Life&Family(106)...เด็กตกระเบียง : อุทาหรณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทุกครั้งที่เห็นข่าวเด็กตกระเบียง หรือตกจากที่สูงคราใด เชื่อว่าผู้คนต่างสะเทือนใจกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะคนเป็นพ่อแม่ที่ทำใจลำบากเหลือเกิน แต่..ทำไม เราก็พบเห็นข่าวทำนองนี้บ่อยเหลือเกิน
เมื่อเร็วๆ นี้ ก็มีอีกกรณีหนึ่ง คือหนูน้อยวัย 4ขวบ ที่พลัดตกลงมาจากระเบียงชั้น 12 และตกลงมาเสียชีวิตที่ชั้น 5 หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก็พอคาดเดาได้ว่าหนูน้อยต้องถูกปล่อยให้อยู่ตามลำพังแน่นอน ซึ่งก็จริง เพราะแม่ไปทำงาน และพ่อออกไปซื้อของ จะโทษใครได้เล่า
!! เหตุใดจึงปล่อยให้หนูน้อยวัย 4 ขวบ อยู่ลำพัง เป็นความประมาทที่ร้ายแรงเหลือเกิน จริงอยู่แม้หนูน้อยอาจจะหลับอยู่ แต่เด็กก็สามารถตื่นได้ทุกเมื่อ และเมื่อตื่นขึ้นมาไม่เห็นใคร ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่ต้องพยายามค้นหาพ่อแม่ หรือใครสักคน และด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ได้ออกไปที่บริเวณระเบียง ประกอบกับระเบียงก็ไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก เลยกลายเป็นโศกนาฎกรรมอย่างที่เป็นข่าว ก่อนหน้านี้ก็เคยมีข่าวในท่วงทำนองนี้หลายครั้งหลายครา ประเด็นสำคัญคือไม่ควรปล่อยให้เด็กวัยนี้อยู่โดยลำพังโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเวลาไม่นาน เดี๋ยวเดียว แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีมิใช่หรือ และเมื่อเกิดเหตุสลดขึ้นมา ก็ไม่สามารถเรียกความสูญเสียกลับมาได้ นอกจากการไม่ปล่อยให้เด็กอยู่ลำพังแล้ว เรื่องความปลอดภัยรอบตัวก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่บนอาคารสูงทั้งหลาย สิ่งที่ต้องคำนึงถึงให้มากเป็นพิเศษ คือเรื่องระเบียง ต้องมีความปลอดภัย เป็นราวทึบดีที่สุด แต่ปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าอาคารสูงประเภทคอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์ อาคารสำนักงานทั้งหลาย มักเน้นความสวยงามด้วย อาจเป็นระเบียงที่มีลวดลายสวยงามและโปร่ง แต่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยที่เด็กอาจจะพลัดตกไปได้ ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เรื่องของพ่อแม่ต้องใส่ใจและระมัดระวังกันเอง ลูกกรงราวระเบียงที่มีความปลอดภัยต้องมีซี่กรงความห่างที่เด็กไม่สามารถเอาตัวหรือศีรษะลอดช่องออกไปได้ ไม่ว่าซี่กรงนั้นจะอยู่ในแนวตั้งหรือแนวนอนก็ตาม มาตรฐานโดยทั่วไปในบ้านเราช่องห่างระหว่างซี่กรงไม่ควรเกิน 9 เซนติเมตร ในสหรัฐอเมริกาเคยทำการทดสอบเด็กอายุระหว่าง 2-5 ปี ในการใช้ศีรษะลอดช่องว่างจากซี่กรงขนาดที่มีช่องห่างกันระยะ 5 นิ้ว พบว่าเด็กอายุ 5 ปี สามารถลอดได้ลำบาก แต่เด็กอายุต่ำกว่านั้นเอาศีรษะลอดได้สบาย ขณะที่ลองใช้ความห่างระยะ 4 นิ้ว ปรากฎว่าเด็ก 5 ปี ไม่สามารถเอาศีรษะลอดได้ ส่วนเด็กอายุ 4 ปี ลอดได้ลำบาก แต่เด็ก 2 - 3 ปี สามารถเอาศีรษะลอดได้สบาย ข้อสรุปครั้งนั้นพบว่าความห่างของซี่กรงไม่ควรเกิน 3 นิ้ว หรือต่ำกว่านั้น จนกลายเป็นที่มาและความพยายามในการกำหนดมาตรฐานของสหรัฐอเมริกาสำหรับการก่อสร้างอาคารสูงที่เกิดขึ้นใหม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เฉพาะระยะห่างของซี่กรงเท่านั้น ต้องรวมไปถึงประเด็นสิ่งของที่อยู่ด้านนอกระเบียงด้วย ผู้ใหญ่ไม่ควรวางเก้าอี้ โต๊ะ หรือสิ่งของที่สามารถปีนป่ายได้ เพราะเด็กอาจปีนขึ้นไป เพราะความอยากรู้อยากเห็นได้ด้วยเช่นกัน และอาจพลัดตกลงไปได้ อีกประเด็นหนึ่งที่น่าจะครอบคลุมไปด้วยคือ ราวบันได ที่บ้านหรือสถานที่ที่เด็กอาศัยอยู่ รวมไปถึงเตียงนอนของเด็ก ที่ควรจะมีแนวทางเรื่องความปลอดภัยในทิศทางเดียวกัน และคำนึงถึงความปลอดภัยอย่างรอบด้าน เพราะส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับซี่กรงด้วยเช่นกัน ก่อนหน้านี้ก็เคยมีข่าวคราวที่เด็กเอาศีรษะลอดออกไปติดที่ซี่กรงเตียงนอน และไม่สามารถเอาศีรษะออกมาได้ หรือบางทีอาจเอาตัวลอดช่องว่างระหว่างเตียงกับราวกันตก แต่ศีรษะไปติดค้าง ทำให้หนีบคอ และร่างกายห้อยตกลงจากเตียงก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ทั้งหมดนี้ก็ล้วนแล้วแต่เกิดจากความประมาทของผู้ใหญ่ทั้งสิ้น สำหรับมาตรฐานของช่องว่างระยะห่างของเตียงนอนวัยทารกไม่ควรเกิน 6 เซนติเมตร และถ้าเด็กโตเกินหนึ่งปี สามารถยืดหยุ่นได้ไม่เกิน 9 เซนติเมตร เรื่องความปลอดภัยในเด็กเป็นหน้าที่โดยตรงของคนเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง เพราะเด็กยังไม่สามารถป้องกัน หรือช่วยเหลือตัวเองได้ การสร้างสภาพแวดล้อมเรื่องความปลอดภัยสามารถทำได้ เพียงแค่คุณไม่ประมาทและป้องกันไว้ก่อน อย่าให้เหตุการณ์เรื่องเด็กพลัดตกที่สูงกลายเป็นเรื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกเลย เพราะหากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเรา
เราคงไม่อยากให้อภัยตัวเองมิใช่หรือ
!! สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน ^_^ ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์
Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2554 12:37:57 น. |
Counter : 1506 Pageviews. |
|
|
|