"กลับดึกอยู่ก็ลึก ในซอยเปลี่ยว โดดเดี่ยวดึกอย่างี้ ไม่มีผู้คน
เดินเข้าไป หัวใจจะหล่น ถ้าคอยกังวลอยู่อย่างนี้ ทุกทีคงแย่ "
เสียงฮัมเพลงเบาๆ ดังขึ้นจากริมฝีปากหนาเจ่อของหญิงสาวร่างบาง
ผอมแห้งราวกับไม้กระดาน ผมยาวของหล่อนถูกขมวดเป็นมวยอยู่
กลางศรีษะ ปล่อยลูกไรผมลงรุ่ยร่ายระสองปรางค์ อย่างไม่ตั้งใจ
หญิงสาวผู้นั้นเดินตัวตรงแน่วสายตาจับจ้องไปเบื้องหน้า ไม่วอกแวก
กับทิวทัศน์อันมืดครึ้มสองข้างทาง หล่อนเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นในจังหวะที่
ต้องเดินผ่านดงไม้ใหญ่หนาทึบ ความหนาของกิ่งใบ บดบังแสงสว่าง
รางเลือนจากดวงจันทร์ดวงใหญ่กลมโต ที่ลอยเด่นอยู่เหนือหัวหล่อนขึ้นไป
เงาดำของไม้ใหญ่ส่ายไหวไปมาเมื่อมีลมพัดผ่าน ส่งเสียงดังแกรกกราก
กรอบแกรบ กุ๊กกุ๊กกู๋ (อันหลังนี่หูหล่อนคงแว่วไปเองน่าจะเป็นเสียงลม
ที่พัดแหวกอากาศมาเสียมากกว่า) ประสาทของหล่อนตึงเครียดจนต้อง
ฮัมเพลงออกมาเบาๆ
"กลับดึกถ้ามีเขา เอาใจใส่ ดีใจดึกยังไง ก็คงไม่แคร์เดินด้วยกัน
ไม่กลัวแน่ แน่ ถ้ายอมดูแลก็จะยก หัวใจให้เลย.. "
ทันใดนั้น หูของหล่อนพลันได้ยินเสียงร้องโหยหวน ดังแว่วลอยมา-
ตามลม หล่อนชะงักเท้าเงี่ยหูฟังเมื่อแน่ใจว่าไม่ได้หูฝาดไป ก็เร่งฝีเท้า
เดินเร็วขึ้นๆ จนเกือบวิ่ง หล่อนเดินมุ่งหน้าตรงเข้าไปในซอยที่ทั้งลึก
และเปลี่ยว สองข้างทางไม่มีบ้านคนมากนัก นานๆจะเจอบ้านสักหลัง
แต่ต่างก็ปิดไฟ เข้ามุ้งนอนกันหมดสิ้นแล้ว
เสียงร้องโหยหวน ยังคงดังขึ้นเป็นระยะๆ หล่อนกระชับกระเป๋าผ้าที่สะพายไหล่
มากอดไว้แนบอก เร่งฝีเท้าก้าวเดินฉับๆไปตามทางเดินที่มืดสลัว เบื้องหน้า
ยิ่งเดินลึกเข้าไปเสียงนั้นก็แจ่มชัดขึ้นทุกทีๆ หล่อนกำลังเดินตรงไปหาเสียงนั้น
เวลาผ่านไปราวยี่สิบนาที แต่หล่อนกลับรู้สึกเหมือน ยี่สิบชั่วโมงก็ไม่ปาน
หลอนผ่อนความเร็วของฝีเท้าลงเมื่อสายตาสบกับเงาตะคุ่มของบ้านไม้ชั้นเดียว
หลังเล็กที่ตั้งอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ลมพัดกิ่งใบของมันไหวพะเยิบๆราวกับมือยักษ์
ที่กวักเรียกให้หล่อนเข้าไปหา หล่อนค่อยๆสาวเท้าก้าวเข้าไปใกล้ ใกล้เข้าไปๆ
หล่อนได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังชัดออกมาจากตัวบ้าน
หล่อนหยุดยืนนิ่งอยู่ริมรั้วบ้าน หน้าอกกระเพื่อมไหวเพราะแรงหอบหายใจ
หล่อนเอื้อมมืออันสั่นระริกออกไป ไขกุญแจเปิดประตูผางออก ยังไม่ทันจะตั้งตัว
มันก็กระโจนเข้าใส่ พร้อมเสียงร้องครางงี้ดง้าดๆ มันตะกุยตะกายส่ายหางดุกดิก
ล้อมหน้าหลังหล่อนเป็นพัลวัน โดยไม่ฟังเสียงห้ามปรามจากหล่อน จนหล่อนต้องรีบ
เปิดกระเป๋าผ้า หยิบของสิ่งหนึงขึ้นมา
"นี่ๆ หยุดได้แล้ว เจ้ามอมดูนี่ชั้นมีอะไรมาฝากด้วยเห็นไหม หยุดตะกายก่อนซี ว้าย..
กระโปรงเปิดหมดแล้วเจ้านี่ มามา มากินโอรีโอ้ของโปรดแกเร็ว เดี๋ยวแม่แกะให้น๊า
โอ๋ๆ แม่ขอโทษน๊าที่วันนี้กลับดึก น่ะโถร้องหาแม่ใหญ่เลยมามะๆมาให้แม่จุ๊บที 55+"
แล้วหล่อนกับอัลเซเชี่ยนลูกรักก็ผลัดกันหอมผลัดกันกินโอรีโอ้อย่างมีความสุข
"รูปหล่อกล้ามใหญ่ ใครซักคน ที่มีจิตใจกับฉัน มีแก่ใจไปไหนไปกันจะเปลี่ยวจะดึกก็ไม่กลัว
กลับดึกก็เลยนึก ไปเรื่อยเปื่อย เหน็ดเหนื่อยอยู่ในใจ คนเดียวทุกวัน เดินเข้าไปหัวใจมันสั่น ถ้ามีใครเดินอยู่กับฉัน คงถึงบ้านสบาย "
จบจ้า^^
สวัสดีค่ะ พบกันอีกครั้งกับโจทย์ตะพาบ กม.ที่84 แว้ว..
เสียงร้องโหยหวนนั้นทีแรก คิดเป็นเสียงหมาหอนแบบในหนังผีอ่ะนะ แต่ตอนจบกลายเป็นหมาหอนคืดถึงเจ้าของไปซะงั้น มุกหมากินโอรีโอ้ได้แรงบันดาลใจจากบล็อกคุณเป็ดคุงจ้ะ
เศร้ามากเลยอ่า วันนี้คงยังไม่ได้เดินสายเยี่ยมเพื่อนๆนะคะ เค้าติดไว้วันจันทร์น๊า^^
แวะมาอ่านตะพาบด้วยค่ะ..อิอิ
ท่าทางน้องหมาจะซุกซน น่ารักมากๆนะค่ะ
ของอ้อมแอ้มก็กลับดึกค่ะ
แต่เป็นแบบหวานๆ..อิอิ
มีความสุขมากๆนะค่ะ