงของห้องพัก อืมม ยากแฮะ เจ็บ แปล๊บไปหมด บรรยายไม่ถูกเลยจริงๆ ซักพัก คุณนางพยาบาลก็เอาลูกมาให้ดู โห ลูกชั้น เด็กคนนี้นี่เอง ที่ทั้งหมัด ทั้งศอก เข่า บ้างอะไรบ้างตอนอยู่ในท้อง หน้าตาเป็นอย่างนี้นี่เอง ตัวเล็กๆหัวเล็กๆ อะไรๆก็เล็กไปหมด ตอนจะรับลูกมาอุ้ม ก็กลัวไม่กล้าอุ้ม กลัวทำเค้าเจ็บ อุ้มก็อุ้มไม่เป็น เงอะๆเงิ่นๆ แถมตอนนั้นยังเบลอๆ จากฤทธิ์ยาสลบอยู่ด้วย แผลก็เจ็บ แต่ในขณะที่มองหน้าลูกทั้งที่ยังเบลอๆด้วยฤทธิ์ยา และความเจ็บปวดจากแผลผ่าคลอด ความเจ็บปวดที่ผ่านมาทุกอย่างก็เป็นศูนย์ (แต่จริงๆก็เจ็บอยู่นาา) สิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ ได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว เราจะทำหน้าที่แม่ของเค้าให้ดีที่สุด ลูกจ๋า แม่รักหนูนะ รัก ตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า และรักตั้งแต่แรกพบ และก็จะรักตลอดไป.......''

Photobucket" บรรยากาศภายในห้อง คุณแม่หนูยังเริงร่าอยู่เลยค่ะ Photobucket" นี่กับคุณหมอที่จะลงมีดค่ะ Photobucket" นี่ก็ตัวหนูเองค่ะ เพิ่งออกมาจากท้องคุณแม่ สดๆร้อนๆ


เป็นยังไงบ้างคะเรื่องเล่า ไม่สิเรื่องจริงจากแม่ของหนู อยากจะบอกว่าอีกมุมนึง หนูก็รักแม่เหมือนกันค่ะ......




 

Create Date : 04 สิงหาคม 2552
3 comments
Last Update : 13 สิงหาคม 2552 10:58:25 น.
Counter : 458 Pageviews.

 

เล่าได้ละเอียดมากเลย
ถ้าน้องมาอ่าน คงภูมิใจในตัวคุณแม่มากๆ
ที่ต้องอดทนเพื่อเค้าขนาดไหน เนอะ

 

โดย: จ้าว..จอม 5 สิงหาคม 2552 10:20:19 น.  

 

อ่านไปยิ้มไปเลยค่ะ คุณแม่น่ารักจัง

 

โดย: PORBUA 5 สิงหาคม 2552 12:19:55 น.  

 

ขอบแสดงความยินดีด้วนนะค่ะ

 

โดย: น้องธรรมคุณ IP: 67.216.115.221 21 สิงหาคม 2552 2:53:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


VICTORIA LOVE
Location :
NC United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
4 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add VICTORIA LOVE's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.