i love crochet
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
7 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
เรื่องแย่ๆ ที่ต้องสู้

7 พ.ย. 51
แล้วมันก็เป็นจริง(ไม่ใช่ฝันที่เป็นจริงนะ) สิ่งที่เคยคิดไว้ว่าสักวันคงโดนทำแบบนั้นบ้างแน่ ๆ
เราเป็นพนักงานของบริษัทรับจัดหาคนเข้าทำงาน สรุปคือบริษัทที่เราทำงานไม่ได้จ้างเราโดยตรง
เราก็เข้าใจว่าคงไม่ได้รับสิทธิอะไรเทียบเท่าพนักงานโดยตรงหรอก แต่เราก็รับได้
เพราะบริษัทที่เรามาทำงานด้วย ดีมาก(อย่างน้อยก็มากที่สุดจากที่เราทำงานมา 4-5 ที่ ภายใน 1 ปีหลังจากเรียนจบ)
หัวหน้าก็เหมือนพี่ เหมือนครอบครัวมีปัญหาอะไรก็คุยกัน เข้ารับฟัง ช่วยแนะนำ, แก้ปัญหาหรือบางทีก็ยอมรับว่าตัวเองผิดพลาดและพร้อมจะแก้ไข(ดีมั้ยหล่ะ) ก็เลยอยู่ที่นี้มาตลอด
(แม้แต่เพื่อนๆ ยังชอบถามว่ายังอยู่ที่เดิมอีกเหรอ ไม่น่าเชื่อ)
แต่พออยู่มาได้ 2 ปีกว่า ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น มีการรวมบริษัท และรับหัวหน้าเข้ามาใหม่
ไม่ได้ต่อต้านนะว่าเป็นคนอื่น เข้าใจว่าการรับคนนอกเข้ามาทำงานมันก็ดีตรงที่ว่าอาจจะได้แนวความคิดใหม่ๆ อาจจะทำให้ดีขึ้นก็ได้ แต่มันไม่เป็นงั้นนะสิ กลายเป็นว่าคิดใหม่ก็จริง แล้วปัญหาและข้อจำกัดที่มีหล่ะ จะไม่สนใจเลยเหรอ แรกๆ ก็ดูดีนะ เหมือนจะฟัง เพราะบอกว่ามีปัญหาอะไรก็ให้บอกนะ พอเราจะบอก จะพูด กลายเป็นไม่ฟังซะงั้น แถมยังมาทำลายความสัมพันธ์ที่ดีของเรากับผู้รับเหมาที่ทำงานด้วยกันด้วยสิ ถึงจะเป็นบริษัทอื่นที่มาทำงานด้วยเราก็ทำงานแบบพึ่งพาอาศัยกันนะ เราช่วยเขา เขาช่วยเรา นิไม่ค่อยจุกจิกด้วย ส่งงานให้แล้วก็ให้เขาแพรนงานมาให้ เพราะฉะนั้นเวลาที่นิบอกเขาว่าด่วนนะค่ะ รบกวนด้วย เขาก็จะด่วนให้
แต่อีตานี้มาจากไหนไม่รู้ อยู่ดีๆก็มาบอกว่าแพง เริ่มจุกจิกกับผู้รับเหมาตามจิกเองซะงั้น แล้วยังจะมาว่า ฝ่ายออกแบบแอบตุกติกกับผู้รับเหมาด้วย(ตอนนี้ฝ่ายออกแบบคนนั้นก็ออกไปทำงานที่อื่นแระ) เราก็อะไรของเขา คิดว่าประมูลใหม่จะได้ราคาถูกกว่านี้เหรอในเมื่อตอนนี้ของมันขึ้นราคาหมดแล้ว แล้วเขาก็ไม่ให้เราทำงานนี้ เรานี้แทบจะไม่กล้าคุยกับผู้รับเหมาอีกเลย ก็จะมีบ้างที่เพื่อนที่ทำงานเก่าคิดว่าถ้าเป็นนิคุยให้จะได้เลย ขอให้นิคุยให้ นิก็ได้แต่บอกว่านิไม่ได้ทำหน้าที่นี้แล้วนะ ถ้าจะให้ช่วยคุยก็คุยให้ได้แต่ไม่รับปากว่าจะได้มั้ย เพราะเกรงใจเขา เท่าที่คุยกับเขาครั้งสุดท้ายดูเขาเหนื่อยๆ เราเป็นคนที่มีอะไรเราจะพูดนะ ถือว่าได้บอกแล้ว ไม่ฟังก็ชั่ง แต่หลังๆมาเริ่มเหนื่อย รู้ว่าไม่มีประโยชน์ก็เฉยๆ ทำงานตามหน้าที่ของเราไป เริ่มแตกกระจายกันไปใครหาที่ใหม่ไปได้ก็ไป
แต่เรายังหาไม่ได้นี้สิ ปัญหา แล้วหน้าที่ใหม่นี้ก็เกี่ยวกับเรื่องเงินด้วยสิ แล้วเงินเดือนอย่างฉันจะรับผิดชอบไหวมั้ยหล่ะ ก็ได้แต่ทำไป เช็คไป เซฟตัวเองสุดๆ แล้ววันนั้นก็มาถึง เราโดนส่งตัวกลับพร้อมกับเพื่อนอีกคน
ตัวเรานะไม่เท่าไหร่เพราะเรารู้ว่าเราเป็นไง คิดว่าสักวันคงโดน แต่เพื่อนอีกคนนี้สิ ทำงานให้ทุอย่าง จิกหัวใช้ก็ว่าได้ ยังโดนส่งกลับ สรุปเขาล้างคนเก่าออกหมด ตอนนั้นเราโกรธมาก ไม่ได้โกรธที่ส่งคืนนะ โกรธที่ไม่บอกเลยสักคำ เพราะคนที่ทำเรื่องส่งเราคืนคือคนที่เราคิดว่าเป็นพี่ ทำงานกับเรามาเป็นปีแล้ว บอกกันสักคำสิ จะได้หาที่อื่น ก่อนหน้านี้ก็มีเพื่อนที่บ้านโทรมาบอกว่ามีงานของคนที่รู้จัก สนใจมั้ย ต้องการด่วนเริ่มงานพรุ่งนี้ เราก็โห...จะไปทันได้ไงหว่า ไม่ได้เตรียมตัวเลย จะย้ายกลับไงทัน จะทิ้งงานแล้วไปแต่ตัวก่อนเหรอ แล้วก็ไม่อยากทิ้งงานไปเลยด้วยคนมาทำต่อก็จะลำบากอีก (ดูเป็นคนดีเนอะ) แต่ก็นั้นแหละเราคิดถึงคนอื่น แต่คนอื่นไม่คิดถึงเรา
แล้วก็เอาเด็กใหม่มา เอามาแทนเรา บอกให้เราสอนงานให้ มันน่าเจ็บใจมั้ยหล่ะ (ว่าเราไม่ทำงาน แล้วคิดว่าเราจะเอาอะไรไปสอนหล่ะ) งานที่ทำก็พึ่งเริ่มทำได้ 2 เดือน บอกตรงๆ ก็ยังไม่ค่อยรู้อะไรหรอก รู้แค่ว่าถามใครได้บ้าง
ก็บอกไปคราวๆ ว่าประมาณนี้ นะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ถามคนนั้นคนนี้ ตอนพาน้องใหม่ไปแนะนำพี่ๆที่ต้องทำงานด้วย เขาก็ยังถาม มาแทนนิ แล้วนิหล่ะ ก็ได้แต่ตอบว่า ไม่รู้สิก็ดูเอาแล้วกันสิ่งที่เขาทำกับนิ (แล้วก็ได้แต่หัวเราะด้วยความปลง) แต่อารมณ์นั้นก็ประมาณตอนนี้ไปไหนก็ได้ให้พ้นๆ บอกบุคคลหาที่ลงให้ได้ยังเขาเอาคนมาแทนนิแล้วนะ ก็ได้คิดว่าคงจะดีขึ้นนะ จะว่าแรกๆ มันก็ดีอะนะ ดูไม่ออกหรอกว่าใครเป็นไง ตามสไตล์หัวหน้างาน “มีปัญหาอะไรก็บอกนะ ที่นี้เราทำงานเป็นทีมไม่มีฉายเดี่ยว คุยกันได้” (ดูดีเนอะ)
มันก็แหม่งๆ เรียกเราไปคุยงานประมาณนี้นะ แล้วก็....นานมาก......พอจบ จับใจความอะไรไม่ได้เลย
อะไรวะ งงกับตัวเอง สรุปฉันเป็นคนจับใจความไม่ได้เหรอเนี้ย รู้แค่ว่าให้ไปดูข้อมูลคราวๆก่อนเด่วพี่จะทำแบบฟอร์มให้ เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ เราก็ “ พี่จะให้ดูนิก็ยังไม่รู้หรอกว่าควรทำไง นิว่าส่งแบบฟอร์มมาเลยดีกว่าค่ะ นิจะได้มองภาพออกว่าควรทำไง” แล้วเวลาก็ผ่านไป เกือบอาทิตย์ได้มั้ง แบบฟอร์มก็ถูกส่งมา เป็น Excel หน้าเดียว เราก็ นี้เหรอที่รอค่อยทำนานจังเนอะ(เราก็มารู้ที่หลังจากปากเขาเองด้วยว่าลอกคนอื่นมา) แล้วเหตุการณ์ก็เกิดขึ้น เราก็เริ่มลงมือ พอเจอปัญหา เราก็ถาม ที่ได้คืออันนี้พี่ก็ไม่รู้นะต้องถามคนนั้น(เพื่อนร่วมงาน) พอเราเขาไปคุยกับเพื่อนร่วมงาน เราก็รู้ว่าหัวหน้าพึ่งมาใหม่ยังไม่รู้อะไรหรอก อะเราก็เข้าใจ รู้แระว่ามีปัญหาถามใครได้บ้าง เราก็เลยไม่ค่อยได้ถามหัวหน้าเท่าไหร่ เราไม่ค่อยอยากคุยด้วยหล่ะเหมือนพูดกันคนละภาษาไม่เข้าใจที่เขาพูดแล้วเราก็ไม่รู้ว่าตัวเองสื่อสารไม่ถูกเหรอแล้วควรจะพูดไงให้เข้าใจว่าเราถามว่าอะไร ประมาณว่าถามอย่าง ตอบอย่าง สรุปเราไม่ได้อะไรเลย ข้อเสียเรานะเวลาทำงานเราไม่ค่อยพูด ต้องการสมาธิ ไม่ชอบจุกจิก เลยไม่ชอบให้ใครมาจุกจิกด้วย เราก็ทำงานของเราไป หัวหน้าก็มาถามเราทุกวัน ทุกเวลา ทุกทีที่เดินผ่าน ว่าถึงไหนแล้ว แรกๆ มันก็ตีความแบบดีๆ ได้ว่าอาจเป็นห่วงกลัวเราทำงานไม่ได้ แต่ผ่านมาสักพักมันไม่ได้แระเป็นงี้โรคประสาทกินแน่ เราก็เดินเข้าไปถามว่ามีกำหนดมั้ยว่าต้องเสร็จเมื่อไหร่ คำตอบที่ได้ “กำหนดได้ด้วยเหรอ” อ้าวสั่งงานไม่มีกำหนดแล้วมาถามทุกวันเนี้ยนะ ข้อมูลตั้ง 3 ปี จะให้ตีความว่าด่วนต้องการวันนี้เหรอถึงได้ถามทุกวัน อยากได้อะไรก็บอกมาสิ อยากให้รายงานว่างานไปถึงไหนแล้ว รายวันรายอาทิตย์ก็บอกมาสิ
เราก็เออะ ช่าง.......เถอะ เขาก็เลิกถามไปได้ประมาณ 3 วัน เอาอีกแระ (รู้มั้ยเนี้ยว่ารำคาญ) จะเอาอะไรก็บอกมาสิ จะมาถามแล้วเอาคำตอบเลยไม่ได้หรอก ก็มันงานด่วนไม่ได้ทำไปนับไปมีแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำ เหนื่อยก็พัก ข้อเสีย(อีกแล้ว) ถ้าเราไม่พอใจจะเริ่มมีอาการทำได้ดีสุดคือนิ่งไว้แต่คนก็รู้อยู่ดี จะทำอไรได้ก็เป็นลูกจ้างเขานี้ ถ้าไม่อยากอยู่ใต้ตีนใครก็ออกไปซิ แต่มันไม่ได้ สิ เรารู้ว่าอย่างน้อยก็ต้องรับผิดชอบตัวเองให้ได้จะลาออกกลับไปให้ใครเลี้ยงได้หล่ะ ตั้งแต่เรียนจบทำงานมาก็ไม่เคยช่วยอะไรเขา(เหอะๆ เอาตัวเงยังไม่ค่อยจะรอดด้วยสิ) จำคำเขาได้ไง เคยบอกว่าก็ไม่เอาอะไรหรอกขอให้เลี้ยงตัวเองได้ก็พอ(ดักคอกันไว้ซะงั้น) ก็เข้าใจว่าเขามีภาระเยอะอยู่แล้ว ก็เรามันคนโตสุดนี้หว่า นานไปก็กลายเป็นคนเก็บกดมันก็กลายเป็นระบายอกทางตาซะนี้ พอมีอะไรมาสะกิดหน่อย เรื่องที่อยู่ในหัวมันก็จะปะทุออกมา ก็เอาแระ คนที่เห็นก็จะไม่เข้าใจว่าร้องให้ทำมัย ก็อยากจะเล่าหรือระบายให้ใครสักคนฟังหรอกนะแต่.....เราเคยมีเพื่อนที่สนิทมากคนหนึ่งเรารู้เรื่องเขา เขารู้เรื่องเรา มองกันเป็นเพื่อนตลอดมา(จนบ้างคนสงสัยว่าเป็นแฟนกันทั้งๆที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน) จนมาวันนึงเราก็รู้ว่าเขาเล่าเรื่องเราให้คนๆนึงฟังซึ่งเขาก็รู้ว่าเป็นคนที่เราเกลียดมาก (จะเล่าสาเหตุเด่วจะกลายเป็นอีกเรื่อง) ทำให้เรามีความรู้สึกว่าถ้าอะไรที่คิดว่ามันเป็นความลับมันก็ควรจะอยู่กับเราคนเดียว กลายเป็นคนไม่ไว้ใจใครไปอีก (อาการหนักขึ้นทุกวันนะเรา)
กลับมาเรื่องหัวหน้ากันต่อ
ช่วงนั้นเราก็เริ่มรู้เรื่องเขามาเรื่อยๆ นะจากเพื่อนร่วมงาน (แต่เราก็ไม่ได้อะไรมาก ก็ดูๆไป) นานไปเหมือนยุ่งรำคาญอะ แรกๆ เราก็อาจจะแค่ปัดให้มันไปให้พ้น แต่นานเข้าเรารำคาญมาก เราก็จะเริ่มตบ และหาวิธีฆ่ามัน
มันก็เรื่องไม่เป็นเรื่องนะ เอามาเป็นเรื่อง เราก็อะมาคุยกันเลยดีกว่ามันอะไรกันนักหนา ให้มันจบๆ เราก็คิดว่าคุยกันแล้ว จบแล้วนะ (เราแค่อยากให้มันจบ แต่กลับเก็บเอามาเป็นประเด็นเฉยเลย พึ่งรู้เมื่อวานจากการวิเคราะห์ของพี่อีกคนนึงว่ามันเหมือนเราหักหน้าเขา..เราก็อะเป็นงั้นไป สรุปต้องก้มหน้าก้มตารับได้ทุกสถานการณ์งั้นสิ)
มาวันนึงเรียกเราไปคุย จับใจความได้ว่าจะให้เราไปทำแทนคนเก่า(คนที่สอนงานเรา) แค่นั้นแหละแล้วก็ด่าคนที่สอนงานเราเป็นชั่วโมง (เราก็นะเริ่มรู้สึกแระไม่เป็นผู้ใหญ่บ้างเลย จะให้ทำแทนก็บอกแค่นั้นสิทำมัยจะต้องมาด่าคนสอนงานเราให้เราฟัง ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่เคยช่วยอะไรได้ เหมือนจะดึงเราเข้าพวก เขาใช้อะไรคิดนะ) เราก็ได้แต่ถามว่าจะให้เราแทนเขาคุยกับเขารึยัง “คุยแล้ว” แล้วก็ด่าต่อ อึดอัดนะไม่ชอบเลย
ออกจากห้องมาเราก็เลยไปถามเพื่อนว่าจะย้ายเหรอทำมัยจะให้นิมาทำแทน ได้ความว่าไม่ “มันบอกให้ย้ายไปซะ ไม่งั้นจะออกใบเตือนว่าก้าวร้าวต่อผู้บังคับบัญชา จะทำให้เสียประวัตินะ”
ที่เขาพูดกับเพื่อนที่สอนงานเราแบบนั้นเพราะเขาเป็นพนักงานตรงของบริษัท ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วก็เลยคิดว่าจะใช้วิธีนี้บีบให้ออกไป แต่เพื่อนไม่สนไงจะทำอะไรก็ทำไป
เราฟังแล้วเริ่มสะกิดต่อมอีกแล้วสิ สักวันกูโดนแน่ แต่คงโดนส่งตัวคืนอีกแหง่ ๆ นี้มันทำอะไรเขาไม่ได้มันก็ไปบีบบอกให้เขาไป แต่ถ้าเป็นเรามันไม่พอใจมันก็คงส่งตัวคืนลย เอาอีกแล้วเจอคนแบบนี้อีกแล้ว หนีเสือป่ะจระเข้บวกเ-ยี้ซะนี้ ทำมัยเกิดมาซวยแบบนี้หว่า จะมีอะไรดีบ้างมั้ยเนี้ย เราก็เริ่มหาที่ไปไหม่แล้วก็บอกเขาไปว่าขอย้ายเขาก็โอเค งั้นช่วยเครียงานเดือนนึ่งก่อนแล้วกันนะ แล้วพอเราจะย้ายมันดันมาเจอปัญหาเศรษฐกิจ บริษัทที่เราจะย้ายไปอยู่ โดนคำสั่งแยกบริษัทไปร่วมกับบ.อื่น ทำให้เราต้องรอให้เรื่องนี้มันสรุปเสร็จก่อนเราถึงจะย้ายได้
มันก็ถามเราว่าจะย้ายเมื่อไหร่ เราคุยแล้วก็บอกมันไปว่ายังไม่รู้กำหนดว่าจะได้ย้ายเมื่อไหร่ เพราะติดเรื่องนี้นะ
มันก็ไม่รู้แระไปถามมาแล้วกำหนดมาว่าจะย้ายวันไหน(อะไรของมันวะจะให้ไปถามใครใครจะรู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ตอนกูไปได้บอกให้ช่วยพอติดปัญหามันบอกให้กูไป) ไม่รู้จะหาคำอะไรมาเปลียบเทียบคนอย่างมันได้แล้ว (อย่างที่เล่าในคนแบบนี้ก็มีด้วย จำไม่ได้แล้วว่าเล่าอะไรไปบ้าง)
สรุปมันพูดซะสวยงามจะให้ย้ายไปทำงานกับพี่อีกคนนึงนะจะได้สบายใจทั้ง 2 ฝ่าย พอเราไปคุยกับพี่คนนั้นแล้วคุยไปคุยมา เราก็เอะ สรุปว่านิโดนส่งตัวคืนใช่มั้ย เราก็สุดจะทนแล้ว ให้เราช่วยงานที่ควรจะเสร็จใน 7 เดือนเราก็ รีบทำให้เสร็จภายในเดือนเดียว ทำงานเกินกำหนดก็ไม่ได้เงินเพิ่ม โอทีก็ไม่มี นี้คือเราช่วยนะ แล้วทำกับเรางี้นะ
น้ำตาไหลค่ะ ยอมรับค่ะ อีกแล้วเหรอทำมัยคนที่เราเคยช่วยมันทำกับเราแบบนี้อีกแล้ว อารมณ์นั้นคือ กูไม่น่าช่วยมันเลยไม่น่าสงสารมัน ก็อย่างที่ว่าโมโหที่ทำอะไรไม่ได้ ทำไปก็เราก็เสียเปล่าๆ เรามันลูกน้อง หัวหน้ามันจะพูดเอาความผิดอะไรมายัดเราก็ได้ ชีวิตบัดซบจิงๆ แล้วจะเจอคนแบบนี้อีกมั้ยเนี้ย ตอนนี้ก็ภาวนาให้บริษัทที่เราย้ายไปรวมเรียบร้อยสักที จะได้ไปสักทีไม่ต้องเห็นหน้ามันอีก บอกตรงๆว่าถ้าได้เกลียดแล้วอย่าว่าแต่คุยด้วยเลย ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากได้ยินเสียง แม้แต่ชื่อก็อย่ามาเอ่ยให้ได้ยิน

เรารู้นะว่าเราก็ผิดเรารู้ว่าควรทำไง ปฏิบัติแบบไหน แต่มันขัดกับความรู้สึกสักวันมันก็หลุดอยู่ดี
นี้ถ้าไม่ติดว่ายังมีกิเลสอยู่นะจะหนีไปบวช ตอนนี้ที่คิดคือไปเป็นครูชนบทดีกว่าผู้คนจิงใจดี
อยู่ในเมืองก็มีแต่คนแบบนี้แหละแก่งแย่งแข่งขัน ถ้าไม่เหยีบบเขา ก็โดนเขาเหยียบ
เมื่อไหร่จะใช้หนี้หมดซะที จะได้ไปทำอย่างที่คิด หรือจะหนีหนี้ไปเลยดี 555+ ขอชั๋วบ้างได้ป่ะ

ก็เล่าในมุมมองของเราเท่านั้นส่วนมุมมองของเขาเราไม่รู้
ที่ตัดสินใจเล่าในนี้ก็เพราะในนี้ไม่มีใครรู้จักเราหนิ ไม่รู้ว่าเราเป็นใคร อยู่ที่ไหน คงไม่เป็นไร(มั้ง)
ขอระบายหน่อยนะ เพื่อจะเป็นกำลังใจให้ใครได้ว่ายังมีคนโดนเรื่องแย่ๆกว่าเรา
ส่วนตัวเราเองก็พยายามมองเรื่องแย่ๆ ของคนอื่นเหมือนกัน ว่าเรายังดีนะที่ไม่เป็นแบบนั้น เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไป
สู้โว้ย......
10 ปีไม่สายกับการรอคอยโอกาสแก้แค้น (ดู ดู แอบโหด)



Create Date : 07 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2551 11:19:46 น. 0 comments
Counter : 233 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

vember
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add vember's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.