Maybe I'm just a fool
I should keep to the ground,
I should stay where I'm at
Maybe everyone has hunger like this and the hunger will pass
But I can't think like that
: Flight - Craig Carnelia
Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
20 กันยายน 2548
 
All Blogs
 

รอยใจในม่านฝน

สำนักพิมพ์แจ่มใส



ไม่มีอะไรอีกแล้ว ที่สวยงามกว่าท้องฟ้าใสสว่าง โดยเฉพาะ...หลังฝนพรำ...



จำนวนหน้า 152 หน้า
ราคา 119 บาท

*****

‘ธัญมาส’ หญิงสาวสวยผู้ดูเผินๆ เหมือนแสนจะเพียบพร้อม หากใครจะรู้ ความเจ็บแค้น โกรธเคือง ปวดร้าว ฝังแน่นอยู่ภายในจนขมวดเป็นเกลียวปม ทำให้ดวงใจเหมือนตกอยู่ในม่านฝนที่แสนเลือนราง

‘มารค’ ชายหนุ่มผู้มีจิตใจงามพร้อม เขาพร้อมจะเผื่อแผ่และแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ให้คนอื่นรอบตัวอยู่เสมอ หากเมื่อพบเข้ากับปัญหาที่ทำให้เขาต้องตัดสินใจเลือกระหว่างความดีงามและความรู้สึกของตัวเอง เขาจะทำอย่างไร

เมื่อทั้งสองมาพบเจอและต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกัน คนสองคนที่แสนเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า และบอบช้ำ จะสามารถเยียวยาซึ่งกันและกันได้หรือไม่ มาร่วมติดตามว่าบทสรุปของการเดินทางครั้งนี้จะจบลงอย่างไร

*****

Author's Talk

รอยใจในม่านฝนเป็นเรื่องรักแนวท่องเที่ยวภาคเหนือ (ลำปาง-เชียงใหม่) ความบางของเรื่องซึ่งพยายามไม่ให้ยาวมากเพราะตีพิมพ์เป็นหน้าใหม่ในนิตยสารทำให้เล่นประเด็นอะไรไม่ได้มากนัก แต่ผู้เขียนก็พยายามสอดแทรกข้อคิดและเรื่องราวปัญหาครอบครัวพอกระเส็็นกระสาย คู่พระนางเป็นตัวละครที่มีปมปัญหา และปัญหาของทั้งสองสะท้อนกันและกัน ทำให้ต่างฝ่ายต่างเห็นมุมมองที่ตัวเองไม่เคยเห็นและเข้าใจมาก่อน

นิยายเรื่องนี้รอพิมพ์อยู่นานเกือบปี ตั้งแต่ลงเป็นตอนๆ จบในกุลสตรี กว่าจะออกมาเป็นรูปเล่มในที่สุดกับทางแจ่มใส สำหรับเล่มนี้คนเขียนเปลี่ยนนามปากกาเป็น ชลาริน ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องสำนักพิมพ์ค่ะ

เบื้องหลังการเขียนเรื่องนี้เหมือนเป็นบันทึกความทรงจำของคนเขียนด้วย ส่วนใหญ่เป็นประสบการณ์สมัยทริปไปเที่ยวเหนือกับพวกเพื่อนๆ จากหลายสถาบันที่ได้มาฝึกงานด้วยกันตอนยังเรียนสถาปัตย์ (โดยมีอาจารย์เจ้าของออฟฟิศเป็นสปอนเซอร์) สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ที่เขียนไว้ ก็คือที่ไปมาจริง ที่พักที่ลำปางก็ไปพักบ้านเพื่อนจริงๆ ตื่นมากินปาท่องโก๋ยังจริงเลย (ฮา) สรุปแล้วขุดประสบการณ์ตัวเองมาเขียนทั้งดุ้น ที่ตัดออกก็แค่พวกทริปดูงานสถาปัตย์เท่านั้นเอง แล้วก็ที่ได้มีโอกาสไปไหว้อาจารย์ศิริชัยที่บ้าน อาจารย์ใจดีมากๆ ค่ะ ใจหายมาก...ตอนที่รู้ว่าอาจารย์จากโลกนี้ไปแล้ว

โดยส่วนตัว เป็นคนหลงเสน่ห์เมืองเหนือนะ เป็นพวกบ้าภูเขามากกว่าทะเล ชอบต้นไม้สูงๆ ชอบวัดสวยๆ อากาศดีๆ ก็เลย...นั่นแหละ กลับมาแล้วตั้งใจว่าจะต้องเขียนเป็นนิยายให้ได้ แล้วจะเอามาลงเวบให้ใครๆ ได้ไปเที่ยวกับเรามั่ง

ตั้งใจ๊ ตั้งใจ...ผ่านไปสองปีถึงได้ลงมือเขียนจริงๆ จังๆ (เอิ๊ก) เขียนๆ อยู่นี่ไม่เคยคิดสักนิดว่าจะได้ลงนิตยสาร แบบเหนือความคาดหมายมากนะเนี่ย รวมเวลาเขียน เวลาลง เวลารอพิมพ์ ก็ผ่านมา...เอ่อ ไม่บอกดีกว่าว่ากี่ปี ^^"

ขอบคุณต้นแบบที่เราฉกนิสัยมาเขียน ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ และน้องจาก มช. มากๆ ที่พาเที่ยวลำปางและเชียงใหม่ ประทับใจจริงๆ นะ

ขอบคุณอาจารย์ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ ที่ให้โอกาสเด็กฝึกงานตัวเล็กๆ (มั้ง) อย่างพวกเราไปเปิดหูเปิดตา และกระชับสัมพันธ์ระหว่างสถาบัน ถึงแม้มาจนบัดนี้ ไม่ได้ใช้ความรู้ที่ได้รับจากอาจารย์ไปประกอบวิชาชีพ แต่ยังนึกขอบคุณเสมอค่ะ ถ้าไม่มีอาจารย์ คงไม่มีหนังสือเล่มนี้ออกมาให้ใครอ่านแน่

ขอบคุณทุกๆ คนที่มีส่วนช่วยให้เรื่องนี้ได้ออกสู่สายตาสาธารณชน

ขอบคุณคนอ่าน

ขอบคุณมากๆๆ เลยค่ะ (และแล้วบล็อกนี้ก็ท่วมไปด้วยคำขอบคุณแฮะ)

*****

Excerpt



....

เสียงฝีเท้าม้าลากรถวิ่งเหยาะเบาๆ ไปตามถนนที่ค่อนข้างเงียบในยามเช้าของเมืองลำปางดังสลับกับเสียงยวดยานที่แล่นผ่านไป ทว่าคนในรถกลับนั่งเงียบอยู่เป็นครู่ ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นขึ้นมาก่อน หล่อนหันไปมองคนนั่งข้าง เรียวปากบางแย้มยิ้มออกจางๆ ยามที่เอ่ยคำ

“พี่มาร์คมีอะไรจะพูดกับฟ่างหรือคะ ถึงเจาะจงจะนั่งมากับฟ่างแบบนี้น่ะ หรือว่า...เรื่องเมื่อคืน?”

แววตาที่สบมานั้นเจือรอยรู้ทันอย่างที่ทำให้คู่สนทนาถอนใจ เขายิ้มออกมาแกนๆ พลางพึมพำคำ ‘ก็รู้นี่’ แล้วจึงล้วงหยิบบางอย่างในกระเป๋าเสื้อออกมาไว้ในมือ ทว่าเขาก็ยังคงถือมันไว้อย่างนั้นยามที่สายตาคมคู่นั้นเบนมามองธัญมาส ถามด้วยเสียงนุ่มนวล

“เป็นไงมั่ง เช้านี้”

“ก็เรื่อยๆ แหละค่ะ”

หญิงสาวบิดริมฝีปาก ยักไหล่ขึ้นเหมือนจะแทนความหมายว่าไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่านั้น และมารคก็นิ่งไปนิด ก่อนที่เขาจะแก้คำถามใหม่ ระมัดระวังกว่าเดิม

“แล้ว...เมื่อคืน?”

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ก็แค่...เจอพ่อ ฟ่างไม่ได้รังเกียจที่จะพบเขา”

ธัญมาสบอกออกมา “ก็เหมือนที่ฟ่างพูดไปแล้ว ที่ฟ่างไม่อยากเจอก็...ผู้หญิงคนนั้น แค่เห็นหน้าฟ่างก็ไม่อยากเห็นแล้ว ฟ่างไม่อยากไหว้ ไม่อยากยอมรับ...”

สายตาคู่นั้นเบนมา จับที่มือของมารคที่ยังกำอะไรบางสิ่งไว้หลวมๆ และหล่อนก็ถามออกมาอย่างสงสัย

“อะไรหรือคะนั่น เห็นพี่หยิบออกมาเมื่อกี้”

วิศวกรหนุ่มขยับตัวคล้ายจะรู้สึกอึดอัด เขาไม่ได้ตอบในทันที หากเคลื่อนมือ และยัดกระดาษเล็กๆ แผ่นนั้นใส่มือหล่อน บอกด้วยถ้อยสั้นที่ไม่ให้ความกระจ่างเลยแม้แต่นิดเดียว

“นามบัตร”

“นามบัตร?”

ธัญมาสทวนคำพลางมองนามบัตรแผ่นเล็กที่อยู่ในมืออย่างฉงน หากเมื่อหล่อนเห็นชื่อที่อยู่บนนั้น มือบางก็กดเข้าเหมือนอยากขยี้ทิ้ง...ทว่าก็ไม่อาจตัดใจทำได้ เสียงเอ่ยหนัก เข้ม

“ฟ่างไม่อยากได้”

“พ่อฟ่างเขาฝากบอกมากับพี่ว่าเขาจะรอโทรศัพท์ฟ่างนะ ถ้าฟ่างเปลี่ยนใจ...อยากจะคุยกับเขา”

หญิงสาวเพียงทำเสียงบางอย่างในคอ แววตาที่ฉายขึ้นนั้นบอกถึงทิฐิจัดยามที่หล่อนสูดหายใจ เค้นคำ

“มาถึงตอนนี้แล้ว จะคุยไปเพื่ออะไรคะ การกระทำแบบนั้นมันจะช่วยอะไร เปลี่ยนอะไรได้? ทุกอย่างมันก็ยังเป็นอย่างที่มันเป็นมาแล้วอยู่ดี แล้วพ่อก็ยังเลือกผู้หญิงคนนั้น...”

“ถ้าฟ่างจะพูดอย่างนั้นมันก็คงใช่ การพูดคุยมันเปลี่ยนอดีตไม่ได้หรอก ที่มันจะเปลี่ยนได้ก็แค่มุมมองในใจเรา”

มารคยกมือขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตั้งท่าเตรียมจะค้าน เขาขัดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน หากก็เข้มในความตั้งใจและความหมายจนหล่อนต้องหยุดฟังต่อ

“พี่ไม่ได้บอกว่าถ้าฟ่างโทรไปคุยจะดีกว่า พี่ไม่ได้เข้าข้างใคร พอใจไหม? เรื่องอย่างนี้ให้คนอื่นมาตัดสินให้ไม่ได้หรอก คนที่จะรู้ดีที่สุดคือตัวฟ่างเองว่าอะไรดีที่สุด ถ้าฟังอะไรในตอนนี้ใจฟ่างจะรับได้ไหม จะเปลี่ยนอะไรได้ไหม จะมีอะไรดีขึ้นได้หรือเปล่า นั่นมันเป็นคำถามที่ฟ่างต้องถามตัวเองต่างหาก...ถามแล้วคิดดีๆ ใช่ หรือว่าไม่ ฟ่างเองที่รู้ดี...คนเดียว”

กับคำย้อนนั้น ธัญมาสทำได้เพียงนิ่งเงียบ หล่อนเบือนสายตาออกไปนอกรถม้า ถอนใจออกมา หากที่สุด หล่อนก็สอดนามบัตรนั้นเข้าในกระเป๋าโดยไม่ตอบรับหรือปฏิเสธว่าจะยอมทำอะไรต่อไปหรือไม่ หล่อนเพียงมองสบตามารค พลางว่าด้วยเสียงปนเหน็บ

“พี่มาร์คคิดว่าถ้าฟ่างพร้อมจะฟังพ่อ มันจะทำให้ฟ่างมองอะไรได้เปลี่ยนไปจากนี้หรือคะ ความจริงก็ยังเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ แล้วถึงความจริงจะมีหลายด้าน ด้านของฟ่างมันก็ยังเจ็บ...อยู่ดี”

“พี่รู้ และการมองข้ามด้านที่เจ็บของตัวเองนั่นแหละที่มันยากที่สุด ใช่ไหม?”

ดวงตาที่มองตรงเข้ามาในตาหล่อนมีแต่ความเข้าใจ และที่สุดคนพูดก็เปิดยิ้ม เอ่ยออกมาด้วยเสียงแกมเศร้า

“แต่ถ้าไม่ลอง เราก็คงไม่มีวันรู้ว่าเราจะเห็นอะไร ถ้าเราไม่ยอมมองให้พ้นไปตั้งแต่แรก เราก็คงมองอยู่แต่ด้านนั้น เจ็บอยู่อย่างนั้นตลอดไป พี่ว่า...มันทรมานเกินไปนะ ไม่ว่าสำหรับใครก็ตาม”

“นี่พี่มาร์คจะไม่ยอมให้ใครวิ่งหนีปัญหาเลยหรือคะ? ตัวพี่เองคงจะพุ่งเข้าจัดการกับปัญหาทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาโดยไม่หลบเลยสิ”

กับคำถามนั้น...แววตาของมารคเหมือนจะมีรอยเจ็บร้าวเจือขึ้นจางๆ ก่อนจะลบไปในอึดใจถัดมา เขาเบือนหน้าหนี พึมพำออกมาด้วยเสียงเนือยลง

“พี่ไม่ได้เก่งกล้าสามารถขนาดนั้นหรอก หลายครั้งเหมือนกันที่พี่วิ่งหนี ที่พยายามผลักปัญหาให้ไกลออกไปจากตัว จนถึงทุกวันนี้...บางทีพี่ก็ยังอยากทำ แต่ทุกครั้ง ปัญหามันก็ยังตามมาถึง มันเหมือนยืดเวลาของความเจ็บออกไปอีก... ถึงจะผลัดเวลาเผชิญหน้ากับแผลของตัวเองออกไปได้ ปฏิเสธที่จะไม่มอง ก็ไม่ใช่ว่ามันจะหายไป...”

คนพูดเงียบไปชั่วครู่ และดวงตาคมนั้นก็หลุบลง...คล้ายจะครุ่นคิด สะเทือนใจ

“ปัญหาบางอย่างมันอยู่ที่ใจเรา ถ้าตัดใจตัวเองไม่ได้ ทำใจให้ยอมรับความจริงไม่ได้ จะวิ่งไปไกลถึงไหนมันก็เท่านั้น แต่ถึงรู้อย่างนั้น...มันก็ไม่ใช่ว่าพี่จะทำได้ สมองกับหัวใจมันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน พี่ถึงไม่กดดันให้ฟ่างทำอะไร เพราะฟ่างเองคนเดียวที่จะตอบได้ว่าตอนนี้ใจของฟ่างยอมรับเรื่องราวอะไรได้มากน้อยแค่ไหน”

“แล้วพี่มาร์คละคะ ตอบตัวเองได้หรือยัง...กับปัญหาของตัวเองที่พี่ว่า?”

“ครึ่งหนึ่งละมัง?”

มารคเอ่ยออกมาแกมหัวเราะ...คล้ายจะพูดเล่น หากร่องรอยบางอย่างในน้ำเสียงบอกถึงความจริงที่ทำให้ธัญมาสต้องเงียบไป เป็นครู่...กว่าที่หล่อนจะพึมพำคำถามออกมาอย่างอดไม่ได้

“แต่พี่ก็ทำเหมือนกดดันพี่ไพน์ไม่ใช่หรือคะ? พี่เคยบอกว่าไม่อยากให้พี่ไพน์วิ่งหนีปัญหา”

อีกฝ่ายเหมือนจะอึ้งกับถ้อยนั้น นาน...กว่าที่เขาจะหัวเราะออกมาเบาๆ พึมพำลอยๆ เหมือนปรารภ

“คงเป็นความเห็นแก่ตัวของพี่เองน่ะ อยากให้ทุกอย่างมันง่าย...”

....





 

Create Date : 20 กันยายน 2548
3 comments
Last Update : 3 พฤษภาคม 2550 12:01:52 น.
Counter : 1204 Pageviews.

 

ปกสวย สีสดใสดี

 

โดย: แนน IP: 203.150.233.178 23 กันยายน 2548 11:03:53 น.  

 

อ้าววว พี่วัสส์เองหรอคับ
ยูไม่รู้เลยนะเนี่ย เข้าไปคอมเม้นที่หน้าหนังสือของแจ่มใสด้วย
อุดหนุนแน่ๆคร้าบ ไม่ต้องห่วง
ว่าแต่ ทำไมเปลี่ยนนามปากกาอ่ะครับ ไม่ใช้ วัสส์ - วัสส์วราแล้วหรอคับ?

 

โดย: qu-up IP: 61.91.150.56 28 กันยายน 2548 9:09:17 น.  

 

ไม่รู้ว่าเป็นของพี่วัสส์ สงสัยต้องไปตามหาซะแล้ว

 

โดย: pumpam IP: 58.10.102.179 22 มีนาคม 2549 11:03:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


วัสส์
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]






ฝากนิยายแปลเล่มล่าสุดด้วยนะคะ Dexter Is Delicious ออกกับแพรวสำนักพิมพ์ค่ะ


Friends' blogs
[Add วัสส์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.