ถนนสายนี้มีตะพาบ : หลักกิโลเมตรที่เก้า ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๓
การสันดาปในวงแขนของนักปลุกปลอบชีวิต
กาลครั้งหนึ่ง ซึ่งไม่นานเท่าไหร่
ยังมีเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง อาศัยอยู่กับพระราชาพระราชบิดาเพียงลำพัง เนื่องด้วยพระราชมารดาผู้ทรงพระสิริโฉมงดงามสิ้นพระชนม์ไปเมื่อวันแรกเกิด ทำให้พระราชาเศร้าสร้อยเป็นอันมาก
เมื่อเอ่ยถึงเจ้าหญิง หลายๆคนคงนึกภาพ เจ้าหญิงแสนสวย ผมยาวสลวยสีบลอนด์ คิ้วโก่งจมูกโด่งตากลมโต ริมฝีปากบางอวบอิ่ม พวงแก้มแดงระเรื่อ รูปร่างสูงโปร่ง มีส่วนโค้งส่วนเว้าเย้ายวนตา นั่นเป็นภพเจ้าหญิงในนิทานของวอลด์ดิสนีย์ แต่นี่มิใช่ นี่เป็นนิทานของท่านหญิงน่าเกลียด ดังนั้น เจ้าหญิงพระองค์นี้จึงมี สิริโฉมที่....ตรงข้ามกับที่กล่าวมาแล้วข้างต้นอย่างสิ้นเชิง มิพักต้องเสียเวลาบรรยาย ให้เปลืองเนื้อที่
ฝ่ายพระราชาหน้าบางรู้สึกอับอายที่พระธิดาไม่มีรูปโฉมเยี่ยงเจ้าหญิงในฝันทั่วไป จึงเก็บตัวนางไว้ให้อยู่แต่ในหอคอย ไม่ยอมให้พบปะผู้คน แม้แต่สนมนางกำนัน แลทหารมหาดเล็ก ต่างไม่เคยมีใครได้ยลโฉมนาง พระราชาประกาศอ้างว่าพระธิดาป่วยเป็นโรคประหลาดไม่อาจต้องแสงอาทิตย์ แสงไฟ แสงนีออนได้ จำต้องเก็บตัวอยู่แต่ในห้องมืดทึบอับแสง
เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไปจึงมีหมอหลวง หมอราษฎร์ ผู้อ้างตัวเป็นผู้วิเศษจากแว่นแคว้นต่างๆทั้งใกล้ไกล ขันอาสามาถวายการรักษา ด้วยหวังว่าจะได้รับเมืองและเจ้าหญิงเป็นของรางวัล ดังนิทานพื้นบ้านทั่วไป แต่นี่มิใช่ นี่เป็นนิทานของท่านหญิงน่าเกลียด ดังนั้นพระราชาจึงไม่ยอมให้ผู้ใดเข้ารักษาเจ้าหญิง
หากมีบ้างที่ขัดไม่ได้เนื่องด้วยเจ้าชายจากแคว้นใกล้เคียง ที่เป็นพันธมิตรกันอยู่เป็นผู้นำตัวหมอวิเศษมาด้วยพระองค์เอง พระราชาก็จำยอมแต่มีข้อแม้ว่าให้หมออยู่นอกห้องบรรทม จะซักถามพระอาการโดยผ่านล่าม เอ๊ย..นางกำนันคนสนิทที่จะคลานกระดืบๆเข้าไปในห้องบรรทมที่มืดสนิท และใช้ด้ายแดงหรือดำผูกข้อพระกรเพื่อจับชีพจรได้เท่านั้น สุดท้ายไม่มีหมอหรือผู้วิเศษใดจะรักษาเจ้าหญิงได้ ต่างก็ผิดหวังกลับไป แต่พระราชาโล่งอกรอดไปอีกหนึ่งวัน
ฝ่ายเจ้าหญิงผู้ทรงสิริโฉม(ไม่)งดงาม ตามความคิดของพระราชา ทรงถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวมานานปี ทรงรู้สึกเบื่อหน่าย แลเศร้าสร้อยเหลือประมาณ วันหนึ่งทรงตรัสบ่นกับนางกำนันคนสนิท ที่นั่งก้มหน้าหมอบต่ำอยู่ในความมืด
ชีวิตของเรานี้ช่างไร้ค่านัก เกิดมาทั้งทีจะทำคุณประโยชน์อันใดให้แผ่นดินก็หาได้ไม่ วันๆต้องเก็บซ่อนตัวอยู่แต่ในห้องในเวียงวังบนยอดหอคอยสูง ยากนักจะพบปะผู้คน กินแล้วก็นอนจนอ้วนจะเป็นหมูอยู่รอมร่อ ดูทีรึ เด็กๆลูกหลานชาวเมือง ลูกข้าราชบริพาร ยังได้วิ่งเล่นสนุกสนาน ได้ไปโรงเรียน มีเพื่อนฝูงคบค้าสมาคม แลได้ช่วยเหลือพ่อแม่ทำกิจการงานบ้านงานครัว ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นคุณประโยชน์ทั้งต่อตนเองแลผู้อื่น ไม่เสียชาติเกิดโดยแท้ แต่ตัวเราได้เกิดมาเป็นถึงเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ กลับไม่สร้างประโยชน์อันใด ต้องมาหลบซ่อนตัวไม่ต่างจากตัวตุ่นนั่นเชียว
เจ้าหญิงผินพระพักตร์มาทางนางกำนันหวังขอความเห็น แต่..นางกำนันนั้งหลับสัปหงก งึกๆงักๆ
.นี่เจ้าจะไม่เอ่ยอะไรบ้างรึ ฮึ!! นางกำนันสะดุ้งตกใจตื่น ได้ยินแว่วๆเกี่ยวกับตัวตุ่นจึงละล่ำละลักเอ่ยอย่างจะเอาใจเจ้าหญิงในความมืด
เง่อ...อ้า..ตัวตุ่นมันก็มีประโยชน์นะเพคะ อย่างน้อยมันยังช่วยพรวนดินเพคะเจ้าหญิง
ออ้..จริงสิ เอ๊ะนี่เจ้าว่าข้าแย่กว่าตัวตุ่นงั้นสิ ดีล่ะ เจ้าถอดเสื้อผ้าเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้เลย
เจ้าหญิงสั่งเสียงเฉียบขาด นางกำนันสะดุ้งตกใจไปแปดกลับ
จ๊าก...ถอด ถอดทำไมเพคะ...อย่าบอกนะว่าทรงเป็นเลสเบี้ยนง่ะ..
บ้า...เจ้านี่คิดอะไรน่าเกลียด แค่จะเปลี่ยนชุดกับเจ้าเท่านั้นเอง เร็วๆไว
????
ข้าจะเปลี่ยนตัวกับเจ้าแล้วแอบหนีไปเที่ยวข้างนอกไง ไม่มีใครเคยเห็นข้า แค่เปลี่ยนชุดก็เดินออกไปได้สบายแล้ว ทีนี้ข้าจะออกไปทำคุณประโยชน์ให้แผ่นดินเสียที
แล้วจัดแจงแต่งกาย เอ๊ยแต่งกาย....
อะแฮ่ม ลิเกแล้วเจ้าหญิง!!!
ก็จะเป็นไรไปนี่มันนิทานของท่านหญิงน่าเกลียดนี่นา ฮะฮ่า
ท้องฟ้าสดใสสีฟ้าคราม ตัดกับปุยเมฆสีขาวที่ลอยฟ่องตามแรงลม ยอดไม้ใบไหวเอน หมู่ภมรบินว่อนร่อนตอม ดูดดื่มกินน้ำหวานจากดอกไม้งามสีสด ที่ชูช่อไสวอย่างเย้ายวน
เจ้าหญิงผู้ทรงสิริโฉม(ไม่)งดงามเพลิดเพลินดำเนินชมสวนท่ามกลางเปลวแดดที่ร้อนระอุยามเที่ยงวัน ที่ไม่อาจทำอันตรายใดแก่ผิวบอบบางขาวซีดนั้นได้เลย เจ้าหญิงทรงเพลิดเพลินวิ่งชมทุกสิ่งที่เห็นรอบกายเหมือนหมาที่เพิ่งถูกปล่อยจากกรงกระนั้น ทรงดำเนินไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนพ้นเขตพระราชฐานโดยไม่รู้ตัว
แต่ก็ยังคงดำดิน เอ๊ยดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนมาพบกับกระท่อมน้อยหลังหนึ่งซุกซ่อนอยู่ในราวป่า จึงทรงเข้าไปในกระท่อมด้วยความสอดรู้สอดเห็น ภายในกระท่อมมืดทึบ แลอับชื้น มีเพียงแสงสว่างวับแวมจากเทียนไขที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเล็กกลางห้อง ข้างๆเป็นแคร่ไม้ไผ่มีหมอนสามเหลี่ยมดำๆขะมุกขะมอมใบหนึ่งวางอยู่ ขณะกวาดสายตาสำรวจกระท่อมอยู่นั้นก็ต้องสะดุ้งขึ้นสุดตัว เมื่อได้ยินเสียงทักจากเบื้องหลัง
ร่าง สูงใหญ่ยืนค้ำอยู่หน้าประตูที่เปิดกว้างแสงสว่างจากภายนอกสาดเข้ามาทำให้ร่างนั้นเห็นเป็นเพียงเงาดำสูงทะมึน แลไม่เห็นใบหน้าซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้ฮู้ดของเสื้อคลุมตัวใหญ่หนาหนัก
เจ้าเป็นใครกัน มานี่มีอะไรให้ข้าช่วยหรือ?? เสียงนั้นกลับนุ่มทุ้ม สะท้อนแลกังวานไพเราะยิ่ง
ขะ..ข้า..ไม่..ข้าไม่มีอะไรให้ช่วย แค่จะเข้ามาหลบพักสักหน่อยเท่านั้น เจ้าหญิงติดอ่างกะทันหัน ด้วยหวาดกลัวชายร่างใหญ่ตรงหน้า
เช่นนั้นก็พักให้หายเหนื่อยเถอะ เขากล่าวเสียงนุ่มก่อนผายมือไปยังแคร่ไม้ไผ่
ท่านเป็นใครกัน ใยมาอยู่ในกระท่อมโดดเดี่ยวกลางป่าเช่นนี้เล่า เจ้าหญิงเริ่มสัมภาษณ์
ข้าเป็นหมอ..พูดยังไม่จบประโยคเจ้าหญิงก็ขัดเสียงลั่น ช่างเสียมารยาทจริงๆเลย
ฮะ ท่านเป็นหมอรึ
ใช่ .ทุกคนละแวกนี้รู้ดีว่าไม่ว่าโรคร้ายใด หรือปัญหาใดข้าช่วยได้ทั้งนั้น ใครๆต่างก็เรียกข้าว่าหมอผี แต่ที่จริงข้า... ยังไม่ทันจบประโยคเจ้าหญิงก็ขัดขึ้นอีก เฮ้อ....
โอ...ท่านคงเป็นหมอวิเศษเป็นแน่เชียว
หึ หึ แล้วแต่จะเรียกขานเถิด
แล้วใยท่านจึงมาอยู่ในกระท่อมเล็กๆมืดๆกลางป่าเยี่ยงนี้เล่า
หึ หึ คงเป็นเหตุผลเดียวกับเจ้ากระมัง เจ้าหญิง...
โอ้ว...ท่านรู้เรื่องของข้าด้วยหรือ?? ถ้าเช่นนั้นท่านคงช่วยข้าได้กระมัง
Sure
เล่ามาถึงตรงนี้ หลายคนคงหวังว่าเขาจะเป็นผู้วิเศษ หรือเป็นเทวดาจำแลงมาช่วยแปลงโฉมเจ้าหญิงให้งดงาม แต่เปล่าเลยไม่ใช่ เพราะนั่นมันเป็นนิทานน้ำเน่า แต่นี่เป็นนิทานของท่านหญิงน่าเกลียด
เจ้าหญิงเดินทางกลับวังไปทูลพระราชาให้นำตัวหมอวิเศษผู้นั้นมารักษาพระอาการป่วย โดยเจ้าหญิงอ้างว่าพระองค์เซ็งกับการถูกเก็บตัวอยู่ในวัง กลัวจะเป็นโรคซึมเศร้าเฉาตาย และขอให้พระราชาอยู่ด้วยเวลาหมอมารักษา พระราชาทรงอนุญาต
หลังการประชุมสามฝ่าย เอ๊ย..หลังการรักษาร่วมนานเพียงสามเดือน พระราชาก็หายป่วย ใช่แล้วไม่ผิดหรอกพระราชาต่างหากที่ป่วย พระองค์ป่วยทางจิต คิดวิตกจริตไปเองเกี่ยวกับรูปกายภายนอกอันเป็นเพียงเปลือกที่ห่อหุ้มร่างกายเท่านั้น ในที่สุดพระราชาก็เข้าใจถ่องแท้ และยอมปล่อยเจ้าหญิงออกจากกรง เอ๊ย..จากหอคอย
ท้องฟ้าสดใสสีฟ้าคราม ตัดกับปุยเมฆสีขาวที่ลอยฟ่องตามแรงลม ยอดไม้ใบไหวเอน หมู่ภมรบินว่อนร่อนตอม ดูดดื่มกินน้ำหวานจากดอกไม้งามสีสด ที่ชูช่อไสวอย่างเย้ายวน
เจ้าหญิงผู้ทรงสิริโฉม(ไม่)งดงามเพลิดเพลินดำเนินชมสวน ในยามนี้พระองค์ไม่ต้องซุกซ่อนกายในชุดนางกำนันอีกแล้ว จะเสด็จดำเนินไปแห่งหนตำบลใดก็ได้ตามใจปรารถนา ไม่ต้องหลบซ่อนเร้นจากสายตาผู้คนอีกต่อไป
อะแฮ่ม....ถวายบังคมพระเจ้าค่ะ เสียงกระแอมเตือนให้รู้องค์ ตามมาด้วยเสียงทุ้มนุ่มละมุนหูที่คุ้นเคย เจ้าหญิงหันขวับไปตามเสียงนึกรู้ได้ทันทีว่าใคร
อ้อ..ท่านหมอผีมาแล้วรึ ทรงทักอย่างไว้ตัวสงวนท่าที แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวเมื่อสบตาผู้มาเยือน
เอ้อ เรียกหมอเฉยๆดีกว่ามั๊ยเจ้าหญิง กระหม่อมเป็นจิตแพทย์มิใช่หมอผี
คริคริ ขออภัยท่านหมอโรคจิต ข้าเผลอพลั้งปากเรียกตามชาวเมืองน่ะ
เอ้อ...งั้นหมอผีจะดีกว่ามั้ง เจ้าหญิงให้คนไปตามหม่อมชั้นมามีเรื่องอะไรหรือพระเจ้าค่ะ หรือว่าพระราชายังไม่หาย..
ไม่ใช่หรอก ข้าแค่อยากคุยกับท่านเท่านั้น ท่านยังไม่ได้บอกเราเลยนะว่า ไฉนท่านจึงไปอยู่กระท่อมกลางป่าโดดเดี่ยวห่างไกลผู้คนเช่นนั้น แถมยังแต่งตัวปกปิดมิดชิด ดูซิข้ายังมองไม่เห็นหน้าท่านสักที หรือว่าจะเป็นโรคเรื้อน หรอร่างกายพิกลพิการอันใด ท่านช่วยข้าให้สามารถเปิดเผยตัวต่อสาธารณะได้แล้วไยท่านยังหลบซ่อนตัวตนอยู่อีกเล่า
อ้อ.. ทรงอยากรู้เท่านี้เองหรือ รึว่าจะทรงติดโรคร้ายจากพระราชาเสียแล้ว จึงสนใจแต่รูปกายภายนอก ท่านไม่เห็นถึงจิตใจอันงดงามของกระหม่อมหรือ...
มะ ไม่ใช่นะ ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก ข้าแค่สงสัยน่ะ หากท่านไม่ประสงค์จะบอกก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ท่านรับรู้ไว้เถิดว่า ไม่ว่ารูปลักษณ์ของท่านจะเป็นอย่างไร ก็ไม่อาจเปลี่ยนความรู้สึกที่ข้ามีต่อท่านได้ จิตใจท่านงดงามยิ่งนักสละตนช่วยเหลือข้าโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ไหนจะรักษาชาวเมืองผู้ยากไร้โดยไม่คิดค่ารักษาแม้แต่น้อย น้ำใจท่านประเสริฐนักสมเป็นนักปลุกปลอบชีวิตโดยแท้ ข้าไม่สนหรอกว่ารูปลักษณ์ภายนอกท่านจะเป็นอย่างไร ถึงอย่างไรข้าก็...เอ่อ...
เจ้าหญิงเกิดติดอ่างขึ้นมาอีกแล้วเมื่อรู้ตัวว่าพลั้งปากพูดอะไรออกไป แต่ก็สายเสียแล้ว เขารู้ตัวเสียแล้วและกำลังยิ้มกรุ้มกริ่ม กะลิ้มกะเหลี่ย
ก็ อะไรพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันรอฟังอยู่
ข้า..เอ่อ..คือ... เจ้าหญิงเขินจัดพูดไม่ออกเลยทีเดียว
อ๊ะ อ๊ะ นี่เจ้าหญิงกำลังจะบอกรักกระหม่อมอยู่ใช่ไหมเอ่ย เขาเอ่ยยิ้มๆล้อเล่น พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้
บ้า... เจ้าหญิงเขินจัดเลยฟาดเพี๊ยะเข้าแก้มซ้าย กำลังย้ายไปแก้มขวา แต่หมอหนุ่มก็รวบมือไว้ได้ทัน ก่อนจะดึงมือมาแนบอกด้านซ้าย ให้รับรู้ถึงแรงเต้นตุ้บตั้บของหัวใจ
เอาเถิด เลิกตบได้แล้วมันเจ็บ เจ้าหญิงไม่ต้องบอกหรอก แค่มองตากระหม่อมก็รู้ใจ หากเจ้าหญิงไม่รังเกียจ ไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกแล้วไซร้ ได้โปรดมาอยู่เคียงข้าง เป็นขวัญกำลังใจ แก่นักปลุกปลอบชีวิต ผู้นี้ด้วยเถิด...
หมอหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม นุ่ม ดังเป็นกังวาน ชัดเจนทุกถ้อยคำดังกลั่นออกมาจากใจ และจ้องลึกเข้าไปดวงตาตี่ๆ ของเจ้าหญิง
ฉับพลันนั้นหน้าเจ้าหญิงก็แดงแปร๊ดยิ่งขึ้นๆๆ จนสุกสว่างร้อนแรงราวดวงอาทิตย์ เจ้าหญิงเอนกายซบซุกในวงแขนแทนคำตอบ
นับจากวันนั้นเป็นต้นมาเจ้าหญิงกับหมอโรคจิต เอ๊ย..จิตแพทย์หนุ่มก็เกิดการสันดาปในวงแขนของกันและกันตราบนานเท่านาน
จบ....สวัสดี
เดี๋ยวๆๆๆๆ ยังจบไม่ได้ แหมๆๆๆ ไม่อยากรู้เหรอว่าหมอโรคจิตของเราเป็นใครมาจากไหนกัน โฮ่ๆๆ ไม่อยากรู้แต่อยากบอก
แท้จริงแล้วเขาคือเจ้าชายหนุ่มต่างแคว้นที่เคยอาสาพาหมอวิเศษมารักษาเจ้าหญิงนั่นยังไง ด้วยความแปลกใจในพฤติกรรมแปลกๆของพระราชา เขาจึงซ่อนกายแอบสืบความเพื่อช่วยเจ้าหญิง ใจจริงเขากะว่าจะได้ต่อสู้กับมังกรร้าย หรือแม่มดใจโหดซะอีกแน่ะ คริคริ
มาๆๆๆมายลโฉมที่แท้จริงของเจ้าชายกันว่าแก้ผ้าเอ๊ย...ถอดผ้าคลุมออกแล้วจะหล่อขนาดไหนกัน^^
จบบริบูรณ์
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เนต เพลงจากgmember.com
Create Date : 11 มิถุนายน 2553 |
|
31 comments |
Last Update : 27 มีนาคม 2557 11:24:28 น. |
Counter : 3753 Pageviews. |
|
|
|
_##____#_#____##`,+.*.*?
#_______#________# `+.*`
#_เจิม__________# `,+.*`.?
_#__เจิม________# `,+.*`,+.
__#___เจิม____# `,+.*`,?*`
_____#_______# `,+.*`,+.*`,+.
_______#___# `,+.*`,+.*`,+.*
_________# `,+.*`,+.*`,+.*`
((((((((ตัวp_box)))))))))