เมื่อใจเหนื่อยล้าอ่อนเพลียเดินไปอินเดียกันดีกว่า
หลังจากที่ซึมเศร้า เบื่อๆ อยากๆ อยู่หลายวัน เราสะดุ้งตื่น เพราะเสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น สบัดหัว ขยับไหล่ ไล่ความเมื่อยล้าออกจากตัว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดดูข้อความ
ถ้าใจอ่อนเพลีย ไปอินเดียสิเพื่อน หลวงพี่กันส์ แอนด์ โรส รออยู่ .................................................ลุงโซดาไฟ
เป็นข้อความที่เรียกกำลังใจและความรู้สึกดี ๆ กลับมาได้มากเลยทีเดียว
* * *
1.
บนห้างสรรพสินค้าแห่งเดียวในโคราชสมัยนั้น เรากับเพื่อนสามคน นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ในร้านไก่ทอด ซี เอฟ เค ในชุดนักเรียนโรงเรียนช่างไม้กับเท้าเปลือยเปล่าทุกคน เราทุกคนคลั่งไคล้วง กันส์ แอนด์ โรเสส มาก และชักชวนกันไปสักรูปปืนกับดอกกุหลาบ ในสไตล์ที่แต่ละคนออกแบบเอง
แต่ทุกคนได้รับการปฏิเสธจากผู้ปกครอง ต่าง ๆ นา ๆ หลายสาเหตุกันไปตามสภาพครอบครัว เรา ไอ้บื้อ ไอ้โซดาไฟ ไม่ค่อยเท่าไหร่ พวกเราใช้คำพูดไม่ดีกับพ่อแม่ตามคำฮิตในหนังสือ " ชี วิ ต ผ ม ข อ ผ ม เ ถ อ ะ " แต่ไอ้จ่ามรนี่หนักและรุนแรงกว่าเพื่อนเลยทีเดียวเชียว " นายไม่มีสิทธิออกความเห็น เพราะนายไม่ใช่พ่อเรา " ทำเอาพ่อเลี้ยงของมันพูดอะไรไม่ออก ทั้งที่เลี้ยงมันมาตั้งแต่พ่อมันตายตอนสิบเอ็ดขวบ และปล่อยให้แม่มันน้ำตานองหน้า ยืนมองมันเดินหนีไปจนลับตา
และด้วยความเป็นพวกที่ทำตัวไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเท่าไหร่ ผสมกับเรื่องความรักที่ไม่สมหวัง และหลากหลายสาเหตุที่ทำร้ายจิตใจ พวกเราเลยตัดสินใจไปทำสิ่งที่พวกเราเคยคุยกันไว้นานแล้ว
" ไปพายเรือข้ามฟากที่อินเดีย " เคยอ่านเจอในหนังสือที่ มาโนช พุฒตาล แนะนำ มีชายคนหนึ่ง ชื่อสิทธารถะ ( ชื่อคล้ายพระพุทธเจ้า ) เบื่อโลกและชีวิตที่เป็นอยู่ เลยออกแสวงหาทางดับทุกข์ วันหนึ่งไปเจอคนพายเรือข้ามฟากเลยได้พบสัจจะธรรม คนเราพายเรือข้ามฟากก็มีความสุขได้นะ พวกเราคิด ว่าแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา ออกเดินทางกันในทันที
2.
นี่ก็ค่ำมากแล้ว ห่างจากห้างมาประมาณสี่สิบสี่กิโลเมตร ทุกคนหยุดนั่งพัก ทั้งหอบทั้งเหนื่อย และได้แผลพุพองที่เท้าเปลือยเปล่ากันคนละนิดคนละหน่อย แต่ไอ้จ่ามรถึงกับได้เลือดและออกอาการปวดแสบปวดร้อนเลยทีเดียว
" เราเดินไม่ไหวแล้ว หาที่พักก่อนเถอะ วันนี้พรุ่งนี้ค่อยไปต่อ " ไอ้จ่ามรเอ่ยปากขณะที่ไอ้บื้อพยุง " ใช่ๆ อินเดียนี่อยู่หลังเขาลูกนั้นเอง เห็นสีชมพูแว๊บ ๆ พรุ่งนี้ก็ถึง " ไอ้โซดาไฟพูดยิ้มๆ " อะไรสีชมพูแว๊บ ๆ " ไอ้บื้อถาม " ก็ชมพูทวีปไงล่ะ " ไอ้โซดาไฟตอบไปหัวเราะไป " มุขเสี่ยว เสี่ยว " ทุกคนพูดและหัวเราะพร้อมกัน และคืนนั้นพวกเราก็เข้าไปนอนบนหอระฆังในวัด
" ตื่นๆ ตื่นได้แล้วโยม " เสียงพระรูปหนึ่งปลุกพวกเรา เพราะหลวงพี่จะตีระฆัง " ไปล้างหน้าล้างตากันก่อนไป " ลุกขึ้นไหว้ และไปล้างหน้าล้างตาตามที่หลวงพี่บอก สังเกตเห็นรอยสักรูปดอกกุหลาบกับปืนที่แขนขวาของหลวงพี่ด้วย พวกเราต่างพากันเรียกแกว่า หลวงพี่กันส์ แอนด์ โรส
หลวงพี่ กันส์ แอนด์ โรส ถามที่มาที่ไปพวกเราว่าทำไมถึงมานอนกันที่หอระฆัง เมื่อพวกเราเล่าให้แกฟัง แกก็หัวเราะชอบใจในความอ่อนต่อโลกของพวกเราใหญ่เลย
เรียนช่างไม้มา ทำไมไม่ทำประโยชน์ให้แผ่นดินเกิด กลับจะไปพายเรือข้ามฟากที่อินเดียซะให้ยุ่งยาก ถ้าอยากมีความสุขและรู้สัจจะธรรมอาตมาจะสอนให้ โดยเฉพาะคนที่อกหักน่ะจะรู้ว่าสัจธรรมเป็นเช่นไร
หลวงพี่สั่งให้พวกเราขุดดิน และเข็นมาถมพื้นอุโบสถ ขุดดิน ขนดิน ถมดิน ทำหลาย ๆ รอบเข้า เหงื่อก็ไหลเป็นน้ำไปทั้งตัว ความเหน็ดเหนื่อยทำให้ลืมเรื่องอกหักไปเป็นปลิดทิ้งเลย และแปลงที่ขุดดินไปถม หลวงพี่ กันส์ แอนส์ โรส บอกว่า เราก็เอามันเทศปลูกลงไป วันหนึ่งมันก็จะกลายเป็นหัวมันให้เราได้เก็บกิน
เหมือนความรัก เมื่อหมดไปก็พลิกพื้นขึ้นมาใหม่ ด้วยแรงกายแรงใจของเรา อีกหน่อยก็ออกดอกออกผลให้ใจเราเอง
3.
วันต่อมา หลวงพี่ กันส์ แอนด์ โรส ถามพวกเราเรื่องรอยสักว่า " นี่พวกโยม โดยเฉพาะโยมจ่ามร ยอมลงทุนทะเลาะกับผู้มีพระคุณทั้งสองเพื่อแลกกับรอยสักเลยเหรอ " ทำเอาไอ้จ่ามรนิ่งไม่ตอบอะไร เพราะสำนึกผิดและละอายใจ รวมถึงพวกเราด้วย " พ่อแม่น่ะรักและหวังดีกับเรามากนะ อาตมาจะบอกให้ แต่พวกโยมก็ไม่อยากฝืนหัวใจตัวเอง อาตมาเข้าใจ " ทุกคนเงียบและฟังหลวงพี่เทศน์อย่างตั้งใจที่สุด
" อาตมาอยากยกรอยสักนี้ให้พวกโยมจังเลย " หลวงพี่กันส์ แอนด์ โรส มีสีหน้าเศร้าขึ้นมาทันที " ถ้าไม่มีมัน โยมแม่กับอาตมาคงคุยกันอย่างอบอุ่นกว่านี้ก่อนที่ท่านจะเสีย " การที่ไม่ฝืนใจตัวเอง แต่ทำให้พ่อแม่เสียใจผลลัพธ์มันต่างกันมาก แต่วิธีที่จะทำให้พ่อแม่ไม่เสียใจและไม่ฝืนใจตัวเองก็มีนี่นา " ใช่มั๊ยตะวันออก เขียนเอาสิเหมือนอักษรสีแดงในมือข้างซ้ายของโยมนั่นไง "
เรามองที่มือแล้วยิ้ม พวกเรานี่มันโง่จริงๆ เลยนะ แลกของที่มีค่าที่สุดกับเรื่องง่ายๆ แค่นี้เอง
4.
พวกเราอยู่ช่วยงานหลวงพี่กันส์ แอนด์ โรส อีกสามวัน แต่ไอ้จ่ามรกลับก่อน เพราะพ่อเลี้ยงกับแม่มันมารับ โดยตำรวจเป็นคนพามา ร้องไห้กอดกันกลม ไอ้จ่ามรกราบเท้าขอโทษพ่อเลี้ยงมันด้วย
ในขณะที่อยู่ที่วัดเรากับไอ้บื้อ ต่างก็ผลัดกันเขียนรอยสักด้วยปากกาทุกวัน วันละรูป ๆ เป็นที่สนุกสนาน วาดซะสวยเลย รูปที่เราวาดให้ไอ้โซดาไฟเป็นรูปคนโดดร่ม พอมันรู้มันก็พูดว่า " มุขเสี่ยว เสี่ยว "
ก่อนกลับบ้านแวะไปเอารองเท้าที่ถอดเรียงกันไว้หน้าห้างสรรพสินค้า " เห็นวางไว้หกวันแล้วไปไหนกันมา " ยามถาม ยิ้มแล้วตอบพร้อมกัน " ไป อินเดีย " ได้ยินเสียงยามคล้อยหลังมาแต่ไกล
มุ ข เ สี่ ย ว เ สี่ ย ว !!
***ปัจจุบันลุงโซดาไฟมีรอยสักตามที่ใจปรารถนา โดยที่แม่ไม่เห็นและไม่เสียใจเลย เพราะมันสักไว้ที่ก้น มันเปิดให้พวกเราดู "แม่ไม่เห็น แม่ไม่เสียใจ และไม่ฝืนใจตัวเอง" มันบอก
*** วันใดที่หัวใจอ่อนเพลียเราจะนึกถึงการเดินทางไปอินเดีย กับ คำสอนของหลวงพี่กันส์ แอนด์ โรส เสมอ
Create Date : 12 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 3 กันยายน 2552 13:40:03 น. |
|
39 comments
|
Counter : 682 Pageviews. |
|
|
แวะมาทักทาย
และลงชื่อไว้ก่อน