บางครั้งโลกแห่งความจริงไม่สวยงาม...เฉกเช่นความฝัน แต่รู้สึกและจับต้องได้
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
19 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
Life&Family(87)...ลูกใคร "ขี้งอน" ยกมือขึ้น







เป็นเรื่องกลุ้มอกกลุ้มใจของพ่อแม่หลาย ๆ ท่านไม่น้อย เมื่อเจ้าตัวเล็กขี้งอนตุ๊บป่องไปนั่งแอบอยู่ตรงซอกโต๊ะบ้าง ประท้วงไม่กินข้าวบ้าง หรือบางคนทำตาค้อนใส่บ้าง และที่ไม่น่ารักไปกว่านั้น คือการแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ทำร้ายตัวเอง พาลใส่ข้าวของ จนถึงขั้นตีพ่อทำร้ายแม่ จนบางคนรับไม่ได้กับพฤติกรรมที่ลูกแสดงออกมา

ปัญหาพฤติกรรมข้างต้น พญ.ศศิธร จันทรทิณ กุมารแพทย์จิตแพทย์เด็ก โรงพยาบาลศิริราช อธิบายผ่าน ทีมงาน Life & Family ว่า อาการขี้งอนเกิดขึ้นได้ในเด็กทั่วไป ซึ่งเป็นอารมณ์ชนิดหนึ่งที่แสดงออกมาเวลาไม่พอใจกับอะไรบางอย่าง หรือน้อยใจพ่อแม่โดยที่พ่อแม่อาจไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นต้นเหตุทำให้ลูกน้อยใจ หรือไม่พอใจ

"บ้านที่มีลูกขี้งอน ต้องขอแสดงความยินดีด้วยว่า ลูกของคุณมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดีมาก เพราะสามารถแสดงอารมณ์ของตัวเองให้คนอื่นรู้ว่า ตัวเขาเองมีอารมณ์อย่างไร แต่สิ่งที่เขาต้องเรียนรู้เพิ่มเติมก็คือ เขาต้องรู้จักฝึกควบคุมอารมณ์เหล่านั้นอย่างถูกวิธีด้วย" กุมารแพทย์กล่าว

สำหรับเด็กอายุ 2-3 ขวบ กุมารแพทย์ท่านนี้บอกว่า เด็กจะมีอารมณ์ขึ้นลงเร็ว บางครั้งอาจงอนโดยไม่รู้สาเหตุ ดังนั้นในฐานะพ่อแม่ทำได้เพียงรับรู้อารมณ์ และให้ลูกได้อยู่กับอารมณ์ของตัวเองสักพักหนึ่ง จากนั้นค่อยหาโอกาสเข้าไปคุยทีหลัง

"ไม่แปลกที่ธรรมชาติของอารมณ์จะขึ้นเมื่อถูกเร้ามาก ๆ หากพ่อแม่ยิ่งเข้าไปคุย เช่น ทำไมต้องงอนด้วยล่ะ แค่นี้เอง อารมณ์ของลูกก็จะขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นควรให้เวลากับลูกด้วยการทำเฉย หรือพูดแค่คำ 2 คำ พ่อแม่ก็จะเป็นต้นแบบให้ลูกเห็นว่า เรารับรู้อารมณ์ของเขา แล้วเราก็ให้เวลากับเขา เดี๋ยวดูท่าว่าอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ค่อยเข้าไปคุย หรือชวนทำอะไรอย่างอื่นแทน"


ขอบคุณภาพจากโรงพยาบาลมนารมย์



ต้นแบบของพ่อแม่คือสิ่งสำคัญ เวลาลูกงอน หรือโกรธ ควรรับรู้อารมณ์ และให้เวลากับลูก โดยมีเราเป็นต้นแบบว่า คนเรามีอารมณ์ขึ้น และก็ลงได้ และเมื่อโกรธแล้วจะควบคุมมันได้อย่างไร เพราะการสอนให้ลูกรู้จักอารมณ์ตัวเอง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตของลูกในวันข้างหน้า เป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตตัวหนึ่งเลยก็ว่าได้

แต่ในกรณีที่พฤติกรรมงอนเกินเลย เช่น ตีพ่อทำร้ายแม่ หรือพาลใส่สิ่งของ พฤติกรรมเช่นนี้ กุมารแพทย์จิตแพทย์เด็กรายนี้บอกว่า พ่อแม่ต้องยอมรับว่าลูกกำลังโกรธ แล้วย้อนดูว่า ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับลูกหรือไม่ เพราะพฤติกรรมทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย จากนั้นพูดให้สั้น และพยายามอย่าให้มีอารมณ์ร่วมกับลูก

"เมื่อมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ เช่น ทำลายข้าวของ ตีพ่อแม่ วิธีที่ดีที่สุดคือ ควรกอดลูกเพื่อไม่ให้แสดงพฤติกรรมดังกล่าว จากนั้นพูดสั้น ๆ ให้ลูกรู้จักอารมณ์ตัวเอง เช่น แม่รู้ว่าหนูโกรธ แต่ตีไม่ได้ค่ะ จับเขาเอาไว้ อย่ายอมให้เขาตีเรา ซึ่งตอนนั้นยังไม่ต้องสอนอะไรทั้งนั้น นิ่งไว้ก่อน ลูกจะเรียนรู้ได้เองว่า พอเราโกรธ เราก็จะนิ่งเหมือนกัน จากนั้นถึงค่อยคุย" กุมารแพทย์ให้แนวทาง

หรืออีกวิธีหนึ่ง คุณอาจพูดให้ลูกได้ยินว่า "ตอนนี้แม่รู้สึกโกรธลูกเหมือนกัน แม่ไม่ไหวเหมือนกันนะ แม่ขอไปพักหน่อย" พูดเสร็จคุณอาจเดินออกไป และอยู่นิ่ง ๆ กับตัวเองสักพัก ลูกก็จะเรียนรู้อีกแบบว่า คนเราโกรธได้ไม่มีใครว่า แต่โกรธแล้วต้องจัดการกับอารมณ์โกรธของตัวเองอย่างเหมาะสมด้วย

"การวางท่าทีที่ถูกต้องเวลาลูกงอน ลูกโกรธ และทำลายข้าวของ เราคงไม่สามารถรับรู้อารมณ์โกรธโดยไม่จัดการอะไรได้ แต่เราเข้าไปบอกเขาว่า ตอนนี้ลูกกำลังงอน กำลังโกรธโดยไม่ตอบโต้ และจับเขาไว้เพื่อให้เรียนรู้ และเผชิญกับอารมณ์ตัวเอง โดยมีพ่อแม่เป็นแบบอย่าง และคอยช่วยเหลือ" กุมารแพทย์จิตแพทย์เด็กท่านนี้ทิ้งท้าย

^_^

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์





Create Date : 19 มกราคม 2554
Last Update : 19 มกราคม 2554 7:45:48 น. 0 comments
Counter : 493 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

atruthoflife10
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยสุขภาพที่ดีกว่า

ไตรลักษณ์
เกิดขึ้น 26 พ.ย.2553

ดับไป....???

Friends' blogs
[Add atruthoflife10's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.