|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สอบทักษะ...แนวคิดแปลกที่มีจริง
ย้อนไปเมื่อวันสอบ เราคงจำกันได้ดีกับการนั่งห่างกับเพื่อนเป็นฟุต ความอัดอั้นที่จะพูดแต่พูดไม่ได้ ถามก็ไม่ได้แถมยังมีคุณครูยืนสอดส่องสายตาเป็นเรดาร์ที่แทบจะร้องทุกเมื่อ เมื่อเด็กเริ่มออกอาการ 'คอยาว'
ขณะกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เพลินๆ สายตาก็เหลือบขึ้นไปเห็นคอลัมน์หนึ่งซึ่งเอ่ยเกี่ยวกับการสอบไว้ แต่ไม่ใช่การสอบทั่วไปที่นั่งท่องๆเมื่อถึงเวลาก็แจกกระดาษ จับเวลา แต่เป็นการสอบทักษะที่มีเด็กเป็นคนทำและมีผู้ปกครองเป็นผู้ให้คะแนน
อาจจะแปลกแต่แนวคิดนี้ก็เกิดขึ้นจริงที่ โรงเรียนวนิษา ของคุณหนูดี วนิษา เรซ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอัจฉริยภาพ ปริญญาโทด้านสมองและการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้แนวคิดมาจากพ่อแม่ของเจ้าของโรงเรียนพากันบ่นว่า เด็กรุ่นใหม่ๆ จบปริญญาตรีที่รับเข้ามาทำงานทำไมคิดกันไม่เป็นเท่าไหร่ ทำงานได้แค่ตามสั่ง แถมที่สั่งไปยังทำได้ไม่ดีอีก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสอบปลายภาคแบบปฏิบัติ คือเด็กๆจะต้องแสดงฝีมือและทักษะโดยผ่านการทำงานร่วมกันโรงเรียนชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่ง ซึ่งทางโรงเรียนกำหนดวันสอบเป็นเต็มวัน และยังมีผู้ปกครองให้คะแนนโดยที่ต้องไม่ใช่ลูกตัวเอง
ข้อส่วนส่วนใหญ่จะหมุนไปในแต่ละปี เช่นปีนี้อยากได้เศรษฐกิจพอเพียง เด็กๆก็จะประชุมกัน แล้วก็สร้างเครื่องไม้เครื่องมือขึ้นมาซึ่งจะสอดคล้องกับหัวข้อหลักเช่นเศรษฐกิจพอเพียงก็มีการเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ปลูกผัก ปลูกข้าว ถึงวันสอบก็พาพ่อแม่มาเยี่ยมชมหมู่บ้าน
ที่สำคัญคือเด็กๆจะถ่ายทอดความคิดของพวกเขาให้ ผู้ตรวจสอบและให้คะแนน และหลังจากผ่านการสอบแปลกๆนี้พบว่า เด็กๆมีความกล้ามากขึ้น คิดเป็นระบบขึ้น แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันมากขึ้น
...ลองสังเกตดูในโลกที่เป็นจริง เวลาเราทำงาน เคยมีไหมคะ ที่หัวหน้าของเราจะบอกว่า ให้เราเอาข้อมูลโปรเจกต์นี้ไปดูนะ หัวหน้าจะล็อกเราไว้ในห้องทำงาน ห้ามติดต่อพูดคุยกับใครจนกว่าจะคิดออก หลังจากนั้นให้มาพรีเซนต์คนเดียวโดยไม่ให้ทำร่วมทีม ต่างคนต่างทำไม่เช่นนั้นถือว่าลอกกัน...
เป็นอีกย่อหน้าหนึ่งที่ส้มเองอ่านแล้วคิดตามแถมหัวเราะอีกนิดหน่อย ถึงแม้ตัวเองจะยังไปไม่ถึงจุดที่ต้องดิ้นรนทำงานเลี้ยงชีพ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีหน่วยงานไหนทำอย่างนั้นจริงๆ เพราะนั่นเลียนแบบการสอบของเด็กๆมาทั้งหมดเลยค่ะ การสอบทักษะแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบค่ะ ในมุมมองความคิดเด็ก จะดีใจที่ได้ทำงานกับกลุ่มเพื่อน ได้ฟรีหนึ่งวันที่มีกิจกรรมเยอะแยะให้ทำ(อันหลังนี้ความคิดเด็กโตหน่อยนะคะ) ส่วนในมุมมองผู้ใหญ่ก็จะได้เห็นความคิดและทักษะของเด็กๆ ซึ่งก็เหมือนวันดึงพลังความคิดเด็กออกมาวางตรงหน้าให้ผู้ปกครองได้ดู
เดี๋ยวนี้แต่ละโรงเรียนก็พัฒนาหลักการเรียนการสอนไปมากแล้วค่ะ ไม่ได้ยึดติดกับการสอบเก็บคะแนนเพียงอย่างเดียว(ในบางวิชานะคะ) อย่างตอนที่ส้มอยู่ป.6 มีโครงงานมาให้เด็กกลุ่มละ 8-10 คน เป็นโครงงานบูรณาการเรื่องวิตามินค่ะ คนเก่งเลขก็นั่งคิดว่าจะเอาเลขกับวิตามินมาเกี่ยวกันอย่างไร คนเก่งวาดรูปก็วาดสื่อไป คือทำทุกๆวิชาที่เรียนค่ะ แล้วแต่ว่าแต่ละกลุ่มจะสื่อออกมาในรูปแบบใด และสุดท้ายก็จะเป็นการแสดงของแต่ละกลุ่มที่เกี่ยวกับหัวเรื่อง ตอนนั้นความรู้สึกคือสนุกสนานที่ได้เล่นละครกับเพื่อน ได้นั่งคิดนั่งเถียงกับเพื่อนค่ะ
ตอนม.2 ส้มก็ทำโครงงานใหญ่อีกโครงงานหนึ่งค่ะ ซึ่งเป็นโครงงานของการไฟฟ้าคือการแสดงละครให้น้องๆประถมดูเกี่ยวกับการประหยัดพลังงาน และมีเล่นเกมตอบคำถามในตอนท้าย และสุดท้ายคือนั่งประมวลความคิดกันว่าเราทำอะไรไปบ้าง เราได้อะไร คนดูได้อะไรรวบรวมเป็นรายงานส่งครูค่ะ ตัวเองเป็นพิธีกรคู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง หลังจากหมดหน้าที่ตรงนั้นก็วิ่งเปลี่ยนฉากชักม่านอยู่หลังเวที ได้ทำงานกับเพื่อนก็รู้สึกมีความสุขค่ะ มีความสุขเวลาผู้ชมปรบมือ และเวลาเล่นเกมถามคำถามเขาก็สามารถตอบได้
แต่พอโตๆขึ้นมาหน่อย เวลาที่ได้ทำโครงงานบูรณาการซึ่งที่โรงเรียนจะให้ครูวิทยาศาสตร์เลือกพืชมาหนึ่งชนิดเพื่อให้นักเรียนในสายชั้นทำค่ะ(ชั้นที่ทำมีตั้งแต่ป.1-ม.6 แต่ละชั้นอาจไม่เหมือนกันคือเด็กเล็กอาจทำที่คั่นหลังสือบ้าง ทำสิ่งประดิษฐ์บ้าง) มาม.4นี้ได้ว่านหางจระเข้มาทำค่ะ เด็กโตจะได้ทำเป็นใบงานใน 8 วิชาหลักบูรณาการมาแล้วใส่แฟ้มส่งค่ะ ส้มว่าเหมือนโตและทำงานกลุ่มอย่างนี้มันจะมีคนอู้งานค่ะ เพราะตัวส้มเองกลัวปิดเทอมไม่ได้คุยงานกันเลยทำไป 4 วิชา(ที่ถนัด) อีกสี่วิชาต้องโยนให้คนอื่นทำเพราะไม่ถนัด แต่เพื่อนก็ทิ้งกันไว้จนจวนตัวเลยต้องรีบทำหัวปั่น ส้มเลยได้งานเลขมาอีกขิ้น ซึ่งนั่งคิดแทบตายว่าจะบูรณาการอย่างไรไม่ให้มันดูปัญญาอ่อนสำหรับเด็กม.4 ในที่สุดก็ตกลงปลงใจทำเรื่องว่านหางจระเข้กับตรรกศาสตร์ค่ะ
ส่วนตัวเห็นคนอู้งานแล้วหมดกำลังใจทำค่ะ นี่เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ผู้ใหญ่ควรปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้แก่เด็กค่ะ
ลองสังเกตเด็กๆที่ทำงานกลุ่มกับเพื่อนแล้วจะเห็นถึงความสุขนะคะ การเรียนการสอนแบบบูรณาการเป็นทางเลือกที่ดีเช่นเดียวกับการสอบทักษะเลยค่ะ ฝึกเด็กให้คิด ให้ทำ ให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แถมยังได้เรียนรู้การทำงานเป็นหมู่คณะด้วยค่ะ และการที่พ่อแม่มีส่วนในการให้คะแนนเด็กๆได้ฟังแนวความคิดของเด็กๆ ทำให้ผู้ใหญ่เข้าใจเด็กมากขึ้นอีกด้วยค่ะ
ข้อมูล...คอลัมน์ Short cut หนูดี วนิษา เรซ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันอังคารที่ 11 มีนาคม 2551 หน้า c8
Create Date : 11 มีนาคม 2551 |
Last Update : 11 มีนาคม 2551 9:14:41 น. |
|
1 comments
|
Counter : 589 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]
|
เป็นคนสองจังหวัด คือไปๆมาๆระหว่างนนทบุรีและกรุงเทพ คือวันเธรรมดาจะติดแหงกคาคอนโด ส่วนวันหยุดทั้งปกติและไม่ปกติจะกลับบ้านไปเลี้ยงข้าวน้องหมาค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธะรรมศาสตร์(และการเมือง)ท่าพระจันทร์เอกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โทโปรตุเกสค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
|
อ่านคำจำกัดความของหนูส้มแล้วคิดถึงตัวเองตอนเด็กๆ
คล้ายๆกันเลยล่ะ