บางครั้งโลกแห่งความจริงไม่สวยงาม...เฉกเช่นความฝัน แต่รู้สึกและจับต้องได้
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
9 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
รักเอย(41)...ถ้าคิดจะรัก(13)-สัญญาณเตือนรักแท้







ใครที่อยู่กันมาจนมีโซ่ทองคล้องคอ เอ้ย คล้องใจ อย่างที่ใจหวังแล้ว แต่พอหันมาดูความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากลับรู้สึกทะแม่งๆ เพราะเคยว้าน หวาน เริ่มมีรสจืดๆ แปร่งๆ มาแจมแล้วล่ะก็…ต้องสำรวจกันหน่อยว่าเป็นสัญญาณเตือนภัยของชีวิตคู่หรือเปล่า

หลังจากแต่งงานกับสามีมาก็หลายปีดีดักแล้ว คุณภรรยาทั้งหลายเคยสังเกตความรู้สึกอารมณ์รักๆ ใคร่ๆ ระหว่างคุณเองกับสามีหรือไม่ครับ ว่ายังสดชื่นหวานแหววเหมือนตอนช่วงหลังแต่งงานใหม่ๆ หรือปัจจุบันมันชักจะจืดจางลง ไม่เหมือนเก่า หรือบางคนอาจถึงขั้นเบื่อหน่าย อยากเลิกไปให้พ้นๆ ซะแล้ว

บางคนแต่งงานแล้ว นึกว่าจะได้เจอสรวงสวรรค์ ดันเป็นแค่นรกเปลี่ยนขุม บ้างก็หวานอมขมกลืน ในขณะที่มีคู่สามีภรรยาอีกเยอะแยะที่แม้ผ่านไปนานปียังจี๋จ๋า จนเป็นที่อิจฉาของเหล่าบรรดาคนโสด

ภรรยาบางคนอาจพูดคุยกับเพื่อนๆ เรื่องสามีของแต่ละคน แล้วเปรียบเทียบเห็นความแตกต่าง ระหว่างเครื่องใช้ไฮเทคของเพื่อนพ้องกับเครื่องรางของขลังที่ตัวเองมีอยู่ เป็นเวลาเดียวกันกับที่คู่กรณีก็เห็นเราเหมือนคอมพิวเตอร์ตกรุ่น เริ่มสนใจโน้ตบุ๊กหุ่นเพรียวรุ่นใหม่ๆ มาประดับบารมี

ทำไมความรักที่เราเคยให้ในวันเวลาแห่งวัยหนุ่มสาว ตอนจีบกันใหม่ๆ จึงแปรเปลี่ยนไปในวันนี้ เอ๊ะ! เราผิดปกติหรือแตกต่างจากคู่ครองอื่นๆ หรือเปล่า

ในทางจิตวิทยาครอบครัวมีการพบว่าสัมพันธ์รักของชายหญิงมีทั้งหมด 4 ระยะครับ ว่ากันทีละขั้นๆ ให้เห็นจะแจ้งไปเลย

ระยะที่ 1 – คลั่งไคล้ใหลหลง (Chemical Madness)

ก็ตอนยังไม่ได้แต่งงานกันแหละครับ เป็นแค่แฟนกันจิตใจของหนุ่มสาวจะอุดม เปี่ยมไปด้วยความเคลิบเคลิ้มเสน่หา ตื่นเต้น สดชื่น ฝันหวาน วาดหวัง มีพลังแม้บางครั้งอาจมีหงุดหงิด กังวล เหงาและว้าเหว่บ้าง ก็ยังถือว่าดัชนีอารมณ์เสน่หาผันผวนในแดนบวกแรงซื้อมากกว่าเทขาย

ช่วงระยะ In love นี้ อะไรๆ ก็งดงามไปหมด เพราะแต่ละฝ่ายจะหันด้านแห่งความดีงามเข้าหากัน ฝ่ายชายวางมาดให้สุดเท่ ฝ่ายหญิงบริหารเสน่ห์กันสุดๆ พบกันทีไรก็ดูดีร่ำไปทุกครั้ง ซุกซ่อนความชั่วร้ายไว้มิให้แพร่งพราย

เมื่อไม่กี่ปีมานี้ นักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ศึกษาพบว่าหนุ่มสาวที่อยู่ในห้วงเหวเสน่หา"ภาวะหน้ามืดตามัว" นั้นเกิดขึ้นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีบางอย่างในสมอง เช่น

โดปามีน (dopamine) สูงขึ้น เหมือนคนกินยาอี ยาเลิฟยังไงยังงั้น คือ อารมณ์เคลิบเคลิ้ม สดชื่นแจ่มใส มีความสุข เบิกบานใจ
นออีพิเนฟริน (norepinephrine) สูงขึ้น เหมือนคนมีกำลังมากเวลาไฟไหม้ จะเกิดเรี่ยวแรงมหาศาลจนสามารถยกตู้เย็นหนีออกจากบ้านคนอื่นมาเข้าบ้านตัวเองได้ คนมีความรักก็มีพลังใจในการต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตเพื่อเธอผู้เป็นสุดที่รัก และเพื่อเราจะได้เป็นของกันและกัน

ซีโรโตนิน (serotonin) ต่ำลง ไม่แตกต่างจากคนไข้โรคย้ำคิดย้ำทำ เพราะฉะนั้นเวลาทำอะไรจะมีใบหน้าของคนรักมาหลอกหลอนเหมือนมีเขาเคียงคู่อยู่ใกล้ๆ แทบจะสิงเข้าร่างเราไปแล้ว

คนไทยนิยมใช้คำว่า "หลงรัก" เพราะมันคือความรักที่นำหน้าด้วยคำว่าหลง แต่ในที่สุดอารมณ์หลงใหลในห้วงรักเหวลึกจะเริ่มผ่อนคลายลง เมื่อเราเข้าสู่พิธีวิวาห์ และใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้วจะเข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ


ระยะที่ 2 – ข้าวใหม่ปลามัน (Honeymoon Period)

เปลี่ยนแปลงจากแฟนที่เจอกันเฉพาะตอนนัดมากินมื้อเย็น ดูหนังแล้วส่งกลับบ้าน พออยู่กินกันแล้ว เราก็เริ่มเห็นทุกด้านทุกสิ่งที่เขาและเธอเป็น เห็นทั้งตอนเข้านอน และตอนเช้าที่ยังไม่ได้ล้างหน้า ล่วงรู้แม้แต่ท่านอนที่ไม่เคยเจอเคยเห็นมาก่อน

อย่างไรก็ตาม เราก็ได้อยู่ใกล้ชิดกัน เป็นของกันและกัน มีเซ็กซ์บ่อยครั้ง เพราะถือว่าอยู่ในช่วงโปรโมชั่น สุขด้วยกันมันส์ทั้งคู่ แทนที่จะอยู่คนเดียวเสียวส่วนตัวเหมือนตอนเป็นโสด อะไรนิดอะไรหน่อยก็ยอมกันได้ เพื่อแลกกับรสชาติแปลกใหม่ของชีวิตและอนาคตที่น่าจะรุ่งโรจน์ ถือเป็นช่วงคืนกำไร ที่เราทั้งสองลงทุนก่อนแต่งงาน
นักจิตวิทยาฝรั่งเขาให้เวลาช่วงนี้ไม่เกิน 1 ปีแรกของชีวิตคู่……….


ระยะที่ 3 – สิ้นสุดเชื้อไฟแห่งเสน่หา (Chemical Crash)

หลังอยู่กินกันประมาณ 30 เดือน (สองปีครึ่ง) สารเคมีแห่งความพิศวาสทั้งหลายแหล่ ที่โหมกระพืออารมณ์รักก็จางคลายจนแทบจะหมดสิ้นในสมอง เหลือเพียงการรับรู้ความเป็นจริงของชีวิตทุกแง่ทุกมุม ความหวานชื่นหลังวิวาห์อาจเหลือเพียงซากแห่งความทรงจำ นึกขึ้นมาเมื่อไหร่ก็อยากให้หวนคืนกลับมา

เพราะโลกแห่งความจริงที่ชีวิตต้องเผชิญคือ ค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น เงินผ่อนรถผ่อนบ้าน การทำงานหามรุ่งหามค่ำ นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ การจราจรที่แสนสาหัส ความเครียดทั้งจากงานและเพื่อนร่วมงาน ภาวะตั้งครรภ์ ลูกที่เพิ่งคลอดใหม่ มือที่สามที่เริ่มเข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด ฯลฯ


ระยะที่ 4 – เจ็ดปีแตกหัก (Seven – Year Itch)

คุณแม่บ้านบางท่านอาจกำลังขะมักเขม้นกับการดูแลลูกๆ ตัวน้อยๆ จนไม่อยากใส่ใจกับสามีเข้าขั้น "เลี้ยงลูกจนลืมผัว" ในขณะที่สามีเองก็กำลังทะเยอทะยานทำงานหนักเพื่อความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ จนละเลยสมาชิกในครอบครัวก็เป็นพวก "บ้างานจนลืมลูกลืมเมีย"

บางคู่ถึงกับประกาศ "ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต" เหลือเพียงอุปทูต และมีแนวโน้มอาจเหลือแค่ยุวทูต (แฟนต้า) ในอนาคต ถ้าไม่รีบฟื้นฟูสัมพันธภาพให้กลับมาหวานมันส์ฉันกับเธอเหมือนดังก่อนเก่า
วันชื่นคืนสุขอาจเป็นแค่ฝันกลางวันของคู่ส่วนใหญ่ ในขณะที่บางคู่ก็ไหวตัวกัน และเริ่มหันหน้ามาพูดคุยเพื่อรื้อฟื้นเถ้าถ่านให้คุกรุ่นโชติช่วงอีกครั้ง

หากคุณอยากเริ่มแก้ไข ผมมีวิธีง่ายๆ ที่อยากเสนอ
พูดจาภาษารัก สื่อสารทางบวกต่อกัน คือเมื่อไรก็ตามที่เราเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกัน อย่าละเลยที่จะเอื้อนเอ่ยให้เขาหรือเธอรู้ การพูดจาให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกชื่นใจ สบายใจ หรือเกิดความภาคภูมิใจ เป็นเสมือนน้ำและปุ๋ยสำหรับต้นรักที่เราร่วมปลูก

หลีกเลี่ยงการสื่อสารทางลบ คำพูดประเภท "วจีพิฆาต น้ำเสียงกระชากวิญญาณ" ต้องลด ละ เลิกในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้อยคำเหน็บแหนม ถากถาง หรือท่าทีดูหมิ่น เหยียดหยาม ถือเป็นที่สุดของผู้มีวาจาเป็นอาวุธ รังสีอำมหิตแผ่ซ่านท่ามกลางบรรยากาศของครอบครัว

จัดกิจกรรมฟื้นฟูรักเป็นระยะๆ สถานที่ใดที่เคยไปเที่ยวกันสมัยเป็นแฟนกันก็แวะเวียนไปบ้าง ความรู้สึกดีๆ ที่มีอยู่เดิมก็กลับมาเยี่ยมเยียนในใจของเราทั้งสองอีกครั้ง ตอนยังไม่ได้แต่งงาน เราไปเที่ยวกันบ่อย แต่ตอนนี้เรามีรายได้มากขึ้น ทำไมเรามีเวลาเที่ยวด้วยกันน้องลงครับ อาจเป็นเพราะเรามีรายจ่ายสำหรับวัตถุมากเกินไป

ไม่มีใครกำหนดกฎเกณฑ์ว่าฮันนีมูนมีได้ครั้งเดียวในชีวิต จะมีซะปีละครั้งใครจะไปว่าอะไร ฝากลูกให้ญาติๆ ดูแลบ้าง สำหรับช่วงเวลาที่สามีภรรยาจะไปอยู่กันสองต่อสอง จัดช่วง promotion อีกครั้ง midnight sale ลดแลกแจกแถมความรู้สึกหวานชื่นอีกครั้ง พร้อมล้างสต็อกอารมณ์ทางลบให้หมดสิ้นจากคลังใจ

"เปลี่ยนที่ก็ยังพอทน แต่ถ้าเปลี่ยนคนก็พอกันที"


มีผู้กล่าวว่า "รักแท้เกิดขึ้นหลังจากสารเคมีแห่งความเสน่หาทั้งหลายจางคลายลง" รักแท้คือความเมตตาต่อกัน ซึ่งควรพัฒนาให้มากขึ้นในช่วงเวลาที่ความเสน่หาค่อยๆ ลดน้อยลง โดยมีการสื่อสารทางบวกเป็นเครื่องมือ รวมถึงการปรับตัวเพื่อให้สองความต่างอยู่กันได้ในที่เดียวกัน

ตรงข้ามกับคู่สามีภรรยาที่ใช้การสื่อสารทางลบเป็นปัจจัยให้ความรักที่มีต่อกัน เมื่อวันแห่งชีวิตคู่ค่อยๆ เริ่มจืดจางและเพิ่มพูนความรู้สึกหงุดหงิด รำคาญ ขุ่นเคือง โกรธ จนกลายเป็นความเคียดแค้น ชิงชัง
เลือกเอานะครับ คู่ของคุณจะใช้วิธีไหน

นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล
//www.elib-online.com





Create Date : 09 มกราคม 2554
Last Update : 9 มกราคม 2554 16:07:51 น. 0 comments
Counter : 874 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

atruthoflife10
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยสุขภาพที่ดีกว่า

ไตรลักษณ์
เกิดขึ้น 26 พ.ย.2553

ดับไป....???

Friends' blogs
[Add atruthoflife10's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.