มิถุนายน 2555

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
รู้จัก ปลาทูน่า


ปลาทูน่า
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

การจับปลาทูน่าในประเทศญี่ปุ่น
ปลาทูน่า (อังกฤษ: tuna) เป็นชื่อของปลาทะเลน้ำลึกที่มีอยู่มากมายหลากชนิด เช่น yellowfin, bigeye, bluefin, albacore และ skipjack สามารถว่ายน้ำได้เร็ว มีผู้เคยจับเวลาการว่ายของปลาทูน่าได้ถึง 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื้อของปลาทูน่าจะมีสีชมพูหรือแดงเข้ม ต่างจากปลาทั่วไปที่มักจะมีเนื้อสีขาว นิยมเอามาทำเป็นปลากระป๋อง



“ทูน่า” ปลาสารพัดประโยชน์

หากเอ่ยถึงอาหารที่เป็นทางเลือกของผู้ที่รักสุขภาพ “ปลา” คงจะเป็นอันดับต้นๆที่หลายคนนึกถึง เพราะปลาเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายที่สุดเมื่อเทียบกับเนื้อวัวและเนื้อหมู ที่สำคัญอุดมไปด้วยคุณค่าของสารอาหารอีกมากมายย โดยเฉพาะ “ทูน่า” ปลาทะเลที่นอกจากจะมีโปรตีนสูงแล้วยังไมี ไอโอดีนช่วยป้องกันโรคคอพอก เสริมสร้างพัฒนาการทางสมองและร่างกายให้กับเด็กอีกด้วย



ประโยชน์ของปลาทูน่า

คอเลสเตอรอลต่ำ

ไขมันที่ได้รับจากปลาทูน่าจัดเป็นไขมันชนิดดี (HDL) หรือไขมันอิ่มตัว ให้พลังงานต่ำ ป้องกันการสะสมของไขมันอิ่มตัว หรือคอเลสเตอรอลซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เส้นเลือดอุดตัน

โปรตีนสูง

ปลาทูน่า เป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยมที่ย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์อื่่นๆ Easily Digestable Protein เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกเหรอของร่างกาย เสริ่มสร้างร่างกายให้เจริญเติบโตตามวัย

ได้โอเมก้า

เป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ ที่มีทั้ง DHA และ EPA ช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่เซลล์ พัฒนาระบบสมองให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ บำรุงประสาท ลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ ช่วยป้องกันการสะสมของไขมันอิ่มตัว

ทราบเช่นนี้แล้วคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าปลาทูน่าเป้นอาหารสำหรับผู้ที่รักสุขภาพอย่างแท้จริง ปัจจุบันนี้การซื้อหารปลาทูน่าก็ไม่ยาก เรียกว่าสะดวกเลยเชียวล่ะ เพราะมาในรูปแบบกระป๋องที่สะอาด แต่ก็ควรสังเกตปริมาณเกลือโซเดียมข้างกระป๋องด้วย แนะแนะให้เลือกชนิดที่มีปริมาณโซเดียมต่ำไว้จะดีที่สุด เพราะนอกจากอาหารมื้อนั้นจะอิ่มอร่อยแล้ว ยังเพิ่มความสุขที่ดูแลสุขภาพได้ทุกวันอีกด้วย



ช่วงหลังมานี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอาหารญี่ปุ่นกลายเป็นอาหารต่างประเทศที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่นักชิมชาวไทย และคงปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า ซูชิ กลายเป็นหนึ่งในเมนูจานโปรดของใครหลายๆ คน ให้ต้องกลับไปหวนหาความอร่อยสดของเนื้อปลานานาชนิด ผสานความหอมนุ่มกลมกล่อมของข้าวปั้นตามแบบฉบับญี่ปุ่นกันอยู่ไม่ว่างเว้น วันนี้เราจึงขอชวนเพื่อนๆ ชาว OpenRice มาลองลิ้มชิมความสุดยอดของซูชิในตำนานอย่าง โอโทโร่ซูชิ กันค่ะ



โอโทโร่ (Otoro) คือ เนื้อส่วนท้องของปลาทูน่า หรือ Maguro ซึ่งถือว่าเป็นปลาที่ชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานในแบบปลาดิบมากที่สุด เนื้อปลาทูน่าที่เราเห็นและรับประทานโดยส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเนื้อแดงส่วนที่เรียกว่า อะคามิ (Akami) ซึ่งเป็นเนื้อส่วนกลางลำตัว ที่มีจำนวนมากและหาได้ง่าย แต่สำหรับส่วนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเนื้อที่อร่อยที่สุดของทูน่า คือเนื้อส่วนที่เรียกว่า โทโร่ (Toro)


มาดูโอโทโร่ ติดมันกัน ใกล้ ๆ แพงสุด ๆ ปลาทูน่า ส่วนติดมัน เยอะ ๆ สีสวยมาก

ซึ่งแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ ชูโทโร่ (Chutoro) และโอโทโร่ (Otoro) ชูโทโร่ คือ เนื้อส่วนที่อยู่ใกล้กับครีบของปลาทั้งด้านบนและท้องส่วนหลัง เนื้อส่วนนี้มีรสสัมผัสที่หวานนุ่มกว่าอะคามิเพราะมีไขมันคั่นสลับเนื้อปลาอยู่ตลอดทั้งชิ้น ส่วนเนื้อท้องส่วนหน้าที่เรียกกันว่าโอโทโร่นั้น จะเป็นเนื้อที่มีไขมันแทรกซึมอยู่แทบทุกอณูของเนื้อปลาจนกลายเป็นลายหินอ่อนสวยงาม



ความพิเศษของโอโทโร่ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นราชันย์แห่งซูชิจึงอยู่ที่ไขมันที่แทรกตัวอยู่ตลอดชิ้นปลานี้เอง เพราะไขมันดังกล่าวจะแตกตัวออกแทบจะทันทีที่นำเนื้อปลาเข้าปาก และละลายหายไป ทิ้งไว้เพียงความหวานชุ่มฉ่ำที่คุณสัมผัสได้ทั่วทั้งปาก อีกทั้งยังอยู่ที่ความหายากของเนื้อปลาบริเวณนี้ด้วย เหตุเพราะไม่ใช่ปลาทูน่าทุกตัวจะมีเนื้อส่วนพิเศษนี้ โอโทโร่นั้นจะมีเฉพาะในปลาทูน่าที่มีน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ซึ่งปลาทูน่าขนาดยักษ์เช่นนี้พบได้เพียงบริเวณกระแสน้ำอุ่นในทะเลลึก อย่างมหาสมุทรแปซิฟิกหรือแถบทะเลเมดิเตอเรเนียนเท่านั้น จึงทำให้สนนราคาของโอโทโร่นั้นสูงลิบลิ่วและไม่ใช่ร้านอาหารญี่ปุ่นทุกแห่งจะมีสุดยอดซูชิเช่นนี้ไว้บริการ


โอโทโร่ รูปนี้ เป็นคนถ่ายเองกะมือเลยค่ะ และก้อทานเองด้วย สุขใดเล่า จะเท่ากับการกินโอโทโร่ชิ้นนี้ อร่อยมากกกกกกกก ตอนแรกที่เห็นคิดว่าเป็นเนื้อหมูซะอีกค่ะ แต่ที่ไหนได้เนื้อปลา สีสันสวยสุดๆ และรสชาติก้ออร่อยจนยากที่จะลืมได้ลง ตอนนั้นไปทานที่ จ.ฟุกุโอกะค่ะ ปี 2010



ทั้งหายากทั้งอร่อยขนาดนี้ หลายคนคงเริ่มคิดอยากจะลองลิ้มความอร่อยของซูชิขั้นเทพนี้กันแล้ว เราจึงขอแนะนำร้านอาหารที่มีโอโทโร่ซูชิให้นักชิมชาวไทยได้ซึมซับความอร่อยแบบละลายในปากนี้กันได้แบบไม่ต้องบินไปถึงแดนอาทิตย์อุทัยกันค่ะ แต่ข้อควรระวังสำคัญสำหรับการลิ้มรสเนื้อปลาละลายในปาก แต่ไม่ละลายในจานชนิดนี้ก็มีอยู่เช่นกัน คือ ระวังเงินในกระเป๋าจะละลายไปพร้อมกับความหวานนุ่มของเนื้อปลาละกันนะคะ ^^



อ้างอิง Published by BeautyShape on มิถุนายน 26th, 2011 - in อาหารเพื่อสุขภาพ



Create Date : 13 มิถุนายน 2555
Last Update : 13 มิถุนายน 2555 15:58:30 น.
Counter : 11142 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

luna_shunri
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เป๋้นคนตรงๆ ไม่ชอบการเสแสร้ง เอาหน้า
ใครแรงส์มา ก้อสวนกลับค่ะ แต่จริงใจ และ ไม่เคยเอาเปรียบใครนะคะ
New Comments