Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
มีนาคม 2551
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
14 มีนาคม 2551
ป้าๆเตรียมตัวไปท่องเที่ยวลาว (Backpacker)
All Blogs
ตอน6. ป้าแบกเป้ เที่ยววังเวียง
ตอน5. ป้าแบกเป้ เที่ยวหลวงพระบาง (3)
ตอน4. ป้าแบกเป้ เที่ยวหลวงพระบาง (2)
ตอน3. ป้าแบกเป้ เที่ยวหลวงพระบาง
ตอน2. ป้าแบกเป้ เที่ยวเวียงจันทร์
ตอน1. ป้าแบกเป้ ขึ้นรถทัวร์
ป้าๆเตรียมตัวไปท่องเที่ยวลาว (Backpacker)
ป้าๆเตรียมตัวไปท่องเที่ยวลาว (Backpacker)
สงกานต์ปีนี้ ป้าๆวางแผนไว้จะไปท่องเที่ยวแบบ Backpacker ที่ลาว
ดังนั้นจึงต้องการวางแผนและเสาะหาข้อมูลให้มากๆ
เป้าหมายการท่องเที่ยวครั้งคือ
1. ใช้เงินให้น้อยที่สุด
2. ปลอดภัย
3. สนุก
4. ได้ความรู้
โปรมแกรมที่วางไว้สำหรับใช้เวลา 5 วัน
วันที่ 10/4/2008 : 18.00 น. => ไปขึ้นรถที่หมอชิต เพื่อไปหนองคาย
วันที่ 11/4/2008 : 06.00 น. => ถึง หนองคาย (หาสถานที่ล้างหน้า - แปรงฟัน - ทำธุรกิจส่วนตัว)
07.30 น. => ไปขึ้นรถอินเตอร์บัส เพื่อไป นครเวียงจันทร์
- ค่ารถอินเตอร์บัสประมาณ 55 บาท (หนองคาย - เวียงจันทร์) รถเที่ยวแรก 07.30 น. (เตรียมพลาสปอร์ต)
- เมื่อขึ้นรถให้ขอใบเข้าเมืองลาว
08.00 น. => ถึงด่าน ตม. สะพานมิตรภาพ
- ลงไปตรวจหนังสือเดินทาง (พอถึง ตม. ไทยไม่ต้องเข้าคิว ให้วิ่งไปขอใบกรอกเข้า-ออก (ตม. 6) นอกราชอาณาจักรไทย)
08.30 น. => เข้าสู่ประเทศลาว เตรียมเอกสารยื่นกับตม.ลาว
- เสียค่า Entry fee for Passenger carrying Passport 10 บาท
09.30 น. => รถจอดที่ตลาดเช้า (เวลากลับมาขึ้นที่นี้)
- รถจัมโบ้(สามล้อติดเครื่อง) จะจอดอยู่นอกตลาดเช้า (40 บาท พาไปซื้อ ซิมของลาว กับซื้อตั๋วรถไป วังเวียง)
11.00 น. => เดินทางสู่วังเวียง โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชม.
- ซื้อตั๋วไป วังเวียงตั้ง 65000 kip (235 บาท) (ประเภทรถ express bus)
- เข้าที่พักที่ เรือนพักสายซอง (ไม่มีเบอร์โทร)
วังเวียงเลอจาดีนเกสต์เฮ้าส์ Tel: (020) 547 4643, (020) 9811878
- เช่ารถจักร ไปเติมน้ำมันแล้วเลยไปที่สนามบิน
- เที่ยวชมสนามบินวังเวียงซึ่งเป็นสนามบินที่ใช้ในช่วงสงครามของลาว เดินเล่นถนนคนเดิน กับบรรยากาศสบายๆ
- ไปแอ่ว ถ้ำปูคำ กับเล่นน้ำ ที่บลูลากูน(น้ำสีน้ำเงินใสๆ)
- เย็นๆแวะไปดูตลาดยามเย็น(ตลาดใหม่)
ถ้ามีเวลา => - เดินทางเข้าสู่ถ้ำจัง ซึ่งเป็นถ้ำเป็น คือเป็นถ้ำที่ยังมีหินงอกหินย้อยเกิดอยู่ เมื่อขึ้นสู่ถ้ำจังจะเห็นตัวเมืองของวังเวียงและลำน้ำซอง
เป็นสายและ สะพานสีส้มสดที่เป็นสัญลักษณ์ของวังเวียง
'- กินข้าวเย็น
- ไปจองตั๋วไปหลวงพระบาง
วันที่ 12/4/2008 : 06.00 น. - ไปเที่ยวตลาดเช้า
- กินข้าวเช้า
09.00 น. => เดินทางสู่ หลวงพระบาง โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชม. (คาดว่าถึงประมาณ 15.00 น.)
- จองรถกลับ เวียงจันทร์ ในวันที่ 15/4/2007
- เข้าที่พักที่ เฮือนพักนำโซค โทร 009856205080600
- สักการะ อนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์
- พระราชวังหลวงพระบาง นมัสการ พระบาง พระคู่บ้านคู่เมือง
- ร้านกาแฟประชานิยม
- ตลาดมืด และ กินข้าวเย็น
- ไปเต้นรำที่ ดาวฟ้า บันเทิง หรือ เธคเมืองสั่ว
วันที่ 13/4/2008 : 06.00 น. - ตักบาตรข้าวเหนียว
- เช่ารถจักรยาน
- เที่ยวตลาดเช้า
- วัดเชียงทอง ค่าเข้าชม ซาวพันกีบ
- พืพิธภัณฑ์
- วัดใหม่สุวันนะพูมาราม
- วัดวิชุน หรือชาวลาวเรียก พระธาตุหมากโม
- น้ำตกกวางสีดี
- ขึ้นภูสี เก็บภาพอาทิตย์ลับขอบฟ้า
- ตลาดมืด
วันที่ 14/4/2008 : 06.00 น. - ตักบาตรข้าวเหนียว
- กินข้าวเช้า
- น้ำตกกวางสี
- วัดแสนสุขาราม
- ถ้ำติ่ง
วันที่ 15/4/2008 : 06.00 น. - ไปเที่ยวตลาดเช้า หาข้าวเช้ากิน
วันที่ 15/4/2008 : 08.30 น. => เดินทางกลับ นครเวียงจันทร์ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 16.30 น.
- เหมารถจัมโบ
- วัดสีสระเกศ, หอพระแก้ว, ประตูชัย, พระธาตุหลวง,
16 .00 น. => เดินทางสู่ หนองคาย
20 .00 น. => เดินทางสู่กทม.กท
สิ่งของที่ต้องเตรียมไว้เพื่อยีงชีพ
ยาสามัญ
1. ยาแก้ปวด (para)
2. ยาแก้เมารถ
3. ยาแก้ท้องอืด (อีโน)
4. ยาแก้ทองเสีย
5. พลาสเตอร์ยา
6. ยาแก้แพ้
7. ยาดม
รองเท้า
1. รองเท้าประเภททน , เบา สวมใส่ได้ทุกสถานะ (ซื้อใหม่ ราคา 199 บาท)
อุปกรณ์ยังชีพ
1. ม่ามา
2. ขนมขบเคี้ยว
3. ขวดเก็บน้ำเย็น (มีแล้ว ไม่ต้องซื้อ)
ประวัติแหล่งท่องเที่ยว
สะพานมิตรภาพ ไทย - ลาว
ประตูสู่ลาวและกลุ่มประเทศอินโดจีน
- เปิดเวลา 05.00-20.00 น.
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อม จ. หนองคายกับเมืองเวียงจันทน์เมืองหลวงของประเทศลาว และสามารถเดินทางต่อไปยังหลวงพระบางและคำม่วนได้ ทั้งยังมีเส้นทางเชื่อมต่อไปถึงเวียดนามอีกด้วยบริเวณเชิงสะพานฝั่งไทยเป็นย่านบริษัทนำเที่ยว ส่วนฝั่งลาวมีร้านจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี
ประวัติ
สะพานนี้ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 30 ปี จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2537 ด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศไทย ลาว ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิดสะพานแห่งนี้ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2537 หลังเสร็จพระราชพิธี พระองค์เสด็จฯ ไปประทับแรม ณ หอคำ พระบรมมหาราชวังของเจ้ามหาชีวิตหรือกษัตริย์ลาวในอดีตเป็นเวลา 1 คืน ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว
ชาวอีสานและชาวลาวเรียกว่า ขัวมิดตะพาบ (ขัวหมายถึงสะพาน) สะพานแห่งนี้กว้าง 15 ม. ยาวประมาณ 1,200 ม. สร้างเชื่อมระหว่างบ้านจอมมณี ต. มีชัย อ. เมืองหนองคาย ไปยังบริเวณท่านาแล้ง แขวงนครเวียงจันทน์ มีทางเดินรถสองช่องทาง ช่วงกลางสะพานออกแบบไว้สำหรับรางรถไฟ เพื่อเตรียมขยายเส้นทางรถไฟจากหนองคายไปลาวนักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมบนสะพานได้ โดยมีช่อง ทางขึ้นอยู่ใต้สะพาน ในช่วงเย็นทัศนียภาพแม่น้ำโขงจะสวยงามน่าชมมาก
คำเตือนสติ
เมื่อขับรถข้ามสะพาน แล้ว ต้องท่องเตือนสติตลอดเวลา เลี้ยวซ้าย ชิดขวา .. เลี้ยวขวา ชิดขวา
นครเวียงจันทร์
"................. เดิม เจ้าอนุวงศ์ เจ้าเมืองเวียงจันทร์ ลงมาช่วยในการพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ณ กรุงเทพฯ ครั้นเจ้าอนุวงศ์จักกลับขึ้นไปเวียงจันทร์ จึ่งได้เข้าไปกราบทูลถวายบังคมลาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ(ขณะนั้นทรงกรม เป็นพระราชวังบวรฯ) แล้วเจ้าอนุกราบบังคมทูลพระกรุณา ขอพระราชทานพวกหม่อมละครเล็ก ๆ ผู้หญิงข้างในซึ่งเป็นละครชั้นเล็กในรัชกาลที่ ๒ นั้น กับขอพระราชทานเจ้าคำลาว ชาวเวียงจันทร์ซึ่งตกมาแต่ครั้ง พระเจ้าตากกรุงธนบุรีนั้นด้วย พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ไม่พระราชทานให้ตามเจ้าอนุ ขอสักอย่างเดียว
ฝ่ายเจ้าอนุไม่ได้สมตามความปราถนา จึ่งมีความอัปยศแก่ข้าราชการแลทูตนานาประเทศ เป็นอันมาก จึ่งบังเกิดความโทมนัสขัดเคืองเป็นกำลัง ด้วยไม่สมประสงค์ที่ตนปราถนาแต่สักอย่างหนึ่ง จึ่งได้คิดอาฆาตต่อกรุงเทพตั้งแต่วันนั้นไปเจ้าอนุข้ามมาหาเจ้าฟ้าพระที่วัดสมอราย ถูกอัชฌาสัยเกลอกันดีกับบาดหลวงทั้งหลายเป็นยิ่ง การพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ไม่พระราชทานให้ตามเจ้าอนุขอนั้น เจ้าอนุมิได้กล่าวใดคงจำนิ่งทนไปจนจักได้โอกาส จักได้ทำร้ายแก่กรุงเทพฯ สักคราวหลังกลับขึ้นไปเวียงจันทร์ก่อน
ก็การลงมากรุงเทพฯ ของเจ้าอนุนี้ ได้พาเจ้าอุปฮาดเวียงจันทร์ลงมาพร้อมกัน ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าอุปฮาดพักอยู่กับพระยาราชสุภาวดี ต่างก็สนิทสนมกลมเกลียวเป็นเกลอกันดี จนรู้เหตุเจ้าอนุขัดเคืองใจต่อพระนั่งเกล้าฯ อาฆาตแค้นใจใคร่คิดกบถ พระยาราชสุภาวดีเลี้ยงสุราอาหารเจ้าอุปฮาดเวียงจันทร์ เมื่อกินเมากันได้ที่เจ้าอุปฮาดเวียงจันทร์ก็เผยความลับของเจ้าอนุแก่พระยาราชสุภาวดีว่า "เจ้าอนุคิดจักกบถต่อกรุงเทพฯ เมื่อกลับไปบ้านเมือง ก็จักรวมพลลงมาตีกรุงเทพฯ ล้างอาย ในครั้งนี้เราสองคนยังเป็นสหาย ภายหน้าเราคงต้องเข่นฆ่าเป็นสัตรูกัน" พระราชสุภาวดีฟังเจ้าอุปฮาดเวียงจันทร์เช่นนั้น ก็พูดปัดป่ายเปลี่ยนเรื่องเสียเป็นทางอื่น
ในปีระกา สัปตศก จุลศักราช ๑๑๘๗ เดือนสี่ ปีนั้น เจ้าอนุกราบถวายบังคมลา ยกรี้พลกลับขึ้นไป บ้านเมืองเวียงจันทร์ ครั้งนั้น เจ้าอนุไม่ได้ลาเจ้านายขุนนางผู้ใหญ่ แลท่านเสนาบดีเลยสักแห่งเดียว เพราะมีความขุ่นเคืองกับกรุงเทพฯ เหตุดั่งนี้ก็เป็นที่สำแดงแห่งกริยาของเจ้าอนุว่าโกรธแก่สยามได้แน่แล้ว
ฝ่ายเจ้าอนุ ตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพฯ ขึ้นไปเถิงเมืองเวียงจันทร์แล้ว ก็คิดตรึกตรองที่จักมาประทุษ ร้ายตีกรุงเทพมหานครมิได้เว้นเลย อยู่มาวันหนึ่งเจ้าอนุสั่งแสนท้าวพระยาลาว ที่เป็นขุนนางผู้ใหญ่ ให้มาประชุมพร้อมกันในท้องพระโรง เป็นหลายนาย แล้วให้เชิญเจ้าอุปฮาด๑ เจ้าราชวงศ์๑ เจ้าสุทธิสาร๑กับเจ้าบุตรหลานผู้ใหญ่ ที่ชำนาญในการศึก สงครามมา พร้อมกันที่ประชุม พร้อมด้วยเพี้ยกวานแม่ทัพใหญ่ด้วย เจ้าอนุจึ่งปรึกษาว่าดั่งนี้ " ทุกวันนี้ที่กรุงเทพมหานคร มีแต่เจ้านายเล็ก ๆ หนุ่ม ๆ ที่ไม่ชำนาญในการทัพศึกเลย แต่ขุนนางผู้ใหญ่ ก็มีน้อยตัวแล้ว ฝีมือทัพก็อ่อนแอ เพราะเว้นว่างการศึกมาช้านาน เจ้านายขุนนางที่ชำนิชำนาญในการทัพศึก เคยทำสงครามกับพม่ามีชัยมานั้น ก็ล้มหายตายจากกันไปหมดไม่มีตัวแล้ว กรุงเทพฯ ทุกวันนี้ก็หย่อนกำลังลงกว่าแต่ก่อนมาก
อนึ่ง เดี๋ยวนี้เจ้าพระยานครราชสีมาก็ไม่อยู่ที่บ้านเมืองราชสีมา เพราะไปขัดตาทัพอยู่ไกลบ้านเมืองเขา ตามหัวเมืองรายทางก็ไม่มีที่กีดขวางเลย การเป็นทีเราหนักหนาแล้ว ไม่ควรเราจักเป็นเมืองขึ้นกับกรุงเทพมหานครต่อไป
อนึ่ง อีกไม่นานทัพเรือพวกบาดหลวง แลอังกฤษก็จักมารบกวนปากน้ำกรุงเทพฯ ในช่วงน้ำนี้เหนเป็นทีเราหนักหนา น่าที่จักยกทัพใหญ่ลงไปตีกรุงเทพฯ ก็เหนจักได้โดยง่าย เพราะเราจักเป็นทำกระหนาบทัพอังกฤษ ๆ เป็นทัพหน้าอยู่ปากน้ำ สยามก็จักพะว้าพะวัง ทั้งข้างหน้าข้างหลัง คงจักเสียท่วงทีแก่เราเป็นมั่นคงไม่สงสัย เจ้านายขุนนาง เพี้ย ท้าวผู้ใหญ่จักเหนเป็นอย่างไรบ้างให้ว่ามา ? "
ขณะนั้นเจ้าอุปฮาด ผู้ประกอบไปด้วยปัญญาอันสุขุม จึ่งว่าขึ้นในที่ประชุมดั่งนี้
" กรุงเทพมหานครเป็นบ้านเมืองใหญ่โตนัก มีพลเมืองมากมาย มาทแม้นเราตีได้แล้วเราจักไปตั้งปกครองบ้านเมืองอยู่ที่กรุงเทพฯ นั้นจักได้แล้วฤๅ เกรงไพร่พลเมืองจักคุมกันลุกขึ้นเป็นขบถต่อเรา เราก็จักระงับเมื่อภายหลังได้ยาก เพราะพลเมืองราษฏรไม่เต็มใจรักใคร่นับถือด้วยต่างชาติกัน สยามก็จักเป็นเสี้ยนหนามศตรูเราเสมอไม่หยุด เหมือนเรานอนอยู่บนขวากหนามทุกวัน "
ฝ่ายเจ้าอนุ ได้ฟังดั่งนั้นก็โกรธจึ่งตอบไปว่าดั่งนี้
" ถ้าเราตีกรุงเทพฯ ได้แล้วเหนจักตั้งรักษาบ้านเมืองไม่ได้ จักมีภัยแล้ว เราก็จักกวาดต้อนพาครอบครัว พลเมืองที่ฉกรรจ์ดีดี อพยพขึ้นมาไว้ในบ้านเมืองเรา แล้วเราก็จักเก็บสรรพพัสดุเงินทองสิ่งของในท้องพระคลัง แลททรัพย์เศรษฐีคหบดีขุนนาง ผู้ใหญ่ผู้น้อยแลราษฏร บรรทุกโคต่างช้างม้าขั้นมาไว้ในบ้านเมืองเรา ๆ ก็จักสมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปกว่าเก่าหลายพันเท่า แล้วเราก็จักแต่งกองทัพ ไปรักษาด่านทางช่องแคบ ที่เป็นท่าทางสยาม จักขึ้นมารบกวนบ้านเมืองเรา เราก็จักรักษาให้แข็งแรง ทุกช่อง ทุกทาง พวกสยามที่จักคิดติดตามขึ้นมา ทำศึกกับเราก็ยาก เพราะทางที่จักส่งเสบียงอาหารกันนั้นเป็นทางไกลกันดาร เถิงมาทว่าสยามจักคิดขึ้นมาทำศึกแรมปีกับเรา เราก็ไม่กลัว เพราะ ทางไปมายากแสนลำบากนักไม่เหมือนเราลงไป เพราะเราเป็นชาวป่าไม่กลัวการยากลำบากเดิรป่า พวกสยามจักขึ้นมาทำอะไรกับเราได้
เราคิดเป็นศึกรีบเร่งเร็ว ลงไปตีก็จักได้โดยง่าย ซึ่งอุปฮาดคิดกลัวสยามไปต่าง ๆ นานานั้น ก็เพราะความขลาดกลัว สยามฝ่ายเดียว แต่เราหากลัวไม่ ให้จงเร่งจัดกองทัพเถิดเราจักลงไปเอง"
วัดองค์ตื้อ
พระอาจารย์มหาผ่อง สมเหล็ก วัดองค์ตื้อ เวียงจันทน์ ประเทศลาว เมื่ออายุ 83 ปี" (ท่านพระอาจารย์มหาผ่อง ได้ถึงแก่มรณภาพลงขณะมีอายุ 83 ปี)
"พระพุทธรูปสีดำขนาดใหญ่สร้างด้วยโลหะเนื้อสำริด มีพระนามว่า ""พระเจ้าใหญ่ตื้อ"" เป็นองค์ประธาน ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อตื้อ สร้างสมัยพระเจ้าไชยะเชษฐาธิราช เมื่อปีพ.ศ.2109 ภายหลังทรงพระราชดำเนินย้ายนครหลวงพระบางมายังนครเวียงจันทน์ พร้อมสร้างพระพุทธรูปอีก 3 องค์ ได้แก่ พระสุก พระใส และพระเสริม เป็นองค์ประกอบข้างพระเจ้าใหญ่ตื้อ
"
"หลังคาพระอุโบสถ์วัดองค์ตื้อมหาวิหาร ดูสวยงาม ซึ่งได้รับการบรูณะมาหลายครั้ง เพราะหลังคาที่แอ่นโค้งลงมาอาจจะสืบทอดจากสถาปัตยกรรมศิลปหลวงพระบาง ตกแต่งด้วย ""โห่ง"" และ ""ช่อฟ้า"" หน้าบันมีแกะสลักรูปพระอินทร์ทรงประทับช้างเอราวัณ
"
บานประตูไม้สักแผ่นหนาทาสีแดง แกะสลักจารึกปิดทอง หลังจากได้บรูณะแต่งสีใหม่ มีตราสัญญลักษณ์ของพระเจ้าไชยะเชษฐาธิราช
บานประตู..มีเขียนว่า "โดยพระบรนราชสัตทาของพระองค์สมเด็จพระเจ้ามหาชีวิตสีสว่างวัฒนา และ สมเด็จอังรักคะ มเหสี คำ...(เขียนแปลไม่ออก)
Create Date : 14 มีนาคม 2551
Last Update : 17 กรกฎาคม 2551 13:49:34 น.
10 comments
Counter : 1135 Pageviews.
Share
Tweet
เป็นทริปที่น่าสนจังเลยค่ะ จินก็คิดว่าจะไปแบบนี้เหมือนกันเพราะว่าไปเครื่องไม่ไหว แพงมากตอนนี้เช็คราคาตั๋วจากลาวแอร์เชียงใหม่-หลวงพระบาง 300 กว่า ยูเอสดอลล่าร์
เลยกะว่าจะนั่งรถบัสไปเอา แต่ก็เก็บข้อมูลเหมือนกันค่ะ จะแวะมาเก็บข้อมูลด้วยคนนะคะ
โดย: jinjin IP: 222.123.21.198 วันที่: 17 มีนาคม 2551 เวลา:1:00:20 น.
เยี่ยมค่ะเยี่ยม สีกลมกลืนนะค่ะ มีแต่หน้าแพนด้าทั้งนั้น แม่แพนด้าไม่มีอ่ะ ขอให้เที่ยวให้สนุกนะค่ะ อย่าลืมเอายาดมกะทิชชูนะจ้ะ
โดย: เหมียว IP: 118.174.20.255 วันที่: 17 มีนาคม 2551 เวลา:20:26:38 น.
ที่หลวงพระบางไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวปั่นจักรยานเที่ยวเองแล้วนะคะ..
แต่ก็พอเดินไหวค่ะ แต่ละที่ไม่ไกลกันมาก
อันไหนไกลๆ ค่อยเช่าสกายแลปเอานะคะ
ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ..
โดย:
CINNAMONSTER
วันที่: 18 มีนาคม 2551 เวลา:17:11:38 น.
ขอขอบคุณ CINNAMONTER ค่ะ จะได้เป็นข้อมูลค่ะ
โดย: เจ้าบ้าน (
nipapornv
) วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:9:20:36 น.
ขอบคุณนู๋เหมียว ค่ะที่ติชอบ Blog ถ้าจะเอารูปแม่แพนด้าลง กลัวว่าจะเต็ม Blog
โดย: เจ้าบ้าน (
nipapornv
) วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:9:22:11 น.
ให้รวยๆสวยๆสุขสบายนะค่ะ
โดย: เหมียว IP: 125.26.200.246 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:11:55:51 น.
พี่ฮับๆๆ พอจะมีเวลารอบรถจากเวียงจันไปวังเวียงมั้ยฮะพี่ แบบว่ากำลังจะไปแล้วแต่ไม่รู้ว่ารอบรถมีอะไรมั่งหง่ะ ช่วยหน่อยนะฮับพี่ ส่งมาทางอีเมล์ก้อได้หง่ะ sirisanthiti@hotmail.com ฮับ
โดย: Kids IP: 58.10.9.125 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:39:17 น.
พระอาจารย์มหาผ่อง ชมาฤกษ์ ปัจจุบันยังไม่มรณภาพ(ตรงรูปปั้นเขียนผิด)
โดย: จรูญ IP: 203.113.0.206 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:05:57 น.
พระอาจารย์มหาผ่อง นามสกุลท่านคือสมาฤกษ์หรือชมาฤกษ์ เป็นนามสกุลอันเดียวกันแต่เขียนต่างกัน เพราะสมัยก่อนอาจจะออกเสียงเหมือนแต่เขียนต่าง
โดย: หลานท่านเอง IP: 203.113.0.206 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:14:33 น.
ได้ความรู้ในการเที่ยวลาวมากเลยขอขอบคุณป้ามากๆๆๆๆๆ
โดย: dong@.com IP: 113.53.47.178 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:10:32:56 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
nipapornv
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add nipapornv's blog to your web]
Links
แผนที่เกาะสมุย
สโรชา วิลล่า(สมุย)
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
เลยกะว่าจะนั่งรถบัสไปเอา แต่ก็เก็บข้อมูลเหมือนกันค่ะ จะแวะมาเก็บข้อมูลด้วยคนนะคะ