Group Blog
ไดอารี่รักกลับด้าน
พฤษภาคม 2549
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
9 พฤษภาคม 2549
อยากบอกเธอ รักครั้งแรก
All Blogs
อยากบอกเธอ รักครั้งแรก
อยากบอกเธอ รักครั้งแรก
ชีวิตผมกว่าจะโตมาได้จนถึงบัดนี้นั้นผ่านผู้หญิงมามาก...
ผมหมายถึงผ่านจริงๆ คือผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แล้วก็ไม่ได้ผ่านไปเฉยๆ แต่ยังทิ้งความรันทด น่าสมเพช กระทั่งความทุเรศเอาไว้กับตัวผมมากมาย
คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าความไม่สมหวังในความรัก หรือศัพท์ชาวบ้านที่เรียกว่าอกหักนั้น คือเรื่องเศร้า คือสิ่งที่ไม่น่าจดจำ และต้องพยายามทำใจหรือทำอะไรก็ได้เพื่อให้ลืมช่วงเวลานั้นไปให้เร็วที่สุด
แต่ผมกลับจะบอกอีกอย่างหนึ่งว่า หากเราลองพลิกกลับด้าน มองความอกหักในอีกแง่มุมหนึ่งอย่างที่เราไม่เคยมอง เราอาจจะพบว่า ในมุมกลับกันนั้นความอกหักยังแฝงไว้ด้วยเรื่องราวสนุกสนานมากมายที่เกิดขึ้นในครั้งหนึ่งๆ ของชีวิต จนผมเองยังอดไม่ได้ที่จะต้องบันทึกเรื่องราวเหล่านั้นเอาไว้ในไดอารี่รักกลับด้านเล่มนี้ เผื่อว่าในวันหนึ่งวันใดมีใครที่กำลังท้อแท้สิ้นหวังกับความรักจับพลัดจับผลูได้เข้ามาอ่าน ก็จะได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว ความอกหักมันก็เป็นแค่เรื่องขำๆ เรื่องหนึ่ง ที่ผ่านเข้ามาให้ชีวิตของเรามีสีสันบ้าง...ก็เท่านั้นเอง
เขาว่ากันว่า ผู้หญิงมักจะไม่มีวันลืมรักครั้งแรก อันนี้จริงหรือเปล่าผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตัวผมเองก็ไม่มีวันที่จะลืมรักครั้งแรกเหมือนกัน แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นตอนผมเพิ่งอายุได้เพียง 9 ขวบก็ตาม
รักครั้งแรกของเด็กประถมอย่างผม ไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าการได้แอบมองเธอคนนั้น เธอคนที่ทำให้ดอกไม้เบ่งบานในหัวใจดวงน้อยๆ ของผม
เธอเป็นเด็กผู้หญิงผมยาวน่ารักที่ชื่อว่า "จอย" (นามสมมติ) ชีวิตของเราสองคนนั้นค่อนข้างห่างกันมาก คือปกติเวลาเรียนจอยมักนั่งอยู่แถวหน้าสุดเป็นประจำ ในขณะที่ผมจะนั่งอยู่แถวหลังสุดเป็นประจำ ทำให้โอกาสที่จะได้พูดคุยกันนั้นมีเพียงตอนพักกลางวันกับตอนเย็นเท่านั้น (ส่วนตอนเช้าแค่มาให้ทันเข้าแถวเคารพธงชาติผมก็ต้องวิ่งลิ้นห้อยทุกวันอยู่แล้ว เรื่องคุยไม่ต้องพูดถึง)
ตอนพักกลางวันหลังจากกินข้าวเสร็จ เพื่อนสนิทของผมซึ่งรู้ว่าผมแอบชอบจอย มักจะดันหลังให้ผมชวนจอยไปซื้อลูกชิ้นปิ้ง ไม่ก็หวานเย็น หรือไอศกรีมข้างโรงเรียนด้วยกันเพื่อเป็นการทำความสนิทสนมคุ้นเคยกันให้มากขึ้น แต่ผมซึ่งไม่เอาถ่านและขี้อายแต่ไหนแต่ไรมามักจะได้แต่ไปยืนยิ้มแห้งๆ และบอกกับเธอแค่สองคำว่า "ไปมั้ย" พร้อมกับชี้มือไปที่ข้างโรงเรียน และทุกครั้งที่ผมชวน เธอก็จะปฏิเสธด้วยคำพูดสั้นๆ ว่า "ไม่ไป" ทุกครั้งเหมือนกัน ซึ่งผมก็จะวิ่งกลับมาหาเพื่อนด้วยความอายเป็นเท่าทวีคูณจนเพื่อนมักจะด่าว่าไม่ได้เรื่องทุกครั้ง
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามมักจะต้องมีคู่แข่งอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กอย่างผมที่ก็มีคู่แข่งในเรื่องความรักเหมือนกัน ด้วยความน่ารักของเธอ จอยไม่ได้เป็นที่สะดุดตาของผมเท่านั้น เธอยังเป็นที่ต้องตาของเพื่อนๆ ทั้งห้องเดียวกันและห้องข้างๆ มีทั้งนักดนตรีและทั้งนักกีฬา ดังนั้นเวลาที่โรงเรียนมีจัดแข่งขันฟุตบอลทีไร พวกนั้นมักจะโชว์ออฟให้จอยได้เห็นความเก่งของตัวเองอยู่บ่อยๆ ผมเองซึ่งไม่เอาอ่าวแม้กระทั่งฟุตบอลพลาสติกแต่ก็ยังอุตส่าห์มีความพยายามแข่งกับพวกนักฟุตบอลถึงขนาดลงไปให้เขาล่อหลอกจนล้มลุกคลุกคลานแข้งขาถลอกปอกเปิกกลางสนามฟุตบอลต่อหน้าเธอก็หลายครั้ง โดนฟุตบอลเตะอัดจนหน้าเขียวมาก็หลายที
ผมมาลองคิดๆ ดู ในเมื่อมีบรรดาคู่แข่งที่เก่งกว่าเช่นนี้ ผมคงต้องหาทางปิดศึกให้ได้เร็วที่สุด (จริงๆ จะใช้คำว่าเผด็จศึกแต่รู้สึกว่ามันน่าเกลียด)
โรงอาหารของโรงเรียนผมจะยกพื้นสูง มีไม้ลูกกรงกั้นรอบด้านประมาณครึ่งตัวและคนที่นั่งกินอยู่ข้างในจะอยู่สูงกว่าคนที่อยู่ข้างนอก ซึ่งปกติหลังจากกินเสร็จคนกินจะต้องถือจานเดินลงบันไดไปออกประตูและอ้อมมาข้างนอกเพื่อเอาจานแช่ในอ่างล้างจานด้านหลังโรงอาหารด้วยตนเองทุกคน
วันนั้นผมเห็นแล้วว่าจอยนั่งกินอาหารกลางวันอยู่ในโรงอาหารริมนอกสุดติดลูกกรงใกล้กับอ่างล้างจานนั่นเอง ผมลงทุนไปแอบยืนรออยู่ข้างอ่างล้างจาน เพื่อที่ว่าเวลาเธอกินเสร็จผมจะได้ช่วยรับชามก๋วยเตี๋ยวของเธอนั้นเอามาเก็บให้โดยที่เธอไม่ต้องเหนื่อยเดินอ้อมลงมาเก็บเอง เป็นการทำคะแนนด้วยวิธีการของผมเองโดยไม่ให้เพื่อนผมรู้
พอเธอกินเสร็จและถือชามก๋วยเตี๋ยวลุกขึ้นยืนผมก็รีบกระโดดออกมาแสดงตัวและบอกกับเธอทันที
"เราเก็บจานให้นะ"
นี่ถ้าเป็นหนังโรแมนติกประโยคนี้คงดังขึ้นพร้อมกับเสียงดนตรีซึ้งๆ ท่ามกลางภาพมัวๆ
แต่ไม่รู้ว่าเสียงของผมที่หลุดพรวดออกมาจากความตั้งใจแน่วแน่มันจะดังเกินไปจนกลายเป็นตวาดหรืออย่างไรไม่ทราบ จอยสะดุ้งเฮือกสุดตัวชามที่ถืออยู่หลุดมือเทพรวดลงมา น้ำก๋วยเตี๋ยวผสมพริกป่นไม่รู้มีเท่าใดแต่ผมว่าคงไม่ต่ำกว่าครึ่งชามได้ราดลงมาตั้งแต่คอจวบจนหมดทั้งเสื้อทั้งกางเกงผม ผมจำไม่ได้ว่ามันแสบจากบนก่อนแล้วลงล่างหรือจากล่างแล้วขึ้นบน แต่จำได้ว่าเสียงจอยร้องอุทานดังยิ่งกว่าเสียงชามที่หล่นลงมาแตกซะอีก เล่นเอาผมยืนงงท่ามกลางสายตาของคนทั้งโรงอาหารที่หันมามองกันเป็นตาเดียว
อาจจะเป็นเพราะวีรกรรมที่ทำเพื่อเธอในครั้งนั้นทำให้ผมชนะใจเธอก็เป็นได้ เพราะวันต่อมาจอยเป็นฝ่ายเข้ามาพูดกับผมก่อน และบอกกับผมท่ามกลางความอิจฉาริษยาของเพื่อนชายหลายคนในห้องว่า
"เธอ วันนี้เดินกลับบ้านกับเราไหม"
ผมไม่รอช้าที่จะตกปากรับคำในทันใดด้วยหัวใจที่แสนจะลิงโลด เย็นวันนั้นท้ายชั่วโมงวิชาพลศึกษาซึ่งเป็นวิชาสุดท้ายของวัน ผมก็พักเหนื่อยด้วยการไปนั่งเล่นริมขอบใต้ถุนโรงเรียน คือโรงเรียนของผมจะยกพื้นสูง ใต้โรงเรียนจะเป็นช่องที่มีน้ำขังอยู่ลึกพอสมควร มีทางเดินเหนือน้ำตามแนวคานของใต้ตัวตึกที่เด็กตัวเล็กๆ อย่างผมสามารถปีนลงไปเดินเล่นได้ น้ำใต้ถุนโรงเรียนใสแต่ไม่สะอาดนัก
วันนั้นผมนั่งพักอย่างสบายอารมณ์จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงกริ่งหมดเวลาเรียนที่ดังได้ครู่หนึ่งแล้ว ผมมัวแต่สนใจอยู่กับหนอนเล็กๆ ตัวหนึ่งที่คืบคลานอยู่บนกาบมะพร้าวแห้งที่ลอยน้ำใต้ถุนโรงเรียนนั้น และนึกกระหยิ่มอย่างอยากจะแกล้งมันด้วยการใช้ไม้เขี่ยให้มันตกน้ำเล่นซะอย่างนั้น แต่ไม้มันสั้นทำให้ผมต้องยงโย่ยงหยกชะโงกตัวออกไปเหนือน้ำ เอื้อมอย่างสุดตัวเพื่อจะเขี่ยให้ถึงตัวหนอน กะว่าจะเขี่ยเอามันลงน้ำให้ได้
เสียงกุกกักด้านหลังทำให้ผมเหลือบกลับมามองแวบหนึ่งทันได้เห็นจอยมายืนพร้อมรอยยิ้มแสนน่ารัก และทันได้เห็นกระเป๋าหนังสือของผมในมือเธอที่เหวี่ยงมาแต่ไกล
พระเจ้าช่วยกล้วยทอด กระเป๋าถูกเหวี่ยงมาโดนลำตัวผมไม่ได้แรงอะไร แต่ไม่รู้ทำไมในขณะนั้นตัวผมถึงกับเสียหลักลอยละลิ่วลงไปในน้ำเสียงดังตูมใหญ่
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากนั้น ได้ยินแต่เสียงอื้ออึงของใครหลายๆ คน คลับคล้ายคลับคลาว่าเพื่อนๆ จะช่วยกันดึงผมขึ้นมาจากน้ำใต้ถุนโรงเรียนที่ท่วมมิดหัว
เพื่อนคนหนึ่งเอากระเป๋ามาคืนให้ผมในขณะที่ผมยืนล้างตัวร้องไห้โฮอยู่ที่ก๊อกน้ำหน้าโรงเรียน
ผมไม่รู้ว่าจอยหายไปจากที่นั่นตั้งแต่เมื่อไร ได้ยินแต่เพื่อนพูดกันว่าจอยคนที่ผลักผมตกน้ำวิ่งร้องไห้กลับบ้านไปแล้ว
ผมไม่รู้ว่าวันรุ่งขึ้นทั้งครูใหญ่ทั้งครูประจำชั้นเรียกจอยไปคุยอะไรบ้าง แต่หลังจากนั้นจอยก็ไม่มองหน้าและไม่ยอมพูดกับผมอีกเลย
แม้จนกระทั่งจบปีการศึกษานั้นและจอยได้ย้ายโรงเรียนไปแล้ว ผมเองก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าวันนั้นจอยผลักผมตกน้ำด้วยสาเหตุอะไร
เฮ้อ...จบครับ
Create Date : 09 พฤษภาคม 2549
Last Update : 9 พฤษภาคม 2549 11:10:14 น.
11 comments
Counter : 2316 Pageviews.
Share
Tweet
เรื่องน่ารักจังเลยนะคะ อ่านแล้วทำให้อยากรู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร สาวเจ้าจึงผลักคุณตกน้ำเสียอย่างนั้น
อีกอย่าง ที่บอกว่า ผู้หญิงไม่ลืมรักครั้งแรก... เราว่าจริงอยู่หรอกค่ะ แต่ว่าไอ้รักสมัยประถมน่ะ ดั้นลืมไปหมดแล้ว... ฮะๆๆ
โดย:
Mocha Macchiato
วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:09:17 น.
จำโคตรแม่นเลยนะคะ
น้องจอยอาจจะหมั่นไส้น้องหนอนที่ ทซ ให้ความสนใจมากเกินไปก็ได้นะ
เลยผลักเสียเลย เหอๆ
บล็อกนี้ ตนๆ ได้บรรยากาศ คิดเหมือนกันหรือเปล่า จัง
หรือป๋มคิดไปเองเนี่ย
โดย:
jengly
วันที่: 10 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:14:36 น.
โอยขำ 555555
เล่าได้น่ารักดีอะ ตะแน้วตะแหน่ว 5555555
โดย: พส IP: 58.8.57.81 วันที่: 10 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:58:04 น.
ตะแน้วตะแหน่ว
โดย:
แม่มดพันปี
วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:46:33 น.
คุณมอคค่า มากิอาโต้
ขอบคุณครับที่เข้ามาเยี่ยมเยียนอย่างรวดเร็วและว่องไว แปะยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลย
จริงๆ แล้วผมรู้นะครับว่าน้องจอยผลักผมทำไม (ตามเนื้อเรื่องเขียนทิ้งท้ายเอาไว้ให้ทายกันเล่นๆ) คำตอบอยู่ในเนื้อเรื่องอยู่แล้วครับ ผมสงสัยว่าผมเขียนไม่เคลียร์หรือไม่งั้นก็เน้นฉากตกน้ำมากไปหน่อยก็เลยอาจจะไม่ชัดเจนตรงนี้
เอาเป็นว่ายังไม่บอกดีกว่า อิอิอิ ลองเข้ามาอ่านกันดูอีกที หรือใครเข้ามาอ่านทีหลังลองสังเกตเนื้อเรื่องช่วงหลังๆ กันดูอีกทีนะครับ
คุณเจ็งลี่
จำแม่นสิครับ ก็มันเป็นรักครั้งแรกของผมนี่นา
ขอบคุณคร้าบที่เข้าเยี่ยมชมบล็อกตะแหน่วๆ แห่งนี้
ว่าแต่บรรยากาศเหมือน "คิดเหมือนกันหรือเปล่า" จริงๆ เหรอ อิอิ อย่าชมกันอย่างนั้นสิครับ ผมฝีมือไม่ถึงขั้นนั้นหรอก
หมายเหตุ บางท่านอาจจะงง "คิดเหมือนกันหรือเปล่า" เป็นนิยายเก่าในพันทิพที่ดังมากๆ เมื่อนานมาแล้ว
คุณพด เอ๊ย พอสอ
ขอบคุณพอสอพี่สาวมากๆ ครับที่เข้ามาให้กำลังใจกัน ผมก็ติดความตะแน้วตะแหน่วมาจากพี่สาวน่ะแหละ 55555
คุณแม่มดพันปี
อาจจะเป็นเพราะว่าผมเป็นคนหวานๆ ก็ได้มั้งครับ พยายามเขียนเรื่องเล่าเบาสมองแล้วแต่มักจะก็ออกแนวหวานแหวว ตะแหน่วๆ ทุกที
หมายเหตุ ชื่อมันไม่ยอมขึ้นอมยิ้มต่อท้ายให้ ขออภัยที่ต้องใส่เอง
โดย: untitled(อมยิ้ม) IP: 203.152.24.226 วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:58:17 น.
ยังไม่อัพอีก
ดองจริงๆ
โดย:
jengly
วันที่: 24 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:34:24 น.
มป หายไปเลย
โดย:
หมาเลี้ยงแกะ
วันที่: 7 มกราคม 2550 เวลา:3:32:41 น.
ความอกหักมันเป็นสิ่งที่ทำหั้นผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีนิสัยคิดมากนั้นอาจทำลาย ชีวิตของตนองด้ เพราะว่ารักมากแล้วก็เจ็บใจมากเหมือนกัน
โดย: เรารักเต้ IP: 203.188.32.32 วันที่: 7 มิถุนายน 2550 เวลา:18:37:55 น.
เอาล่ะควารักเป็นสิ่งที่สวยงามถ้าหัดมองข้ามความปวดร้าวมองความเป็นจิงชั่วคราวว่าเราสองคนรักกัน พรุ่งนี้จะเป็นยังงัยฉันไม่รู้แต่ที่รู้คือเราสองคนยังรักกัน
โดย: เรารักเต้ IP: 203.188.32.32 วันที่: 7 มิถุนายน 2550 เวลา:19:17:00 น.
ตอนแรกอ่านไปยิ้มไป แต่ทำไมตอนจบมันเศร้า ๆ อย่างนี้ล่ะค่ะ แล้วจอยผลักพี่ตกน้ำทำไมอ่ะ หรือว่าพี่ไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจก่อนหน้านั้นหรือเปล่า หรือว่าไปรังแกสัตว์เลี้ยงของเขา (ตัวหนอน) มั่วแระ...ฮ่าฮ่า
แต่ยังไงก็ถือว่าหนึ่งในความทรงจำที่ดีค่ะ
โดย: อัยเองค่ะ IP: 122.31.191.143 วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:20:50:35 น.
จริงๆ แล้วจอยไม่ได้ผลักพี่ตกน้ำครับน้องอัย เพียงแต่ว่าเลิกเรียนเย็นวันนั้นเธอใจดีช่วยหยิบกระเป๋าจากห้องเรียนมาให้พี่ แต่อาจจะด้วยความเขินของจอยหรือยังไงไม่ทราบ เธอไม่เรียกแต่เหวี่ยงกระเป๋ามาให้พี่เบาๆ เท่านั้นเองครับ ตูมหล่นลงน้ำไปเลย - -"
ขอบคุณนะครับน้องอัยที่มาเยี่ยมเยียนบล็อกที่ร้างว่างเปล่า นึกว่าต้องปิดซะแล้ว ^^
โดย: untitled IP: 124.120.240.126 วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:0:40:51 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
untitled
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
หมาเลี้ยงแกะ
jengly
แมวใบตอง
สาวน้อยร้อยแปด
แม่มดพันปี
ฮันโซ
airis
Webmaster - BlogGang
[Add untitled's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
อีกอย่าง ที่บอกว่า ผู้หญิงไม่ลืมรักครั้งแรก... เราว่าจริงอยู่หรอกค่ะ แต่ว่าไอ้รักสมัยประถมน่ะ ดั้นลืมไปหมดแล้ว... ฮะๆๆ