บางครั้งโลกแห่งความจริงไม่สวยงาม...เฉกเช่นความฝัน แต่รู้สึกและจับต้องได้
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
11 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
ลำนำ(48)…ยิ้ ม ส ย บ ม า ร








กิเลส...
เป็นสิ่งเศร้าหมอง
ด้วยทำให้หัวใจน้อยๆ ของเรา
โหยหายามขาด
และมื่นชื่นยามมา
ก็มีแค่นี้แหละ

ได้สวรรค์ แล้วก็นรก
นรก แล้วก็สวรรค์
สลับสับเปลี่ยนกันไป
และแล้ว...
หลังจากมืดมนงมโข่ง ผิดฝาผิดตัวมานาน
จิตวิญญาณของเราเริ่มใสกระจ่าง
มันเริ่มแล้ว...เริ่มชัด
ในรสมายาแห่งโลกีย์
รู้ว่าสิ่งใดจำเป็น
สิ่งใดฟุ้งเฟ้อเกินคำว่าชีวิต
รังสีที่อยู่รอบตัวเราจะเริ่มเรืองระเรื่อ

แต่ทว่า...
ในแก่นกลางรัศมีอันผ่องใสนั้น
กลับมีเงาดำทะมึน แอบๆแฝงๆ อยู่
ด้วยความที่ไม่ไหวทันในเลศเล่ห์กิเลสขั้นที่ ๒ !
ทุกครั้งและทุกครั้ง
ที่กิเลสแยกเขี้ยวออกมา
มีแต่เสียงหวีดร้อง แล้วก็หวีดร้อง
ตื่นตระหนก แล้วก็ตื่นตระหนก สาปแช่งแล้วก็สาปแช่ง
กลายเป็นกระต่ายตื่นตูมในนิทานอีสป

เมื่อเป็นเช่นนี้...
เมื่อไหร่จะฆ่ามันสำเร็จ ?
เมื่อเป็นเช่นนี้...
เมื่อไหร่เล่าที่จะมีโอกาสต่อสู้กับมัน ?
เพราะการรบนั้น
จะต้องสู้ด้วยความสุขุม และหนักแน่น
และกำลังใจอันแข็งแกร่ง
แต่เมื่อความกลัวเกิดขึ้น
มันจะไม่กล้ามองสบตากับกิเลส
มันจะตัวสั่นทุกครั้งที่กิเลสมองมา
แล้วความเป็นนักรบแห่งธรรมจะเหลือกี่คะแนน ?

กรรมหนอกรรม !
เป้าหมายของเราคือ "ฆ่ากิเลส"
แต่เมื่อจะมีสติปัญญาฆ่าได้
เราจะต้องไม่กลัวมันเสียก่อน
กลัวทำไมกันกับแค่เสียงขู่คำราม
เพราะตอนที่มันไม่ได้ร้อง
มันก็นอนอยู่ในใจของเราตลอดเวลา
หากจะกลัวตอนเห็นหน้า
ก็ควรที่จะกลัวตอนที่มันหลับอยู่ในหัวใจด้วย

กิเลส...เมื่อเราเข้าใจ
เห็นโทษเห็นภัย ชัดขึ้นทุกวัน
วันแล้ว วันเล่า
มันก็จะเริ่มคลายเกลียวที่ยึดถือ
มีแต่เวลาเท่านั้น ที่เราจะต้องรู้จักรอคอย
หากไม่สงสัย ไม่คลางแคลง
ในกิเลสตัวนี้ ตัวนี้ โดยมิใช่เพียงอาจารย์บอกมา หรือพระท่านสอน
แต่จิตของเราสัมผัสสภาวะแจ้งใจจริงๆ
เมื่อกิเลสเกิด เราก็ได้แต่ยิ้ม
พักมันสักนิด "มาแล้วเหรอ"
แล้วก็พูดคุยกับมัน สังสรรค์กับมัน

เราจะเชี่ยวชาญขึ้น เก่งขึ้น
ลมหายใจของเรา พอใจที่จะใกล้มัน
ทำความรู้จักกับมัน
เพื่อวันสุดท้ายที่จะมาถึง..."วันประหาร !"
เราจะเป็นเหมือนลูกโคผู้อดโซ
ที่พุ่งทะยานใส่แม่มันอย่างหิวกระหาย
เพราะมีแต่การประจัญบานกับมันบ่อยๆ เท่านั้น
ที่จะทำให้เราหลุดร่อน

เลิกกลัวมัน !
เลิกหวาดมัน !
หากคิดจะเอาชนะมัน
เราจะต้องปรับบุคลิกเสียใหม่
ในการหัดเป็นนักรบแห่งโลกุตระ
ล้มแล้วก็ลุก
ฉีกยิ้มอีกนิด
วันหลังยังมี
เราจะเก่งขึ้น ๆ
ละ หน่าย คลาย ได้มากขึ้น

มาแล้วนั่นไง...เจ้ากิเลส
เรียกชื่อมันซิ
อย่าให้มันตื่นนะ
พูดเพราะเพราะ
"มารมาเถอะ อย่ากลัวเราเลย !"

สาธุ...พระอรหังสัมมาเจ้า วันนี้ไฟกิเลสเร่าเผาใจหม่น
เมืองสงฆ์ได้มีเรื่องเกี่ยวเมืองคน จะสวดมนต์อ้อนวอนก็อ่อนใจ
เคยมีองค์อรหันต์สองพันกว่า บัดนี้หาเหมือนอย่างมีบ้างไหม
อลัชชีสีดำล้ำข้างใน ประพฤติชั่วช้าไว้ให้ต่ำทราม
หนังสือพิมพ์ลงข่าวป่าวประกาศ คนเลวชาติห่มเหลืองทำเรื่องหยาม
นั่งซดเหล้าเคล้าสีกามั่วบ้ากาม ประชุมตามบ้านเรือนเหมือนวัดวา
สีเหลืองดูร้อนรุ่มด้วยกลุ่มน้อย แต้มด่างพร้อยให้อุจาดศาสนา
เบียดบังศีลช่างสิ้นคิด อนิจจา ออกเหรียญตราสายสร้อยมาห้อยคอ
ให้เลขท้ายให้หวยรวยสตางค์ ให้เครื่องรางของขลังไว้กันใจฝ่อ
เหมือนส่งให้คนใจกล้าทำบ้าบอ ช่วยกันก่อบาปกรรมผิดธรรมะ
โอม พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นแสงส่งส่องสว่างทางสมถะ
คนชั่วดีอยู่ที่ใจ...ใช่ที่พระ ถ้าปล่อยละวางทุกข์ย่อมสุขใจ


จากกัลยาณมิตร(ดอกไม้ ตะวันออก)
เสียงประกอบ //www.palungjit.com





Create Date : 11 มกราคม 2554
Last Update : 11 มกราคม 2554 17:51:13 น. 0 comments
Counter : 497 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

atruthoflife10
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยสุขภาพที่ดีกว่า

ไตรลักษณ์
เกิดขึ้น 26 พ.ย.2553

ดับไป....???

Friends' blogs
[Add atruthoflife10's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.