|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
รักเอย(41)...ถ้าคิดจะรัก(13)-สัญญาณเตือนรักแท้
ใครที่อยู่กันมาจนมีโซ่ทองคล้องคอ เอ้ย คล้องใจ อย่างที่ใจหวังแล้ว แต่พอหันมาดูความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากลับรู้สึกทะแม่งๆ เพราะเคยว้าน หวาน เริ่มมีรสจืดๆ แปร่งๆ มาแจมแล้วล่ะก็
ต้องสำรวจกันหน่อยว่าเป็นสัญญาณเตือนภัยของชีวิตคู่หรือเปล่า
หลังจากแต่งงานกับสามีมาก็หลายปีดีดักแล้ว คุณภรรยาทั้งหลายเคยสังเกตความรู้สึกอารมณ์รักๆ ใคร่ๆ ระหว่างคุณเองกับสามีหรือไม่ครับ ว่ายังสดชื่นหวานแหววเหมือนตอนช่วงหลังแต่งงานใหม่ๆ หรือปัจจุบันมันชักจะจืดจางลง ไม่เหมือนเก่า หรือบางคนอาจถึงขั้นเบื่อหน่าย อยากเลิกไปให้พ้นๆ ซะแล้ว
บางคนแต่งงานแล้ว นึกว่าจะได้เจอสรวงสวรรค์ ดันเป็นแค่นรกเปลี่ยนขุม บ้างก็หวานอมขมกลืน ในขณะที่มีคู่สามีภรรยาอีกเยอะแยะที่แม้ผ่านไปนานปียังจี๋จ๋า จนเป็นที่อิจฉาของเหล่าบรรดาคนโสด
ภรรยาบางคนอาจพูดคุยกับเพื่อนๆ เรื่องสามีของแต่ละคน แล้วเปรียบเทียบเห็นความแตกต่าง ระหว่างเครื่องใช้ไฮเทคของเพื่อนพ้องกับเครื่องรางของขลังที่ตัวเองมีอยู่ เป็นเวลาเดียวกันกับที่คู่กรณีก็เห็นเราเหมือนคอมพิวเตอร์ตกรุ่น เริ่มสนใจโน้ตบุ๊กหุ่นเพรียวรุ่นใหม่ๆ มาประดับบารมี
ทำไมความรักที่เราเคยให้ในวันเวลาแห่งวัยหนุ่มสาว ตอนจีบกันใหม่ๆ จึงแปรเปลี่ยนไปในวันนี้ เอ๊ะ! เราผิดปกติหรือแตกต่างจากคู่ครองอื่นๆ หรือเปล่า
ในทางจิตวิทยาครอบครัวมีการพบว่าสัมพันธ์รักของชายหญิงมีทั้งหมด 4 ระยะครับ ว่ากันทีละขั้นๆ ให้เห็นจะแจ้งไปเลย
ระยะที่ 1 คลั่งไคล้ใหลหลง (Chemical Madness)
ก็ตอนยังไม่ได้แต่งงานกันแหละครับ เป็นแค่แฟนกันจิตใจของหนุ่มสาวจะอุดม เปี่ยมไปด้วยความเคลิบเคลิ้มเสน่หา ตื่นเต้น สดชื่น ฝันหวาน วาดหวัง มีพลังแม้บางครั้งอาจมีหงุดหงิด กังวล เหงาและว้าเหว่บ้าง ก็ยังถือว่าดัชนีอารมณ์เสน่หาผันผวนในแดนบวกแรงซื้อมากกว่าเทขาย
ช่วงระยะ In love นี้ อะไรๆ ก็งดงามไปหมด เพราะแต่ละฝ่ายจะหันด้านแห่งความดีงามเข้าหากัน ฝ่ายชายวางมาดให้สุดเท่ ฝ่ายหญิงบริหารเสน่ห์กันสุดๆ พบกันทีไรก็ดูดีร่ำไปทุกครั้ง ซุกซ่อนความชั่วร้ายไว้มิให้แพร่งพราย
เมื่อไม่กี่ปีมานี้ นักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ศึกษาพบว่าหนุ่มสาวที่อยู่ในห้วงเหวเสน่หา"ภาวะหน้ามืดตามัว" นั้นเกิดขึ้นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีบางอย่างในสมอง เช่น
โดปามีน (dopamine) สูงขึ้น เหมือนคนกินยาอี ยาเลิฟยังไงยังงั้น คือ อารมณ์เคลิบเคลิ้ม สดชื่นแจ่มใส มีความสุข เบิกบานใจ นออีพิเนฟริน (norepinephrine) สูงขึ้น เหมือนคนมีกำลังมากเวลาไฟไหม้ จะเกิดเรี่ยวแรงมหาศาลจนสามารถยกตู้เย็นหนีออกจากบ้านคนอื่นมาเข้าบ้านตัวเองได้ คนมีความรักก็มีพลังใจในการต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตเพื่อเธอผู้เป็นสุดที่รัก และเพื่อเราจะได้เป็นของกันและกัน
ซีโรโตนิน (serotonin) ต่ำลง ไม่แตกต่างจากคนไข้โรคย้ำคิดย้ำทำ เพราะฉะนั้นเวลาทำอะไรจะมีใบหน้าของคนรักมาหลอกหลอนเหมือนมีเขาเคียงคู่อยู่ใกล้ๆ แทบจะสิงเข้าร่างเราไปแล้ว
คนไทยนิยมใช้คำว่า "หลงรัก" เพราะมันคือความรักที่นำหน้าด้วยคำว่าหลง แต่ในที่สุดอารมณ์หลงใหลในห้วงรักเหวลึกจะเริ่มผ่อนคลายลง เมื่อเราเข้าสู่พิธีวิวาห์ และใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้วจะเข้าสู่ช่วงที่สองของรายการ
ระยะที่ 2 ข้าวใหม่ปลามัน (Honeymoon Period)
เปลี่ยนแปลงจากแฟนที่เจอกันเฉพาะตอนนัดมากินมื้อเย็น ดูหนังแล้วส่งกลับบ้าน พออยู่กินกันแล้ว เราก็เริ่มเห็นทุกด้านทุกสิ่งที่เขาและเธอเป็น เห็นทั้งตอนเข้านอน และตอนเช้าที่ยังไม่ได้ล้างหน้า ล่วงรู้แม้แต่ท่านอนที่ไม่เคยเจอเคยเห็นมาก่อน
อย่างไรก็ตาม เราก็ได้อยู่ใกล้ชิดกัน เป็นของกันและกัน มีเซ็กซ์บ่อยครั้ง เพราะถือว่าอยู่ในช่วงโปรโมชั่น สุขด้วยกันมันส์ทั้งคู่ แทนที่จะอยู่คนเดียวเสียวส่วนตัวเหมือนตอนเป็นโสด อะไรนิดอะไรหน่อยก็ยอมกันได้ เพื่อแลกกับรสชาติแปลกใหม่ของชีวิตและอนาคตที่น่าจะรุ่งโรจน์ ถือเป็นช่วงคืนกำไร ที่เราทั้งสองลงทุนก่อนแต่งงาน นักจิตวิทยาฝรั่งเขาให้เวลาช่วงนี้ไม่เกิน 1 ปีแรกของชีวิตคู่
.
ระยะที่ 3 สิ้นสุดเชื้อไฟแห่งเสน่หา (Chemical Crash)
หลังอยู่กินกันประมาณ 30 เดือน (สองปีครึ่ง) สารเคมีแห่งความพิศวาสทั้งหลายแหล่ ที่โหมกระพืออารมณ์รักก็จางคลายจนแทบจะหมดสิ้นในสมอง เหลือเพียงการรับรู้ความเป็นจริงของชีวิตทุกแง่ทุกมุม ความหวานชื่นหลังวิวาห์อาจเหลือเพียงซากแห่งความทรงจำ นึกขึ้นมาเมื่อไหร่ก็อยากให้หวนคืนกลับมา
เพราะโลกแห่งความจริงที่ชีวิตต้องเผชิญคือ ค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น เงินผ่อนรถผ่อนบ้าน การทำงานหามรุ่งหามค่ำ นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ การจราจรที่แสนสาหัส ความเครียดทั้งจากงานและเพื่อนร่วมงาน ภาวะตั้งครรภ์ ลูกที่เพิ่งคลอดใหม่ มือที่สามที่เริ่มเข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด ฯลฯ
ระยะที่ 4 เจ็ดปีแตกหัก (Seven Year Itch)
คุณแม่บ้านบางท่านอาจกำลังขะมักเขม้นกับการดูแลลูกๆ ตัวน้อยๆ จนไม่อยากใส่ใจกับสามีเข้าขั้น "เลี้ยงลูกจนลืมผัว" ในขณะที่สามีเองก็กำลังทะเยอทะยานทำงานหนักเพื่อความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ จนละเลยสมาชิกในครอบครัวก็เป็นพวก "บ้างานจนลืมลูกลืมเมีย"
บางคู่ถึงกับประกาศ "ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต" เหลือเพียงอุปทูต และมีแนวโน้มอาจเหลือแค่ยุวทูต (แฟนต้า) ในอนาคต ถ้าไม่รีบฟื้นฟูสัมพันธภาพให้กลับมาหวานมันส์ฉันกับเธอเหมือนดังก่อนเก่า วันชื่นคืนสุขอาจเป็นแค่ฝันกลางวันของคู่ส่วนใหญ่ ในขณะที่บางคู่ก็ไหวตัวกัน และเริ่มหันหน้ามาพูดคุยเพื่อรื้อฟื้นเถ้าถ่านให้คุกรุ่นโชติช่วงอีกครั้ง
หากคุณอยากเริ่มแก้ไข ผมมีวิธีง่ายๆ ที่อยากเสนอ พูดจาภาษารัก สื่อสารทางบวกต่อกัน คือเมื่อไรก็ตามที่เราเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกัน อย่าละเลยที่จะเอื้อนเอ่ยให้เขาหรือเธอรู้ การพูดจาให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกชื่นใจ สบายใจ หรือเกิดความภาคภูมิใจ เป็นเสมือนน้ำและปุ๋ยสำหรับต้นรักที่เราร่วมปลูก
หลีกเลี่ยงการสื่อสารทางลบ คำพูดประเภท "วจีพิฆาต น้ำเสียงกระชากวิญญาณ" ต้องลด ละ เลิกในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้อยคำเหน็บแหนม ถากถาง หรือท่าทีดูหมิ่น เหยียดหยาม ถือเป็นที่สุดของผู้มีวาจาเป็นอาวุธ รังสีอำมหิตแผ่ซ่านท่ามกลางบรรยากาศของครอบครัว
จัดกิจกรรมฟื้นฟูรักเป็นระยะๆ สถานที่ใดที่เคยไปเที่ยวกันสมัยเป็นแฟนกันก็แวะเวียนไปบ้าง ความรู้สึกดีๆ ที่มีอยู่เดิมก็กลับมาเยี่ยมเยียนในใจของเราทั้งสองอีกครั้ง ตอนยังไม่ได้แต่งงาน เราไปเที่ยวกันบ่อย แต่ตอนนี้เรามีรายได้มากขึ้น ทำไมเรามีเวลาเที่ยวด้วยกันน้องลงครับ อาจเป็นเพราะเรามีรายจ่ายสำหรับวัตถุมากเกินไป
ไม่มีใครกำหนดกฎเกณฑ์ว่าฮันนีมูนมีได้ครั้งเดียวในชีวิต จะมีซะปีละครั้งใครจะไปว่าอะไร ฝากลูกให้ญาติๆ ดูแลบ้าง สำหรับช่วงเวลาที่สามีภรรยาจะไปอยู่กันสองต่อสอง จัดช่วง promotion อีกครั้ง midnight sale ลดแลกแจกแถมความรู้สึกหวานชื่นอีกครั้ง พร้อมล้างสต็อกอารมณ์ทางลบให้หมดสิ้นจากคลังใจ
"เปลี่ยนที่ก็ยังพอทน แต่ถ้าเปลี่ยนคนก็พอกันที"
มีผู้กล่าวว่า "รักแท้เกิดขึ้นหลังจากสารเคมีแห่งความเสน่หาทั้งหลายจางคลายลง" รักแท้คือความเมตตาต่อกัน ซึ่งควรพัฒนาให้มากขึ้นในช่วงเวลาที่ความเสน่หาค่อยๆ ลดน้อยลง โดยมีการสื่อสารทางบวกเป็นเครื่องมือ รวมถึงการปรับตัวเพื่อให้สองความต่างอยู่กันได้ในที่เดียวกัน
ตรงข้ามกับคู่สามีภรรยาที่ใช้การสื่อสารทางลบเป็นปัจจัยให้ความรักที่มีต่อกัน เมื่อวันแห่งชีวิตคู่ค่อยๆ เริ่มจืดจางและเพิ่มพูนความรู้สึกหงุดหงิด รำคาญ ขุ่นเคือง โกรธ จนกลายเป็นความเคียดแค้น ชิงชัง เลือกเอานะครับ คู่ของคุณจะใช้วิธีไหน
นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล //www.elib-online.com
Create Date : 09 มกราคม 2554 |
Last Update : 9 มกราคม 2554 16:07:51 น. |
|
0 comments
|
Counter : 874 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|