|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ผู้สละโลก(17)...ปัทมาผู้น่ารัก
ธรรมลิขิตโดย อ.วศิน อินทรสระ ธรรมบรรยายโดย มูลนิธิธรรมสันติ
"อันว่าบุคคลผู้เดินอยู่ในที่มืด ใครมีแสงสว่างในมือเท่าใด ก็เห็นความจริงที่ปรากฏเฉพาะหน้าได้เท่านั้น คนที่มีแสงสว่างน้อย ก็เห็นได้น้อย และเห็นได้เฉพาะวัตถุหยาบ ผู้มีแสงสว่างมากก็เห็นได้กว้างไกล และแม้วัตถุละเอียดก็พอมองเห็นได้ฉันใด ในโลกสันนิวาส อันมืดมิดด้วยโมหะนี้ก็ฉันนั้น ผู้ใดมีแสงสว่างคือปัญญาน้อย ก็ได้เห็นความจริงของชีวิตน้อย ผู้มีปัญญามาก ลึกซึ้งกว้างขวาง ก็ได้เห็นความจริงของชีวิตมาก" วศิน อินทสระ
ผู้สละโลก เป็นเรื่องราวของพระอริยะสาวกหลายท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอัครสาวกเบื้องขวา พระสารีบุตร และพระอริยะสาวกเบื้องซ้าย พระโมคัลลานะ พระราหุล ผู้เป็นพุทธชิโนรสขององค์ศาดา นอกจากนั้นยังมี พระมหากัสสปะ, พระรัฐปาละ, และพระมหากัปปินะ เป็นเรื่องราวการสละโลกียสุข ของผู้มีใจเด็ดเดี่ยว ถึงแม้จะเป็นการเสียสละที่ทำได้ยาก ทั้งนี้เพื่อเผยแพร่คำสอนของพระพุทธองค์ไปยังผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรม......ทัศนะ
ประวัติของพระกังขาเรวตะ โดยย่อ
ผู้เป็นเลิศในบรรดาผู้ยินดีในฌาน
พระกังขาเรวตะ เกิดในตระกูลอันบริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ เป็นอันมากในพระนครสาวัตถี เดิมชื่อว่า เรวตะ เป็นคนมีศรัทธา วันหนึ่งในเวลาหลังภัตตาหาร มหาชนชวนกันไปสู่พระเชตวันมหาวิหารเพื่อจะฟังพระธรรมเทศนา เรวตุนั้นก็ได้ไปกับมหาชน ครั้นถึงแล้วได้นั่งอยู่ท้ายสุดของบริษัท พระบรมศาสดาตรัสเทศนาอนุปุพพิกถา พรรณนาถึงทานการให้เป็นต้น ในเวลาจบเทศนา เรวตะบังเกิดความเลื่อมใส มีความปรารถนาจะบวชในพระธรรมวินัย ครั้นได้อุปสมบทเป็นภิกษุสมความประสงค์แล้ว ก็อุตส่าห์เรียนพระกรรมฐานในสำนักของพระบรมศาสดาเป็นผู้ไม่ประมาท บำเพ็ญเพียรในกรรมฐานจนได้สำเร็จโลกิยฌาน กระทำฌานที่ตนได้แล้วนั้นให้เป็นบาท เจริญวิปัสสนากรรมฐานสืบไปกระทั่งได้สำเร็จพระอรหัตตผลในที่สุด
ท่านพระเรวตะนั้น มักบังเกิดความสงสัยในกัปปิยวัตถุ คือ สิ่งของที่ถูกต้องตามพระพุทธบัญญัติ เป็นของควรแก่บรรพชิตพึงบริโภคใช้สอยอยู่เนือง ๆ เมื่อท่านได้กัปปิวัตถุอันใดมาแล้ว ก็ให้คิดสงสัยอยู่ต่อเมื่อพิจารณาเห็นว่าเป็นของควรแก่บรรพชิตโดยถ่องแท้แล้วจึงบริโภคใช้สอยกัปปิยวัตถุนั้น ด้วยเหตุนี้คำว่า กังขา ซึ่งแปลว่า ความสงสัย จึงได้นำหน้าชื่อของท่านเป็น กังขาเรวตะ พระกังขาเรวตะนี้เป็นผู้ชำนาญในฌานสมาบัติอันเป็นโลกิยะ และโลกุตตระ ท่านเข้าสู่ฌานสมาบัติ อันเป็นพุทธวิสัยได้เกือบทั้งหมด ฌานสมาบัติอันเป็นพุทธวิสัยที่ท่านละเว้นเข้าไม่ได้มีน้อยยิ่งนัก
ท่านพระกังขาเรวตเถระ ได้รับยกย่องสรรเสริญจากพระบรมศาสดา ว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้ยินดีในฌานสมาบัติ เมื่อท่านดำรงอายุสังขารอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพาน
dhammathai.org
Create Date : 06 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 22 ธันวาคม 2553 19:43:30 น. |
|
0 comments
|
Counter : 512 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|