มีนาคม 2553

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
21
22
24
26
28
29
30
31
 
 
ตอนที่ 5 คนที่แข็งแกร่ง
รุ่งเช้าขณะที่ทุกคนมารวมตัวกันทานอาหารพร้อมหน้าแต่วันนี้เป็นวันหยุดคารินไม่ได้ไปทำงาน ส่วนลิปดากับซ้องส์ช่วยกันทำกับข้าวเมื่อยกมาวางบนโต๊ะสองหนุ่มถึงกับตาโตกับอาหารของวันนี้
“โอโฮ.....ไม่ได้กินโต๊ะใหญ่แบบนี้มานานแล้วนะเนี่ย” อาร์มร้อง
“งั้นก็กินซะซิ” ลิปดาเอ่ย
“ข่าวที่ MaxLava ชวนพี่อาร์มไปอยู่ทีมด้วยจริงเหรอคะ” ซ้องส์เอ่ยถาม
“เอ่อ....เรื่องนั้นน่ะ”
“แล้วพี่อาร์มจะไปอยู่กับเขาจริงเหรอคะ” ซ้องส์ทำหน้าละห้อย
“พอได้แล้วซ้องส์อย่าพูดเรื่องแบบนี้ในโต๊ะอาหาร” คารินดุ
อาร์มเองก็ทำหน้าครุ่นคิด
“แต่ฉันมีเรื่องค้างคาอยู่ในใจเหมือนกัน ทั้ง Darkly blue eagle และ MaxLava พวกเขาเป็นอะไรกันแน่ ฉันไม่รู้ว่าเส้นทางของฉันจะสามารถวิ่งไปกับพวกเขาได้ไหม? และที่สำคัญเมื่อคืนนี้ บนนั้น ที่ๆฉันไม่เคยขึ้นไป มันสามารถทำให้ฉันได้เห็นในสิ่งที่ฉันไม่เห็น......และที่สุดที่ฉันยังค้างในใจ คือใครกันที่ไปเหยียบที่นั่นเป็นคนแรก ฉันจะต้องรู้ให้ได้” เขาเอ่ยออกมาอย่างจริงจังทำเอาทุกคนเงียบ
“รู้แล้วจะทำยังไง รู้แล้วจะได้อะไร นายน่ะมันยังอยู่อีกไกลที่จะบินนะอาร์ม” คารินเอ่ยทำลายความเงียบ
“ก็จริงอยู่ที่สามารถขึ้นไปบนนั้นได้ ถ้าไม่มีจงอยของนกเค้าแมว ไม่มีเสียงลองลิปดา นายจะรู้วิธีที่จะขึ้นไปที่นั่นไหม เอาไว้ให้นายรู้วิธีที่จะบินด้วยปีกของตัวเองก่อนเถอะ แล้วนายจะรู้เองว่าตัวนายเองจะบินไปในทิศทางไหน”
“ฮืม....นั่นน่ะสินะ ฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะบินไปทางไหนกัน”
“นายมันก็แค่แมงเมาไม่ใช่นกที่บินบนท้องฟ้า เพราะงั้นถอดใจซะเถอะ”
“ไม่หรอกฉันจะไม่ถอดใจ” สายตาที่เขาจริงมองโต้ตอบกลับ
“คุณลิปดาทำกับข้าวได้อร่อยมากเลยนะครับ” จอห์นสันหันไปทำตาหวานใส่ลิปดาเพื่อตัดบทสนทนาอันเคร่งเครียด
“เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ”
“นี่นาย ฉันเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำแล้วก็สำนึกบุญคุณด้วยนะ อย่าลืมว่าต้องล้างถ้วยชามด้วย” อาร์มทำเป็นเบ่งใส่
“งานพวกนั้นมันของนายต่างหาก” คารินตบหัวเขาฉาดใหญ่จนหน้าคะมำใส่จานข้าว
“ฮือ.....โหดที่สุด ยัยพี่สุดอึม”
“ว่าไงนะไอ้หน้าอ่อน”
“พอๆ เถอะค่ะ ทานข้าวกันได้แล้ว” ลิปดาเข้าห้ามทัพแต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผลทั้งสองยังชุลมุนกันต่อ
“ก็บอกให้รับทานกันดีๆไงล่ะ ทะเลาะกันอยู่ได้” ลิปดาขว้างซ่อมลงจิ้มลงตรงกลางระหว่างทั้งสองทำเอาหยุดชะงักหน้าจ๋อยทั้งคู่แล้วหันมาจัดการกับอาหารบนโต๊ะอย่างว่าง่าย
จอนห์สันเองก็หน้าจ๋อยกับมาดโหดของลิปดา

ลิปดาเข้าไปในห้องหลังจากที่อาร์มออกไปส่งจอห์นสันแล้ว
“แล้วนี่จะทำยังไงต่อไปล่ะ ถ้าเขารู้ว่าใครไปเหยียบที่นั่นก่อนเขา”
“ฮืม....”
“รู้สึกว่าปีกของเขากำลังจะกางออกแล้วนะลิปดา”
“แล้วพี่จะให้เขากางปีกออกไหมคะ?”
“เรื่องนั้นน่ะ......เธอก็รู้ว่าเพราะอะไรลิปดา พี่เองก็ไม่อยากจะให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกนะ เพราะงั้นเธอเองก็ไม่ควรที่จะทำให้เขาอยากที่จะกางปีกบิน เธอก็รู้ว่ามันอาจทำให้แผลที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของพวกเรามันฉีกขึ้นอีกครั้ง” คารินเริ่มเสียงสั่น
ลิปดาเดินเข้ามาหาเธอ
“พี่คะ....เรื่องนั้นช่างมันเถอะ แต่ถ้ามันยังเป็นหน้าที่ของฉันอยู่ ฉันก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงมันได้ เพราะฉันก็ไม่อยากให้เหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นอีก โลกที่เคยสงบสุข ฉันอยากจะเอามันกลับมา”
เธอเอ่ยอย่างตั้งใจจนทำให้คารินสงบใจลง เธอคว้าเอาคนร่างบางมากอด
“ปล่อยเป็นหน้าที่ฉันที่จะปกป้องพี่เถอะค่ะ พี่อย่ากังวลเลย ส่วนอาร์มฉันก็อยากจะให้เขาบินไปด้วยกันแต่ถ้าหากว่าเขาคิดจะเป็นศัตรูกับเราล่ะก็ ฉันจะฉีกปีกคู่นั้นเอง”ดวงตาสีน้ำเงินทอประกายแสง
แต่ถ้าเขารู้ความจริงทุกอย่างเขาจะบินไปกับเราหรือเปล่านั้นฉันเองก็ไม่รู้หรอกค่ะ

“ฉันล่ะอิจฉานายที่สุดเลยนะที่ได้อยู่บ้านเดียวกับคุณลิปดา”
“เอ้อ.... ยัยนั่นไม่เห็นจะมีอะไรสักอย่าง หน้าตาก็งั้นๆ หน้าอกก็ยังไม่ใหญ่พอ ตัวก็เล็กนิดเดียว ทำอะไรก็เบอะบะ เซ่อซ่า อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องไห้ ยัยนั่นน่ะขี้ใจอ่อน แต่ก็ใจดีด้วย” ประโยคหลังเขาเอ่ยอย่างอ่อนโยนจนจอห์นสันสัมผัสได้
“นั่นก็คือคุณลิปดาสินะ”
“ว่าแต่นายจะอิจฉาทำไมไม่ทราบ”
“อ้อ.....ก็แค่อยากจะรู้จักเธอให้มากกว่านี้น่ะสิ” เขาพูดอย่างเอาจริง
อาร์มหยุดเดินหันมามอง
“นายสนใจเธอเหรอ....”
“ไม่รู้สิ ก็อยากใกล้ชิดให้มากกว่านี้ อยากค้นหาให้มากกว่านี้”
“งั้นเหรอ......ฮืม....ตอนเป็นเด็กน่ะฉันอาบน้ำกับยัยนั่นทุกวัน เห็นทุกอย่างของยัยนั่นหมดแล้วล่ะจนไม่มีอะไรน่าสนใจ และอีกอย่างฉันก็เห็นยัยนั่นมาตั้งแต่เด็กเราก็เหมือนพี่น้องกัน”
“ฮ้า.....นายเคยอาบน้ำด้วยกันงั้นเหรอ” เขาพูดอย่างตื่นเต้น
อาร์มนึกถึงตอนอายุแค่ 3 ขวบ แม่ของลิปดาเป็นคนอาบน้ำให้ทั้งสอง
“ก็งั้นสิ แม่ของลิปดาเป็นคนอาบให้”
“ฮืม.....งั้นก็ดีเลย....ในฐานะของพี่ชายนายก็ต้องดีใจที่จะเห็นน้องสาวมีความสุขสิ”
ดูท่าทางจอห์นสันพูดเอาจริงอย่างที่เขาเองก็รู้สึกได้
“ฮืม.....ก็ลองดู ถ้าคิดว่าจะทำได้นะ” อาร์มหันไปมองรถเมลล์ที่กำลังวิ่งมา
“ฉันส่งนายแค่นี้ล่ะ”
“แล้วเรื่องของ MaxLava ล่ะฉันให้นายตัดสินใจก็แล้วกันนะ หัวหน้า”
“ฮืม........แล้วเจอกันใหม่”
“ฮืม...แล้วเจอกัน” จอห์นสันก้าวขึ้นรถไป
อาร์มเดินกลับบ้านระหว่างทางเขามองดูถนนที่ไม่ค่อยมีคนเดีนเท่าไหร่แล้วมองขึ้นไปบนฟ้าเห็นนกกำลังบินอยู่เหนือหัว

จากการแข่งวันนั้นทีม Flamm Croww ก็ถูกเลื่อนไปอยู่ในระดับ C Class ทันที
วันต่อมาที่โรงเรียนเพื่อนๆมารวมตัวกันเพื่อคุยกันเรื่องที่ถูกชักชวนเข้าไปรวมกลุ่มกับทีม AT ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองในขณะนี้
“อาร์ม นายว่าไงล่ะ” ทานุถาม
“ฉันเองก็ยังตัดสินใจไม่ได้หรอกนะ มันก็น่าตื่นเต้นดีอยู่หรอกนะที่พวกเขาสนใจพวกเราแบบนั้นน่ะ”
“การที่พวกเขาเข้ามาเพื่อขอให้เราเข้ากลุ่มด้วยแบบนี้เหมือนกับพวกเขาให้ความสำคัญกับพวกเรามาก”
“การที่เราจะเข้าไปอยู่ในทีมใหญ่ๆอาจทำให้ฝีมือพวกเราพัฒนาขึ้นไปอีกก้าวหนึ่งก็ได้” ซอยเสริม
“แต่ฉันไม่เห็นด้วยหรอก ยิ่งยัยเคย์อะไรนั่นแล้ว มันน่าสงสัย” แครอลเอ่ยอย่างไม่ชอบใจนัก
“ที่จริงแล้วคุณเคย์น่ะ คือคนที่ทำให้ฉันอยากจะเล่น AT ฉันเห็นเขาบินครั้งแรก ใจฉันมันสั่น อยากจะบินขึ้นฟ้าไปกับเธอ” เขาเอ่ยอย่างมีความสุข
ลิปดามองอย่างเจ็บปวด
“อย่าบอกนะว่านายน่ะแอบชอบคุณเคย์อยู่” ซอยแซว
“ไม่รู้สิจะพูดยังไงดี มันอธิบายไม่ถูก บอกได้แค่ว่าฉันอยากจะบินไปกับคุณเคย์ก็เท่านั้น”
“หมายความว่านายอยากจะไปรวมกลุ่มกับเขาใช่ไหม”แครอลเอ่ยถาม
“เรื่องนั้นฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่ ยังไม่ได้ตัดสินใจหรอก.และอีกอย่างฉันเองก็มีคนที่อยากจะก้าวข้ามไปให้ได้” เขาเอ่ยเอาจริงเอาจัง
“ใครเหรอ” ทุกคนถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าทุกคนที่ฉันรู้จัก” เขานึกถึง Darkly blue eagle
“แล้วเธอ..ว่าไงล่ะลิปดา เธอว่าไง” เขาหันไปถามลิปดาที่เงียบมาตลอด
“ไม่รู้สิ....ฉันยังไม่ได้บินเลย เลยไม่รู้ว่าบนฟ้านั่น มันไกลแค่ไหน ปีกของฉันจะบินได้อย่างภาคภูมิใจหรือเปล่า ฉันยังไม่ได้กางมันออกเลย ฉันยังไม่มีปีกเป็นของตัวเอง แล้วฉันจะบินไปกับใครได้” ลิปดาเอ่ยเสียงเศร้าแล้วเดินออกไปจากกลุ่ม
“ลิปดา” แครอลวิ่งตามเธอไป

มาทันเห็นลิปดาที่ยืนหันหลังให้เธอกำกำปั้นเอาไว้แน่น
“ลิปดาไม่เป็นไรใช่ไหม เรื่องที่อาร์มพูด.....” แครอลรู้ดีว่าถึงความรู้สึกของหญิงสาว
“ไม่...ฉันไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ เดี๋ยวฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะจ๊ะ” ลิปดาปรับเสียงที่เป็นปกติที่สุดก่อนจะวิ่งไป
นี่ฉันทำไมต้องสั่นขนาดนี้ด้วยนะ ก็เขายังไม่ได้บอกว่าชอบจริงๆสะหน่อย แต่ก็พูดขนาดนั้นมันก็หมายความว่าชอบนั่นแหล่ะ แล้วเราทำไมจะต้องเสียใจด้วยล่ะยัยบ้า…..
ลิปดาตะโกนด่าตัวเองอยู่ในใจ ก่อนจะเปิดประตูดาดฟ้า
แล้วทำไมเราจะต้องเสียใจด้วยล่ะ..............เธอเงยหน้ามองฟ้าสีครามด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้อาร์มมายืนอยู่ข้างๆร่างบอบบางนั่งกอดเขาเหม่อลอยอยู่คนเดียวตาที่มองฟ้าอย่างไม่มีจุดหมายเธอกำลังมองไปที่ไหนกัน
“ลิปดามานั่งทำอะไรคนเดียว” เขาพูดพลางนั่งลงข้างๆ
ลิปดาเหมือนตื่นจากภวังค์
“อาร์ม......”
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ฉันเห็นเธอเงียบมาตั้งแต่เมื่อคืนก่อนแล้ว”
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ” เธอปฏิเสธ
อาร์มล้มตัวลงนอน
“เฮ้อ...อากาศดีจริงๆเลยนะ.....”
“ถ้าเธอไม่ชอบที่เราจะเข้ารวมกลุ่มกับ MaxLava ฉัน....”
“ไม่หรอกนะ...เรื่องนั้นแล้วแต่อาร์มจะตัดสินใจ เพราะฉันก็เป็นเพียงคนนอกไม่อาจจะเข้าร่วมกับพวกเธอได้”
อาร์มหันมามองร่างสั่นเทา
“เราอยู่ด้วยกันมาก็ 15 ปีแล้วสินะ ไม่สิหรือมันอาจจะนานกว่านั้นก็ไม่รู้ มันยังมีเรื่องหนึ่งที่ฉันคิดว่าจะต้องทำต่อไป นั่นก็คือการใช้ชีวิตที่มีพี่คาริน ลิปดา ซ้องส์ และป้าอังกา ทุกคนคือส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน เพราะงั้นฉันจึงต้องแคร์พวกเขามากกว่าใคร” อาร์มเอ่ยอย่างอ่อนโยน
น้ำตาที่ลิปดาอดกลั้นไว้มันได้ไหลออกมาจนเปือกไปทั่วหน้า
ไม่หรอกไม่ใช่ถ้อยคำสารภาพรักก็จริงแต่ฟังแล้วมันซาบซึ้งมากกว่านั้น
“นี่เธอร้องไห้อีกแล้วเหรอยัยขี้แย” อาร์มลุกขึ้นมานั่งข้างๆ
“เปล่าซะหน่อย” ลิปดาหลบหน้า
“555.....เธอนิเมื่อไหร่จะเลิกขี้แยสักทีนะ ฉันน่ะไม่อยากจะเห็นน้ำตาเธอนะรู้ไหม”
ลิปดาปาดน้ำตา
“ช่างเถอะน่า บางทีน้ำตาก็ใช่ว่าจะร้องออกมาเพราะเสียใจอย่างเดียว”
“ฮืม.....งั้นก็ไปกันเถอะ”
“ไปไหน....”
“ก็....ก็......ไปดูตารางการแข่งคราวหน้าไง ฉันจะมาหยุดอยู่ตรงนี้ไม่ได้หรอกนะ ฉันจะต้องรีบก้าวไปข้างหน้า ต้องออกวิ่งให้เร็ว และบินให้สูง เพื่อที่จะก้าวไปให้ทันคนอื่น” เขาบอก
“อาร์ม....นายน่ะบินได้แน่ และอาจจะบินได้สูงกว่าใครๆ การที่จะบินให้สูงขึ้นไปอาจจะต้องเจอเรื่องราวมากมายทั้งการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง แต่ยังไงฉันก็เชื่อใจนาย ว่านายมีพลังที่จะทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงได้เพราะงั้นนายจงกางปีกนั่นซะ แล้วบินขึ้นไปอย่างที่ใจปรารถนา”
ถ้าเป็นนายคงจะเข้าใจ คงเข้าใจใช่ไหม
“เอ้อ.....” เขาชูนิ้วโป้งให้ก่อนจะเดินนำเธอไป

และเรื่องที่ทุกคนไม่คาดฝันอีกเรื่องก็เกิดขึ้นเมื่อเคิร์กมาดักพบอาร์มที่หน้าโรงเรียนในเย็นนั้นพร้อมกับกล่องของขวัญกล่องหนึ่ง
“มันคืออะไรกัน” อาร์มถาม
“ระเบิดหรือเปล่าน่ะ” ทานุเอ่ยอย่างระวัง
“ไม่ใช่หรอกนะ นี่คือสิ่งที่แสดงว่า ต่อไปจากนี้ผมเคิร์ก วีเซอราแอลเกอร์จะอยู่ภายใต้การดูแลของคุณ” เคิร์กก้มหัวให้เขาอย่างไม่คาดคิด
“นี่มันอะไรกันน่ะ” อาร์มยังไม่ทันตั้งตัว
อาร์มเปิดกล่องเห็นสัญลักษณ์ของมันฝรั่งอยูในนั้น
“ช่วยรับผมเข้าอยู่ในทีมด้วยเถอะนะ อาร์ม ผมจะเป็นปีกของนาย” เขาพูดอย่างจริงจัง
ทุกคนมองดวงตาสีฟ้าใบหน้าคมเข้มที่ดูเอาจริงอย่างตะลึง
“ฮืม.....ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสินะ”
“อาร์ม....หมอนี่มีแผนอะไรหรือเล่า” ซอยแย้ง
“ไม่รู้สิ และก็ไม่อยากรู้ด้วย แค่อยากจะบินก็พอแล้ว หน้าที่ของฉันคือพาพวกนายบินขึ้นไปบนฟ้าก็เท่านั้น”
“มันอาจจดูแย่หน่อยนะที่ฉันมายอมก้มหัวกับเด็กใหม่อย่างคุณ แต่จากการต่อสู้คราวนั้นผมมีความเชื่ออย่างว่าคุณน่ะมีพลังที่ไม่เหมือนใคร”
“สำหรับฉันแล้วไม่เคยแพ้ใคร ฉันจะต้องเป็นที่หนึ่งเสมอ แต่ที่สุดฉันก็รู้ว่าการบินของฉันมันไม่สามารถขึ้นไปได้สูงเลย เพราะงันฉันจึง......จะเป็นบีกของนาย ฉันจะบินไปกับนาย”
“เอ้อ.......ยินดีเป็นอย่างมาก”
เขาตอบตกลงข้อเสนอนั้นทั้งสองจับมือกันอย่างยินดี

“ดูเหมือนว่าไอ้หน้าอ่อนนั่นจะมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยนะ มิน่าล่ะเคย์ถึงได้ชอบนักชอบหนา” ชายร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกอยู่บนดาดฟ้าของตึกมองพวกอาร์มอย่างใจเย็น
“ฮืม.....ต่อจากนี้สิเรื่องสนุกกำลังจะเกิด”

“เพราะไม่มีที่ไปก็เลยขอมาค้างที่บ้านด้วยนะสิ” อาร์มชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นให้คารินฟัง
“บ้านฉันไม่ใช่โรงแรมนะ” คารินระงับอารมณ์ไว้สุดๆ
“ก็แค่ไม่นานเท่าไหร่นะ” อาร์มยังอ้อนต่อ
“แล้วนายไม่เรียนหรือไงกัน ถึงจะมายู่บ้านฉัน นายยังเป็นนักเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“อ้อ....อ๋อ...เรื่องนั้นน่ะ ผมอยู่ปี 4 แล้วครับ ช่วงนี้เป็นช่วงฝึกงานพอดีผมได้งานแถวเขตกลางก็เลยต้องฝึกงานที่นี่ครับ” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม
“งั้นเหรอยะ....งั้นก็ดี อย่าคิดว่าจะอยู่ที่นี่ฟรีๆนะ นายจะต้องทำงานบ้านทุกอย่าง”
“อ่ะ....ไม่เกินไปหน่อยเหรอพี่คาริน” อาร์มอุทรณ์
“มันยังน้อยไปเจ้าบ้า.....ทำกับข้าวเป็นไหม” เธอตั้งคำถาม
อีกฝ่ายพยักหน้ารับ
“ซักผ้าเป็นไหม” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ
“กวาดบ้านถูบ้านเป็นไหม” อีกฝ่ายก็ยังรับอยู่
“เห็นไหมว่าเขาเป็นผู้ชายที่ใช้ได้ งั้นต่อไปนี้งานทุกอย่างนายจะต้องทำตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” เธอยื่นกฏเหล็ก
หนุ่มผมสีดอกเลาพยักหน้ารับ
“นี่นายทำไมยอมรับเอาง่ายๆล่ะ” อาร์มหันไปต่อว่า
“ก็แหม๋.....ผมมาอาศัยเขาอยู่นี่”
“นายมีปัญหางั้นเหรออาร์ม” พี่สาวหันไปเล่นงานอาร์มแทน
เคิร์กเข้ามากันเอาไว้เขาจึงเป็นคนที่ถูกคารินล็อคคอแทน หญิงสาวเมื่อรู้ว่าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่น้องตัวเองก็รีบปล่อย เป็นครั้งแรกที่เธอกอดผู้ชายที่ไม่ใช่อาร์มทำให้เธอเขินจนหน้าแดง

อาร์มกระซิบกับเคิร์ก
“อกพี่คารินน่ะดึงดั๋งดีใช่ไปไหม” เคิร์กพยักหน้าแทนคำตอบ
“ว่าไงนะพวกแก” เธอคว้าเอาคอทั้งสองคนแล้วทุ่มลงไปนอนกองกับพื้น
“เออ...ลืมบอกไปว่าพี่คารินน่ะโหดนะ เป็นอดีตยูโดสายดำของมหาลัยกลางมาก่อน” อาร์มบอกเพื่อนที่นอนน่วมกองกันอยู่

บ้านของคารินถึงจะไม่ใช่บ้านหลังใหญ่ราวคฤหาสน์แต่ก็มีห้องนอนมากมายเธอจัดให้เคิร์กนอนห้องปีกซ้ายสุดซึ่งก็อยู่ตรงข้ามกับห้องของเธอเอง
ทุกวันทั้งสองจะเปิดประตูมาเจอกันจนทำให้รู้สึกคุ้นเคยของการมีตัวตนของอีกฝ่าย

เคิร์กดูมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่เขาทำงานบ้านอย่างที่คารินสั่งทุกอย่างโดยไม่ได้ปริปากบ่น อาหารที่เขาทำรสชาติดีไม่แพ้ลิปดาเลยสักนิดเดียว เขาเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตของทุกคน คารินดูมีความสุขมากเธอยิ้มแล้วหัวเราะบ่อยครั้งจึงทำให้ที่บ้านดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนยังคงปิดบังคารินเอาไว้คือการเล่น AT ของอาร์ม
“แต่มีเรื่องที่ฉันอยากจะรู้น่ะ” จอห์นสันโผล่เข้ามาในห้องของเคิร์กอย่างถือวิสาสะ
“อะไรของคุณ”
“ทำไมนายถึงเอาชื่อ Darkly blue eagle ไปใช้ในเมื่อก็น่าจะรู้ว่ามันไม่น่าให้อภัย”
“เอ่อ....เรื่องนั้นน่ะ”
“นายมีจุดประสงค์อะไรกันแน่” จอห์นสันย่างสามขุมเข้ามา
เคิร์กเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นท่าทางเอาจริงของอีกฝ่าย
“มันอาจจะเป็นเรื่องน่าอายนะ แต่ผมยอมรับก็ได้ฉันเอา Darkly blue eagle ไปใช้ในทางที่ไม่ดีกจริง แต่ที่จริงแล้วผมถูกว่าจ้างมาอีกทีหนึ่งจากคนลึกลับคนหนึ่งเขาต้องการให้ฉันมาก่อความวุ่นวายที่เมืองนี้ ประกอบกับตอนนั้นผมไม่มีเงินและไม่มีที่อยู่ผมก็เลยรับมันมา”
“นายนี่เลวใช้ได้เลยนะ” จอห์นสันอดด่าไม่ได้
“คุณจะว่ายังไงก็ได้นะ แต่พอได้สู้กับอาร์มผมก็คิดว่าได้ฉันมาที่นี่ทำไม ผมต้องการที่จะเก่ง ไม่ใช่แค่ก่อความวุ่นวายแบบนี้มันน่าอายจริงๆ”
“เฮ้อ...ที่จริงฉันก็เห็นว่านายเองก็เป็นคนที่เก่งมากนะ”
“แล้วคนที่จ้างนายมาเป็นใครกัน ทำไมเขาต้องการที่จะใช้ Darkly blue eagle ก่อความวุ่นวาย”
“ผมก็ไม่รู้หรอก ตอนแรกผมก็ไม่กล้าทำเท่าไหร่แต่เขาก็ยืนยันว่าทีมนี้ไม่มีอยู่ในโลกนี้แล้ว ผมก็คิดว่ามันคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเจออีกทีมที่สู้แทนกันแบบนี้”
“พวกเราไม่ได้สู้แทนใครหรอกนะ เพียงแต่ว่าพวกสู้เพื่อปกป้องเพื่อนพ้องของพวกเราต่างหากล่ะ Darkly blue eagle ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเรา แต่คนที่นายทำร้ายพวกเขา คือเพื่อนของเรา อาร์มเขาพูดแบบนั้นเราจึงสู้”
“งั้นเหรอ.....ผมเข้าใจแล้วล่ะ ผมเห็นแล้วจากการสู้นั้น พวกนายยังช่วยอาร์มให้เขาได้กางปีกบินเลย ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อพลังแบบนั้นจะทำให้คนบินได้”
“ได้สิ แบบนั้นล่ะที่เขาเรียกว่าปีกน่ะ”
“เอ้อ....” ราวกับว่าเคิร์กได้เห็นปีกของนกจริงๆ
เขาตัดสินใจถูกแล้ว
“ว่าแต่คุณมาทำอะไรในห้องผมน่ะ คุณอยู่เขตใต้ไม่ใช่เหรออ ทำไมยังไม่กลับบ้านล่ะ”
“ใครบอกกันฉันจะค้างที่นี่ต่างหากล่ะ” จอห์นสันถือวิสาสะกระโดดขึ้นเตียงนอนเฉย
“นั่นมันเตียงผมนะเฟ้ยยย” เคิร์กกระโดดตาม


1 อาทิตย์หลังจากที่เคิร์กมาอยู่ที่บ้านของคาริน หลังจากเสร็จมื้อค่ำเขากับอาร์มและลิปดาจะออกไปซ้อม AT ด้วยกันกับเพื่อนๆ
“AT ฉันมันพังไปแล้วอ่ะ” อาร์มบ่นขณะที่เขาชู AT ที่พึ่งจะหลุดไม่เป็นชิ้นขึ้นดู
“ฉันรู้จักร้านซ่อม AT เราไปขอให้เขาสร้าง AT คู่พิเศษให้กับนายก็ได้นิ” เคิร์กแนะนำ
“แล้ว AT ที่นายใส่วันนั้นล่ะอาร์ม ฉันว่ามันเท่ห์มากๆเลยนะ และมันก็ดูมีพลังด้วย” ทานุถาม
อาร์มหันมามองลิปดา
“มันเป็นของคนอื่นน่ะเขาให้ฉันยืมใส่เฉยๆ ฉันก็ต้องหา AT ที่มันเหมาะกับฉันมากกว่านั้นอยู่แล้ว”
เคิร์กจึงพาอาร์มไปที่ร้าน Oh Great!! นี่นั่นอาร์มได้พบกับโทมัส ซึ่งเขาบอกกับตัวเองว่าเหม็นขี้หน้าหมอนี่ชะมัด
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ลิปดา”
“ค่ะ สบายดีไหมคะ”
“สบายดีครับ”
“ยินดีที่เจอกันอีกนะอาร์ม”
“ฮืม...เช่นกัน” เขาตอบห้วนๆ
“ว่าแต่มากันที่นี่กันคงมีเรื่องให้ช่วยใช่ไหม?”
“มันก็แน่อยู่แล้วล่ะ ไม่งั้นไม่มาหรอก”
เขาทำหน้าเซ็งเป็ดอย่างเห็นได้ชัด
“คือเราอยากจะได้ AT สำหรับอาร์มค่ะ คู่เก่ามันพังไปแล้ว” ลิปดาเอ่ย
“งั้นฉันจะทำให้เอง” เสียงหวานๆของใครบางคนดังมาจากหลังร้าน
“ฉันจะทำให้เองค่ะ” ดวงหน้าสดใส ตากลมโต ผมสีแดงรวบเป็นมวยกลางหัว ดูจากหน้าตาน่าจะยังเป็นนักเรียน ม ปลาย อยู่
“ฉันมิเซลล์ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เธอยิ้มสดใสจนหนุ่มๆมองตาค้าง
“ฮืม.....ถ้าเป็นมิเซลล์คงได้ AT ที่ดีที่สุดแน่” โทมัสเอ่ย
“พี่โทมัสก็พูดเกินไปค่ะ ฉันจะพยายามก็แล้วกันนะคะ”
“ฉันน่ะแอบชื่นชอบคุณอยู่นะคะอาร์ม ยังไงซะจะช่วยเต็มที่เลยค่ะ” ท่าทางสดใสเอ่ย
“ก่อนอื่นคงจะต้องขอตัวดูกล้ามเนื้อ กระดูด เส้นประสาท และโครงสร้างต่างๆของร่างกายก่อนนะคะ เพื่อที่จะแปลงเป็นคลื่นไฟฟ้าและถอดระหัสออกมาเป็นภาษาของวัตถุดิบที่จะประกอบกันเป็น AT”
“วัตถุดิบงั้นเหรอครับ”
“ใช่แล้วค่ะ คนเราแต่ละคนต่างก็มีธาตุทั้ง 5 ไม่เหมือนกัน และ กระดูก กล้ามเนื้อ สมอง เส้นประสาท และหัวใจที่ไม่เหมือนกันดังนั้นเราจะต้องมีการเลือกวัตสดุที่จะนำมาทำ AT ไม่เหมือนกันค่ะ”
“กระดูกของแต่ละคนนั้นมีความยืดหยุ่นที่ไม่เหมือนกัน ส่วนกล้ามเนื้อจะช่วยในการผ่อนแรงและทรงตัวในท่าต่างๆกัน สมองเป็นส่วนที่สำคัญในการกำหนดการเคลื่อนไหว เส้นประสาทจะเป็นตัวตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวจะเร็วหรือช้าจะเกิดขึ้นจากการสั่งการของเส้นประสาทซึ่งจะทำงานรวดเร็วกว่าสมอง เส้นประสาทจะเป็นตัวส่งผ่านข้อมูลต่างๆให้กล้ามเนื้อและกระดูกตอบสนองต่อการสั่งการของสมองอีกที ส่วนหัวใจ คือใจกลางความรู้สึกนึกคิดทุกอย่าง มีเพียงหัวใจเท่านั้นที่จะบ่งการ ธาตุทั้ง 4 ให้รับรู้ได้ว่าอยากจะบินไปข้างบนนั้น ถ้าหัวใจเราเรียกร้องแบบนั้นแล้วล่ะก็นั่นก็หมายความว่าเราจะต้องบินไปตามเส้นทางที่เราต้องการ” โทมัสเอ่ย
อาร์มถูกส่งเข้าไปในแคปซูนใสในสภาพที่ไม่สวมเสื้อผ้ามองภายนอกเหมือนเขากำลังเปือยอยู่แต่ที่จริงใส่เสื้อซีทรูที่มีอะตอมของการสัมผัสนับล้านๆจุดอยู่ที่ผิวของเสื้อซึ่งมันจะสามารถอ่านค่าของร่างกายในส่วนต่างๆเพื่อที่จะไปตีเป็นความหมายอีกครั้ง อาร์มนอนนิ่งอยู่ในแคปซูนเขาจะต้องอยู่ในนั้นราวชั่วโมง
“ถ้าเป็นครั้งแรกของการจูน AT แล้วล่ะก็จะใช้เวลาค่อนข้างนาน” เคิร์กเอ่ยตามประสบการที่ตัวเองรู้
“แต่ถ้าครั้งต่อไปเวลาก็สั้นลงด้วย”
นี่ก็เป็นเพียงการจูนเพียงส่วนหนึ่งสินะ
“แต่สำหรับ AT ของราชาแล้วการจูนจะแตกต่างออกไป” จอห์นสันเอ่ย
“หมายความว่ายังไง” เคิร์กสงสัย
“มัน...แบบว่า....มันก็....เอ่อ” เขาหน้าแดงพูดไม่ออก
“คงพูดไม่ถูกสินะ” โทมัสหันมาแซว
“สำหรับการจูน AT ของราชาเราจะใช้แคปซูนบนโน้น” โทมัสชี้ขึ้นไปด้านบนซึ่งมีแคปซูนขนาดใหญ่อยู่บนนั้น
แคปซูนมหึมาที่ประกอบจากวัตถุชนิดพิเศษสำหรับการดูดซับพลังของราชาโดยเฉพาะ
“การจูนสำหรับเหล่าราชาแล้วจะต้องใช้ธาตุที่แตกต่างในการจูน”
“ธาตุที่แตกต่างงั้นเหรอ” เคิร์กยังไม่เข้าใจ
“ธาตุที่แตกต่างของร่างกายไงล่ะ นั่นก็คล้ายๆกับการเอาศาสตร์ของความแตกต่างเข้ามาถ่วงดุลพลังให้เกิดความสมดุล” มิเซลล์ช่วยเสริมแต่ก็ทำให้ทุกคนต่างงงงันเหมือนกัน
“ที่เราเรียกว่าหยินกับหยางไงล่ะ”
“ผู้หญิงกับผู้ชายงันเหรอคะ” แครอลถาม
“ใช่...แล้วล่ะ การจูนระดับราชาต้องใช้ความละเอียดอ่อนนับล้านๆอะนุภาคเชียวล่ะ ต้องใช้ร่างกายของคนที่บริสุทธิ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ในการถ่ายทอดความสมดุลให้กับอะตอมของราชา”
“บริสุทธิ์ทั้งร่างกายและจิตใจ”
“คนที่บริสุทธิ์เท่านั้นจึงจะสามารถถ่ายทอดพลังได้สูงสุด” โทมัสเอ่ย
“อย่างจอห์นสันเขาก็คงจะรู้เรื่องนี้ดี ใช่ไหม” เขายังหันมาแซวจนอีกฝ่ายหน้าแดง
“ร่างกายของคนเรา ไม่ว่ากระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ สมอง เส้นประสาท และหัวใจ ต้องทำงานสัมพันกัน พลังที่แอบแผงอยู่ในธาตุทั้ง 5 จะแสดงออกมาได้อย่างทรงพลังก็เมื่อธาตุทั้ง 5 อยู่ในสภาพที่ดี และการตอบสนองที่ไร้ขีดจำกัดต่อธรรมชาติ”
“ไร้ขีดจำกัดต่อธรรมชาติงั้นเหรอคะ”
“ใช่แล้วล่ะ และเมื่อนั้นเราก็จะสามารถก้าวผ่านทุกๆเส้นทางไปได้”
“มีคนแบบนั้นอยู่ด้วยเหรอครับ” เคิร์กสงสัย
“ตั้งแต่ฉันอยู่ที่นี่มาฉันอาจจะยังไม่เคยจูนให้ราชาคนไหนสักทีเพราะยังไม่เคยมีราชาผู้หญิง” เขาพูดตลก
“แต่ว่านะยังมีคนลึกลับคนหนึ่งซึ่งไม่เคยปรากฏให้ใครได้เห็น ฉันสัมผัสถึงสิ่งเหล่านั้น เขาผู้นั้นมีธาตุทั้ง 5 ที่เหนือมนุษย์ สามารถตอบสนองต่อธรรมชาติได้อย่างมหัศจรรย์ คนๆนั้นถูกเรียกว่าอัฉริยะมาตั้งแต่เกิด และมาพร้อมกับปีกที่ทรงพลังมากกว่าใคร จนใครๆก็คิดว่าเขาอาจจะเป็นนกจริงๆ”
“เขาก็คืออินทรีสีน้ำเงินนนน” โทมัสเอ่ยสายตาชำเลืองมองเงาวูบไหวข้างหลังทุกคน เขาเห็นปีกที่สบัดอยู่ในเงาเหล่านั้นขณะที่ลิปดายังคงทำหน้านิ่งเฉย
“มาดูสิระดับพลังของธาตุทั้ง 5 ของอาร์มอยู่ที่เท่าไหร่ โอ้ววว......500 เชียวเหรอ สูงจริงๆ” โทมัสเอ่ย
“ยังไม่พอหรอก สำหรับฉันอยู่ที่ 2,500” จอห์นสันอวด
“โอโฮ...ทำไมมากขนาดนั้นล่ะ” ทานุร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
“สำหรับเหล่าราชาแล้วพลังท่านี้เป็นเรื่องธรรมดา พลังของธาตุทั้ง 5 ของราชา จะอยู่ที่ 2,500 – 5,000 จะว่าไปจอห์นสันนายยังอ่อนอยู่นะ” โทมัสหันมาแซว
“ฮืม.....”เขาทำหน้าเซ็งกับคำต่อขาน
“จะเป็นเพราะร่างกายของนายยังไม่คงที่ล่ะมั้ง นายยังใช้ ราชานกเค้าแมวยังไม่คล่องใช่ไหม”
จอห์นสันยิ่งไม่สบอารมณ์กับถ้อยคำสบประมาท แต่มันก็จริง
“งั้นดีเลย..... วันนี้นายควรที่จะปรับจูนเสียบ้าง เพราะนายยังไม่ได้จูนมานานแล้วนิ ดูท่าอะไรๆ ก็ยังไม่เขาที่ดีนัก”
“เฮ้.....อย่ามาออกคำสั่งกันนะ” จอห์นสันเริ่มโมโห
“ท่านจอห์นสันคะ....” เสียงหวานๆของสาวผมดำร่างบอบบางปรากฏขึ้น
“นาเดีย...” จอห์นสันตกใจกับการมาของอีกฝ่าย
“ชิ....นี่เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“ก็ตั้งแต่ที่ท่านมาอยู่ที่นี่นั่นล่ะค่ะ ท่านลืมไปแล้วเหรอว่าคนที่จะสัมผัสและรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างของท่านได้ก็มีแต่ฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น” เธอเอ่ยเสียงเบาหวิวก่อนจะเข้ามาโอบกอดร่างของจอห์นสัน
ทุกคนมองตามอย่างตื่นเต้น จอห์นสันร่างปวกเปียกอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้านกเค้าแมวน่ะตัวเขาเหมือนกับเหล็กไหลพอมาเจอกับขั้วแม่เหล็กที่ตรงกันก็จะถูกดูดไปจนอ่อนปวกเปียกทันที”
หลังจากนั้นจอห์นสันก็เริ่มถูกจูนทันทีท่ามกลางเพื่อนๆที่คอยดูเหตุการณ์อย่างสนใจ อาร์มออกมาจากแคปซูนเห็นสภาพของจอห์นสันที่อ่อนปวกปวกในอ้อมกอดของนาเดียแล้วนึกขำ
“เจ้านั่นมันสิ้นสภาพง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ”
“แต่ว่าน่าอิจฉาจังนะ ดูนั่นสิคุณนาเดียตัวเล็กๆแต่ทำไมอกอึมเป็นบ้าเลย” ความลามกมักปรากฏได้ทุกที่ ลิปดาเลยพาดฝ่ามือหนักๆลงท้ายทอยทำเอาคนร่างสูงกว่าล้มลงไม่เป็นท่า
“นกเค้าแมวเดิมทีเป็นของพี่ชายของเขา เด็กที่ถูกฝึกมาอย่างดีเท่านั้นถึงจะใช้ได้คล่อง แต่ขนาดเขาถูกฝึกจากพี่ชายอีกทีก็ยังสามารถใช้ได้ขนาดนี้นับว่าเก่งไม่น้อย” โทมัสเอ่ย เจ้านั่นคงทุ่มเทพลังในการฝึกมาอย่างดี

ผ่านไปราวชั่วโมงจอห์นสันก็จูนเสร็จออกมาแต่งตัวแล้วมารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ
“สภาพร่างกายก็ดีอยู่หรอกนะคะ แต่รู้สึกว่าช่วงข้อต่อของไหล่กับขาจะฝืดไปหน่อยคงต้องออกกำลังกายบ้าง” นาเดียบอกเขา
“ฮืม...” เขาพยักหน้ารับทราบ
ดูๆไปเขาดูว่าง่ายเมื่ออยู่ต่อหน้านาเดีย
“ตอนนี้พลังอยู่ที่ 2,700 ค่ะ เพื่อมาอีก 200”
“อืม.....”
“ยังไงท่านจอห์นสันต้องระวังเรื่องอาหารด้วยนะคะ ไขมันชักจะเยอะแล้ว” นาเดียผู้หญิงคนเดียวที่สามารถถึงเนื้อถึงตัวเขาได้เอ่ย ทำเอาจอห์นสันหน้าแดง
“รู้แล้วน่า”

“แล้วต่อไปมีใครอยากจะจูนมั่งครับ” โทมัสเอ่ยถาม
“ที่จริงทุกคนน่าจะลองจูนดูนะครับจะได้รู้ว่าตัวเองเหมาะที่จะใช้ AT แบบไหน”
“นั่นน่ะสิ ทานุ ซอย พวกนายก็ด้วยนะ”
“ลิปดาเธอก็น่าจะจูนด้วยนะ AT ของคุณดูแล้วมันน่าจะเร็วกว่านั้นทุกวันนี้เห็นคุณวิ่งออมแรงเหลือเกิน” เคิร์กหันมาบอกลิปดา
“เออ....ไม่เป็นไรหรอกมั้งจ๊ะ ที่จริงช่วงขาฉันไม่ค่อยดี วันก่อนฉันก็สะดุดล้มที่ระเบียงก็เลยทำให้วิ่งได้ไม่เต็มที่” เธอรีบออกตัว
“นั่นแหล่ะต้องควรตรวจสอบ” อาร์มเข้ามาอุ้มเธอโยนเข้าไปในแคปซูน
แคปซูนร้องเสียงดังก่อนจะเต้นอย่างแรง
“แย่แล้วเกิดอะไรขึ้นน่ะ ลิปดาน้ำหนักเกินเหรอ” อาร์มร้อง
“ดูนั่นสิ...” แครอลชี้ไปที่ตัวเลขเปอร์เซนต์ที่ขึ้นทำเอาทุกคนตาค้าง
“15,000”
“ลิปดา.....”
“เอ่อ...เครื่องมันอาจจะพังก็ได้นะเมื่อกี้อาร์มโยนฉันตั้งแรง” เธอรีบออกตัวแล้วลุกขึ้นจากแคปซูน
ไม่สิ....มากกว่าระดับราชาถึง 3 เท่าตัว มันอะไรกันแน่ตัวเลขนี้ จอห์นสันคิด
เธอก้าวผ่านราชาไปแล้วลิปดา โทมัสเองก็ลำพึงในใจ
อะไรกันยัยนี่ ลิปดาพลังมากขนาดนั้นเชียวเหรอ มากกว่าเขาตั้ง 30 เท่า อาร์มคิดอยู่ในใจ
มิเซลล์เข้าไปดูแคปซูนที่นิ่งลงมีควันออกมาจากโปรแกรม
“ดูเหมือนมันจะ Error แล้วล่ะค่ะ เพราะโดยปกติเครื่องนี้ใช้จูน ธรรมดาเท่านั้น รองรับแค่พลังระดับ 1000 ถ้ามากกว่านั้นเครื่องจะรับพลังไม่ไหว แต่ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวฉันจะซ่อมเอง” เธอลงมือซ่อมอย่างรวดเร็ว
“ฉันขอโทษด้วยนะคะ” ลิปดาเอ่ยอย่างสำนึกผิด
และเกินที่เธอจะทันตั้งตัวโทมัสก็ดึงเธอเข้าไปกอดเอาไว้แทบจะกลืนกินร่างเธอเอาไว้
“อ่ะ.....”
ทุกคนต่างก็ตกใจเช่นกัน อาร์มอึ้งกับภาพที่เห็นแต่เขาก็ก้าวขาไม่ออกเพื่อที่จะไปดึงลิปดาออก แต่ลิปดากลับอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมกอดของเขา มือของโทมัสลูบไล้ไปทั่วร่างราวกับกำลังสำรวจอะไรอยู่
ลิปดาผลักเขาออกจนได้พร้อมกับตบหน้าอย่างแรง
เธอยืนหอบตัวโยนหน้าโทมัส ทุกคนเองก็ยังตกใจอยู่ไม่น้อย
“ผมก็แค่.....” เขาขยับเข้ามาหาเธอ
“หยุดอยู่ตรงนั้น” น้ำเสียงเธอดูดุอย่างไม่เคยเป็น
“กระดูกสมบูรณ์ดีทุกอย่าง กล้ามเนื้อนิ่ม...อ่ะ สมบูรณ์ดีมาก ข้อต่อมีก๊าชไหลผ่านอย่างน่ามหัศจรรย์ ทำให้เกิดการยืดหยุ่นอย่างที่คนธรรมดาไม่น่าจะเป็นได้ สมองและเส้นประสาทสั่งการได้เด็ดขาดและเชียบคม แต่หัวใจ.........สับสน” โทมัสรายงานอาการอย่างละเอียด
จ้องมองใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ของอีกฝ่าย
อาร์มเดินออกจากร้านไปก่อนเพื่อนลิปดามองตามก่อนจะวิ่งตามเขาไป
“อ้าว.....อาร์ม ลิปดา” ทานุร้องตามทำท่าจะตามทั้งสองไป
“ปล่อยพวกเขาไปเถอะ” แครอลห้ามไว้
“คุณไม่น่าทำแบบนั้น เห็นหน้าตาดีสุภาพไม่น่าจะลามกเลยนะ” เอมิราหันไปต่อว่าโทมัส
“นี่ไม่ใช่เรื่องลามกหรอกนะคะ แต่เป็นการจูนอีกวิธีหนึ่ง พี่โทมัสน่ะมีส่วนของอนุภาคสำรวจนับล้านๆอยู่บนตัวอยู่แล้ว แค่สัมผัสก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นยังไง” มิเซลล์เอ่ย
ซอยจึงพิสูจน์ด้วยการเข้าไปกอดโทมัสบ้างเขารีบถอยทันที
“ขอโทษนะครับ สำหรับผมแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น” เขาวิ่งหนีซอยสุดชีวิต
“พี่โทมัสเขาเป็นราชาการจูนค่ะ ร่างกายของเขาเกิดมาเพื่อราชาเท่านั้น”
เพื่อราชาเท่านั้นงั้นเหรอ แล้วลิปดาล่ะ.....จอห์นสันนิ่งคิด

“อาร์ม....เดี๋ยวสิ รอฉันด้วย” ลิปดาวิ่งมาทันอาร์มที่หัวมุม
“ตามมาทำไมกัน” เขาหันไปต่อว่า
“ก็....ก็....”
“น่าไม่อายจริงนะ คราวก่อนก็หายไปไหนด้วยกันกลับบ้านจนดึก คราวนี้ก็ยังกล้ากอดกันต่อหน้าเพื่อนๆ อีก ฉันถามเธอจริงๆเถอะพวกเธอเป็นอะไรกัน”
“แล้วเธอเป็นอะไรกันแน่ลิปดา..........” คำถามที่พูดราวกับจะทิ่มแทงใจของอีกฝ่าย
“ฉัน.....”
“เธอเล่น AT เพื่ออะไร ทำไมเธอถึงพลังเยอะขนาดนั้น ฉันยังเทียบไม่ถึงเสี้ยวเลย” คำพูดที่ดูราวกับจะเสียใจอย่างมากมาย
“เธอ...ปิดบังอะไรฉันอยู่”
ลิปดาจ้องมองดวงตาที่กำลังโกรธเกรี้ยวของอีกฝ่ายโดยไม่มีคำตอบ น้ำตาใสๆมันเริ่มไหลออกมา แต่อาร์มกลับไม่สนใจมัน
“เธอเป็นอะไรกับ Darkly blue eagle...ทำไมถึงบอกไม่ได้ล่ะ เธอเล่น AT ก็เก่ง แถมยังมี AT ราชาอีกา และยังมีตราญลักษณ์ของ Darkly blue eagle อีก เธอเป็นใครกันแน่” เขาจ้องมองเพื่อนสนิทที่อยู่เคียงข้างกันมานับ 17 ปีที่ลิปดาลืมตาดูโลก แต่ทำไมเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย ต่างกับโทมัสดูเขารู้ทุกอย่างที่เป็นเธอ นึกถึงภาพที่เขาลูบไล้เธอแล้วทำเอาเขาอารมณ์เสียขึ้นมา
อาร์มสะบัดหน้าหนี
“อาร์ม...........”
“ถ้าเธอยังบอกฉันไม่ได้ ก็ไม่ต้องเดินมาทางเดียวกัน” คำพูดที่ดูเหมือนมีดกรีดลงกลางใจทำเอาลิปดาหมดแรง

อาร์มไปที่บรรไดมังกรที่นั่นเขาได้พบเคย์
“ทำไมวันนี้หน้าตาไม่สู้ดีเลยล่ะจ๊ะ”
“เปล่า......”
“เหมือนจะปิดบังอยู่นะ”
“ช่างเถอะ....ว่าแต่คุณเคย์มาที่นี่ทุกวันเลยหรือครับ”
“ฮืม...ก็ที่นี่น่ะมันเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับฉันเลยนะ”
“ที่ที่ดีที่สุดงั้นเหรอครับ”
“ใช่แล้ว.....แล้วอาร์มล่ะ”
อาร์มมองผ่านเทือกเขาขึ้นไปข้างบน หน้าผาเขากระโหลกบนนั้น
“คุณเคย์ทำไมเล่น AT ครับ”
“ก็เพราะชอบไงล่ะ”
“ชอบ......”
“ใช่แล้วล่ะ ฉันอยากจะเดินไปในอากาศได้ ฉันอยากบินได้ ฉันอยากจะไปให้สุดฟ้า ฉันอยากจะเห็นพื้นโลกจากที่สูง มันก็เท่านั้น”
“งั้นเหรอครับ”
“ก็เธอน่ะไม่เห็นเหรอว่าข้างบนนั้นมันสวยขนาดไหน ฉันจะต้องไปให้สุดฟ้า”
“แล้ว MaxLava คืออะไรกันครับ”
เคย์หัวเราะเสียงใส
“ก็เป็นปีกของเธอไงล่ะ คิกคิก”
“อาร์มยังไงซะฉันก็จะรอวันที่เธอจะเดินไปกับฉันนะ” เธอเอ่ยก่อนจะกระโดดลอยตัวไปในอากาศ
“ยังไงก็อย่าทำให้ฉันเสียใจล่ะ”

อาร์มมองร่างบอบบางที่หายไปในอากาศแล้วมองขึ้นไปบนเขา ใช่สิมีเรื่องที่เขาอยากจะทำอยู่เรื่องหนึ่งแต่ละวันมันยุ่งจนเขาลืมมันไป ก็ภาพนกอินทรีหลังเขากระโหลกนั่น ชายหนุ่มจึงไปที่นั่น เมื่อมาถึงเขาหัวกระโหลกเขายืนมองจากด้านหลัง
“ใช่สินะมุมนี้เราไม่เคยมองมันเลย” เขาเห็นยอดโดมเหมือนกับโบสถ์อยู่ที่นั่นห่างออกไปประมาณ 500 เมตร ส่วนที่เห็นเหมือนปีกทั้งสองข้างคือหลังคาของโบสถ์นั่นเอง อาร์มไปที่นั่น
เป็นโบสถ์จริงอย่างที่เขาคิดสภาพยังสมบูรณ์อยู่มากแต่ก็เงียบเหมือนไม่มีใครอยู่ แต่ที่นี่เหมือนกับว่าเขาเคยมาตอนเป็นเด็กกับลิปดาแต่มันก็นานจนจำแทบไม่ได้ อาร์มเข้าไปในโบสถ์ที่เงียบไร้ผู้คน
“ไม่มีใครอยู่เหรอ” เขาถามตัวเองแต่พอหันหลังกลับก็ต้องตกใจที่โดนลมกระแทกอย่างแรงและเร็วจนล้มไปก้นกระแทกพื้นอย่างแรง
“อะไรกัน ใครน่ะ” เขาร้องถาม
ปรากฏร่างสูงโปร่งผมสีเทาในตาสีน้ำตาลยืนอยู่ตรงหน้า
“คุณเป็นใคร? มาทำอะไรที่นี่” เขาตั้งคำถามแต่พอมองหน้าชัดๆก็เหมือเคยเจอกันที่ไหน
“นี่นาย...”
“อ้าว...อาร์ม” เสียงแก่ๆของบาทหลวงเอ่ยขึ้น
“คุณพ่อ”
“ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะ” คุณพ่อยกชามาให้เขาดื่มหลังจากที่พามานั่งในห้องรับแขก
อาร์มยังมองดูหน้าชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างไม่วางใจ
“นี่เจสัน เขาเป็นคนช่วยพ่อดูแลที่นี่น่ะ เจสันนี่อาร์ม โรลล์ ไลน์”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เจสันยิ้มให้พลางยื่นมือมาจับ อาร์มจับตามมารยาท
“เช่นกันครับ”
“ไม่ได้มาที่นี่นานเลยนะ”
“อ้อ....ครับ”
“พ่อดีใจที่ได้พบเธออีก”
“ผมก็เหมือนกันครับ”
“ได้ข่าวว่าเล่น AT ด้วยใช่ไหม?”
“ครับ”
“ตอนนี้ฝีมือเป็นไงบ้าง”
“ก็ยังไม่เก่งเท่าไหร่ครับ”
“ฮืม.....ยังไงก็คงอยากจะเล่นต่อไปใช่ไหม?”
“ครับ แม้พี่คารินจะ…..”
“ทำไมเหรอ?”
“พี่คารินไม่อยากให้ผมเล่น”
“คารินงั้นเหรอ” เจสันถาม ชื่อนี้เขายังจำได้เสมอ
“คุณรู้จักด้วยเหรอครับ”
“ถ้าเป็นคาริน เวลตันล่ะก็ผมรู้จักเธอดีครับ”
อาร์มรู้สึกตกใจทีอีกฝ่ายรู้จักกับคาริน
“แล้วนี่เห็นบอกว่า MaxLava ชวนเข้าไปร่วมทีมด้วยเหรอ”
“คุณพ่อทราบด้วยเหรอครับ” เขาตกใจไม่น้อย
“555....มีเรื่องอะไรของลูกๆที่พ่อจะไม่รู้บ้างล่ะ”
“ครับ...แต่ผมก็ยังตัดสินใจไม่ได้”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะผมยังไม่รู้เลยว่าพวกเขาคืออะไร”
“อะไรกันนี่คุณไม่ทราบเหรอว่า MaxLava คืออะไร” เจสันถามอย่างสงสัย
“ไม่ครับ...พวกเขาคืออะไรกันครับ?” อาร์มถามอย่างสงสัย
“พวกเขาก็คือกลุ่มของเด็กโครงการที่ไม่ได้รับคัดเลือกเป็นราชาไงล่ะ ฝีมืออาจจะไม่ต่างกับเหล่าราชานักแต่แตกต่างด้านพลังและความสามารถของธาตุทั้ง5 หลังจากเกิดการปฏิวัติทางทหาร เหล่าราชาได้ถูกคุ้มครองอย่างดีและหลบซ่อนตัวเพื่อปิดสถานะของตัวเองโดยทหาร ที่เหลือจากโครงการ แต่เหล่าเด็กพวกนั้นได้รับการคุ้มครองจากนักปฏิวัติเพื่อฝึกฝนและช่วงชิงเอาความเป็นราชาจากพวกเรา พวกเขารวมตัวกันขึ้นเพื่อที่จะโค่นล้มหัวหน้าของเหล่าราชา”
“หัวหน้าของเหล่าราชา....คือใครกันครับ”
“พญาอินทรีสีน้ำเงิน”
“เขามีอยู่จริงเหรอครับ” อาร์มถามอย่างแปลกใจ
“ฮิฮิ.....” หลวงพ่อขำเบาๆ
“มีสิครับ หัวหน้าที่พวกผมต้องคอยติดตามและผนึกกำลังเข้าร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ เพื่อนำความสงบสุขกลับมาให้โลกของเรา ผู้ซึ่งจะต่อกรกับทหารฝ่ายปฏิวัติ ปีกของอินทรีสีน้ำเงินกำลังจะกางออกแล้ว”
“Darkly blue eagle” อาร์มครางออกมาเบาๆ
“ใช่ครับ”
“เขามีตัวตนอยู่จริงเหรอครับ”
“นิเธอไม่รู้หรอกหรืออาร์มว่าราชาอินทรีสีน้ำเงินคือใคร”
“มันเป็นเพียงตำนานไม่ใช่เหรอครับ”
“เปล่าหรอก เธอเกิดมาพร้อมกับความอัจฉริยะ มีธาตุทั้ง 5 ที่สมบูรณ์แบบ ผู้ไร้ขีดจำกัดทางธรรมชาติ และเป็นคนเดียวที่สามารถควบคุมปีกสีน้ำเงินได้ หัวหน้าของพวกผมก็คือ ลิปดา เวลตัน”
อาร์มตะลึงกับชื่อที่เจสันเอ่ยออกมา
“ลิปดา เวลตัน”








Create Date : 25 มีนาคม 2553
Last Update : 31 มีนาคม 2553 0:16:38 น.
Counter : 665 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]