Maybe I'm just a fool
I should keep to the ground,
I should stay where I'm at
Maybe everyone has hunger like this and the hunger will pass
But I can't think like that
: Flight - Craig Carnelia
Group Blog
 
<<
เมษายน 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
3 เมษายน 2548
 
All Blogs
 
[รีวิวละครบรอดเวย์] เมื่อวัสส์ไปดู Wicked (3)

เอาละค่ะ อู้มาพอแล้ว มาต่อละครเรื่อง Wicked องก์สองก็ได้ ^^" สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านที่วัสส์เล่าละครเรื่องนี้องก์แรก หาได้ใน Group Blog ละครเพลง...เพลงละคร อันแรกค่ะ

องก์สอง เปิดมาเมื่อเวลาผ่านไปที่เมืองมรกต เราเห็นกลินด้า ฟิเยโร่ และมาดามมอร์ริเบิลอยู่บนเวที เราได้รู้ว่าตอนนี้กลินด้ากลายเป็น Public Figure ของเมืองมรกตในฐานะ "Glinda the Good" และได้รู้ว่าฟิเยโร่เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าทหาร Guard ของเมือง ด้วยความหวังว่าจะตามหาตัวเอลฟาบาได้สำเร็จ ตอนนี้เอลฟาบากลายเป็นที่รู้จักและเกลียดชังกันในฐานะ The Wicked Witch of the West ไปแล้วค่ะ


กลินด้ากับฟิเยโร่บนเวทีที่หน้าตาเหมือนระเบียงอย่างบอกไม่ถูก ^^" และทรงผมกับคอสตูมก็... ใครรู้สึกเหมือนวัสส์ไหมคะว่านี่มันล้อเลียนเรื่องเอวิต้า ^^"


งานฉลองที่กำลังเกิดเปิดเผยเบื้องหลังออกมา เมื่อกลินด้าประกาศหมั้นกับฟิเยโร่แบบมัดมือชกโดยที่เขาก็ไม่รู้เรื่องมาก่อนเลย แต่เขาก็ไม่ได้ฉีกหน้ากลินด้า เขายังคงยืนอยู่บนเวที จนกระทั่งประชาชนเริ่มพูดกันเรื่องเอลฟาบา และว่าร้ายเธอต่างๆ นานา รวมทั้งบอกว่าจิตใจของเธอโสโครกจนกระทั่งถ้าสาดน้ำใส่เธอ เธอก็จะละลายไป มาถึงตอนนี้เองที่ฟิเยโร่ทนไม่ได้ เขาฉุดเธอลงมาจากเวที บอกอย่างเหลืออดว่าพวกชาวเมืองสมองกลวงจนใครพูดอะไรก็เชื่อกันไปหมด และถามเธอว่าเธอทนฟังคนว่าร้ายเอลฟาบา ทนการที่เพื่อนของเธอต้องมารับบาปแบบนี้ได้ยังไง

กลินด้าพยายามเถียงว่าเธอทำอะไรไม่ได้ เธอเป็นคนของประชาชน ฟิเยโร่บอกว่า ไม่ใช่เธอทำอะไรไม่ได้ แต่เธอชอบการเป็นจุดสนใจจนทนจะจากไปไม่ได้ และเธอก็รู้ว่าใครที่เลือกทำอย่างนั้น

กลินด้าพยายามแย้งว่าคนเราจะหยุดชีวิตไว้เฉยๆ ไม่ได้ เขาเองก็ตามหาเอลฟาบามานาน แต่ไม่เจอ เพราะเธอเป็นฝ่ายไม่อยากให้ใครตามพบ คำพูดของกลินด้าที่เหมือนจะบอกว่าเอลฟาบาไม่ต้องการเขาทำให้ฟิเยโร่เงียบไป เขาบอกเธอว่า เธอพูดถูก และถ้ามันจะทำให้เธอมีความสุข เขาก็จะแต่งงานกับเธอ แต่โดยที่เราไม่คาดคิด กลินด้ากลับถามขึ้นมาว่า แล้วเขาจะมีความสุขด้วยหรือเปล่า?

ฟิเยโร่อึ้งไปนิด แล้วเขาก็ฝืนยิ้มออกมา บอกว่าเธอก็รู้จักเขาดี เขามีความสุขอยู่เสมอนั่นแหละ จบคำเขาก็ผลุนผลันจากไป ทิ้งให้กลินด้ายืนอึ้งอยู่ตรงนั้น เพราะมาจนถึงตรงนี้ เห็นได้ชัดแล้วว่าทุกอย่างเป็นแค่หน้ากาก และฟิเยโร่ไม่เคยมีความสุขจริงๆ เลย

แต่กลินด้าก็ยังเป็นคนของประชาชน เธอฝืนยิ้ม โกหกทุกคนว่าเขาไปหาอะไรมาให้เธอดื่ม ก่อนจะกลับขึ้นไปบนเวที ร้องเพลงบอกกับทุกคนว่าเธอไม่มีทางมีความสุขมากไปกว่านี้อีกแล้ว แต่เสียงของเธอเริ่มสั่นคลอนและไม่มั่นใจ เธอร้องย้ำๆ เหมือนจะบอกตัวเองให้เชื่อว่าเธอมีความสุข แต่แล้วก็กลับจมลงไปในความคิด หลุดปากออกมาว่าการไปให้ถึงสิ่งที่ตัวเองฝันนั้นซับซ้อน บางทีก็ต้องแลกและเสียอะไรบางอย่างไป และเมื่อไปถึง บางทีอะไรก็ไม่เป็นเหมือนที่เคยคิดว่าเป็น

And if that joy, that thrill
doesn't thrill like you think it will...

Jennifer Laura Thompson เล่นได้ดีมากค่ะในฉากนี้ เราเห็นได้ว่าเธอกำลังปั้นหน้าหลอกคนอื่นทั้งๆ ที่ใจสลาย เธอรู้ว่าถึงตอนนี้เธอได้ฟิเยโร่มา ทั้งเธอและเขาก็ไม่มีความสุข แต่เธอหันหลังกลับไปไม่ได้อีกแล้ว เธอร้องเพลงเสียงสั่น

I couldn't be happier
Because happy is what happens
When all your dreams come true

และเธอก็ลดเสียง ก้มหน้าลง ถามตัวเองเสียงเศร้าๆ

Well, isn't it?

มาถึงตรงนี้เราแทบจะใจสลายแทนเธอเลยค่ะ ทั้งที่เธอทำให้เราหมั่นไส้มาตลอด

ฉากถัดไปพาเราไปที่มันช์กินส์แลนด์ บ้านเกิดของเอลฟาบา เราได้เห็นเอลฟาบากลับไปหาน้องสาว ได้รู้ว่าพ่อของเธอตายไปแล้วและเนสซาโรสขึ้นครองดินแดนแทน เนสซาโรสโทษเอลฟาบาวา่าทำให้พ่อตรอมใจตายด้วยความอับอายขายหน้าที่มีลูกอย่างเธอ และโทษว่าเธอมัวไปพยายามช่วยพวกสัตว์ แต่ไม่คิดช่วยเธอที่เป็นน้องสาวแท้ๆ ที่ติดอยู่บนเก้าอี้เข็นเลย เอลฟาบาเริ่มบอกว่าเธอทำอะไรไม่ได้ แต่ที่สุดก็นึกอะไรออกขึ้นมา เธอร่ายมนตร์ใส่รองเท้าทับทิมของเนสซาโรสที่พ่อเคยให้ไว้ ทำให้เนสซาโรสยืนได้เป็นครั้งแรกในชีวิต เนสซาโรสดีใจมาก เธอเรียกบ็อคออกมา

เมื่อบ็อคมาเห็นเอลฟาบา เขาก็พรั่งพรูความจริงออกมา เราได้รู้ว่าความรักของเนสซาโรสกลายเป็นความหลงใหลคลุ้มคลั่ง เธอริดรอนอิสรภาพของชาวมันช์กินส์ทุกคนไปเพื่อกักให้บ็อคอยู่กับเธอ ไปไหนไม่ได้ เขาบอกออกมาอย่างเกลียดชังว่าเนสซาโรสเองก็ชั่วร้ายพอๆ กับเอลฟาบา แต่เมื่อเขาได้รู้ว่าเนสซาโรสยืนได้ เขาก็ดีใจ บอกว่าเธอคงไม่ต้องการเขาแล้ว เขาบอกว่าเขาจะไปหากลินด้า และขอให้เธอเปลี่ยนใจจากฟิเยโร่ เนสซาโรสโกรธมาก บอกว่ามีแต่เธอเท่านั้นที่จะได้หัวใจจากเขา และเธอก็แย่งหนังสือเวทมนตร์จากเอลฟาบามา ร่ายมนตร์

มนตร์ที่เนสซาโรสร่ายอย่างผิดๆ ทำให้หัวใจของบ็อคค่อยๆ หดหายไป เธอตกใจมากและขอให้เอลฟาบาช่วยชีวิตบ็อคไว้ เอลฟาบาจึงทำในสิ่งเดียวที่เธอทำได้ตอนนั้น เพราะมนตร์ไม่สามารถย้อนกลับได้ เธอเปลี่ยนบ็อคเป็น Tin man เพื่อที่เขาจะอยู่ได้โดยไม่ต้องมีหัวใจ

เมื่อบ็อคตื่นขึ้นมา เขาทั้งตกใจและโกรธมากกับสิ่งที่เกิดกับตัวเอง เขาวิ่งออกไป และเนสซาโรสก็กรีดร้องตามหลังบ็อคไป โทษคนแรกที่เธอนึกออก คือพี่สาว ว่าเป็นคนสาปบ็อคให้เป็นแบบนี้ (และแล้วเอลฟาบาก็ตกเป็นแพะรับบาปอีกครั้ง - -")

เอลฟาบากลับไปที่เมืองมรกต เพื่อปล่อยพวกลิงมีปีกที่พ่อมดขังไว้ให้เป็นอิสระ ระหว่างที่เธออยู่ในห้องนั้นเอง พ่อมดก็มาเจรจากับเธอ เขาบอกว่าก่อนนี้เขาเพียงแต่ถูก carried away ไป และอยากจะเริ่มต้นใหม่กับเธออีกครั้ง กับเขา จะไม่มีใครว่าร้ายเธอ ทุกคนจะบอกว่าเธอ Wonderful เอลฟาบาตกลงด้วยเงื่อนไขว่าพ่อมดต้องปล่อยพวกลิงเป็นอิสระ พ่อมดก็ตกลง เขาเปิดกลไกให้ประตูเหล็กของกรงเปิดออก และพวกลิงก็บินออกมา

ในฉากนี้ นักแสดงที่เล่นเป็นลิง จะ "บิน" ออกมาเหนือหัวของคนดูเลยค่ะ ไม่ใช่แค่บนเวทีแต่โฉบออกมาเหนือที่นั่งในโรงละคร น่าตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจมาก เอลฟาบาดีใจมาก เธอวิ่งไปปล่อย "ลิง" อีกตัวที่หมอบมีผ้าคลุมคลุมปิดอยู่บนพื้น พ่อมดพยายามห้าม แต่ไม่ทัน เอลฟาบากระชากผ้าคลุมออก และเห็นว่าใต้นั้นคือด็อกเตอร์ดิลลามอนด์ อาจารย์ของเธอ เขาถูกพ่อมดจับมาขังไว้และทำให้กลายเป็นแพะที่พูดไม่ได้เสียแล้ว เพื่อปิดปากไม่ให้เขาพูดสิ่งที่รู้เกี่ยวกับแผนการร้ายของพ่อมด เธอได้รู้เช่นเห็นชาติพ่อมดอีกครั้ง และบอกว่าเขากับเธอไม่มีทางไปด้วยกันได้ พ่อมดจึงเข้าไปซ่อนหลังศีรษะพูดได้และร้องเรียกพวก Guard มา แต่คราวนี้คนที่นำพวกทหารเข้ามาคือฟิเยโร่...

เอลฟาบาดีใจมาก เธอร้องเรียกเขาและพยายามพูดด้วย แต่เขากลับเอาปืนจ่อและตวาดให้เธอเงียบ ก่อนจะไล่ให้พวกทหารไปเอาน้ำมา เราเห็นได้ว่าเอลฟาบาใจเสียกับท่าทีของเขา แต่เมื่อพวกทหารออกไป เขาก็หันไปขู่จะเปิดโปงพ่อมดแห่งออซแทน และสั่งให้เอลฟาบาหนีไป ระหว่างนี้เองที่กลินด้าเข้ามาเห็นเหตุการณ์ เธอพยายามห้ามฟิเยโร่ไม่ให้ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับพ่อมด แต่เขาไม่ฟัง และที่สุดเขาก็ตัดสินใจหนีไปกับเอลฟาบา การกระทำของเขาทำให้กลินด้าเจ็บปวดมาก รู้สึกว่าเพื่อนและคนรักร่วมมือกันทรยศเธอ และเธอก็ตัดสินใจด้วยอารมณ์วูบนั้นที่จะแก้แค้นเอลฟาบา ด้วยการบอกกับพ่อมดและมาดามมอร์ริเบิลที่เข้ามาว่าถ้าจะจับเอลฟาบา ก็ต้องปล่อยข่าวเกี่ยวกับเนสซาโรสเป็นเหยื่อล่อ เพราะเอลฟาบาไม่มีวันปล่อยให้น้องตกที่นั่งลำบาก

ในฉากเดียวกันนี้เองที่พ่อมดส่งขวดสีเขียวแบบเดียวกับที่เอลฟาบามีให้กลินด้า และบอกว่าให้เธอดื่มเครื่องดื่มในขวด มันจะช่วยคลายความเจ็บปวดลง แต่เมื่อกลินด้าออกไปจากห้อง เราก็ได้รู้ว่าพ่อมดกับมาดามมีแผนจะทำอะไรมากกว่าที่กลินด้าแนะ เมื่อมาดามบอกว่า แค่ข่าวลือคงไม่พอ การเปลี่ยนแปลงในสภาพอากาศสักเล็กน้อยจะช่วยได้


พ่อมดนั่งอยู่หน้าศีรษะพูดได้ด้วยความเจ็บใจที่ไม่สามารถควบคุมเอลฟาบา เขาวางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี


เมื่อกลินด้าออกมาอยู่คนเดียวแล้วนี่เอง เธอจึงคิดได้ว่าแท้จริงแล้วฟิเยโร่ไม่เคยรักเธอ เธอร้องเพลงเดียวกับที่เอลฟาบาเคยร้อง...I'm not that girl...ด้วยเสียงที่เศร้าจัด รับรู้ว่าเธอเป็นฝ่ายแพ้

ฉากถัดมาตัดมาที่ฟิเยโร่และเอลฟาบา ทั้งคู่หนีมาในป่า ร้องเพลงสารภาพรักกันและกันว่าขอแค่มีเวลาด้วยกันในตอนนี้ แม้จะไม่มีอนาคตก็ตาม เมื่อจบเพลงเอลฟาบาก็ทำท่าลังเล ทำให้ฟิเยโร่งงและถามว่าเกิดอะไรหรือ? เธอจึงกระซิบบอกอย่างเขินๆ ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอ Feel Wicked และทั้งคู่ก็จูบกัน ฉากตรงนี้น่ารักมากเลยค่ะ จนเราอดอมยิ้มตามไปไม่ได้ ช่างเล่นกับคำว่า Wicked ได้อย่างหวานน่ารักดีจริงๆ

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ซบกันอยู่และคุยกัน เอลฟาบาบอกว่าเธออยากจะสวยเพื่อเขา และบอกว่าฟิเยโร่ไม่ต้องมาปลอบว่าเธอสวย เพราะเธอรู้ตัวเองดี เขาจึงบอกว่าสำหรับเขาเธอสวยจริงๆ มันเป็นแค่การมองด้วยมุมมองที่ต่างออกไป แต่ขณะที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี เอลฟาบาก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง เธอรับรู้ด้วยพลังของเธอว่าเนสซาโรสกำลังมีอันตราย และรับรู้ว่ามีบ้านกำลังตกลงมาจากฟ้า เธอตกใจมาก และขอตัวไปช่วยน้องสาว ฟิเยโร่พยายามจะขอไปด้วย แต่เธอห้ามและบอกว่ามันอันตราย เขาจึงบอกว่าหลังจากนี้ให้เธอไปซ่อนที่ปราสาทของเขาที่เคียโม โค ซึ่งมีประตูลับ ช่องทางลับอะไรมาก เพราะเขาคิดว่าเธอจะปลอดภัยที่นั่น (มันอยู่ในแดนวิงกี้ค่ะ เฮียแกบอกว่าแกไม่ได้อยู่ที่นั่น และพอเอลฟาบาถามว่า อ้าว แล้วเขาอยู่ที่ไหน พี่แกก็ตอบหน้าตายมากๆ ด้วยเสียงแบบ ทำไมต้องถามด้วย? ว่า ก็ปราสาทอีกหลังนึงไง เอิ๊ก ขนาดเรื่องเครียดๆ อยู่คนดูเลยฮาไปอีกรอบ ช่างเล่นมุขเสียดสีไฮโซซะจริงๆ) และเอลฟาบาก็ผลุนผลันออกไป

ฉากถัดมาเราจึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเราถูกพามายังฉากในทุ่งที่มีบ้านหลังน้อยตกลงมาปักอยู่ กลินด้าอยู่บนเวที โบกมือลาโดโรธีที่ออกเดินทางไปตามถนนอิฐสีเหลือง (เราเห็นแต่ถนนแต่ไม่เห็นโดโรธี) ก่อนจะวางดอกไม้ไว้อาลัยให้เนสซาโรส เพราะมาดามมอร์ริเบิลใช้เวทมนตร์เรียกลมพายุ หอบเอาบ้านของโดโรธีตกลงมาทับเนสซาโรสจนตาย (จำได้ไหมคะ ฉากเปิดของเรื่องออซ ที่บ้านตกลงมาทับ Wicked Witch of the East และเหลือแต่รองเท้าทับทิมไว้ให้โดโรธีใส่ไป ตัวละครตัวนี้คือเนสซาโรสค่ะ เธอกลายเป็น Wicked Witch เพราะริดรอนอิสรภาพของชาวมันช์กินส์ไป และมันช์กินส์ก็อยู่ทางตะวันออก)

เอลฟาบามาถึงที่นี่เหมือนกัน และมื่อเจอกับกลินด้า ทั้งคู่ก็เริ่มถกเถียงกันอีกครั้ง เอลฟาบาโกรธที่กลินด้าปล่อยให้โดโรธีเอารองเท้าทับทิมของน้องเธอไป และเรื่องก็เริ่มลามไปยังเรื่องอื่น และกลายเป็นการเถียงกับเรื่องฟิเยโร่ ทีแรกทั้งคู่ก็เถียง ก่อนจะกลายเป็นด่ากันไปมา และควงไม้กวาดกับคทาเข้าตีกัน (กลินด้าควงคทาเป็นดรัมเมเยอร์เลยค่ะ เล่นเอาคนดูฮาก๊าก) เมื่อชุลมุนหนักเข้าก็กระโจนเข้าทั้งจิกทั้งตบกันเละกลางเวที ^^" (ให้ความรู้สึกฮากระจาย บวกคุ้นๆ เหมือนดูละครไทยอยู่อย่างบอกไม่ถูก) แต่ขณะที่ทั้งคู่กำลังตบกันนัวอยู่นั่นเอง ทหารก็กรูมารวบตัวเอลฟาบา ตอนนั้นเองที่ฟิเยโร่โหนเชือกเข้ามา (เห็นชัดว่าผู้สร้างอดไม่ได้ที่จะจิกกัดทาร์ซาน ดีที่คุณฟิเยโร่แกไม่โห่ด้วย ^^") และจ่อปืนใส่กลินด้า ใช้เธอเป็นตัวประกัน บังคับให้ทหารปล่อยเอลฟาบาไป และไล่เธอไปจนได้ แม้เธอจะบอกว่าจะไม่ไปโดยไม่มีเขา


เพื่อนรักที่กลายเป็นคู่แค้นเพราะเรื่องหัวใจ


และเมื่อเอลฟาบาไปแล้ว ฟิเยโร่ก็วางปืนลง และถูกจับ พวกทหารจับฟิเยโร่มัดติดกับกางเขน (ล้อเรื่องอะไรอีกนะเนี่ย ^^") สั่งให้เอาไปปักกลางทุ่ง ทรมานจนกว่าจะพูดว่าเอลฟาบาหนีไปอยู่ไหน กลินด้าพยายามห้าม แต่ไม่มีใครฟังเธอเลย

ไฟมืดลง และเราก็ได้เห็นเอลฟาบาที่ปราสาทของฟิเยโร่ เธอคุกเข่าอยู่หน้าเวที พยายามร่ายมนตร์ช่วยให้เขาไม่เจ็บไม่ตาย คร่ำครวญถึงเขา ร่ายจนในที่สุดก็ท้อแท้ กระแทกเสียงกับตัวเองว่าไม่เคยมีอะไรดีเกิดจากการร่ายมนตร์ของเธอเลย ทุกครั้งที่เธอตั้งใจดีไม่เคยเกิดผลดี เธอไม่เคยช่วยใครได้ ทุกคนที่เธอรักมีอันเป็นไปหมด อาจารย์ เนสซาโรส และสุดท้ายฟิเยโร่ เธอบอกว่าเธอจะไม่พยายามทำดีอีกแล้ว

ระหว่างนี้เองในเมืองมรกต พวกประชาชนก่อเป็นม็อบลุกฮือขึ้นตามล่าตัวเอลฟาบา โดยมีบ็อคซึ่งกลายเป็นมนุษย์ตะกั่วคอยปลุกปั่นด้วยความแค้น เขาบิดเบือนเรื่องราวต่างๆ ให้เอลฟาบากลายเป็นคนชั่ว บอกว่าการที่เธอช่วยลูกสิงโตเอาไว้ในชั้นเรียน โดยไม่ปล่อยให้มันปกป้องตัวเองทำให้สิงโตกลายเป็นสิงโตขี้ขลาด คราวนี้กลินด้าซึ่งยืนฟังอยู่กับมาดามมอร์ริเบิลเป็นฝ่ายทนฟังเรื่องโกหกไม่ได้ เธอพยายามจะร้องห้ามและบอกความจริงกับทุกคน แต่มาดามหยุดเธอไว้ และตอนนี้เองที่กลินด้าตระหนักความจริงว่ามาดามเป็นคนเรียกลมพายุ ฆ่าเนสซาโรสเพื่อล่อเอลฟาบามากำจัด วัสส์ชอบการจัดฉากตรงนี้นะคะ กลินด้ายืนอยู่บนหอบันไดหน้าเวทีทางซ้าย และบ็อคอยู่บนหอบันไดทางขวาโดยมีประชาชนอยู่ตรงกลาง ทั้งคู่เผชิญหน้ากันโดยมีคนพวกนั้นเป็นเดิมพัน แต่สุดท้ายกลินด้าก็ถูกมาดามมอร์ริเบิลหยุดไว้ และจำต้องปล่อยให้พวกม็อบออกไปตามล่าเอลฟาบา

ฉากถัดมาตัดกลับมาที่ปราสาท เอลฟาบาจับตัวโดโรธีพามาที่นี่เพื่อจะเอารองเท้าทับทิมของน้องสาวคืน วัสส์ชอบการเล่าเรื่องตรงนี้อีกเหมือนกันค่ะ เพราะเขาไม่ต้องใช้นักแสดงเล่นเป็นโดโรธีเลย เราได้ยินแค่เสียงร้องไห้จ้าของโดโรธีดังมาจากนอกเวที โดยมีเอลฟาบาเดินเป็นหนูติดจั่นแบบประสาทเสียอยู่บนเวที (นึกภาพออกไหมคะ แบบฟังเด็กร้องไห้ ปลอบเท่าไรก็ไม่หยุดจนตัวเองสติแตก ^^") เธอกรี๊ดออกมาให้โดโรธีหยุดร้องไห้ บอกว่าถ้าอยากกลับบ้านไปหาป้าก็เอารองเท้าทับทิมคืนมาให้เธอสิ และด่าโดโรธีว่าโตมาในโรงนาหรือไงถึงเที่ยวขโมยรองเท้าคนตาย? (ตรงนี้ก็ฮาไปอีกรอบ เพราะโดโรธีเป็นเด็กชาวไร่ชาวนาจริงๆ ด้วย ^^") ดูแล้วก็แอบเห็นใจเอลฟาบานิดๆ ในมุมมองของเธอนี่ยัยหนูโดโรธีคงเป็นเด็กนรกส่งมาเกิดแหงๆ ^^"

ตอนนี้เองที่กลินด้าตามมาถึงที่นี่เพื่อดักหน้าพวกม็อบ เธอขอให้เอลฟาบาปล่อยโดโรธีไป แต่เอลฟาบาไม่ยอม ขณะที่ทั่งคู่เถียงกันไปมา ลิงมีปีกซึ่งตามมาอยู่กับเอลฟาบาก็เอาจดหมายฉบับหนึ่งมาส่งให้เธอ เธออ่านจดหมาย สีหน้าเปลี่ยนไป และเมื่อถูกถามว่าเป็นข่าวฟิเยโรหรือเปล่า เธอก็กับกลินด้าเรียบๆ ว่าเราได้เห็นหน้าฟิเยโร่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ขณะที่กลินด้ากำลังตกใจและเสียใจจัดนั้นเอง เอลฟาบาก็บอกว่าเธอยอมแพ้ เธอไล่กลินด้าให้หนีไปเสียก่อนม็อบจะมาถึง (เอ คุ้นๆ มั้ยคะเนี่ยว่ามันเหมือนเรื่องอะไรอีก เพราะวัสส์รู้สึกเหมือนมันล้อ Phantom พิกล ^^") เธอสั่งให้กลินด้าสัญญาว่าจะไม่พยายามกู้ชื่อเสียงให้เธอ เพราะคนจะหันมาต่อต้านกลินด้า ส่งหนังสือเวทมนตร์ให้ และร้องเพลงบอกให้เธอช่วยทำทุกอย่างแทนอย่างเศร้าๆ

I'm limited...
Just look at me. I'm limited
And Just look at you, you can do all I couldn't do, Glinda...

ทั้งคู่ร้องเพลงลากัน พูดถึงมิตรภาพที่ทำให้แต่ละฝ่ายเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น และเอลฟาบาก็หิ้วถังน้ำขึ้น ไล่กลินด้าไป ลิงวิ่งมาปิดม่าน เราเห็นเงาม็อบที่มาถึง เงาโดโรธีสาดน้ำใส่เอลฟาบาและเงาของเอลฟาบาที่หดลงกับพื้นและหายไป กลินด้าซึ่งซ่อนตัวอยู่หน้าม่านเปิดม่านออกมา ไม่มีอะไรเหลือ นอกจากหมวกที่เอลฟาบาเคยใส่ และขวดสีเขียวที่เธอบอกว่าเป็นของดูต่างหน้าแม่

กลินด้าถือขวดกลับไปหาพ่อมดแห่งออฃ และโชว์ขวดนั้นให้ดูเพราะจำได้ว่าเคยเห็นขวดอย่างเดียวกันตอนที่พ่อมดเอาเครื่องดื่มให้เธอ เธอเล่าอย่างที่เอลฟาบาเคยเล่าเกี่ยวกับของต่างหน้าแม่ พ่อมดจึงรู้ว่าที่แท้เอลฟาบาเป็นลูกสาวของเขา และเขาฆ่าลูกสาวตัวเองไป ความที่เธอเป็นเด็กที่เกิดจากทั้งสองโลกนั้นเองทำให้เธอมีพลังอำนาจผิดปกติ เขามองดูขวดในมือ รำพึงคำเดิมที่เคยบอก ว่าเขาอยากจะเป็นพ่อคนสักครั้ง และเมื่อกลินด้าบอกให้เขาไปจากออซ เขาก็ยอมจากไปแต่โดยดีเหมือนคนใจแตกสลาย กลินด้าซึ่งตอนนี้ขึ้นมามีอำนาจแทนสั่งให้ทหารจับมาดามมอร์ริเบิลไปเข้าคุก

ฉากสุดท้าย เราหวนกลับไปยังช่วงแรกของเรื่อง ทุกคนเฉลิมฉลองที่แม่มดร้ายแห่งทิศตะวันตกตายไป แต่คราวนี้เราได้เห็นความเศร้าในใจของกลินด้า เรื่องเหมือนจะจบลง ไฟที่จับประชาชนชาวออซอยู่มืดลง แต่แล้ว...ไฟก็จับไปที่หุ่นไล่กาซึ่งวิ่งออกมา ทุบที่พื้นเวทีปังๆๆๆ ร้องว่า It worked!

และช่องลับที่พื้นก็เปิดขึ้น เอลฟาบาปีนออกมา เธอโผเข้ากอดหุ่นไล่กา ร้องเรียกชื่อว่า ฟิเยโร่!

ด้วยเวทมนตร์ เอลฟาบาช่วยชีวิตฟิเยโร่ไว้ได้สำเร็จ แม้มันจะเปลี่ยนเขาเป็นหุ่นไล่กา และใช้แผนแกล้งตายเพื่อหนีออกไปจากดินแดนออซกับเขา เธอลูบหน้าฟิเยโร่ และเขาก็ปลอบเธอว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว และช่วยชีวิตเขาไว้ได้ เอลฟาบาว่าบอกว่าเขายังสวยงามอยู่ เมื่อฟิเยโร่บอกเธอว่าไม่ต้องโกหกเขา เธอจึงบอกด้วยคำเดียวกับที่เขาเคยบอก ว่าเธอไม่ได้โกหก มันแค่เป็นการมองด้วยมุมมองที่ต่างออกไป

เอลฟาบาและกลินด้าร้องเพลงลากันโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ บอกว่าตัวเองเป็นคนดีขึ้นเพราะได้เจอกันและกัน และเอลฟาบากับฟิเยโร่ก็พากันเปิดประตูที่ใจกลางนาฬิกา หายลับออกไปท่ามกลางเสียงเพลงฉลองของชาวออซ

ความจริงเมื่อมาคิดดู ละครเคยใบ้เรามาแล้วครั้งหนึ่ง ว่าเอลฟาบาจะตายเพราะโดนสาดน้ำใส่ไปไม่ได้หรอก จำได้ไหมคะตอนที่ฟิเยโร่ฟังชาวเมืองพูดเรื่องเธอจะละลายถ้าโดนน้ำแล้วร้อง What? หลังจากนั้นก็สาดเสียงใส่กลินด้าว่าพวกประชาชนหัวกลวงจนบอกเรื่องบ้าๆ อะไรไปก็เชื่อได้ลงคอทั้งนั้น

งืม ^^" คนดูก็หลงเชื่อว่าเธอละลายไปจริงๆ เยอะละค่ะ สรุปแล้วโดนฟิเยโร่ด่า(ล่วงหน้า)ว่าหัวกลวงกันไปค่อนโรง เอิ๊ก

ละครเรื่องนี้โครงเรื่องใช้ได้นะคะ โปรดัคชั่นดี ฉากสวยมากกกกก การออกแบบฉาก แสงสี คอสตูมนี่วัสส์ยกให้เลยค่ะ งามยอด (สิ่งที่ประทับใจที่สุดในเรื่องนี้คือฉาก ให้ไปเลยร้อยคะแนนบวกบวกบวก) ความอลังการงานสร้างในการโชว์เยี่ยม การเต้นรำไม่มีที่ติ นักเต้นของละครเรื่องนี้เก่งมาก

ที่เด่นอีกอย่างในเรื่องคือมุขค่ะ ยิงกันกระจายไม่หยุดหย่อน แต่ต้องยอมรับว่าการเดินเรื่องนั้นปรับอารมณ์ได้ไว ตรงไหนที่เครียดหรือซึ้งก็ปรับกลับมาได้ทันที ไม่ได้ปล่อยให้อารมณ์อื่นจมหายไปในเสียงหัวเราะ เป็นอีกอย่างที่ละครเรื่องนี้ทำได้ดี

แต่ถ้าถามถึงความประทับใจ วัสส์กลับเฉยๆ ค่ะ อาจจะเพราะวัสส์ดูละครเพลงที่ "เพลง" และวัสส์คิดว่าเพลงละครเรื่องนี้มีลักษณะเป็นเพลงป็อบที่เฉยมากๆ ไม่ติดหูวัสส์เลย ไม่ได้เพราะและเด่นเป็นพิเศษ เนื้อร้องก็ไม่ได้กินใจอะไรมากมายแม้ในส่วนที่น่าจะกินใจได้ ^^" วัสส์ไม่ได้มีปัญหากับละครเพลงป็อบนะคะ มีหลายเรื่องที่วัสส์ฟังแล้วชอบ แต่เพลงเรื่องนี้ในความรู้สึกวัสส์มันแบบป็อบกลวงๆ มากจริงๆ คะแนนของเรื่องเลยลดวูบ และรู้สึกว่าเป็นละครที่ดูหนเดียวก็พอแล้ว ไม่ได้ทำให้อยากกลับไปดูแล้วดูอีกอย่าง Phantom นักแสดงนั้นการแสดงก็โอเค ร้องเพลงโอเค แต่ทั้งการแสดงและเสียงไม่มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกขนลุก ละลาย หรืออยากกรี๊ดอีกนั่นแหละ ^^"

สำหรับละครเรื่องนี้ วัสส์ได้ลายเซ็นนักแสดงมาค่ะ แม้จะคนเดียว แต่ก็เป็นตัวเอก คือ Saycon Sengbloh ซึ่งในรอบที่วัสส์ดูเล่นเป็นเอลฟาบา ความจริงวัสส์แอบขี้โกงนิดๆ เพราะคนอื่นหลังออกจากโรงเขาก็ไปยืนโต้ลมหนาวอยู่ที่ Stage Door แต่วัสส์หนีไปหาอะไรกินก่อนแล้วถึงกลับมา ฮ่า ยังไม่มีใครออกมาเลยค่ะ

ในที่สุดก็มีหน่วยกล้าตายแอบแง้มประตูโผล่เข้าไปดู ได้ผลค่ะ เธอเจอะเข้ากับ Saycon พอดี นักแสดงของเราก็ดีใจหาย เธอตามออกมาแจกลายเซ็นให้ทั้งที่อากาศก็แสนจะหนาว ตัวจริงของเธอน่ารักมากเลยค่ะ เป็นคนผิวดำที่สวยทีเดียว (ผิวเธอสีประมาณ Milk Chocolate) ตาโต รวบผมเรียบตึงไปข้างหลัง ใส่ตุ้มหูห่วงอันใหญ่ สวมเสื้อโค้ตสีชมพูอมแดงๆ เพนท์เล็บสีเขียว (เดาว่าต้องเพนท์ตามบทอยู่แล้ว) สรุปแล้วน่ารักปิ๊งป๊างกว่ารูปใน Playbill มาก เสียดายที่วัสส์ลืมกล้องไว้ที่บ้านไม่งั้นจะขอให้ใครถ่ายรูปคู่กับเธอให้ T-T

เธอบอกขอบคุณทุกคนที่อยู่รอ แล้วว่าวันนี้หนาวมากเลยไม่มีใครออกมากัน หลบอยู่ข้างในรอเล่นรอบต่อไปกันหมด แล้วคุยต่อไปว่านี่เป็นรอบแรกเลยค่ะที่เธอขึ้นเวทีเล่นเป็นเอลฟาบา เพราะก่อนนี้ละครเรื่องนี้เพิ่งจะเปลี่ยน Cast และเธอก็เพิ่งมาสแตนด์บายสำหรับบทนี้ เธอบอกว่าเธอตื่นเต้นจนสั่นไปหมดเลย (มาถึงตรงนี้วัสส์ก็ถึงบางอ้อว่าทำไมองก์แรกเธอดูเกร็งๆ แต่เธอเล่นดีขึ้นกว่านั้นมากเลยค่ะในช่วงท้ายขององก์แรกและตลอดองก์สอง) แล้วเธอก็คุยเรื่องตอนที่ถูกติดต่อให้มาเล่นเรื่องนี้

สำหรับคนที่เพิ่งเล่นเป็นรอบแรก เธอแสดงได้เยี่ยมมากเลย นอกเวทีก็ยิ้มแย้มเป็นมิตร และการพูดจาอะไรก็ Nice ด้วย ประทับใจค่ะที่ได้คุยกับเธอ ^^ และหวังว่าเธอจะประสบความสำเร็จกับอาชีพนักแสดง


นี่คือ Playbill ที่มีลายเซ็นของเธอค่ะ


ปล. วันนี้วัสส์อัพบล็อกละครสองบล็อก อีกบล็อกเป็นเพลงจาก Miss Saigon คลิกเข้าไปฟังได้นะคะ


Create Date : 03 เมษายน 2548
Last Update : 22 กรกฎาคม 2548 23:14:37 น. 2 comments
Counter : 5068 Pageviews.

 
สุดยอดมากค่ะ อธิบายละเอียดยิบ ติมอ่านไปยิ้มไปเลยค่ะ


โดย: itims วันที่: 24 ตุลาคม 2550 เวลา:14:57:51 น.  

 
สนุกมากเลยค่ะ อธิบายเเบบเห็นภาพเลยค่า ขอบคุณมากนะคะ :D


โดย: min IP: 61.90.70.185 วันที่: 12 ธันวาคม 2557 เวลา:19:56:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

วัสส์
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]






ฝากนิยายแปลเล่มล่าสุดด้วยนะคะ Dexter Is Delicious ออกกับแพรวสำนักพิมพ์ค่ะ


Friends' blogs
[Add วัสส์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.