อ่าน Romantic Japan 1 : โรแมนติก โครังเค อ่าน Romantic Japan 3 : เที่ยวหมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ & ลิตเติ้ลเกียวโต บล๊อก ที่แล้วเราเดินทางไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ Korankei Valley ทางตะวันออกของมหานครนาโกย่า ของญี่ปุ่นกันมาแล้วนะครับ ส่วนท่านใดที่ยังไม่ได้อ่าน ก็ตามลิงค์ที่เราให้ไว้ด้านบนเลยนะครับ บล๊อกนี้เราจะพาเดินทางย้อนลับจากโครังเคมาที่นาโกย่าเพื่อไปชมปราสาทนาโกย่าที่ว่าสวยงามมากๆของเมืองนี้ ซึ่งต่อจากนั้นเราจะพาคุณๆไปเดินชมเมืองนาโกย่ายามค่ำคืนกัน ตามกันไปเลยดีกว่าครับ
เส้นทางที่เราใช้ การเดินทางในช่วงบ่ายจากโครังเค มาที่นาโกย่าในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ แม้จะเป็นวันหยุด แต่พอผ่านตัวเมืองรถราก็ติดพอควร เพราะมีเทศกาลคล้ายๆแห่ศาลอะไรซักอย่าง (ดูจากภาพครับ คนขับรถบอกว่ามีปีละครั้ง) ... นี่ยังนึกไม่ออกนะครับว่า ถ้าญี่ปุ่นไม่มีระบบขนส่งมวลชนที่ดี (โดยเฉพาะรถไฟ) แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับคนมหาศาลในแต่ละเมือง เพราะประเทศญี่ปุ่นเองมีพื้นที่เพียง 377,930 ตารางกิโลเมตร (ไทยมีหกแสนกว่า ตร.กม.) แต่มีประชากรมากมายถึง 128 ล้านคน และภูมิประเทศของเขาประกอบด้วยเกาะต่างๆมากมายกว่า 3000 เกาะ เกาะที่ใหญ่ที่สุดก็คือเกาะฮนชู ฮกไกโด คีวชู และชิโกกุ ตามลำดับ เกาะของญี่ปุ่นส่วนมากจะเป็นหมู่เกาะภูเขา ซึ่งในนั้นมีจำนวนหนึ่งเป็นภูเขาไฟ เช่นภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศ เป็นต้น และมีที่ราบค่อนข้างน้อย ฉะนั้นจึงทำให้คนญี่ปุ่นมาแออัดกันในเมืองใหญ่ๆกันมาก
นาโกย่ายามค่ำคืน เมืองนาโกย่า ซึ่งถือว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 4 ของญี่ปุ่นรองลงมาจาก โตเกียว โยโกฮามา และโอซาก้า ตัวเขตเทศบาลมหานครนาโกย่ามีพื้นที่ 326 ตารางกิโลเมตร ประชากร (เฉพาะในเขต) 2,226,249 คน ถ้ารวมปริมณฑลเข้าไปด้วยคงมากโขพอควรครับ นาโกย่าเป็นเมืองอุตสาหกรรม จนกลายเป็นฮับของอุตสาหกรรมที่อยู่รอบๆ นาโกย่ายังเป็นสถานที่แห่งเดียวที่ผลิตดินปืน (gunpowder) อีกด้วย (อ่านเพิ่มเติม : https://en.wikipedia.org/wiki/Nagoya )
ขบวนแห่ในงานประเพณีในนาโกย่า เพราะเหตุที่ชาวญี่ปุ่นต้องต่อสู้กับอุปสรรค์มากมาย คนญี่ปุ่นเขาจึงใช้ความพยามที่จะเอาชนะสิ่งต่างๆที่เป็นอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับพวกเขาให้ได้ ไม่ว่าแผ่นดินไหว สึนามิ ตลอดจนการเดินทาง (ที่ต้องผ่านภูเขา ทะเล) ระบบขนส่งมวลชนจึงถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่นรถไฟ (ญี่ปุ่นมีรถไฟใช้ใกล้เคียงกับไทย) ซึ่ง ณ ตอนนี้เขาถือว่าระบบการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่นนั้นสะดวกสะบายมาก หรือดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ .... ถ้าญี่ปุ่นมัวแต่สร้างถนนให้รถยนต์วิ่งแบบบ้านเรา ก็คงนึกภาพไม่ออกหรอกว่า คน 128 ล้านคนจะสัญจรไปมาอย่างไร รถจะติดขนาดไหน การแข่งขันทางธุระกิจจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะระบบการขนส่งสินค้า ... แต่เพราะคนเขามีระเบียบวินัย ทำอะไรทำจริงๆจังๆ ผลจึงออกมาเหมือนเราเห็นในปัจจุบันครับ
ประตูทางเข้าปราสาทนาโกย่า ไม่นานนักเราก็มาถึงปราสาทนาโกย่า การเข้าชมปราสาทจะต้องซื้อบัตรผ่านประตูเข้าไปชม โดยผู้ใหญ่ ท่านละ 500 เยน (100 เยน ประมาณ 30 บาท) โดยที่ทางน้องๆไกด์ได้เตรียมบัตรไว้ให้เรา ส่วนการชมปราสาทก็จะเริ่มที่ เดินชมรอบๆบริเวณ จากนั้นก็เข้าชมในตัวปราสาท แล้วออกมาอีกทาง คือประมาณว่าวนจากซ้ายไปขวา (ดูแผนที่ประกอบ) ครับ ... เราไปชมปราสาทกันเลยดีกว่า
ลานด้านหน้าปราสาท รูปปั้นปลาหัวเสือทองคำ (ชินชะจิ) ที่คนญี่ปุ่นเข้ามาเคารพและถ่ายภาพด้วย อยู่ใกล้ประตูทางเข้า บน : ปราสาทนาโกย่า ล่าง : Southeast Tower (Tatsumi Tower) ปราสาทนาโกย่า ปราสาทนาโกย่า เป็นสัญลักษณ์ของนาโกย่า ก่อสร้างโดยโชกุน โทกุงาวะ อิเอะยาสุในปี ค.ศ. 1612 มีรูปสลักปลาหัวเสือทองคำ คินชะจิ ที่มีชื่อเสียง (เป็นรูปสลักชะจิหุ้มทองเพียงหนึ่งเดียวในญี่ปุ่น) ตัวปราสาทถูกบูรณะขึ้นใหม่ในปีค.ศ.1959 เพิ่มความงดงามภายนอกและจัดแสดงสิ่งของมากมาย พื้นที่บางส่วนของ วังฮมมารุ โกะเต็น ซึ่งเป็นที่พักของเจ้าของปราสาทและใช้ต้อนรับแขกในสมัยก่อน ได้ถูกบูรณะใหม่และเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปีค.ศ. 2013 เป็นสถาปัตยกรรมไม้แบบดั้งเดิม มีภาพวาดบนผนังห้องแต่งแต้มสีสันให้วิจิตรเปี่ยมด้วยความสง่างามปราสาทนาโงย่า ที่ตั้ง : 1-1 Hommaru, Naka-ku, Nagoya City, Aichi Prefecture เปิดบริการ : ทุกวัน เวลาทำการ : 09.00 16.30 น. ค่าเข้าชม : 500 เยน (ผู้ใหญ่) เขาจัดให้นักท่องเที่ยวเดินวนซ้ายรอบๆปราสาท ออกไปที่สวน และคูน้ำรอบบๆกำแพง ก่อนที่เข้าไปชมด้านใน โดยเราควรจะขึ้นลิฟท์ไปชมตั้งแต่ชั้นบนสุดที่เขาเปิดให้ชม (ชั้นที่ 5) แล้วค่อยๆเดินลงมาทีละชั้น ซึ่งแต่ละชั้นจะการแสดงเครืองใช้ของเจ้าของปราสาท เช่น ห้องอ่านหนังสือ ชุดเกราะ ซามูไร รวมทั้งภาพเขียนที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
สิ่งของต่างๆที่จัดแสดงด้านในปราสาท เด็กๆชาวญี่ปุ่น..น่ารัก รอบๆปราสาท Hommaru Palace แผนที่การเข้าชมปราสาท เราพักกันที่นี่ หลังเสร็จจากการชมปราสาทนาโกย่า เราก็เดินทางเข้าไปเช็คอินที่โรงแรมนาโกย่า โตเกียว โฮเต็ล ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ห้องกว้างพอควร ... หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงคราวที่ต้องเดินทางไกล (ในเมือง) เพื่อไปทานมื้อเย็น ตอนแรกที่ฟังน้องไกด์คนสวยเราก็นึกว่าไม่ไกลนัก แต่พอเดินจริง น่าจะเกือบ 2 กม. หลายคนบ่นไปตามๆกัน .... แต่สิ่งที่ได้จากการเดินในเย็นวันนั้นคือ ได้ชมวิว ผู้คน ของมหานครนาโกย่ายามค่ำคืนครับ (เมืองนาโกย่า ได้รับการก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2432 และได้รับการยกระดับเป็นมหานครตามเทศบัญญัติในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2499) เดินไปจนถึงร้านอาหารดังของชาวนาโกย่า ที่มีรูปหมูตัวใหญ่หน้าร้าน เพื่อจะมาทานเมนูพิเศษพื้นบ้านเป็นหมูทอด Misokatsu หรือ หมูทอดมิโสะ ... เราจองร้านไว้แต่เผอิญตอนที่เราไปถึง เจอคนเข้าคิวอยู่ยาวเหมือนกัน แถมลิฟท์ยังขึ้นได้ทีละ 6 คน ต้องคอยอีก...เฮ้อ อยากทานของอร่อยอุปสรรคเยอะเเหลือเกิน
ออกเดินจากโรงแรมเพื่อไปทานมื้อเย็นกัน....โหดนิดๆ ผ่านย่านนี้ Nagoya TV Tower ทานมื้อเย็นเสร็จ ยังพอมีเวลาเหลือ (ร้านยังเปิดอยู่) ก็ออกเดินไปช้อปกันตามอัธยาศัยล่ะ ช้อปไปถ่ายภาพไป เผลอหน่อยเดียวร้านเตรียมปิดซะแล้ว เราก็เลยเดินทางกลับไปที่โรงแรม อาบน้ำอาบท่าเสร็จนอนหลับเป็นตายเลย ก็มันเหนื่อยนี่นา เดินทางจากขอนแก่น - สุวรรณภูมิเที่ยว 2 ทุ่มเศษ มาต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิตอนเที่ยงคืน ถึงนาโกย่า 7.35 น. ของที่นั่น แล้วนั่งรถไปเที่โครังเคเพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสี หลังจากนั้นก็กลับเข้านาโกย่ามาชมปราสาท แล้วก็มาเดินทางไกลไปกินมื้อเย็น ต่อด้วยช้อป ... ถ้าไม่เหนื่อยก็ทนเกินไปล่ะ .... ขอลาคุณๆเข้าพักผ่อนตอนนี้เลยนะครับ เจอกันใหม่บล๊อกหน้า
ลาตอนนี้ด้วยภาพนี้ครับ_________________
ถ้า มีโอกาศ น่าไป นะคะ