การยิงปืนพกเพื่อการป้องกันตัวในระบบสัญชาติญาณ ตอนที่ 1
รู้จักกันก่อนนะ ttp://www.bloggang.com/data/t/tritrung/picture/1294484624.jpg> ครูหนุ่ยคือชื่อของผมเอง ผมได้ชื่่อว่าครูแต่มิได้จบมาทางด้านครู มิได้สอนวิชาคณิต อังกฤษ ภาษาไทย หรืออื่น ๆ เหมือนอย่าง ครูทั่วไป ผมสอนวิชาที่เกี่ยวข้องกับชีวิต ความเป็นความตายให้กับนักเรียน ของผม วิชาที่สอนก็คือ การยิงปืน แล้วผมสอนมานานเท่าไร สอนให้ใครมาบ้าง ผมสอนยิงปืนมาสิบเจ็ดปี โดยสิบปีแรกสอนให้กับนักเรียนนายร้อยตำรวจ และหน่วยงานอื่นภายใน ตร. มีบ้างที่สอนให้กับบุคคลหรือหน่วยงานภายนอก แต่ก็ส่วนน้อย ส่วนอีกเจ็ดปีหลังผมไม่ได้สอนให้กับโรงเรียนนายร้อยตำรวจแล้วเพราะลาออก แต่ยังสอนให้กับบุคคลทั่วไปในฐานะประธานชมรมครูฝึกยิงปืน นักเรียนของผมก็มีตั่งแต่นักธุรกิจร้อยล้าน ไปจนถึงเจ้าของอู่ซ่อมรถทั้งสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ คุณสมบัติการจะเป็นนักเีรียนของครูหนุ่ย คุณสมบัติเดียวที่ผมต้องการก็คือ ต้องเป็นวิญญููชน เป็นสุจริตชนแต่ถึงอย่างไรเรื่องแบบนี้ก็ไม่สามารถวัดกันได้ด้วยตา ที่ผ่านมาผมก็ใช้ความรู้สึก เป็นเครื่องชี้วัดคุณสมบัติของนักเรียน โดยดูจากคุณสมบัติอื่น ๆ ประกอบเช่นหน้าที่การงาน อายุ อุปนิสัยใจคอ เช่นถ้าเด็กมาก ๆ ผมก็ไม่สอนเพราะไม่เชื่อถือวุฒิภาวะของเขา หรือ ถ้ารำ่รวยอย่างไม่ทราบสาเหตุก็ไม่สอนเพราะไม่อยากได้ชื่อว่าเห็นแก่เงิน แล้วไปสร้างวายร้ายให้กับสังคม ถึงตรงนี้ผู้อ่านหลายท่านคงคิดว่าผมมาโฆษณาตัวเอง แต่ผมบอกได้เลยว่าไม่มีความจำเป็น ทุกวันนี้ผมมีงานสอนตลอดปี 54 ที่ต้องเดินทางทั่วประเทศทุกสัปดาห์แล้ว แต่ที่อยากเขียนบล็อคเรื่องเกี่ยวกับอาวุธปืนก็เพราะ
ผมรู้ดีว่า "ปืนเป็นดาบสองคม" และในฐานะที่ผมเป็นคนหนึ่่งที่ได้รับการพัฒนาระดับความสามารถในการใช้อาวุธจากเงินภาษีของประชาชน จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะนำมันกลับมาเผยแพร่ให้กับเจ้าของภาษีทุกคน เพื่อเหตุผลประการเดียวก็คือทำให้อาวุธปืน "เป็นดาบที่มีแค่เพียงคมเดียว" คมเดียวที่เหลืออยู่นั้นก็คือ"การใช้อาวุธปืนเพื่อการป้องกันตัว จากภยันตรายร้ายแรง" หรือบางท่านอาจจะเพิ่มเรื่องของกีฬาเข้าไปด้วยก็ได้ไม่ว่ากัน
หลายท่านอาจจะมองว่า "ทำไมต้องเอามาเผยแพร่ ทุกวันนี้้ยังฆ่ากันไม่พออีกเหรอ" ผมเห็นด้วยกับความคิดนี้นะครับ และคิดเอาไว้เสมอว่าถ้าสักวันประเทศไทยออกกฏหมายห้ามมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง ผมก็พร้อมจะยุติบทบาทความเป็นครูฝึกยิงปืนของตัวเอง โดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้น หรือถ้าเมื่อใดที่คนร้ายหันมาเสกหนังควายเข้าท้อง ปล่อยควายธนู ผมก็พร้อมจะเลิกสอนทันทีเช่นกัน
ผมไม่ใช่พวกชอบใช้ความรุนแรง และไม่สนับสนุนด้วย แต่ผมก็รักษาสิทธิของตัวเองมิให้ใครมาละเมิด และเชื่อว่าหลายท่านก็เป็นเช่นกัน และสิทธิอย่างหนึ่งที่ถือว่าเป็นสิทธิแรกกำเนิด ซึ่งมีมาพร้อมกับเราตอนที่เกิดมาทันทีก่อนที่จะมีกฏหมายกำหนดไว้ก็คือ "สิทธิการป้องกันตัวเองจากภยันตราย"
ผมเคยถูกตำหนิว่างานของผม "เพิ่มความรุนแรงให้กับสังคม" ผมโดนไปเยอะจนไม่อยากจะเถึยงกับใครอีกแล้ว ได้แต่ภาวนาว่า "เรื่องเลวร้าย ที่ไม่พึงปราถนาต่างๆ อย่าได้เกิดกับพวกเขาเลย ขอให้ทุกวันของพวกเขาตื่นตอนเช้า เห็นผีเสือโบยบินละเล็มดอกไม้ท่ามกลางไอหมอกเอื่อย ๆ ตกบ่ายฝนตกพรำ กระทบแสงแดดเกิดรุ้งกินน้ำตัดส่วนโค้งที่ตรงขอบฟ้า ยามค่ำคืนอากาศเย็นสบาย หรีดริ่งเรไรร้องระงม ดวงดาวในนภาส่องประกายเจิดจ้าเต็มท้องฟ้ายามราตรีในทุกค่ำคืน" เขียนออกไปแล้วผมก็รู้สึกตัวเหมือนกันว่า "ไอ้ที่พูดเมื่อกี้มันออกแนวประชดประชันไปหน่อย" เพราะมันคงไม่ใช่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับทุกคน
Free TextEditor
Create Date : 08 มกราคม 2554 |
|
1 comments |
Last Update : 8 มกราคม 2554 19:34:24 น. |
Counter : 971 Pageviews. |
|
|
|