มีนาคม 2553

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
21
22
24
26
28
29
30
31
 
 
ตอนที่ 6 การกลับมาของแม่ทัพ ..... และเมื่อฉันพร้อมจะสู้ 2
รุ่งช้าอาร์มตื่นขึ้นมาเห็นเพียงซ้องส์นั่งกินข้าวกับเคิร์กส่วนจอห์นสันไปแล้ว
“ลิปดาล่ะ” อาร์มถามอย่างสงสัย
“พี่ลิปดาไปแล้วค่ะ ออกไปพร้อกกับพี่คารินและก็เพื่อนๆ พี่คาริน รวมทั้งจอห์นสันด้วย” ซ้องส์บอกเขา
“พวกเขาไปไหนกัน”
“ไม่รู้ค่ะ”
“ท่าทางแปลกๆ” เขาคิดอย่างสงสัย
ต้องมีอะไรแน่ๆ อาร์มนั่งลงกินข้าวด้วยอีกคน
“แล้วนี่ป้าอังกาจะกลับเมื่อไหร่กัน”
“พรุ่งนี้ค่ะ”
“วันนี้พี่เคิร์กต้องไปส่งซ้องส์ที่โรงเรียนด้วยนะคะ” เธอหันไปบอกเคิร์กที่พยักหน้ารับทราบ

ขณะเดียวกันที่โบสถ์บนเขา ลิปดา คาริน ปีเตอร์ จิมมี่ จอห์นสันและบาทหลวงกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่
จอห์นสันเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมวงกับทุกคนต่างก็ประหม่านิดๆ เจสันเข้ามาสมทบอีกคน
“นี่นายอยู่ที่นี่เหรอ” จิมมี่เอ่ย
“ฮืม.....เมื่อเดือนก่อนผมถูกคนของ MaxLava ตามล่าพวกมันต้องการราชากระเรียนของผม” เขาเอ่ย
“แต่โชคดีที่พบกับคุณลิปดาและโทมัสมาช่วยไว้”
“พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้วสินะ” คารินเริ่มประเด็น
“มันต้องการต้อนให้เราจนมุม” เจสันบอก
“ดูเหมือนว่าราชานกยูงจะอยู่กับพวกมันแล้ว” ปีเตอร์เสริมอีกคน
“เจ้าบ้านั่น มันต้องการประกาศสงครามกับพวกเราจริงๆ เมื่อ 14 ปีก่อนมันทำไม่สำเร็จมันต้องการที่จะกลับมาอีกครั้ง” คารินเอ่ยอย่างโกรธแค้นกับเรื่องเมื่อคืนนี้
“พวกมันต้องการปีกราชา....” จิมมี่เอ่ยอย่างสงสัย
จอห์นสันยังงงกับเรื่องที่ทุกคนพูดอยู่
“เอ่อ...ผม ว่า.....นะ” เขาเอ่ยขัด
“จอห์นสันไม่ใช่เวลานายพูดนะ” จิมมี่หันไปดุน้อง
“ก็ผมยังสงสัยนิว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกพี่มันเรื่องอะไรกันทำหน้าเครียดตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว และลิปดาด้วยล่ะ” เขาหันไปทางลิปดาที่ยังนั่งเงียบอยู่
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้อะไรเลยสินะ” หลวงพ่อเอ่ย
“ขอโทษครับคุณพ่อพี่ผมไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรให้เขารู้มาก”
“แต่เขาก็ควรที่จะได้รู้ในฐานะของราชานกเค้แมวรุ่นที่ 2 นะ” ปีเตอร์แนะ
จิมมี่พยักหน้ารับทราบ
“ฟังนะจอห์นสัน นับจากนี้ไป การเล่น AT ของนายตามข้างถนนมันจะจบลงแล้ว ต่อไปนายจะต้องสู้ในสมรภูมิ นายจะต้องสู้ให้สมศักดิ์ศรีของราชา เพราะนายเป็นปีกของราชาอินทรีสีน้ำเงิน” จิมมี่จับบ่าทั้งสองของน้องชาย
“ปีกของราชาอินทรีสีน้ำเงิน” จอห์นสันอ้าปากค้าง
“สมรภูมิ....”
“ดูเหมือนจะยังไม่รู้สินะ.....” เจสันเอ่ย
“การที่พวกเรามารวมตัวกันที่นี่นั่นก็แสดงว่าสมรภูมิรบได้เปิดออกแล้ว พวกเราจะต้องสู้กับกองปฏิวัติที่ใช้ชื่อว่า MaxLava ที่ต้องการโค่นล้มอำนาจของทหารและยึดครองประเทศเราเมื่อ 14 ปีก่อน พวกเราในฐานะปีกราชา ไม่สิในฐานะทหารที่ปกครองประเทศเมื่อ 14 ปีก่อน เราจะต้องต่อสู้เพื่อเอาความอิสระ และความสงบสุขกลับคืนมา”
จอห์นสันเหมือนจะตามทัน เพราะพี่เขาพร่ำบอกเรื่องที่ให้ติดตามหาอินทรีสีน้ำเงินมาตลอด
“คาริน.....เธอคิดว่าไง เธอจะหนีอีกไหม?” ปีเตอร์หันไปถามคาริน
“เมื่อก่อนฉันอาจจะขี้ขลาดก็จริงที่เอาแต่วิ่งหนีความหวาดกลัว ฉันกลัวการสูญเสีย แต่ถ้าเราวิ่งหนีเราก็จะยิ่งสูญเสีย บาดแผลเก่าแม้มันจะไม่หายดีนะ แต่ฉันก็ไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นอีกโดยเฉพาะกับคนบริสุทธิ์ ดังนั้นฉันพร้อมจะสู้” เธอคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ต้องอกสั่นขวัญหายกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลิปดา
“เฮอะๆๆ......” เสียงบาทหลวงผู้สูงวัยหัวเราะชอบใจ
“แล้วลูกล่ะลิปดา”
“หนูเองก็ต้องการความสงบสุขคืนมาเหมือนเดิม หนูไม่ต้องการอะไรมากขอแค่วันนี้ พรุ่งนี้ หนูยังมีชีวิตอยู่ มีพี่คาริน อาร์ม ซ้องส์ และป้าอังกา เท่านั้นก็พอ” เธอหันไปมองพี่สาวคนเดียวที่นั่งอยู่ไม่ห่าง
“แม้ว่ามันอาจจะต้องแลกด้วยการสูญเสียอีกก็ตามที”

“ได้โปรดร่วมต่อสู้กับฉันเถอะค่ะทุกคน ฉันจะไม่ทำให้พวกเราแพ้ แม้ปีกจะฉีกเป็นชิ้นๆ ฉันก็จะปกป้องทุกคนภายใต้ปีกของฉันเอง ฉันจะกางปีกนี้เพื่อบดขยี้ปีศาจพวกนั้นให้แหลกเละและทวงความสงบสุขมาให้ทุกคนเอง” เสียงแข็งกร้าวกรีดลึกลงไปในใจของทุกคนอย่างทรงพลัง
“ลิปดา....” จอห์นสันเรียกเธอออกมาอย่างไม่รู้ตัวเขาไม่เคยเห็นลิปดาทำหน้าเอาจริงขนาดนี้ ผู้หญิงที่แสนอ่อนหวานของเขา สีหน้าและน้ำเสียงเธอตอนนี้ราวกับแม่ทัพที่กำลังปลุกขวัญกำลังใจให้กับเหล่าพลทหารจนเขาเองยังรู้สึกว่ามีพลังมหาศาลแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
“ฮืม.......” พ่อลุกขึ้นยืน
“จุดมุ่งหมายของพวกมันคือราชาสินะ ตอนนี้ที่ใช้กันอยู่คือชิ้นส่วนจำลองคารินลูกยังเก็บเอาไว้ดีใช่ไหม”
“ค่ะ”
“แล้วลูกจะใช้มันอีกครั้งไหม ปีกอีกา”
“เรื่องนั้น.....ลูกคงจะทำไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมล่ะคาริน” จิมมี่ถามอย่างตกใจ
ลิปดามองหน้าพี่สาวด้วยสายตาที่เศร้าใจ
“ตั้งแต่ที่ลิปดาเจอกับปฏิวัติคราวนั้นได้เห็นการนองเลือดและการสู้กันของเหล่าทหารกับพวกปฏิวัติ เห็นพวกพร้องต้องบาดเจ็บ เห็นคนสำคัญต้องเสียชีวิต เห็นเพื่อนสนิทต้องขาขาดที่เข้ามาปกป้องเธอ .....” ลิปดาเอ่ย
จิมมี่อึ้งบาดแผลในใจคารินตอนนั้น
“พี่คารินก็ไม่กล้าจับมันขึ้นมาอีก แม้จะถือก็ยังสั่นเลยค่ะ” เธอเอ่ยด้วยเสียงเศร้า
“คาริน” จิมมี่ครางออกมา
“แล้วเราจะทำยังไง”
“แต่อาร์มเขาใช้มันได้นะ” จอห์นสันเสนอ
“ถ้าเป็น AT คู่นั้น มันตอบสนองอาร์ม ก็พี่บอกว่าปีกราชามันเลือกเจ้าของไม่ใช่เหรอ ถ้าหมอนั่นมันใช้ได้ก็แสดงว่าเขาสามารถที่จะเป็นราชาได้”
“อาร์มงั้นเหรอ” บาทหลวงเอ่ย
“แต่....ฉันไม่อยากให้เขาต้องมาแบกรับความลำบากเรื่องนี้ พ่อแม่เขาเองก็ต้องมาเสียชีวิตไปเพราะช่วยคุณพ่อวิจัยเรื่องนี้ ฉันไม่อยากจะเจอเรื่องร้ายๆอีก แค่ลิปดาคนเดียวฉันก็......” คารินเอ่ยทั้งน้ำตา ลิปดากอดพี่สาวเอาไว้
“พี่คะ พี่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันน่ะเกิดมาพร้อมกับความเป็นอัจฉริยะ ฉันเกิดมาเพื่อแบกรับภาระพวกนี้ดังนั้นฉันจะต้องสู้ สำหรับอาร์มเขาเองก็เหมือนกัน อยู่ที่ว่าเขาจะสู้กับเราหรือจะสู้กับศัตรูของเราเท่านั้นเอง” ลิปดาเอ่ย
“ใช่....เจ้านั่นมันยังตัดสินใจไม่ได้นิว่าจะเข้ารวมกลุ่มกับ MaxLava ดีหรือเปล่า แต่ถ้าเราได้ลองบอกเขา เขาอาจจะช่วยพวกเราก็ได้”
“ไม่......” ลิปดาปฏิเสธเสียงแข็ง
“ให้เขาได้บินไปตามทางที่เขาเลือก มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกค่ะหากเขาจะมาร่วมต่อสู้กับเรา เขาเพียงแค่อยากจะเดินตามทางของตัวเองเท่านั้น ภาระเรื่องนี้มันเป็นหน้าที่ของฉัน ฉันก็พร้อมที่จะทุ่มเทชีวิตเพื่อที่จะบดขยี้ศัตรูของเรา” เธอประกาศเสียงกร้าว ทำเอาคารินอึ้ง จอห์นสันเองก็อึ้งเหมือนกัน


อาร์มเดินไปโรงเรียนคนเดียวเขาคิดเรื่องต่างๆมากมายของเมื่อคืนละยังเรื่องของลิปดาอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน
“อาร์ม คะ” เสียงใสๆเรียกเขาจากบนรถเก๋งคันสวย
มิเซลล์นั่นเอง
อาร์มกระโดดข้ามรั้วไปหา มิเซลล์ลงจากรถ
“มาทำอะไรที่นี่ครับ” อาร์มมองเสื้อนักเรียนของเธอยังเป็นนักเรียนม.ปลาย
“พอดีผ่านมาทางนี้ค่ะ เห็นคุณเดินเหม่ออยู่คนเดียวก็เลยสงสัย”
“ฮืมม.....”
“ฉันเอาคอร์เสริมมาให้ด้วยค่ะ” เธอตอบอายๆถึงจุดประสงค์จริงๆ
“ขอบใจ” อาร์มรับมันมาถือ
“ฉันน่ะชอบคุณมากเลยนะคะ ฉันอยากจะเห็นคุณบินบนฟ้า คุณจะต้องบินได้สูงแน่ๆเลยค่ะ” หน้าตาอันสดใสของอีกฝ่ายทำเอาชายหนุ่มใจสั่น
“มันแน่อยู่แล้วผมจะบินให้ดูด้วย AT คู่นั้น” อาร์มโพสท่อย่างเท่ห์ๆ
“งั้นฉันลาก่อนนะคะ” เธอบอกลาชายหนุ่มไป

อาร์มได้แต่ยิ้มกับของที่ได้รับมา
แต่พอมาถึงห้องเรียนไม่เห็นเงาของลิปดาก็หงุดหงิด เขาจึงถือโอกาสโดดเรียนบ้าง
“นายจะไปไนน่ะ” ทานุถาม
“ขี้เกียจเรียนแล้วอ่ะ” เขาเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนเสียงเรียกของซอยกับทานุ
อาร์มเดินขึ้นสะพานไปเรื่อยๆอย่างใช้ความคิด
มันจะต้องมีเรื่องที่เขาไม่รู้ ทุกคนกำลังปิดบังอะไรเขาอยู่โดยเฉพาะลิปดา ภาพวันเก่าๆที่เคยวิ่งเล่นกันโผล่เข้ามาให้หัวเขา เขาน่าจะเป็นคนที่รู้จักเธอดีที่สุด แต่ก็ไม่ใช่เลย
อาร์มเดินเรื่อยจนมาถึงกลางสะพานก็ต้องตกใจที่พบร่างบอบบางกำลังนั่งมองดูแม่น้ำอยู่คนเดียวสายลมพัดผ่านมาผ่านร่างของเธอเบาหวิวราวกับว่าเธอกำลังลอยไปกับกระแสของลมได้ เส้นผมสีชมพูยาวที่ถูกรวบด้วยลิปบิ้นสีขาวปลิวสลายตามแรงลม
“ลิปดา” เขาเรียกเธอเบาๆ
หญิงสาวหันมามองเขา
“อาร์ม นี่ไม่ไปเรียนเหรอ”
“ฉันน่าจะเป็นคนถามเธฮต่างหาก ไปไหนกันตั้งแต่เช้า แล้วยังมาโผล่ที่นี่อีก” เขาดุเธอตามเคย
ลิปดาทำหน้าสำนึกผิด
“ก็แค่อยากจะมาสูดอากาศดีๆน่ะสิ อาร์มดูสิ โอโซนกำลังลอยจากผิวน้ำขึ้นมา มันช่างสดชื่นจริงๆ” เธอพูดราวกับเห็นสิ่งเหล่านั้นจริงๆ
“ยัยบ้าเอ้ย....มันจะมองเห็นได้ยังไงล่ะ”
ลิปดาลุกขึ้นยืนเธอกางแขนออกเงยหน้าขึ้นมองฟ้า
“ท้องฟ้าช่างสวยจริงๆเลยนะ” เธอเอ่ย
อาร์มตะลึงค้างเมื่อมองเธอแสงอาทิตย์ยามเช้าสะท้อนร่างบอบบางเขาเหมือนเห็นปีกของเธอกางออกอย่างสวยงาม
“ปีก...สีน้ำเงิน” เขาครางออกมา
ลิปดาหันมามองเขาแล้วยิ้ม
“อาร์มไหนบอกว่าอยากจะบินไงล่ะ มาสิ.....บินไปกับฉันไหม?”เธอเอ่ย
แต่เขากลับทำหน้าเซ็ง
“ไม่เอาล่ะ เรื่องบินอะไรนั่นฉันไม่ได้ต้องการอยู่แล้ว ที่อยากเล่น AT ก็แค่อยากจะลองวิ่งไปกับคุณเคย์ก็เท่านั้นเอง” เขาเอ่ย
“งั้นเหรอ ดีจังเลยนะ” ลิปดาซ่อนสีหน้าผิดหวังเอาไว้เธอเดินไปบนขอบสะพานอิฐอย่างคล่องแคล่ว
“และฉันอยากจะเก่งขึ้นๆไปอีกนะ ก็เพราะฉันอยากจะก้ามข้ามคนๆหนึ่งอยู่”
ลิปดาหยุดเดินหันมามองเขา
“คนที่ทำให้ฉันอยากจะเก่งเพื่อที่จะได้ข้ามไปนั้นคือคนที่เคยขึ้นไปเหยียบเสานั้นเป็นคนแรกไงล่ะ” อาร์มชี้ขึ้นไปข้างบนเสาของสะพาน ลิปดาเงยหน้ามอง
“เขาเป็นใครงั้นเหรอ”
“Darkly blue eagle ไงล่ะ” สายตาของเขาดูจริงจังอย่างชัดเจน

ลิปดามองหน้าเขานิ่งแล้วกระโดดลงตาตรงหน้าอาร์ม เธอชี้นิ้วมาที่หน้าเขา
“งั้นฉันขอสั่งในฐานะของครูผู้สอน AT ให้ นายจงเก่งขึ้นๆไปอีก อย่ายอมแพ้แม้ทางข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไรเพื่อสิ่งที่นายต้องการแล้วก็จงสู้ยิบตา เพื่อที่จะเก่งดังนั้นนายจะต้องฝึกให้หนักอย่าถอยแม้แต่ก้าวเดียว”
อาร์มยิ้ม
“มันก็แน่อยู่แล้วล่ะ”
ทั้งสองจึงเดินกลับด้วยกัน
“วันนี้โดดเรียนแล้วจะไปไหนกันดีล่ะ”
“วันนี้เราไปซ้อมกันดีกว่า ซ้อมบนเขาโน้นดีไหม?” เขาเสนอ
“ก็เอาสิ”
แต่จอห์นสันโทรมาหาลิปดาก่อนที่จะไปถึงเขา
“จอห์นสันโทรมาว่าไงล่ะ” อาร์มอดถามไม่ได้
“เขาขอให้ฉันช่วยทำข้าวกล่องให้น่ะ หมายถึงให้พี่ชายเขา พอดีพี่จิมมี่มาประชุมที่เขตกลางต่อก็เลยอยากทานกับข้าวฝีมือฉัน” ลิปดาบอก
“อะไรของเขาน่ะ” เขาบ่นอย่างหัวเสีย
“งั้นนายไปรอฉันที่เขาก่อนนะ แล้วฉันจะตามไป”
“ฮืม...” อาร์มอดเซ็งกับจอห์นสันไม่ได้แต่ก็ต้องไปรอลิปดาที่นั่นอย่างเดียว
.............
อาร์มขึ้นไปฝึกการไต่เขาอยู่คนเดียวอย่างเซ็งๆ พลันมีสายลมพัดผ่านมาอย่างรุนแรงทำเอาเขาเสียหลักร่วงจากโขดหินลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้นเคราะห์ดีที่มันไม่สูงมาก
พอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจที่พบใคนคนหนึ่งยืนอยู่ที่โขดหิน
“หน้ากากดำ” เข้าร้องออกมาอย่างแปลกใจ
“มาอยู่ที่นี่ได้ไงล่ะ”
“ก็มาช่วยนายไงล่ะ”
แม้เสียงนั่นจะดูคุ้นๆหูก็เถอะแต่มันถูกเครื่องดัดเสียงทำให้เพี้ยนไป แต่ลักษณะการพูดท่วงทำนองที่พูดมันดูคุ้นเคยอยู่ไม่น้อย
“มาช่วยเรื่องอะไรมิทราบ” เขากอดอกอย่างไม่พอใจ
“ก็ทำให้เธอเก่งขึ้นไงล่ะ การแข่งครั้งที่ 5 ที่จะเกิดขึ้นนี้ เป็นการแข่งครั้งยิ่งใหญ่เชียวนะ”
“ยิ่งใหญ่ยังไง “
หน้ากากดำกระโดดลงมาหาเขา
“ก็จะมีทีมใหญ่ๆลงแข่งด้วยนะสิ รวมทั้งทีมที่ใครๆก็อยากจะโค่น”
“ทีมที่ใครๆก็อยากจะโค่นงั้นเหรอ”
“ทีมในตำนานที่ใครๆก็อยากจะแข่งด้วย เป็นครั้งแรกนะที่พวกเขาเคลื่อนไหว นั่นแสดงว่าพวกเขาพร้อมจะลงแข่งแล้วนะสิ เพราะงั้นนายจะมาอ่อนปวกเปือกอยู่แบบนี้ไม่ได้”
“ใครกันอ่อนปวกเปือกอย่ามาหยามหันหน่อยเลย ถึงนายจะเก่งกาจขนาดไหนก็เถอะ คิดว่าเก่งที่สุดหรือไง?”
“ฮิฮิฮิ....ฉันน่ะเก่งนะ”
“ฮิฮิฮิ ฉันเก่งนะ เก่งแต่ปากหรือยังไงกัน ก็แค่ทำให้ทีมฉันชนะได้แค่ครั้งเดียวเนี่ยนะ” อาร์มทำเสียงล้อเลียน
“อย่างนายมันก็แค่ตัวช่วยเท่านันล่ะ” เขาหันหลังให้อีกฝ่ายทันที
เร็วกว่าสายลมสัก 100 เท่าอาร์มถูกดึงคอเสื้อแล้วลอยลิ่วบนอากาศมารู้สึกตัวอีกทีก็ลอยเท้งเต้งอยู่บนยอดไม้
“ที่นายพูดมันก็ถูกนะ สำหรับคนที่ฝีมือยังไม่ถึงขั้นแล้วทำอวดดี มันไม่ต่างอะไรกับคนอ่อนแอหรอก” หน้ากากดำยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างล่าง
นี่มันอะไรกันเนี่ยทำไมฉันไม่รู้เลยว่าเขาเข้ามาใกล้ตัวแถวยังลากขึ้นมาจนถึงปลายต้นไม้แบบนี้ได้ง่ายๆ เขาเป็นใครกัน
“ปล่อยฉันลงไปเดี๋ยวนี้นะ” อาร์มร้องตะโกนโหวกเหวกพลางดิ้นทุรนทุราน
“อ้าวๆๆ.....เดี๋ยวก็ตกลงมาขาแข้งหักจริงๆหรอก นายน่ะ” หน้ากากดำเตือน
“อย่าว่าแต่วิธีที่จะลงมาเลย นายน่ะยังไม่รู้วิธีที่จะขึ้นไปบนที่สูงด้วยซ้ำ อย่างนายมันยังขาดคุณสมบัติของนักบิน”
“นักบินงั้นเหรอ”
“นกบินได้สูงก็จริง แต่นกก็ล่อนลงมาสู่พื้นได้อย่างนิ่มนวลอย่างมหัศจรรย์ไม่ใช่เหรอ.....นายอยากตกลงมาเหมือนลูกแอปเปิลที่พอถึงพื้นแล้วแตกกระจาย หรือล่อนลงเหมือนใบไม้ล่ะ”
“ร่อนลงเหมือนใบไม้งั้นเหรอ”
“ทำตัวให้เป็นธรรมชาติ แล้วธรรมชาติจะโอบอุ้ม และจะพานายโบยบินเอง”
“ธรรมชาติจะโอบอุ้มและพาโบยบินงั้นเหรอ”
“ตั้งสติให้มั่น.........สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ” หน้ากากดำบอกเขา
อาร์มทำตามคำสั่งนั้นอย่างไม่รู้ตัว
“คิดว่าตัวเองกำลังบิน คิดว่าสายลมกำลังพานายบิน คิดว่าปีกของนายกำลังกางออก คิดว่า AT นั่นเป็นเหมือนปีก สั่งมันให้พานายบินสิ” เสียงที่เหมือนกับลอยมาจากที่แสนไกลกับทรงอนุภาพต่อธาตุทั้ง 5 ของเขายิ่งนัก อาร์มคิดว่าตัวเองกำลังลอยอยู่บนอากาศ รอบตัวเขามันเบาหวิวเหมือนปุยนุ่น AT ของเขากำลังจะพาเขาบินไป ความรู้สึกนี้มันช่างแสนวิเศษราวกับตอนที่เขากำลังบินอยู่เหนือเสากลางสะพานนั่น
“ความรู้สึกนั้น” เขาบอกตัวเองขณะอยู่ในภาพมายานั้น
เกิดลมหมุนตัวย่างรวดเร็วภายใต้ล้อหมุนของ AT ที่ทำให้เกิดการรวมตัวของอากาศเป็นอย่างมากอาร์มจึงลงมาถึงพื้นแม้จะไม่นิ่มนวลนักยังเสียหลังก้นกระแทกลงพื้นเพราะเขายังไม่สามารถควบคุมธาตุทั้ง 5 ได้ดีนัก แต่ก็ถือว่าเก่งพอตัวขนาดราชาทั้ง 5 ยังใช้เวลาฝึกตั้ง เกือบ 1 ปีกว่าจะทำได้ดี แต่นี่เขาใช้เวลาแค่ 10 นาทีในการทำสมาธิและรวบรวมธาตุทั้ง 5 กับธรรมชาติยังทำได้ขนาดนี้
พอลุกขึ้นลูบก้นตัวเอง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เขาคิด
“นายเก่งกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีกนะ” หน้ากากดำเอ่ย
“การประสานธาตุทั้ง 5 ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติแล้วมันเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้เราบินได้ ขนาดราชาผู้ถูกฝึกมาอย่างดียังใช้เวลาตั้ง 1 ปี จึงสามารถทำได้ แต่นายใช้เวลา 10 นาทียังจับจุดได้ อาจจะยังไม่สวยก็เถอะ”
“ชิ...ใครถามความคิดเห็นมิทราบ”
“นายอาจจะเป็นหนึ่งในราชาทั้ง 5 ก็ได้”
“ใครจะไปสนล่ะ เรื่องพวกนั้นฉันไม่ต้องการหรอก” เขาตะโกนใส่หน้า
“แย่หน่อยนะนายอาจเก่งก็จริงยังไม่ถึงขั้นเป็นราชาหรอก และที่สำคัญคนที่สามารถบินได้ตั้งแต่เกิดน่ะมีแค่คนเดียวเท่านั้นล่ะ “
“เลิกพล่ามซะที ฉันไม่อยากจะรู้หรอก”
“อ้าว....ทำไมล่ะ การที่นายเล่น AT ก็เพราะอยากจะเก่งขึ้นไปไม่ใช่เหรอ แล้วอย่างนี้ถ้าไม่รู้ว่าใครแข็งแกร่งที่สุดแบบนี้จะเล่นไปทำไมกัน”
หน้ากากดำพูดแทงใจดำ
อาร์มหันมามองหน้า
“มันก็จริงอยู่นะที่ฉันอยากจะเก่งขึ้นไปและก็ยังอยากจะมีคนที่ฉันอยากจะก้าวข้าวเขาไปให้ได้ ฉันไม่ยอมแพ้หรอก”
“ก็ดีแล้วนิมิเสียแรงที่ลงทุนมาช่วยฝึก”
“ใครเขาขอร้องกันเล่า.....”
“นายน่ะไม่อยากเอาชนะฉันเหรอ” หน้ากากดำหันมาพูดเอาจริงจนอาร์มอึ้ง
“เอาชนะนายงั้นเหรอ…555…..มีเหตุผลอะไรไม่ทราบ” เขาหัวเราะชอบใจกับการพูดของอีกฝ่าย
“ฉันน่ะเก่งนะ ไม่เคยมีใครโค่นฉันได้” เสียงอันดุดันอย่างโหดร้ายด้วยจิตสังหารที่รุนแรงทำเอาอาร์มขาสั่นพูดอะไรไม่ออกเขาเห็นเงาปีกขนากมหึมาอยู่ข้างหลังอีกฝ่าย
“555.......ฉันพูดเล่นที่ ยังไม่เคยมีใครโค่นฉันได้ก็จริงเพราะฉันยังไม่เคยแข่งกับใครนะสิ” เขาหัวเราะชอบใจที่ทำอาร์มตัวสั่นได้
ชายหนุ่มถึงกับอารมณ์ปุดทันทีแต่ก็ยังหวั่นกับสิ่งที่ได้เห็น
“ฉันไม่ยุ่งกับนายก็ได้ แต่เรามาแข่งกันก่อน ว่าใครจะสามารถตัดยอดไม้ 5 ต้นนั้นได้” เขาชี้ไปที่ยอดสนอันสูงลิบ
“ฮ้า....งั้นเหรอ จะเลิกยุ่งใช่ไหม”
“ฮืม...ฉันพูดจริง”
“งั้นก็มาเริ่มกันเลย”
ทั้งสองกระโดดออกจากที่พร้อมกันอย่างสนุกขึ้นมากับเกมส์ที่ตั้งขึ้น

.............
เจสันที่กำลังเช็ดทำความสะอาดกระจกของยอดโดมอยู่เห็นอาร์มกับหน้ากากกำลังแข่งกันกระโดดตัดยอดไม้กันอยู่ก็นึกสนุกด้วย
“ท่าทางจะเอาจริงแล้วนะครับ” เขาเอ่ยกับหลวงพ่อที่นั่งอยู่ในกระเช้าส่วนตัวเขาห้อยตัวอยู่บนเชือก
“2 คนนั้นน่ะก็เป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เด็กแล้วแหล่ะ เอาจริงเอาจังจนน่ากลัว ถึงภายนอกจะดูอ่อนหวานแต่ปกปิดความแข็งแกร่งเอาไว้ ส่วนอีกคนเขาอาจจะก้าวถึงขั้นราชาไปแล้วจริงๆก็ได้” บาทหลวงเอ่ยแล้วยิ้มอย่างใจดี
“ทำอะไรกันอยู่คะ” เสียงสาวสูงวัยร้องตะโกนถาม
“อ้าว...อังกามาไงล่ะ”
“เอาข้าวมาส่งค่ะ คุณลิปดาฝากมาให้พวกคุณด้วยนะคะ”
“ชอบใจมากนะ”
................
อาร์มนั่งคุกเข่าหอบตัวโยนหลังจากที่พ่ายแพ้อย่างไม่ป็นท่าเงยหน้ามองร่างอ้อนแอ้นที่ยืนอย่างไม่รู้สึกอะไรตรงหน้าก็ชักจะโมโห
“นี่นายเป็นปีศาจหรือยังไงถึงไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างเลย”
“ไม่หรอกฉันไม่ได้ใช้แรงอะไรมากเลยสักหน่อย”
หน่อยยังจะมาพูดอวดเก่งอีก
“ฉันยอมรับก็ได้ว่านายเก่ง แต่การที่นายจะมาสอนฉันน่ะ ช่วยบอกก่อนได้ไหมว่านายเป็นใครกันแน่” เขาถามอย่างอยากรู้
“อ่ะ...ฉันคงต้องไปแล้วล่ะ แล้วอีก 2 วันเจอกันที่นี่อีกนะ” ร่างบอบบางกระโดดหายไปในป่าเสียแล้วโดยไม่ฟังเสียงอาร์มที่ร้องเรียก
“อะไรน่ะ เดี๋ยวก่อนเซ่ นายน่ะ” เขาหัวเสียอย่างมากมาย
“อาร์มๆ......” เสียงลิปดาตะโกนเรียกเขา
“อ้าว....ลิปดาทำไมมาเอาป่านนี้ล่ะ”
“อ้อ...ขอโทษทีนะพอดีจอห์นสันท้องเสียฉันเลยพาไปโรงพยาบาลก่อนนะสิ” เธอบอก
“ไอ้หมอนั่น” เขาชักจะยั้วะเหมือนกัน
“มาทานข้าวกันดีกว่า” เธอจัดแจงปูเสื่อแล้ววางข้าวกล่องที่ทำมาให้อีกฝ่ายกิน
“ท่าทางนายจะเหนื่อยมากเลยล่ะสิ ซ้อมคนเดียวเป็นไงบ้าง”
“ฮืม...ไม่ได้ซ้อมคนเดียวหรอกพอดีมีคนมาช่วยน่ะ” เขาไม่ได้บอกว่าเป็นหน้ากากดำมาที่นี่
“เหรอ.....แล้วเขาไปไหนแล้วล่ะ”
“ไปแล้ว”
“ไปแล้ว ว้า...เสียดายจังเลยไม่ได้รู้จักเลย”
“ฮืม...”
ที่จริงก็อยากจะถามลิปดาอยู่เหมือนกันหรอกว่าในทีมของเธอมีคนประหลาดๆ แบบนั้นอยู่ด้วยหรือเปล่า ขณะที่เดินลงจากเขาลิปดาสังเกตุเห็นอาร์มที่ทำหน้าครุ่นคิดอะไรอยู่ก็แปลกใจ
“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ โกรธฉันเหรอที่มาช้า”
“เปล่าหรอก...ลิปดา ฉันมีเรื่องจะถามเธอ” เขาหันมาทำหน้าจริงจัง
“เธอรู้จักหน้ากากดำไหม?”
“เขาก็เป็นผู้ช่วยของนายไม่ใช่เหรอ?”
“มันก็จริงอยู่....เอ่อ....ฉันไม่รู้จะพูดยังไง เขาเก่งมากเลยนะถึงจะปากดีไปหน่อย และยังทำตัวน่าสงสัยอีก”
“ทำไมล่ะจ๊ะ”
“ที่เขาบอกฉันว่า นายน่ะไม่อยากเอาชนะฉันเหรอ มันหมายความว่ายังไงกัน”
ลิปดามองหน้าเขาที่ดูใช้ความคิดกับเรื่องนี้จนน่าเป็นห่วง
“คิกคิกคิก ฉันก็นึกว่าเรื่องอะไรซะอีก นายไม่เห็นจะต้องคิดมากเลยนิ เขาอาจจะเป็นคนเก่งคนหนึ่ง แต่เขาคงไม่มีพิษภัยอะไรมั้ง”
“เรื่องนั้นจะเชื่อได้ยังไงกัน”
“ก็เขายังไม่เคยทำร้ายนายไม่ใช่เหรอ เขาปรากฏตัวก็เพื่อช่วยนายทุกครั้ง”
“ฮืม...มันก็จริง”
“เพราะงั้นเขาคงไม่ใช่ศัตรูของนายหรอก”
“นายควรคิดถึงเรื่องของตัวเองจะดีกว่านะ ทำยังไงถึงจะเก่ง ถึงจะสามารถเอาชนะคนที่ตัวเองต้องการจะข้ามไปให้ได้จะดีกว่า แต่เรื่องที่สำคัญมากกว่า คือ นายต้องถามตัวเองก่อนว่าอยสกจะเก่งเพื่ออะไร อยากจะข้ามเขาไปให้ได้เพื่ออะไร สำหรับ AT แล้วอาจจะเป็นชิ้นส่วนหนึ่งที่อาจจะทำให้ความฝันของนายเป็นจริง แต่ที่สุดแล้วนายอยากจะเล่นมันเพื่ออะไรกัน”
“เพื่ออะไรงั้นเหรอ?”
“นายเคยบอกฉันว่าอยากจะวิ่งไปกับคุณเคย์ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลแรกที่ทำให้นายเล่น AT ก็จริง แต่การที่นายจะต้องได้ต่อสู้กับทีมอื่นๆนั้น พลังแห่งความสำเร็จมันมาจากไหน ก็เพราะนายอยากจะชนะไม่ใช่เหรอนายอย่าลืมว่าเพื่อนๆต่างก็มองเห็นความฝันของนาย พวกเขาจึงร่วมต่อสู้ด้วย เพราะพวกเขาไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้ไงล่ะ ดังนั้นนายก็ควรที่จะมอบสิ่งตอบแทนให้กับพวกเขาด้วยการก้าวไปด้วยกัน เมื่อนายชนะ พวกเขาก็จะชนะด้วย”
อาร์มยิ้มลิปดามักจะพูดอะไรดีๆแบบนี้เสมอสินะ
“นั่นน่ะสินะ ฉันเองชอบยึดติดว่าตัวเองอยากจะเก่งเพื่อก้าวข้ามคนคนหนึ่งให้ได้ แต่ที่จริงแล้วฉันต้องการเก่งเพื่อพาพวกเขาไปสู่ชัยชนะต่างหาก”
“ฮืม.....”
“เพราะงั้นฉันก็ควรที่จะเก่งให้มากกว่านี้”
“แล้วหน้ากากดำเกี่ยวข้องอะไรกับ Darkly blue eagle ไหม?”
“ไม่รู้สิ....”
“ไม่รู้จริงๆเหรอ”
“ถึงรู้ฉันก็ไม่บอกนายหรอก” ลิปดาทำเป็นยียวน
แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าอาร์มรู้แล้วว่าเธอเป็นหัวหน้าทีมนั้น
“งั้นขอถามอีกเรื่องหนึ่งล่ะ ลิปดาเล่น AT เพราะอะไร?”
ลิปดามองหน้าครุ่นคิด
“ไม่บอกดีกว่า ถ้าจับได้แล้วฉันจะบอกน้า” ลิปดาสปรีดตัวไปก่อนทันที
“นี่....ๆๆ อะไร........กันยัยบ๊องงงงง” เขากระโดดตามทันที
หลังจากนั้นหน้ากากดำก็ยังคงมาช่วยสอนอาร์มด้วยวิธีการแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งขึ้นเขาด้วยการตีลังกาหรือการโล้ชิงช้าด้วยเชือกเส้นเดียว การปีนหน้าผาด้วยการใช้มือข้างเดียว การวิดพื้นด้วยการใช้แขนข้างเดียว ทุกอย่างล้วนเป็นที่สงสัยของชายหนุ่ม แต่ก็ไม่มีการอธิบายจากหน้ากากดำ



Create Date : 27 มีนาคม 2553
Last Update : 27 มีนาคม 2553 21:58:23 น.
Counter : 1570 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]