Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
25 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
:: เดินทางแสวงบุญ ณ แผ่นดินมังกร ๑

หมายเหตุผู้เขียน
การเดินทางครั้งนี้ เกิดจากความตั้งใจและเป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม


+ + + + + + + + + + + + + + + +



:: ลำดับเหตุ

- ต้นปี 2548 แม่เคยบอกว่าอยากให้ไป ตอนนั้นฉันปฏิเสธ ด้วยความเกรงใจหัวหน้างาน เพราะต้องลางานรวดเดียว 10 วัน ตั้งแต่ทำงานมายังไม่เคยลางานติดกันเกิน 2 วันเลย
- เม.ย. 2549 พี่สาวไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองจีนกับแม่
- มิ.ย. 2549 แม่ไปเมืองจีนอีกครั้งเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ครบ 4 ขุนเขา
- 13 ส.ค. 2549 ฉันได้พูดกับแม่เป็นครั้งสุดท้าย
- 14 ส.ค. 2549 แม่เข้าโรงพยาบาล แล้วไม่เคยได้ออกมาอีกเลย
- เม.ย. 2550 พี่สาวไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แทนแม่
- เม.ย. 2550 1 วันหลังจากที่พี่สาวกลับมาจากเมืองจีน แม่ก็จากไป
- ส.ค. 2550 ตั้งใจว่าปีหน้าจะไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองจีน
- ม.ค. 2551 บริษัทมีนโยบายให้วางแผนการลาพักร้อนล่วงหน้าทั้งปี
- มี.ค. 2551 เคลียร์งานทุกอย่าง
- 10 เม.ย. 2551 สมดังใจหวัง...

+ + + + + + + + + + + + + + + +



:: เหตุเกิดที่ 'ใจ'

บอกใครต่อใครว่า 'ไปไหว้เจ้าที่เมืองจีน'
มักจะได้คำถามกลับมาว่า 'ต้องไปถึงที่นั่นเลยเหรอ??'
จริงๆแล้วของอย่างนี้ 'มันอยู่ที่ใจ' แต่เผอิญว่า 'ใจมันอยากไป'
เรื่องทั้งหลายจึงเกิดขึ้นด้วยเหตุประการฉะนี้

+ + + + + + + + + + + + + + + +



:: มารผจญ

เคยมั๊ย เวลาตั้งใจทำอะไรสักอย่าง มักจะมีปัญหา อุปสรรค เหตุไม่คาดฝัน มาขวางทางให้เราต้องแก้ไข ต้องฝ่าฟัน ฉันขอเรียกมันว่า 'มารผจญ'

ครั้งนี้ 'มาร' มาผจญตั้งแต่ยังไม่ออกเดินทาง เหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คณะเราตั้งใจจะไปสักการะส่งมาทดสอบว่าเรามีความตั้งใจจริงหรือเปล่า??

+ + + + + + + + + + + + + + + +



:: เดินทางแสวงบุญ

: วันที่หนึ่ง (10 เม.ย. 51)

- ที่สุวรรณภูมิ เครื่อง delay 2 ชม. จากเดิมออก 10.30 น. เป็น 12.30 น.
- เดินเล่นใน Duty Free ซะจนไม่รู้จะดูอะไร
- บินไทยแจกคูปองมูลค่า 300 บ. สำหรับมื้อเที่ยง (เนื่องจากเครื่อง delay) เลยได้ลองชิมพาสต้าจานละ 250 บ. และน้ำเปล่า ขวดละ 40 บ. (ใน 7-11 ขายแค่ขวดล่ะ 7 บ. เอง)
- จากที่เราจะมีเวลาลั๊ลลาที่สนามบินเฉิงตู ประมาณ 3 ชม. ก็เหลือเวลาเพียง 1 ชม. ที่จะทำการโหลดของไหว้เจ้า 61 ลัง และกระเป๋าเดินทาง 50 กว่าใบ (กระเป๋าเสื้อผ้า 1 ใบและกระเป๋าของไหว้เจ้าส่วนตัวอีก 1 ใบ) เพื่อต่อเครื่องไปยังเมืองอู่ฮั่น เพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น
- ถึงโรงแรมแล้ว แต่กระเป๋ายังเดินทางมาไม่ถึง อาบน้ำแล้วต้องใส่ชุดคลุมอาบน้ำนอนรอไปก่อน


: วันที่สอง (11 เม.ย. 51)

- นั่งรถจากอู่ฮั่น ไปบู๊ตึ๊ง 5 ชม. ฝนตกตลอดทาง ทำให้รถต้องวิ่งช้าลง กว่าจะได้กินมื้อเที่ยงก็ปาเข้าไปบ่ายสาม (Local Time)
- ทุ่มกว่า ถึงโรงแรม รถบรรทุกกล่องของไหว้และกระเป๋าไหว้เจ้ายังไม่มา
- เที่ยงคืน ของไหว้เจ้ายังมาไม่ถึง


: วันที่สาม (12 เม.ย. 51)

- ฝนตกปรอยๆทั้งคืน
- ตีห้ากว่า กระเป๋าของไหว้มาตั้งรอที่หน้าห้อง
- อากาศขมุกขมัว หมอกและเหมย (ละอองน้ำเล็กๆ) ทำเอาทั้งเปียกทั้งหนาว (ตัวกรู)มิเตอร์คาดว่าตอนนี้ประมาณ 12-13 องศาเซลเซียส
- ทำพิธีใหญ่ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ
- ตอนบ่ายไกด์จะพาไปชมที่ปฏิบัติธรรมขององค์เทพเจ้าตั่วเล่าเอี๊ย แต่ 90% ของคณะเคยไปแล้ว ก็เลยขอกลับไปนอนที่โรงแรม ฉันเลยอดเที่ยว (นี่มารตัวเป็นๆเลยนะเนี่ย)


: วันที่สี่ (13 เม.ย. 51)

- ขึ้นกระเช้า (ที่น่ากลัวมาก) ไปสักการะองค์เทพเจ้าตั่วเล่าเอี๊ย บนยอดสูงสุดของเขาบู๊ตึ๊ง
- ที่สถานนีกระเช้าบนเขา จากจุดนี้เงยขึ้นไปจะเห็นหมู่ตึกบนยอดสูงสุด ซึ่งจากนี้จะต้องเดินขึ้นๆๆๆๆๆๆๆอย่างเดียว คาดว่าจุดนี้เองที่เมื่อครั้งปี 2549 ที่แม่มาแล้วพอกลับลงมา ก็หันกลับไปมองแล้วพูดว่า 'ถ้าปีหน้ามาไม่ได้ จะให้ลูกสาวมาแทน'
- เมื่อคืนฉันบอกแม่ว่า วันนี้จะขึ้นกิมเต้ง (ยอดสูงสุด) ถ้าอยากเดินก็เกาะไหล่ฉันขึ้นไป แต่ถ้าขี้เกียจเดิน ก็ขี่หลังฉันขึ้นไป น่าแปลกที่ลงมาถึงข้างล่างแล้วฉันปวดหลังปวดไหล่มาก
- วันนี้อากาศดี นักท่องเที่ยวจึงขึ้นไปกันมากมาย ฉันขึ้นไปก็ต้องรีบไหว้แล้วก็รีบลงมา ยังไม่ทันได้ดูอะไรเลย แย่จัง
- ตอนบ่าย ไปเที่ยววัด 'จื่อเซียวกง' เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดบนเขาบู๊ตึ๊ง เมื่อปี 49 และปี 50 ทำพิธีใหญ่ที่นี่
- เมื่อปีที่แล้ว วันที่ทำพิธีคุณน้าเพื่อนของแม่ซึ่งไปด้วยนั้นเขาเป็นคนมีองค์ ก็กลับมาเล่าให้ฟังว่า ตอนจัดของเตรียมไหว้อยู่นั้น เห็นแม่มาช่วยจัดของไหว้ด้วย บังเอิญเหลือเกินที่ช่วงเวลานั้น แม่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล พ่อบอกว่า สีหน้าของแม่ดูอิ่มเอิบ สดใสมาก
- คิดถึงแม่จัง


: วันที่ห้า (14 เม.ย. 51)

- ปฏิบัติการย้ายที่นอน เดินทางกลับเมืองอู่ฮั่น
- คนขับหลงทาง เสียเวลาไปเป็นชัวโมง
- ถึงสนามบินอู่ฮั่น สนามบินที่ได้ชื่อว่า 'งี่เง่าที่สุด' ของคณะเรา (แต่ถ้าพูดกันตามจริง หัวหน้าคณะเราไปงี่เง่าใส่เขาก่อนอ่ะ)
- ติดเรื่องน้ำหนักเกิน ต้องดึงกระเป๋าออกมาบางส่วนที่ต้องถือขึ้นเครื่องเอง แล้วก็โชคดีอะไรปานนั้น ใบที่ดึงออกมาดันมีดาบยาว (ของที่ระลึกจากบู๊ตึ๊ง) ติดอยู่ด้วย เลยต้องเสียเวลาเอากลับไปโหลดใหม่ แล้วก็ใส่เกียร์สี่วิ่งขึ้นเครื่อง (อีกแล้ว)
- ถึงเฉิงตูประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ


: วันที่หก (15 เม.ย. 51)

- เช้านี้ออกเดินทางไปเขาชิงเฉิง (ชิงเฉิงซาน) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเฉิงตู เพื่อไหว้องค์เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี๊ย (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ)
- และแล้ว เหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิด ก็เกิดขึ้นจนได้ ....กลั้นไว้นานจน 'chee ไม่ออก' ทั้งคณะต้องเสียเวลารอฉันประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าอาการจะทุเลา (ดีขึ้นประมาณ 15.46%) ระหว่างที่อยู่ในห้องน้ำ ก็จะมีอาอี๊ทั้งหลายมาบอกวิธีการทำให้ 'chee ออก' หลังจากนั้น ฉันจึงเข้าสำรวจและทดลองห้องน้ำสาธารณะทุกที่ และถือปฏิบัติตั้งแต่นั้นมา
- ขึ้นเขาวันนี้ ทุกคนโดนบังคับให้นั่ง 'เกี้ยว' เพื่อรักษาเวลา
- การรักษาเวลาของคณะเรา คือการไม่รักษาเวลาของคณะเรานั่นเอง เพราะไม่เคยมีโปรแกรมไหนตรงเวลาตามตารางเลย ขนาดขึ้นเครื่องยังแทบจะตกเครื่องเลยอ่ะ
- วันนี้กว่าจะเสร็จพิธี กว่าจะได้หม่ำมื้อเที่ยงก็โน่น เกือบ 4 โมงเย็น แต่ขอบอกว่า เป็นอาหารเจที่อร่อยมากๆๆๆๆ
- กว่าจะร่ำลากับเจ้าอาวาส (อู๋ไต้ซือ) กลับออกมา กระเช้าก็ปิดไปแล้ว เราจึงต้องนั่งเกี้ยวกลับลงมา
- แล้วก็มีเหตุการณ์แย่ๆเกิดขึ้น คือ คนหาบเกี้ยวต้องการทิป แต่ทางหัวหน้าคณะเรากำชับไว้ก่อนแล้วว่าห้ามให้ เพราะเราตกลงราคากับเขาไว้แล้ว และยังแถมเกินไปอีกคนละ 20 หยวน พอเราไม่ให้ เขาก็ขย่มเกี้ยว แล้วก็เหวี่ยงไปมา บางคนก็โดนแยกออกไปจากกลุ่ม น่ากลัวมากเลย ฝากบอกใครๆด้วยว่า ถ้าไปที่นี่หรือที่ไหนก็ตาม เดินเอาเองดีกว่า ค่อยๆไป เดี๋ยวก็ถึง
- นั่งรถกลับลงมาทางตอนใต้ของเฉิงตู มาที่ เอ๋อเหมยซาน หรือที่เรารู้จักในชื่อ 'เขาง๊อไบ๊' นั่นเอง
- เอ๋อเหมยซาน ถือเป็น 1 ใน 4 พุทธคีรีที่สำคัญของประเทศจีน ประกอบไปด้วย เอ๋อเหมยซาน, ผู่ถอซาน, อู่ไถซาน และ จิ่วหวงซาน


: วันที่เจ็ด (16 เม.ย. 51)

- เช้านี้ขึ้นกระเช้าไปเที่ยววัดว่านเหนียนซื่อ นมัสการโผวเอี้ยงผ่อสัก (เจ้าแม่กวนอิมทรงช้าง)
- เจ้าแม่กวนอิมทรงช้าง เป็นปางประจำปีเกิดของคนปีมะโรง
- กระเช้าที่นี่ เยอรมันเป็นคนสร้าง จากนั้น จีนก็ก๊อปปี้เรียบ
- ตกบ่ายนั่งกระเช้าอีกครั้ง เพื่อขึ้นยอดเขา จุดที่เราไปยืนนั้น สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,077 ม. (จุดสูงสุดอยู่ที่ 3,099 ม.) นมัสการ สมันตภัทธโพธิสัตย์ พระพักตร์ 10 ทิศ (ไกด์บอกว่าสูงประมาณ 57 ม.)


: วันที่แปด (17 เม.ย. 51)

- วันนี้ทำพิธีใหญ่อีกครั้งที่วัด.. อะไรหว่า จำชื่อไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่า เมื่อก่อนที่ยังเดินทางไม่สะดวก ใครที่ไม่สามารถขึ้นไปบนเขาได้ ก็จะมาไหว้เจ้าแม่กวนอิมทรงช้างที่นี่แทน
- ตอนบ่าย กลับเข้าเฉิงตู ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมพันมือ พระพักตร์ 4 ทิศ ใครอยากขอลูก ก็มาขอกันที่นี่
- late อีกแล้ว มื้อเย็นเลยต้องหาขนมรองท้องไปก่อน เพราะถ้าไปกินข้าวก็จะพลาดดูโชว์เปลี่ยนหน้ากากแน่นอน
- ทางเข้าสถานที่โชว์การแสดงมีร้านขายของที่ระลึกตลอดทาง เลยได้ shopping ครั้งแรกตั้งแต่เดินทางมา แต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไร เพราะต้องรีบๆเดินเข้าไปจองที่นั่ง
- ขอบอกว่าเป็นโชว์ที่เจ๋งมาก ทำได้ไงเนี่ย เปลี่ยนหน้ากากภายในเสี้ยววินาที ไกด์บอกว่า เป็นการแสดงที่สงวนและสืบทอดกันมาภายในตระกูล หลายชั่วอายุคน ไม่ถ่ายทอดให้บุคคลภายนอกทั่วไป แต่ที่รู้มาคือ เขายอมสอนให้ 'หลิวเต๋อหัว' ล่ะ
- มื้อเย็น ตอนสามทุ่มกว่า กลับบ้านไปต้องเป็นโรคกระเพาะแหง๋ๆ


: วันที่เก้า (18 เม.ย. 51)

- เช้านี้ 2 ใน 3 ของคณะพร้อมใจกันขอนอนพักผ่อนที่โรงแรม แต่ใครๆก็รู้ว่าพวกเขาอยากเดิน shopping แบบว่า เอาเงินมาแล้วไม่ใช้กลัวว่ามันจะเน่าหรือไงไม่รู้
- ยังสงสัยอยู่ว่าจะไป shopping กันที่ไหน เพราะ 'อุโมงค์ตลาดใต้ดิน' ที่ขายสินค้าราคาถูก พวกเสื้อผ้า, รองเท้า, เครื่องหนัง, กระเป๋าเดินทาง, นาฬิกา, เกมส์, ของที่ระลึกต่างๆ ถูกทางการสั่งปิดตั้งแต่ มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อจะสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน
- แต่ฉันจะไปดูหมีแพนด้า
- ที่เชียงใหม่บ้านเราก็มี ยังไม่เคยไปดูซักกะที เลยได้มาดูถึงถิ่นเลย
- อันเนื่องมาจากศูนย์เพาะพันธุ์แพนด้าอยู่นอกเมือง เสียเวลาเดินทาง ไกด์ก็เลยพาไปสวนสัตว์เฉิงตูแทน เลยได้ชมหมีแพนด้า 3 ตัว และ แพนด้าแดง อีก 1 ตัว
- แล้วก็ไปบริษัทขาย 'เป่า ฟู หลิง' หรือที่เราเรียกกันว่า 'บัวหิมะ' คนขายพูดไทยได้ด้วย
- ได้เวลากลับบ้าน
- สนามบินเฉิงตู ไกด์บอกว่าเป็นสนามบินที่เรื่องมากที่สุด security สุดๆ แค่ด่านแรกก็กันญาติพี่น้องที่มาส่งไม่ให้เข้าไปข้างในแล้ว แต่เป็นสนามบินที่สวยดี แต่สนามบินในเมืองจีนห้ามถ่ายรูป ก็เลยไม่มีรูปมาฝาก
- แถมท้ายก่อนขึ้นเครื่อง ยังมีร้านชื่อ 'Panda Room' มาดูดเงินเราอีก ทั้งร้านมีแต่ของที่ระลึกที่เป็นหมีแพนด้า ได้ shopping กันก็คราวนี้แหล่ะ

+ + + + + + + + + + + + + + + +




ปล. ติดตามชมภาพได้ใน 'เดินทางแสวงบุญ ณ แผ่นดินมังกร ๒ และ ๓' จ้า


Create Date : 25 เมษายน 2551
Last Update : 25 เมษายน 2551 11:12:00 น. 3 comments
Counter : 384 Pageviews.

 
โฮ้ยย ตามไปเที่ยวจ่ะ

เอารูปมาอวดบ้างสิจ๊ะ อยากดูรูปๆ ^^~


โดย: สะบะละเฮ่ยแจงแวง วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:11:25:10 น.  

 
อนุโมทนาการเดินทางแสวงบุญ


โดย: Zantha วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:14:59:20 น.  

 
ดีจ้ะ ไปเที่ยวด้วยไปทำบุญด้วย


โดย: พี่แหม่ม (Chulapinan ) วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:9:41:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าการเวกเสียงหวาน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สิ่งไหนยากกว่ากันระหว่าง
การหาคำตอบ
กับ
การพิสูจน์ว่าคำตอบ
ที่คนอื่นหามาได้นั้นถูกต้องหรือไม่
Friends' blogs
[Add เจ้าการเวกเสียงหวาน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.