ลองเขียนดู
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
4 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 

เรื่องของเรื่อง




ผมไปเที่ยวเขมรมาก็เลยอยากเขียนเรื่องให้เพื่อน ๆ อ่าน คำพูดอาจดูหยาบ เพราะอ่านกันใน web ของเพื่อนวิศวะด้วยกัน
ความตั้งใจเที่ยวเขมรครั้งนี้เนื่องจากฟังวิทยุ 96.5 FM ตอนบ่าย 2 แล้วได้ยิน อาจารย์วีระ โฆษณาว่าจะมี อ. สุเนตร ชุตินธรานนท์ จะมาร่วม tripเป็นผู้บรรยายพิเศษด้วยก็นึกอยากไปทันที เพราะติใจตอนฟังเทปแกบรรยายเรื่อง ไทยรบพม่า เนื่องจากแกเป็นผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์ แม้ว่าราคา 24000 ต่อคน(5 วัน 4 คืน เดินทางโดยรถยนต์) เมื่อเทียบกับเจ้าอื่น 17000-18000 บาท ก็คิดว่าคุ้มค่า ตั้งใจว่าไปเที่ยวแล้วจะกลับมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง แต่คงไม่ได้เน้นเรื่องราวประวัติศาสตร์มาก เนื่องจากชื่อบุคคลยากแก่การจดจำ เอาเป็นเรื่องเบา ๆ ก็แล้วกัน
The start


       เสียงโวยวายของเมียกู ปลุกกูขึ้นมาจากเตียงนอน กูลุกขึ้นงัวเงียมานั่งสักครู่แล้วถามว่ากี่โมงแล้ว เมียกูตอบว่า ตี 5.15 นาที กูงงสักพักก็ดีดตัวลุกจากเตียงนอนทันที่ จะไม่ดีดตัวได้อย่างไร ก็ทัวร์เขานัดเจอกันที่ รร. SC park ที่ตรงเลียบทางด่วน(ติดบ้านต้นซุง) ตอนตี 4.45 นึกในใจว่า ฉิบหายแล้วสงสัยไม่ได้ไปแน่เลย นึกด่าเมียในใจทำไมไม่ตั้งนาฬิกาปลุกวะ ธรรมดากูมักจะนอนไม่ค่อยหลับแล้วจะตื่นขึ้นมาฉี่ตอนประมาณตี 3-ตี4 แล้วก็จะหลับ ๆ ตื่น ๆ จนเช้า ทำไมวันนี้หลับเป็นตายเลย นึกเห็นภาพตอนนี้อีตา วีระคงด่าขโมงโฉงเฉงแหง ๆ

       กูนั่งคิดอยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงแม่ยายกู(อยู่อีกบ้านหนึ่งใกล้ ๆ กัน)ข้างล่างนอกบ้านโวยวาย แกบอกว่าปลูกตั้งแต่ตี 3.30แล้วไม่ได้ยิน แกเคาะระฆัง (บ้านกูไม่ได้ติดกริ่ง ติดระฆังแบบโรงเรียนบ้านนอกที่ประตูบ้าน) กูนั่งนึกด่าตัวเองในใจว่าตอนทำบ้าน คิดได้ไงวะติดระฆังทำไมไม่ติดกริ่งที่ตัวบ้าน แบบนี้ไฟไหม้ได้ตายทั้งครอกแน่ กูรีบอาบน้ำไปคิดไป(ใช้เวลา ครึ่งนาที) จะทำอย่างไรดี อาบเสร็จยังไม่ทันได้แต่งตัวก็หยิบโทรศัพท์ที่ sharge แบ๊ต อยู่ข้างล่างขึ้นมาดู ปรากฏว่า มี miss call ตั้ง 5-6 ทีแล้ว กูก็เลยโทรกลับไป มีเสียงผู้หญิงตอบรับเสียงใสแจ๋วว่า “พี่เรานัดกันตี 4.45 ไม่ใช่เหรอ” กูไม่สามารถหาแพะรับบาปได้กูก็เลยกล่าวโทษประเทศจีนที่ทำนาฬิกาปลุกเฮงซวยให้กู เนื่องจากกูคาดว่าเขาน่าจะออกรถประมาณตี 5.30 กูก็เลยบอกให้เขาออกรถเลย กูคาดว่าเขาคงวิ่งไปอรัญประเทศออกมาทาง moter way บ้านกูอยู่แถวริม moter way ถ้าอย่างไรกูให้คนขับรถวิ่งรถตามไปนัดเจอกันกลางทางที่ใหนก็ได้ เป็นอันว่าตกลงว่าเขาจะออกรถเลยแล้วโทรติดต่อกันว่าจะไปเจอกันที่ใหน เสร็จแล้วกูก็โทรตามคนขับรถส่งของกูให้รีบลุกจากเตียงมาที่บ้านมาขับรถส่งกูหน่อย (คนขับนอนอยู่ที่ store ไม่ห่างจากบ้านเท่าไหร่) โชคดีที่คนขับรถตื่นแล้วจึงไม่ต้องรอกัน

        กูออกจากบ้านประมาณ ตี 5.30 (ความจริงพร้อมตั้งแต่ตีห้ากว่า ๆ แล้วแต่รอคนขับรถ) พอออกมาก็โทรติดต่อปรากฏว่าเขายังไม่ทันได้ออกกันมา เพราะกินอาหารว่าง-กาแฟกันอยู่ และรอฟังอาจารย์วีระ พูดแนะนำการไปเขมรสั้น ๆ เช่นเรื่องขอปฏิบัติต่าง ๆ ....ห้ามให้ทานเด็กที่อาจจะมาขอทานเป็นอันขาด ฯลฯ กว่าจะออกมาก็ 6 โมง (อันนี้กูมารู้ภายหลัง) กูก็เลยไปรอที่ต้นทาง moter way ตรงบริเวณแถวสะพาน u turn พอรถจอดกูก็รีบขึ้นรถ คาดว่าจะเจอสายตาตำหนิติเตียนจากลูกทัวร์ แต่ก็ไม่เจอ เพราะคนอื่นคิดว่ากูเป็นประเภท VIP ต้องมาแวะรับก่อน เป็นอันว่าเกือบเสียเงินฟรีเพราะตื่นสาย

        ขบวนรถทัวร์เริ่มออกจากจุดที่มารับกูก็ประมาณ 6.15 ขบวนรถประกอบด้วยรถทัวร์ 2 ชั้นจำนวน 2 คัน คันละ 32-35 คน รวมทั้งสิ้น77 คน มีพนักงานทัวร์ประจำรถคันละ 4 คน พอขึ้นรถได้สักพักกูก็เริ่มง่วงนอนเนื่องจากช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่กูชอบสลึมสลือที่สุด รถทัวร์พาพักจอดให้คนทำธุระอีกครั้งกลางทาง ทัวร์ทริปนี้พักฉี่ตามทางถี่มากเนื่องจากส่วนมากเป็น สว.(สูงวัยขนาดพวกเรานั่นแหละ) ขบวนรถถึงโรงเกลือซื่งเป็นด่านชายแดนประมาณ 8.20 น. แถวโรงเกลือผู้คนยังเบาบางเนื่องจากยังเช้าอยู่และแม่ค้าจากฝั่งปอยเปตยังผ่านด่านไม่หมด

            เนื่องจาก บ.ทัวร์เก็บ pass port เราไปทำ visa ตั้งแต่แรกแล้วการผ่าน ตม.ฝั่งไทยก็ไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ เพียงแต่พวกเราต้องเดินถือเอกสารพาสพอร์ตโชว์ให้พนักงานดูเคร่า ๆ อย่างไม่เคร่งครัดนัก (มีใต้โต๊ะเรียบร้อย) ในขณะที่พวกฝรั่งที่จะข้ามไปฝั่งเขมรเข้าแถวยืนรออยู่ 30-40 คน มองดูพวกเราเดินผ่านอย่าง amezing โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งเขมรเราเดินผ่านตม. โดยไม่ต้องโชว์อะไรเลย พวกกระเป๋าสำพาระก็มีรถเข็นลำเลียงโดยชาวเขมร ที่ขับโดยคนขับรถที่ขาขาดทั้ง 2 ข้าง รถดังกล่าวแทนที่จะถีบด้วยขา กลับยกขาถีบขึ้นแนวตั้งใช้ถีบด้วยมือแทน

             สิ่งแรกที่ทำให้เห็นความแตกต่างระหว่าง 2 ฝั่ง คือกลิ่นเหม็นอย่างเหลือร้าย ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นอะไร จะว่าเป็นกลิ่นตัวคนก็ไม่น่าจะฟุ้งกระจายทั่วบริเวณ เป็นกลิ่นคล้าย ๆ สถานที่ตากปลา ผสมกับกลิ่นน้ำเน่า กูสังเกตเห็นคลองข้าง ๆ เข้าใจว่าเป็น "คลองลึก" น้ำแทบจะแห้งแล้วแต่ยังมีทางน้ำไหลอยู่เล็กน้อย 2ฝั่งที่สูงประมาณ 4-5 ม เต็มไปด้วยเศษพลาสติกกับโฟม กล่องข้าวจนขาวโพลนไปหมด สิ่งที่ดูจะศิวิไลขึ้นมาบ้างก็คือตึกบ่อนคาซิโน ที่ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เป็นทั้ง โรงแรมและคาซิโน บางจุดมีสะพานข้ามระหว่างตึก 2 หลังที่อยู่คนละฟากของถนนสายหลัก ปิดมิดชิดคล้าย ๆ กับทางเดินระหว่างตึกที่อาริน่าบางกอกแลนด์

           กูจำได้ว่าเมื่อ 5 ปีก่อนกูมาที่ปอยเปตครั้งหนึ่งเพราะพี่ชายกูพามาดูสถานที่ที่จะลงทุนทำบ่อน เวลานั้นเพิ่งมีบ่อนอยู่ 3 บ่อน กล่าวกันว่าบ่อนแรกที่ก่อสร้างทำเป็นโรงหลังคาจั่วเฉย ๆ แต่มีผนังปิดมิดชิดไม่มีหน้าต่างไมมีแต่ทางเข้าด้านหน้าและประตูอยู่ด้านหลัง ความกว้างของอาคารก็ประมาณ 15 ม.x 25ม. ปรากฏว่าเปิดบ่อนได้ 3 เดือน ผู้คนต่างก็พากับไปเสียเงินให้บ่อนจนคนล้นออกมานอกอาคาร จนต้องขยายอย่างรวดเร็ว

             พอพวกเราข้ามฝั่งมาฝั่งเขมรได้ก็พากันขึ้นรถบัส ของพวกเขมร รถฝั่งเขมรดูไม่ทันสมัยแบบรถฝั่งเรา ไม่มีห้องน้ำในตัว ไม่มีทีวีหรือคาราโอเกะ เหมือนฝั่งเรา เป็นรถ second hand นำเข้าจากญี่ปุ่น ไกด์ชาวเขมรที่ประจำรถชื่อ ซอ บอกว่าเป็นรถที่เลือกมาอย่างดีที่สุดเพื่อ รับใช้ทัวร์ชุดนี้ ระยะทางจากปอยเปตถึงเสียมเรียบ ประมาณ 160 กม. ถ้าเป็นไทยก็วิ่งประมาณ 2 ชม. แต่เป็นฝั่งเขมรไม่แน่ว่ากี่ชม อาจเป็น 4-5-6 ชมแล้วแต่สภาพถนน ถนนเส้นนี้กำลังทำการก่อสร้างโดย ช.การช่าง ทำมาหลายปีไม่เสร็จสักที่ ไกด์เล่าว่าที่ไม่เสร็จเพราะปราสาททองโอสถ ที่เป็นคนได้สัมปทานสนามบินไม่ยอมให้เสร็จ เพราะถ้าเสร็จคุณหมอนั่นแหละจะเสร็จ และอีกสาเหตุหนึ่งเนื่องจากถนนเส้นนี้มีทางน้ำไหลผ่านมาก ต้องสร้างสะพานหลายจุดทำให้งานช้าตาม สมัยก่อนถ้าคอสะพานขาดก็ต้องลงจากรถขึ้นเรือหรือเดินข้ามน้ำไปขึ้นรถอีกฝั่ง บางที่ไปถึงเสียมราฐ 2-3 ทุ่มก็มี
       รถเริ่มออกมาจากปอยเป็ต ถนนก็ยังคงราดยางไปได้ราว ๆ 15 กม หลังจากนั้นก็เป็นลูกรังไปตลอดทาง บ.ทัวร์แจกผ้าปิดจมูกให้เราตั้งแต่รถเริ่มออก ท่ามกลางความสงสัยว่าเราอยู่ในรถปรับอากาศแล้วทำไม่ต้องปิดจมูกด้วย พอเข้าช่วงถนนลูกรังเราถึงจะถึงบางอ้อ แม้ว่าจะเป็นรถแอร์ แต่หน้าต่างไม่ได้เป็นแบบรถทัวร์ของเราแต่เป็นหน้าต่างแบบเปิดได้ ฉะนั้นจึงมีฝุ่นเล็ดรอดเข้ามาได้ กูไม่ใส่ผ้าปิดจมูกได้สักพักก็ทนไม่ใหว เนื่องจากไอตลอดเลยต้องปิดจมูก ตอนถึงโรงแรมเอากระเป๋าออกมาปรากฏว่าฝุ่นจับกลายเป็นสีเหมือนกันหมดทุกใบ

              ที่น่าทึ่งคือรถที่วิ่งสวนมาเป็นรถ Toyota camry เสียเป็นส่วนมาก บางคันยังเอาไว้บรรทุกของทั้งข้างในตัวรถ ส่วนข้างนอกก็ทำกะบะไว้บรรทุกของเช่นผักผลไม้ เทินเสียเต็มหลังคา สอบถามไกด์ได้ความว่า การซื้อรถที่นี้ต้องใช้เงินสด ไม่มีระบบผ่อน รถcamry เป็นรถ second hand จากญี่ปุ่น ราคา 2-3 แสนบาท ถ้าเป็นรถกะบะ คันละ ล้านกว่าบาท อย่ากระนั้นเลยลงทุนใช้ camry คุ้มค่ากว่า-โก้กว่าแยะ ถ้าเป็นรถโดยสารก็เห็นมีรถ 2 แถวแบบเรา แต่หลังคาก็มีผู้โดยสารแน่นเต็มไปหมด ค่าโดยสารคนละ 100 กว่าบาท รวมแล้วรับคน 30 กว่าคนต่อเที่ยว บางทีก็เห็นรถขนหมูกับไก่วิ่งผ่านมา มีกฎหมายระบุว่า รถมอเตอร์ไซด์ 1 คันขนหมูได้ไม่เกิน 3 ตัว ขนไก่ได้ไม่เกิน 100 ตัว ฉะนั้นเขาก็เลยขนหมูโดยให้มันนอนหงายท้องเรียงกันที่เบาะหลัง 3 ตัว เหตุผลที่ผูกนอนหงายหลังเพราะหมูมันดิ้นไม่ได้ ส่วนถ้าเป็นไก่ ก็จะผูกมัดขาไว้ห้อยลงเป็นพวงเต็มทั้ง 2ฝั่งรถ ห้ามเกิน 100ตัว ไกด์เล่าเรื่องตลกให้ฟังว่า ถ้าเกิดขนหมูมากับเมียแล้วเกิดรถล้ม ผัวจะต้องรีบไปดูหมูก่อน ไม่ใช่ว่าเพราะหมูมีราคา แต่เป็นเพราะ หมูกลับบ้านเองไม่ได้ แต่เมียถ้าเป็นอะไรไปยังกลับบ้านเองได้
เกือบได้กินข้าวกับลิง

              รถโดยสารคันแรกที่กูนั่งมาด้วยวิ่งออกมาจากปอยเป็ดได้ ประมาณ 20 กว่ากิโล ก็เกิดยางแตกเสียงดังสนั่นถนน จนคนขับมอเตอร์ไซด์ข้างหน้าเหลียวกับมาดู อาจจะกลัวว่าวิ่งไปทับทุ่นระเบิด ต้องจอดรถลงเปลี่ยนยางอะไหล่ รถบัสคันที่ 2 ซึ่งวิ่งเลยไปก่อนหน้าต้องรีบกลับมาจอดรอเพราะทั้งขบวนชักไม่แน่ใจว่าจะไปรอดหรือไม่ ตามติด ๆ กันไปดีกว่า ล้อที่แตกปรากฏว่าเป็นรอหลังด้านนอก(ล้อหลังมี2ล้อคู่) กูลงไปดูก็ปรากฏว่าล้อมันไม่มีดอกแล้ว โลนจนไม่มีจะโล้นแล้ว พอเปลี่ยนล้อเสร็จ คนขับรถก็ขอวิ่งกลับไปเติมลมยางก่อนเพราะไม่แน่ใจล้ออะไหล่ว่าจะแข็งพอหรือเปล่าวิ่งกลับไปสักพักก็เจอร้านรับปะยาง มีปั้มลมให้เติมลม แต่เนื่องจากถนนนี้ทั้งสายแม้จะมีเสาไฟผ่านตลอดสายแต่ก็หามีสายแรงต่ำแวะลงข้างทางซักกะจุด ปั้มลมที่นี่ก็จะเดินด้วยเครื่องคูโบต้า แทนที่จะเดินด้วยมอเตอร์ หมู่บ้าน 2 ข้างทางตลอดเส้นทางจะไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนมากจะใช้แบตตารี หรือถ้ามีเงินหน่อยก็มีเครื่องปั่นไฟเล็ก ๆ ติดบ้าน แต่ตลอดทั้งสายจะไม่ค่อยมีบ้านให้เห็น เนื่องจากถนนเส้นนี้สมัยสงครามมีการดักซุ่มโจมตีกันบ่อย ชาวบ้านกลัวลูกหลงไม่กล้าปลูกบ้านใกล้ ๆ ถนน จะถอยออกไปปลูกไกล ๆ ริบมองจากถนนก็ไม่เห็น
ยางแตก

              รวมความว่าเราเสียเวลาเรื่องยางแตกครั้งแรกไปชั่วโมงกว่า ๆ รถเราวิ่งมาสัก50 กม. ก็ถึงเมืองศรีโสภณ เมืองนี้เดิมทีเป็นของไทยเราตั้งแต่ต้น ๆรัตนโกสินทร์(ปกครองแบบหัวเมือง ไม่ใช่ประเทศราช มีเจ้านายคนไทยมาปกครอง) เพิ่งเสียให้ฝรั่งเศสตอน ร. 5 ลักษณะบ้านเมืองวัดวาอารามจึงเป็นแบบไทย ๆ ถ้าไม่สังเกตตัวหนังสือเขมรก็อาจนึกว่าเป็นเมืองไทยแถว ๆ ตำบลอะไรสักอย่าง เนื่องจากลูกทัวร์เป็น สว. เสียส่วนมาก รถจึงจอดให้ฉี่อีกทีหนึ่งที่ร้านอาหารชื่อไทยว่าประกายพฤกษ์ แปลว่าดาวพระศุกร์ จะมาลองชิมฝีมือแม่ครัวชาวเขมรที่นี้ขากลับ ขาไปนี้เราขอฝากแค่ฉี่เอาไว้เท่านั้นยังไม่มีคำติคำชมทิ้งไว้ ห้องน้ำที่นี้แม้ว่าเป็นห้องอาหรที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดศรีโสภณ แต่ห้องน้ำก็สร้างเอาแบบง่ายๆ มีโถฉี่ cotto อันเล็ก 4 อัน กับผนังกันแบบก่ออิฐฉาบปูนเฉย ๆ ไม่มีกระเบื้องปู หลังคามุงสังกะสี ตัวห้องน้ำก็เป็นส้วมนั่งยองไม่มีการปูกระเบื้องให้สุดสวยเหมือนห้องน้ำตามปั้มน้ำมันของไทย พื้นและผนังเป็นปูนซีเมนต์ขัดมัน แต่ถ้าจะว่าไปแล้วก็ดีกว่าห้องน้ำตามทางของประเทศจีนที่มีกระเบื้องปูเรียบร้องก็จริงแต่กลางโถนั่งมีขี้กองใหญ่ (ประมาณ 4คนขี้ ) ทับกันพอให้รู้ว่าเมื่อ ชม. ที่แล้วใครได้กินอะไรเข้าไปบ้าง

To be continued




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2552
13 comments
Last Update : 15 ธันวาคม 2552 15:11:48 น.
Counter : 4388 Pageviews.

 

รออ่านต่ออยู่นะคะ อยากรู้ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป
บรรยายซะเห็นภาพเลย

 

โดย: FifthMonthHoney 4 พฤศจิกายน 2552 22:30:14 น.  

 

โอโห เป็นคนแรกที่เข้ามาชมเลยนะครับ ผมเพิ่งทดลองสร้างblog ดู ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สักพักจะจัดรูปใหม่นะครับ

 

โดย: วรรณเกษม 5 พฤศจิกายน 2552 7:56:13 น.  

 

ครู่ใหญ่ป่ะคะจะรออ่าน

 

โดย: โมจิ*-* IP: 114.128.20.57 18 ธันวาคม 2552 16:57:33 น.  

 

พี่โตรึเปล่าเนี่ยโมว่าเหมือนจะเป็นพี่โตเลย

 

โดย: โมจิ IP: 117.47.12.150 3 กุมภาพันธ์ 2553 9:16:51 น.  

 

ใช่แล้ว นู๋ โม ไม่เจอกันนานนะ บอร์ดของน้าเขาก็ไม่รู้เป็นอะไร เข้าไม่ได้เลย ถ้ายังไง ติดต่อ vannakas@msn.com นะ นู๋โม

 

โดย: พี่โตเอง IP: 203.144.144.164 2 มีนาคม 2553 16:02:18 น.  

 

พี่โตจริงๆด้วยเย้ๆๆๆหาเจอแล้วๆๆๆๆๆๆๆ

 

โดย: โมจิ IP: 124.157.148.174 28 เมษายน 2553 19:16:43 น.  

 

คาสิโนออนไลน์ ที่มีมาตรฐานสากลและให้บริการสมาชิกทุกท่านดุจเครือญาติ เปิดให้บริการสมาชิกตลอด 24 ชั่วโมง เพียงท่านสมัครเป็นสมาชิกกับเราพร้อมทั้งโปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับสมาชิกใหม่ ทุกท่าน เพียงบ้านของท่านมีอินเตอร์เน็ตก็สามารถดาวน์โหลดเกมส์มาเล่นได้อย่างสบายสบายไม่ต้องเดินทางไปไกล
สนใจติดต่อเรา ตลอด 24 ชั่วโมง
AIS : 084-417-7063
DTAC : 080-559-7275
//www.casinobet99.com


 

โดย: casinobet99 IP: 112.142.163.138 26 กรกฎาคม 2553 15:09:39 น.  

 

พี่โต
เขียนได้ดีมาก เห็นภาพเลย ไว้ไปเล่าให้ฟังต่อที่คอร์ทหน่อยนะ



 

โดย: ปุ๊ก IP: 58.11.46.109 2 กันยายน 2553 10:35:24 น.  

 

เราเป็นญาติกันรึป่าว...?????นามสกุลเดียวกันคะ

happy_lng@hotmail.com

 

โดย: กุลปภัสสร์ IP: 110.164.163.23 9 พฤษภาคม 2554 14:35:32 น.  

 

อั๊ยยะ ผมก็ วรรณเกษม อ่า โห นามสกุลเดียวกันเลยครับ

 

โดย: ปีติกาญจน์ วรรณเกษม IP: 110.168.93.222 18 ธันวาคม 2554 8:35:59 น.  

 

ยอดเยี่ยมมากเพื่อน สร้างบล็อคส่วนตัวด้วย หายไปนานไปทำไรมาว่ะเพืาอน...

 

โดย: kiet IP: 113.53.172.188 5 กุมภาพันธ์ 2555 4:38:56 น.  

 

ตอน 2 ตอน 3 ขึ้นไปคริ๊กข้างบนนะครับ

 

โดย: วรรณเกษม 9 กุมภาพันธ์ 2555 11:54:10 น.  

 

Bitcoin (BTC) might just be the golden opportunity of our era, poised to skyrocket to $200,000 in the upcoming year or the one following. In the past year alone, BTC has witnessed a staggering 20-fold increase, while other cryptocurrencies have surged by an astounding 800 times! Consider this: a mere few years ago, Bitcoin was valued at just $2. Now is the time to seize this unparalleled chance in life.
Join Binance, the world's largest and most secure digital currency exchange, and unlock free rewards. Don't let this pivotal moment slip through your fingers!
Click the link below to enjoy a lifetime 10% discount on all your trades.
https://swiy.co/LgSv

 

โดย: Mariofef IP: 203.10.98.33 28 มีนาคม 2567 5:07:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


วรรณเกษม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ลองเขียนเล่น ๆ ดูครับ
ลองดุ .........
Friends' blogs
[Add วรรณเกษม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.