....OUR FAMILY'S JOURNEY....
เยอรมัน..ออสเตรีย...สวิส 4 (ตอนจบ)


เยอรมัน ออสเตรีย สวิส..(จบ)




ตอนที่แล้วเราเที่ยวชมปราสาทนอยชวานสไตน์ ที่เยอรมันมาแล้ว และเดินทางมาถึงเมืองลูเซิน สวิส ครับ....




อ่านตอนที่ 1 : คลิ๊กที่นี่
อ่านตอนที่ 2 : คลิ๊กที่นี่
อ่านตอนที่ 3 : คลิ๊กที่นี่






5 พฤษภาคม 2006

7.00 น.หลังอาหารเช้า ทุกคนตื่นเต้นกันพอสมควร แม้จะมีฝนตกพรำๆ เพราะเป้าหมายวันนี้อยู่ที่ลานหิมะบนยอดเขาทิตลิส ที่ความสูงสามพันกว่าเมตร ไก๊ด์บอกพวกเราถึงการเอาตัวรอดบนยอดเขาสูงขณะนั่งไปในรถที่กำลังวิ่งผ่านชนบทของสวิสสู่เมืองแองเกิลเบิร์ก เมืองที่ถือได้ว่าใจกลางที่สุดของยุโรป-สวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่บนความสูงถึง 1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล (3,280 ฟุต) และยังเป็นที่ตั้งของสถานีกระเช้าที่ขึ้นสู่ยอดเขาทิตลิส มนต์เสน่ห์บนยอดเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะในเขตของแอลไพน์วอลเล่ย์ ชนบทของสวิสจะมีบ้านน้อยแบบชาเล่ต์ ตกแต่งด้วยผ้าม่านลูกไม้สีขาว และปลูกดอกไม้หลากสีสันในช่วง ฤดูไม้ผลิตามหน้าต่าง สลับกับท้องทุ่งสีเขียวขจี โอบล้อมไปด้วยเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะเป็นบรรยากาศที่งดงามที่สุดของโลก







ทางขึ้นเขา ฝนก็ตก แคบด้วย






รถเราวิ่งไต่ระดับขึ้นไปตามความสูงชันของภูเขาเรื่อยๆ ทางแคบพอรถสวนกันได้ บางแห่งก็ติดกับเหวลึกเป็นที่วาดเสียวเหมือนกัน เราเริ่มเห็นธารน้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะมากขึ้นเรื่อย และก็เข้าใจเอาเองว่าคงใกล้เมืองแองเกิลเบิร์กเต็มที่แล้ว ฝนก็ตก เสียวก็เสียว แต่ทำไงได้ก็ใจมันอยากเห็นหิมะนี่นา








แองเกิลเบิร์กเมืองเล็กบนเขาสูง






ไม่นานนักรถก็มาจอดที่ลานจอดสำหรับนักท่องเที่ยว หลังจากสำรวจอุปกรณ์กันหนาวกันเรียบร้อยแล้ว ไก๊ดก็นำบัตรสำหรับขึ้นชมยอดเขามาแจก เราก็แบ่งกันเป็นชุดๆ เพื่อขึ้นกระเช้าไฟฟ้า ซึ่งตัวกระเช้าเองก็จะหมุนไปเรื่อยๆ พอมาถึงที่นักท่องเที่ยวจะขึ้นกระเช้าก็จะชะลอความเร็วลงเจ้าหน้าที่ก็จะเปิดประตูให้นักท่องเที่ยวขึ้นไป แต่ต้องระวังด้วยเพราะกระเช้าไม่ได้หยุดนิ่งเสียทีเดียว ช่วงแรกจะเป็นกระเช้าธรรมดาที่สามารถให้นักท่องเที่ยวนั่งขึ้นไปได้ประมาณ 4 คน จนถึงระดับความสูง 1860 เมตร ก็จะเปลี่ยนเป็นกระเช้ารวมขนาดใหญ่ ซึ่งขึ้นไปได้พร้อมกันประมาณ 20 กว่าคน ช่วงนั่งกระเช้าขึ้นไปจะมองลงมาข้างล่างสวยงามมาก ซึ่งตอนนี้เราเลื่อนตัวบนกระเช้าเหนือหิมะขาวโพนอยู่ด้านล่างแล้ว












ลานจอดรถนักท่องเที่ยว







เราเปลี่ยนมาขึ้นกระเช้าแบบรวมขนาดใหญ่เพื่อขึ้นไปยังสถานีที่สาม ตอนนี้เราสัมผัสได้กับอากาศที่เริ่มเย็นมากแล้ว พอกระเช้ามาถึงสถานีที่สามอากาศก็เริ่มเย็นแบบสุดๆ เราสัมผัสกับความหนาวเย็นแท้ๆแล้วล่ะคราวนี้ เราทยอยกันถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกที่ระเบียงที่ทำไว้ให้นักท่องเทียวได้เดินออกไปสัมผัสกับความเย็น หลังจากนั้นก็ถึงคิวที่จะต้องขึ้นกระเช้าหมุนรอบตัว 360 องศา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับบรรยากาศรอบด้าน แต่ก็ได้ดูวิวครู่เดียวอากาศก็เริ่มปิด มีลมพัดแรงพร้อมมืดไปหมด ที่สำคัญบนกระเช้าหมุนตัวใหญ่นี้มีตัวหนังสือเขียนขอต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยด้วย แสดงว่าพี่ไทยมาที่นี่บ่อยจนมีภาษาไทยเขียนไว้









กระเช้าขึ้นลง







กระเช้าหมุนพาเรามาจอดตรงช่องรับส่งนักท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละวันขึ้นมากันเยอะมาก เยอะจนต้องแย่งกันถ่ายภาพเลยล่ะ ด้านบนเป็นอาคารค่อนข้างกว้างใหญ่ มีที่สำหรับขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว ตลอดจนมีทางเดินเข้าชมถ้ำน้ำแข็งล้านปี ซึ่งเป็นฝีมือการสร้างของมนุษย์เราสมัยนี้แหละ เพราะเราเห็นโครงสร้างอยู่รอบๆ แต่อากาศภายในเย็นมาก คง 0 (ศูนย์) หรือต่ำกว่า เราพยาทนได้ซักพักก็ไม่ไหวแล้ว ถ่ายภาพได้ 2-3 ภาพตามจุดถ่ายภาพด้านใน แล้วรีบออกมาเพราะหนาวมาก อีกอย่างกล้อง Digital ที่ใช้มันไม่ยอมทำตามคำสั่งเสียแล้ว ต้องเข้าที่อบอุ่นเพื่อให้มัน Reset ตัวเสียก่อนว่าแล้วถอยดีกว่า








ภายในถ้ำน้ำแข็ง (แต่น้ำแข็งยังไม่จับ)







เราโชคดีมากวันที่ไปถึงซักพักใหญ่ๆหิมะเริ่มตกลงมาพอดี พวกกะเหรี่ยงอย่างเราจะรอช้าได้ไงรีบวิ่งออกไปสู่ลานหิมะซึ่งเขาล้อมรั้วไว้ซัก ครึ่งสนามฟุตบอลได้ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เราสนุกสนานกับการสัมผัสหิมะ (ของจริง)ซึ่งบางคนก็เพิ่งครั้งแรก เลยถ่านรูปกันยกใหญ่ พอกล้องไม่ทำงานก็กลับเข้าห้อง พอรีเซ็ทตัวแล้วก็ออกมาใหม่ จนเหนื่อยอ่อนกันไปสำหรับสิ่งที่อยากมาเจอในสวิส มีสิ่งบังเอิญเกิดขึ้นจนได้เมื่อจู่ๆก็เจอคุณอรปรียาออกมาเที่ยวที่ลานหิมะ สาวๆหนุ่มๆเลยขอชักภาพไว้เป็นที่ระลึกกัน เหนื่อยแล้วก็ถอยออกมาที่ร้านอาหารเพื่อรอทานมื้อเที่ยงกัน ทานอาหารไปนั่งมองหิมะตกไปเข้าท่าดีจริงๆ




















บนลานหิมะ







สุภาษิตจีนกล่าวว่า “ไม่มีงานเลี้ยงไหนที่ไม่เลิกรา” ถึงเราอยากจะอยู่สัมผัสความสวยงามของบรรยากาศบนยอด Titlis เท่าไหร่ แต่เพราะเวลาจำกัดเราจำเป็นต้องจากที่นี่เสียแล้ว ลาก่อนทิตลิส สโนไวท์ตลอดกาลของแองเกิลเบิร์กและสวิตเซอร์แลนด์








ลานหิมะ





ลานสกี







เราแยกกันเป็นกลุ่มเพื่อโดยสารกระเช้าลงจากยอดเขา ซึ่งขาลงนี้ลมแรงมาก อากาศเย็นสุดๆ ตอนลงมาที่ชั้นเปลี่ยนกระเช้าหมุนที่ระดับ 2048 m เราไม่วายที่จะออกไปสัมผัสความหนาวเย็นและถ่ายภาพกันอีก เราลงมาถึงด้านล่างประมาณบ่ายสองโมงเศษ เมื่อนับจำนวนครบแล้วรถทัวร์สัญชาติเยอรมันก็พาเรากลับ Luzern ทันทีโดยมีเป้าหมายในการ Shopping ใน Luzern ในช่วงบ่าย ลุงขับมาส่งเราที่ผาแกะสลักสิงโต ซึ่งว่ากันว่าเป็นสัญลักษณ์แทนความกล้าหาญของนักรบสวิสที่ส่งไปช่วยรบในฝรั่งเศสจนได้รับการยกย่อง ชาวเมืองเลยแกะสลักสิงโตไว้เป็นสัญลักษณ์ เสียดายที่ตอนเราไปถึงกำลังซ่อมแซมอยู่พอดี ถ่ายรูปมุมไหนก็เจอแต่นั่งร้านเต็มไปหมด













เราเดินหาซื้อของฝาก ซึ่งเมืองนี้ขึ้นชื่อมาก เช่นมีดพับวิคตาลิน๊อกซ์ นาฬิกาโรเล็กซ์ และช๊อคโกแลท พักพวกบอกว่ากรรไกรตัดเล็บที่นี่เยี่ยมมาก เราหาซื้อทุกอย่างที่เขาว่าดี แต่ก็อย่างละไม่มาก (ตามจำนวนญาติ) ที่เมืองนี่เวลาเราซื้อมีดพับวิคตาลินอกซ์เขามีบริการสลักชื่อให้ด้วย คนขายของที่ระลึกตามร้านต่างๆมีหลายเชื้อชาติ ส่วนมากจัดมาตามปริมาณสัญชาติคนที่เข้ามาซื้อ ซึ่งแน่นอนมีคนไทยอยู่เกือบทุกร้าน เราอดไม่ได้ที่จะถามพวกเธอว่ามาอยู่กันที่ลูเซินนี่กี่คน วันนั้นก้ได้รับคำตอบว่า ประมาณ 300 คนเศษ ซึ่งก็มากพอสมควร ส่วนนาฬิกา เขาชอบไปซื้อกันที่ร้านบุเคอร์เลอร์ ซึ่งอยู่ติดถนนริมทะเลสาบลูเซิน เข้าใจว่าที่นี้เพื่อขายให้นักท่องเที่ยวโดยแท้ ถ้าเผื่อเรามีเวลา ก็ลองเดินดูร้านอื่นละแวกนั่นบ้าง อาจจะได้ของถูกกว่านะครับ

สำหรับช๊อคโกแลทเราได้รับคำแนะนำให้ไปซื้อที่ Super Market ที่อยู่ในละแวกนั้น ซึ่งวันนั้นก็หาซื้อได้ถูกจริงๆ เพราะหลายๆยี่ห้อกำลังอยู่ในช่วงลดราคาพอดี วิธีการเลือกซื้อก็ได้รับคำแนะนำจากไกด์ว่าควรดูที่น้ำหนักของช๊อคโกแลทด้วย ปรากฏว่านาฬิกาที่ ร้านบรู๊คเคอเรอร์และช๊อคโกแลทได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ รองจากมีดพับวิคเตอริน๊อคที่เป็นแบบของชำร่วย (อันละประมาณ 130 บาท) ซึ่งแต่ละคนหอบมาเป็นว่าเล่น คือ เหมือนของราคาถูกๆ













6 พฤษภาคม 2006

วันนี้เป็นวันสุดท้าย แล้วที่จะอยู่สวิส เราจึงแพ๊คกระเป๋าอย่างดี โดยเอาอะไรที่เป็นของมีคมทั้งหมดแพ๊คลงกระเป๋าใบใหญ่เพื่อไม่ให้มีปัญหาในการตรวจ เพราะจะต้องเสียเวลาเป็นอย่างมาก อาหารเช้าวันที่สองของโรงแรมนี้ ก็เหมือนเดิมครับ รสชาดแปลกๆ แต่ก็ทนเอาเถอะน่าวันสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวคงได้เจอข้าผัดใบกระเพา ที่บางคนเรียกว่า อาหารสิ้นคิด จะสิ้นหรือไม่สิ้นก็ช่างเถอะ เราชอบนี่นา












เส้นทางจากลูเซิร์น-ซูริค







08:00 น. รถพาเราออกจาก Luzern เมืองตากอากาศยอดฮิตของนักท่องเที่ยว และเมืองที่สูบเงินนักท่องเที่ยวได้มากมายในแต่ละวัน ไกด์ไม่วายบอกเราว่าเดี๋ยวนี้ที่เมืองนี้มีนักกีฬาดังๆระดับโลกมาปลูกบ้านที่ริมทะเลสาบแถวนี้คล้ายๆกับ Hollywood

เราเดินทางสู่เมือง Zurich ซึ่งเป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ การบิน และการธนาคาร เราผ่านสถาบันวิจัยแห่งหนึ่ง ไกด์บอกเราว่าสถาบันนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสถาบันวิจัยจุฬาพร ซึ่งเราก็อดภูมิใจไม่ได้ ที่จริงเราสามารถแยกออกจากเส้นทางนี้เพื่อไปดูน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีน้ำตกจาก แม่น้ำไรหน์ทั้งสาย แต่เสียดายจริงๆเพราะกำหนดการที่เครื่องบินจะออกจากสนามบินนาๆชาติ ซูริคมันจำกัด













เข้าสู่ซูริค








รถเราวิ่งเรียบไปกับแม่น้ำเกือบตลอดเส้นทางจาก ลูเซิร์น ถึง ซูริค ประมาณซักชั่วโมงครึ่งเราก็มาจอดที่หน้าทะเลสาบซูริค ซึ่งวันนี้พอดีมีการขายของเก่าคล้ายๆตลาดนัดบ้านเรา มีตั้งแต่รองเท้าเก่าๆ ไปจนถึงนาฬิกาโอเมก้าแพงๆ ให้เลือก เราเดินดูเผื่อจะมีอะไรพอหาซื้อได้บ้าง แต่เราก็ไม่ได้อะไรเลยเพราะดูไม่เป็น มีเพียงพวกผู้หญิงที่เธอเคยเดินทางบ่อยๆ พวกเธอเลือกกระเป๋าถือ Brand ดังๆที่บ้านเราแพงมากๆ

















ริมทะเลสาบซูริค









รถราง และตลาดนัด





โบถส์







หลังจากการเดินถ่ายภาพเพื่อเป็นที่ระลึกริมทะเลสาบแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องไปสนามบินเพื่อเช็คอิน และขอคืนภาษีที่สนามบินโดยลุงได้ขับเพือไปส่งเราที่สนามบินนานาชาติซูริค ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากบริเวณริมทะเลสาบไปประมาณ 30 นาที รถวิ่งไปบนเส้นทางที่มีอุปโงค์ลอดเขาเป็นช่วงๆแล้งก็มาถึงสนามบิน เราตรวจสัมภาระจากรถและกล่าวคำอำลาลุงคนขับชาวเยอรมันที่พาเราตระเวน เยอรมัน ออสเตรีย สวิส 5-6 วันอย่างปลอดภัย แม้บางครั้งลุงแกจะมีอารมณ์กับพวกเราบ้าง เช่นตอนจะผ่านด่านระหว่างประเทศ ที่เรากลายเป็นปูเดินออกจากกระด้งเพื่อถ่ายภาพ ซึ่งที่จริงแล้วเขาไม่อนุญาต นักท่องเที่ยวจะต้องนั่งอยู่บนรถจนกว่าการตรวจเอกสาร และรอให้เจ้าหน้าที่ ต.ม. เขาตรวจพาสปอร์ตกับหน้าจริงของเราก่อน

เราเช็คอินเสร็จก็ถามหาที่คืนภาษีที่สนามบินทันที คือเวลาที่เราซื้อสินค้าที่สวิทซ์ฯเขาจะเรียกเก็บ VAT 10% และออกใบกำกับให้ลงรายละเอียดตาม passport เราเพื่อที่เราจะมาขอคืนก่อนออกจากประเทศเขา ซึ่งโดยปกติจะทำที่สนามบิน เจ้าหน้าที่จะถามเราว่าจะให้ส่งไปให้ในบัญชีหมายเลขอะไร หรือจะรับคืนเป็นเงินสดซึ่งก็จะขาดทุนเล็กน้อย และจะเพิ่มขึ้นเมือเจ้าหน้าที่เขาอยู่ในช่วงที่ทำงานล่วงเวลา ถ้าหากไม่รีบมากก็บอกให้เขาส่งเข้าบัญชีให้ก็ได้ สุดท้ายสินค้าที่เราเลือกซื้อที่สนามบินซูริคคือน้ำหอม Brand ต่างๆทั้งจากที่ต่างๆทั่วโลก ส่วนใครที่ยังไม่ได้ช๊อคโกแลท ก็เลือกซื้อได้ที่นี่ ราคาก็ไม่ต่างจากตลาดใน Luzern มากนัก

ใกล้เวลาแล้วเราก้เดินหา Gate 42 ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกเราว่าจะต้องลงไปชั้นล่าง นั่งรถไฟใต้ดินเพื่อไปโผล่ที่ Gate ดังกล่าว 13:30 น. การบินไทยเที่ยวบินที่ TG 971 ก็พาเราเหินฟ้าสู่กรุงเทพฯเมืองยิ้มทันที ลาก่อนเทือกเขาแอลป์ที่แสนสวย และเราจะคิดถึงเธอตลอดไป








7 พฤษภาคม 2006

เราบินทวนเวลา มาถึง กทม. เวลา 05:09 น. ซึ่งจริงๆแล้วช้ากว่าที่เยอรมันประมาณ 6 ชม. เข้าเช็คอิน และไม่ลืมที่จะแลกตังค์ส่วนที่เหลือเป็นเงินไทย ซึ่งก็ขาดทุนบ้างเป็นธรรมดา




__________จบทริบ__________









Create Date : 28 พฤษภาคม 2551
Last Update : 24 สิงหาคม 2556 19:16:20 น. 8 comments
Counter : 5176 Pageviews.

 
ตามไปเที่ยวค่ะ เดือนพ.ค.แล้วยังมีหิมะอยู่เต็มเลยนะคะเนี่ย

ไม่เคยเที่ยวแบบมีหิมะซักที


โดย: Yai Kaew วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:25:16 น.  

 
ขอบคุณครับ คุณ Yai Kaew ที่เข้ามาเยี่ยม.....

บนความสูง 3000 กว่าเมตรนะครับ บางช่วงลมพัดแรงหนาวมาก..


โดย: wicsir วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:29:57 น.  

 
ไปเหมือนกันเรยคับ...ขอบคุณที่นำมาให้ชม..



//www.tourlok.com/cgi-bin/forum/Blah.pl?m-1207378196/


โดย: เคเค IP: 58.8.197.198 วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:56:45 น.  

 
ขอบคุณครับ คุณ เคเค.... เข้าไปเยี่ยมแล้ว ถ่ายภาพสวยมากเลยครับ.


โดย: wicsir วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:4:39:28 น.  

 
สวยจังเลยนะค่ะ ยังไม่เคยไปซูลิคเลยค่ะ หิมะตกด้วยค่ะ ท่าทางจะหนาวนะค่ะ


โดย: kidthung maanoy วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:6:41:52 น.  

 
คุณ kidthung maanoy วันนั้นโชคดีมาก เราขึ้นไปถึงซักพัก ก็ตกครับ ตอนตกไม่หนาวหรอก พอลมมานี่สิ....สุดๆๆ บนที่สูง สามพันกว่าเมตร มีโอกาสเสมอล่ะครับ...


โดย: wicsir วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:47:58 น.  

 
สวัสดีค่ะ บ้านสีหวานจริงๆเลย เพิ่งรู้จัก มาล่าหน่อย แต่ประทับใจมาก โดยเฉพาะชื่อเมืองเล็กๆบนเขาสูง ที่นักร้องสุดหล่อเสียงดี ตั้งชื่อตาม(ชื่อเดิมเขาว่าไม่ดัง พอเปลี่ยนเป็นชื่อนี้ เปรี้ยงป้างทันที)


โดย: นีลา IP: 202.91.18.206 วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:19:14:30 น.  

 
รบกวนสอบถามหน่อยค่ะ ว่า ปกติไปยุโรป หรือ ญี่ปุ่น กับทัวร์อะไรคะ ดีไหมคะ กำลังตัดสินใจเดินทางช่วงเมษานี้อ่ะค่ะ อยากทราบข้อมูลช่วยในการตัดสินใจ ค่ะ ขอบคุณนะคะ


โดย: ฮาน่า IP: 115.87.150.97 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:16:09:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
28 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.